เสิ่นซื่อได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กร้องเอะอะเรียกนางกับบุตรชายคนโตเสียงดัง ในที่สุดสามีของนางก็กลับมาได้เสียที ความกังวลใจที่มีตลอดหลายวันมานี้ ก็สามารถวางลงได้แล้ว หยางเสี้ยวเองก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ท่านพ่อที่ไม่เคยได้พบหน้ากันผู้นี้ จะมีหน้าตาเหมือนพ่ออาทิตย์ของเขาหรือไม่
สองแม่ลูกรีบเดินออกไปยังลานหน้าบ้านด้วยความเร่งรีบ เสิ่นซื่อมีรอยยิ้มอยู่เต็มหน้า เมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีกลับมาด้วยความปลอดภัย ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นกับเขาอย่างที่นางเป็นกังวล เพราะครั้งนี้หยางเทียนเข้าป่าไปหลายวันกว่าทุกครั้ง เสิ่นซื่ออดกลัวไม่ได้ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในป่า
"ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว"
"อื้ม ข้ากลับมาแล้ว ครั้งนี้ไปเสียหลายวันพวกเจ้าแม่ลูกคงเป็นห่วงแย่"
หยางเสี้ยวที่เดินตามหลังผู้เป็นแม่ออกมา เมื่อเห็นหน้าคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาในภพภูมินี้ของตน ก็อดที่จะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ หยางเทียน บิดาในชาตินี้ของเขามีหน้าตาเหมือนพ่ออาทิตย์อย่างไม่ผิดเพี้ยน ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกันเสียอย่างนั้น หากเขาไม่ได้มาเกิดใหม่ในร่างของหยางเสี้ยว ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ก็คือพ่ออาทิตย์ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
หยางเสียนวิ่งวนรอบตัวท่านพ่อท่านแม่โดยมีเจ้าเสี่ยวไป๋วิ่งตามหลังเหมือนเป็นหางเล็ก ๆ ของเขา หยางเทียนเมื่อไม่เห็นลูกชายคนโตออกมาต้อนรับ จึงคิดจะถามกับภรรยาถึงลูกชาย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปาก หยางเทียนกลับเห็นลูกชายยืนร้องไห้อยู่ข้างหลังภรรยาของเขา ด้วยความตกใจเขาจึงรีบเข้าไปหาหยางเสี้ยวทันที เขาไม่เคยเห็นบุตรชายคนนี้ร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน
"เสี้ยวเอ๋อร์ ลูกเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับลูก เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้ขนาดนี้"
หยางเสียนเองเมื่อเห็นพี่ชายร้องไห้เขาจึงร้องตาม
"ฮึก แง้ ท่านพี่ ท่านเป็นอะไร บาดเจ็บที่ตรงไหน บอกข้าสิ"
เสิ่นซื่อเองก็ตกใจมากที่จู่ ๆ หยางเสี้ยวก็ร้องไห้หลังจากเห็นว่าสามีของนางกลับมา นางเองรีบเข้าไปปลอบบุตรชาย ตลอดเวลาหลายวันมานี้บุตรชายคนนี้ของนางไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นอีกทั้งยังหาเงินเข้าบ้านได้ ทุก ๆ วันจะขึ้นเขาไปหาของป่า ทั้งตักน้ำมาเติมโอ่ง และยังช่วยนางทำงานบ้านสารพัด แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหลังจากที่ผู้เป็นพ่อกลับมาเขาถึงได้ร้องไห้ขนาดนี้
“เสี้ยวเอ๋อร์ ลูกเป็นอะไร บอกแม่กับพ่อจะได้หรือไม่ หรือว่าลูกบาดเจ็บตรงไหน ลูกดูน้องชายของลูกสิ เสียนเอ๋อร์ร้องไห้เพราะกลัวว่าพี่ชายของเขาจะเป็นอะไรไป น้องชายของลูกเป็นห่วงลูกมากนะ พ่อกับแม่เองก็เป็นห่วงลูกมากเช่นเดียวกัน”
“ข้าแค่ .. ฮึก ข้าแค่คิดถึงท่านพ่อขอรับ พอข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เจอท่านพ่ออีก ข้าเสียใจมาก ตอนที่ข้าไม่สบาย ข้าคิด ฮึก ว่าข้าจะตายไปแล้ว ข้ากลัวว่าจะไม่ได้อยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่และน้องชายอีกขอรับ”
หยางเทียนรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ในวันที่เขาออกจากบ้านไป หยางเสี้ยวล้มป่วยเขาออกจากบ้านไปทั้ง ๆ ที่ลูกชายนอนป่วยอยู่ โชคดีเหลือเกินที่ลูกชายหายแล้ว หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายในระหว่างที่เขาไม่ได้อยู่ เขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
“เสี้ยวเอ๋อร์ พ่อขอโทษนะ ขอโทษที่ไม่สามารถอยู่ดูแลเจ้าในวันที่เจ้าล้มป่วยได้ แต่ตอนนี้พ่อกลับมาแล้ว เจ้าอย่าร้องไห้อีกเลยนะ พ่อไม่ดีเองที่ไม่สามารถอยู่กับลูกได้ในตอนที่ลูกต้องการพ่อ ลูกจะยกโทษให้พ่อได้หรือไม่”
“ข้าไม่ได้โกรธท่านพ่อขอรับ ข้าเข้าใจท่านพ่อต้องไปหาเงิน เพียงแต่ .. เพียงแต่ข้ากลัวว่าจะไม่ได้เจอท่านพ่ออีก มันทำให้ข้าเสียใจมากขอรับ”
“ตอนนี้พ่อกลับมาแล้ว เจ้าสบายใจได้ เรื่องราวร้าย ๆ ผ่านไปแล้ว พ่อดีใจที่เห็นเจ้าแข็งแรงและหายป่วยแล้ว"
“เสียนเอ๋อร์ ไปเข้าบ้านลูก แล้วอย่าลืมไปล้างมือให้เรียบร้อย อย่าลืมช่วยเจ้าเสี่ยวไป๋ล้างมือให้สะอาดด้วยล่ะ”
“ขอรับท่านแม่ ไปเสี่ยวไป๋พวกเราไปล้างมือกันเถอะ วันนี้มีเนื้อไก่ฟ้าด้วย ข้าจะแบ่งให้เจ้ากินด้วยดีหรือไม่”
“เสี้ยวเอ๋อร์เองก็ไปล้างหน้าล้างตานะลูก วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว จะได้กินข้าวแล้วรีบพักผ่อน”
“ขอรับท่านแม่”
“ท่านพี่ ท่านเองก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จะได้กินมื้อเย็น มีอะไรค่อยคุยกันหลังจากนี้เถอะเจ้าค่ะ”
“ตกลง ลำบากเจ้าแล้วน้องหญิง”
หยางเสี้ยวที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเข้าไปในห้องครัวช่วยท่านแม่ยกกับข้าวออกไปจัดวางที่โต๊ะ ส่วนหยางเสียนช่วยเตรียมชามกับตะเกียบเหมือนเช่นทุกวันโดยมีเจ้าเสี่ยวไป๋คอยวิ่งตามเป็นหางเล็ก ๆ อยู่ตลอดเวลา
หยางเทียนที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาในห้องโถงของบ้าน เขาเห็นลูก ๆ กำลังวุ่นวายจัดโต๊ะอาหารอยู่ กลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาจากห้องครัว ดูเหมือนว่าจะเป็นกลิ่นเนื้อ
ไม่นานเสิ่นซื่อก็ยกชามไก่ตุ๋นออกมา หยางเสี้ยวกลับไปยกจานหน่อไม้ผัดไก่ออกมาวางเป็นอย่างสุดท้าย อาหารค่ำก็พร้อมแล้วสำหรับครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีสมาชิกเพียงสี่คนพ่อแม่ลูก
หยางเสี้ยวรู้สึกดีใจมากที่ท่านพ่อหยางเทียนมีหน้าตาเหมือนกับพ่ออาทิตย์ของตัวเอง ตอนนี้เขาไม่คิดอยากจะกลับไปที่โลกเดิมที่จากมาแล้ว เพราะกลับไปพ่อแม่ของเขาก็ไม่อยู่แล้ว
แต่ในที่แห่งนี้เขามีครบทั้งพ่อ แม่ และยังมีน้องชายเพิ่มมาอีกด้วย ไม่มีใครล่วงรู้ความในใจของเด็กชาย เสิ่นซื่อเรียกให้พ่อลูกรีบ ๆ นั่งลงกินข้าว ส่วนอาหารของเจ้าเสี่ยวไป๋เป็นน้ำแกงไก่คลุกข้าวผสมเนื้อไก่แสนอร่อย
“พ่อลูก รีบนั่งลงกินข้าวได้แล้ว เสี้ยวเอ๋อร์อาหารของเจ้าเสี่ยวไป๋แม่แบ่งเอาไว้ให้แล้วนะ”
“ขอบคุณขอรับท่านแม่ เดี๋ยวข้าเอาใส่ชามข้าวของมันเสียตอนนี้จะได้กินข้าวไปพร้อมกันเสียเลย”
“ลูกหมาตัวนี้เหมือนว่าจะเป็นลูกหมาป่าใช่หรือไม่ เหตุใดถึงมาอยู่ที่บ้านเราได้ล่ะ” หยางเทียนถามออกมาด้วยความสงสัย เขาไม่ทันได้สังเกตเสี่ยวไป๋ในตอนแรก เพราะมัวแต่ตกใจที่ลูกชายร้องไห้
“ท่านพี่เก็บกลับมาจากป่าขอรับท่านพ่อ”
“นี่พี่ชายของลูกเข้าป่าไปยังงั้นหรือ หมาป่าไม่ใช่ว่ามันอยู่ในป่าลึกไม่ใช่รึ แล้วเสี้ยวเอ๋อร์ไปเก็บมาจากป่าไหนกัน”
“ลูกบอกว่าเจออยู่ชายป่า มันมาติดกับดักที่ลูกวางเอาไว้ก็เลยเอากลับมาด้วยน่ะ รีบกินข้าวเถอะเจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อ ท่านกินสิ ไก่ฟ้านี่ท่านพี่ล่ามาได้เชียวนะ นี่ยังมีหน่อไม้นี่อีกอร่อยมากเลยล่ะ” หยางเสียนนักกินตัวน้อยพูดออกมาด้วยสายตาวิบวับ
“เสี้ยวเอ๋อร์ พ่อทำให้ลูกต้องลำบากไปด้วยพ่อขอโทษนะ แต่ลูกเก่งมากที่สามารถดูแลน้องชายและท่านแม่ได้ตอนที่พ่อไม่อยู่บ้าน ลูกชายของพ่อโตแล้วจริง ๆ”
“ข้าแค่อยากเพิ่มอาหารให้ครอบครัวเราขอรับ ส่วนวิธีการวางกับดัก ท่านลุงพรานที่เราพบตอนไปขายสัตว์ป่าในเมืองเป็นคนสอนข้า และยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ท่านลุงคนนั้นบอกเล่าให้ข้าฟัง ข้าเลยจดจำคำสอนเอามาลองทำดูขอรับ”
“เก่งมาก ลูกเก่งมากพ่อภูมิใจในตัวลูกมาก แต่อย่าได้เข้าป่าลึกไปเป็นอันขาด เพราะในป่าอันตรายมาก ลูกเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจขอรับ เอาไว้กินข้าวเสร็จข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านพ่อด้วยขอรับ”
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นก็กินข้าวเถอะ อย่ามัวคุยกันอยู่เลย ดูหน้าแม่ของลูกสิ แทบอยากจะกินหัวพวกเราพ่อลูกแล้ว”
“ท่านพี่ ท่านสอนลูกแบบนี้ได้ยังไงเจ้าคะ”
“อู้ว วันนี้ไก่ผัดหน่อไม้ยังอร่อยเหมือนเดิม ท่านพี่พรุ่งนี้ข้าอยากกินน้ำแกงปลาได้หรือไม่ขอรับ ท่านพี่เหลือปลาเอาไว้ให้ท่านแม่สักสองตัวจะได้หรือไม่” หยางเสียนนักกินตัวน้อยที่มีความอยากอาหารมากกว่าทุกวัน
“ได้สิ พี่จะเหลือเอาไว้ให้ท่านแม่ต้มน้ำแกงให้เจ้าสองตัว”
“ขอบคุณมากขอรับ ท่านพี่ดีที่สุด”
ที่บ้านใหญ่หยางตอนนี้ก็กำลังกินมื้อค่ำอยู่เช่นเดียวกัน เดิมทีหยางเทาเองไม่ต่างอะไรกับหยางเทียนผู้เป็นน้องชาย เขากลับบ้านมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งภายในใจ เงินที่แบ่งกับน้องชายคนละ 300 อิแปะนั้นไม่พอที่จะให้พวกเขาใช้ชีวิตดี ๆ ในหน้าหนาวด้วยซ้ำ
ขนาดจะซ่อมแซมบ้านยังไม่สามารถทำได้เลย ไหนจะต้องเตรียมเสบียงอาหารเอาไว้ ด้วยเงินจำนวนแค่นี้มันไม่พอเลยจริง ๆ หันมองดูลูกชายทั้งสาม เสื้อผ้าที่ใส่ก็เก่าจนมองไม่ออกว่าสีเดิมของมันเป็นสีอะไร อีกทั้งเต็มไปด้วยรอยปะชุน
มองดูพ่อแม่ที่แก่ชรา ภรรยาที่ร่างกายอ่อนแอ ลูก ๆ ทั้งสามยังเล็ก สภาพบ้านที่ผุพัง ในใจหยางเทารู้สึกขมปร่าขึ้นมาทันที เขาไม่รู้ว่าตัวเองเดินเข้าในบ้านได้ยังไง พอรู้ตัวอีกทีเขาก็มานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว
เขานั่งมองอาหารค่ำที่มีทั้งน้ำแกงไก่ กระต่ายผัดหน่อไม้ ผัดผักป่า เพียงแค่อาหารสามอย่างนี้ ยังดีกว่าอาหารตอนวันขึ้นปีใหม่เสียด้วยซ้ำ
ตอนที่รู้ว่าไก่ฟ้าและกระต่ายเป็นฝีมือการวางกับดักของหลานชาย ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมากมายในตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน แต่หยางเทาไม่ได้ซักถามอะไรมากมายในตอนนี้ เอาไว้รอกินข้าวเสร็จแล้วเขาค่อยไปสอบถามกับท่านพ่อท่านแม่ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องราวดี ๆ กำลังรอเขาอยู่ เขารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
หยางเสี้ยวไม่ได้สนใจว่าบ้านใหญ่จะมีการพูดคุยกันยังไง หลังจากกินข้าวเย็นจนอิ่มหนำสำราญแล้ว เสิ่นซื่อเก็บกวาดทำความสะอาดโต๊ะอาหารและล้างถ้วยชามอยู่หลังบ้าน หยางเสียนยังคงเล่นอยู่กับเสี่ยวไป๋ หยางเทียนนั่งจ้องหน้าลูกชายเพื่อรอฟังในสิ่งที่ลูกชายจะพูดต่อไปนี้
“ท่านพ่อขอรับ เรื่องที่ข้าอยากปรึกษากับท่านพ่อตอนนี้ก็คือ เรื่องผูเถานี่ขอรับ”
“ผูเถาหรือ ลูกไปเอามาจากไหน”
หลังจากนั้นหยางเสี้ยวก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภูเขาอู๋หลงให้ผู้เป็นพ่อฟัง หยางเทียนฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่หลั่งไหลออกมาจากปากของลูกชาย ตอนนี้เขารู้สึกว่าอยากวิ่งไปต่อยหน้าลูกชายผู้ใหญ่บ้านมากจริง ๆ เป็นถึงผู้นำหมู่บ้านทำไมถึงได้มีจิตใจชั่วช้าเช่นนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว แต่พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ไม่มีทั้งเงินและอำนาจพอที่จะไปสู้รบปรบมือกับคนพวกนี้ได้ ทำได้แค่อดทนอดกลั้นเพียงเท่านั้น
“ท่านพ่อ พรุ่งนี้ข้าอยากให้ท่านพ่อเอาผูเถานี้เข้าไปขายในเมืองขอรับ ข้าเองก็จะไปด้วยแต่ว่าเราคงอาศัยเกวียนโดยสารของผู้ใหญ่บ้านไม่ได้ พวกเราคงต้องเดินเข้าเมืองไปเองขอรับ ผูเถาอีกครึ่งหนึ่งข้าแบ่งให้บ้านท่านลุงใหญ่ไป ตอนนี้ยังพอมีเวลา ข้าอยากให้ท่านพ่อไปคุยกับท่านลุงให้เรียบร้อย ข้าคิดว่าตอนนี้ท่านปู่เองคงเล่าให้ท่านลุงฟังแล้วขอรับ”
“ตกลง พ่อจะไปบ้านท่านปู่ของเจ้าและหารือกับท่านลุงของเจ้าให้ดี ส่วนเรื่องผูเถาพ่อจะเอาไปขายให้โรงเตี๊ยมเอง ส่วนปลาที่เจ้าจับมาแน่ใจนะว่าจะไม่ให้พ่อเอาไปขายในเมือง”
“ไม่ต้องขอรับ ขายให้ท่านลุงฟู่กุ้ยก็พอ รอให้พวกเราสามารถมีวัวเป็นของตัวเอง ถึงตอนนั้นจะขนอะไรไปขายย่อมสะดวก ตอนนี้พวกเราทำได้แค่ค่อย ๆ สะสมเงินและอาหารให้มากขึ้นเท่านั้น”
“เรื่องนี้ต้องยกความดีให้ลูก เอาล่ะลูกไปพักผ่อนได้แล้ว พ่อจะไปบ้านท่านปู่ของลูกแล้ว”
“ขอรับท่านพ่อ”