เกาฟางเฟย ถูกอำนาจพลังของคันฉ่องทองแดงและเทพเจ้าดวงดาวซื่อเว่ยต้าตี้ พาข้ามห้วงเวลามายังแดนสวรรค์ ซื่อเว่ยต้าตี้ผู้มีหน้าที่ดูแลทายาทผู้ถือคันฉ่องทองแดง มอบปิ่นเมฆาสวรรค์ที่มีเพียงเขาผู้เดียว เพื่อเป็นการตีตราจองหญิงสาวเอาไว้กับตนเอง และด้วยเกาฟางเฟยเป็นเพียงหญิงสาวจากแดนมนุษย์ การทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อแทนคุณสวรรค์ จึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทำให้เกาจางจิ้งนายน้อยสกุลเกา ผู้สืบทอดดาบปัญจธาตุ พี่ชายต่างบิดามารดาแต่แซ่เดียวกัน กลายเป็นเทพผู้พิทักษ์ปัญจธาตุที่สาบสูญ ปรากฏตัวขึ้นบนแดนสวรรค์ เพื่อร่วมกับซื่อเว่ยต้าตี้ พาเกาฟางเฟยเผชิญห้วงฝันทั้งห้า ด้วยความสามารถและจิตใจที่ดีงาม ทำให้เกาฟางเฟยได้รับพลังจากผลท้อวิเศษ และด้วยข้อแลกเปลี่ยนของซื่อเว้ยต้าตี้ ทำให้เกาฟางเฟยได้อาจารย์เป็นถึงสี่สัตว์เทพแห่งสวรรค์ เพื่อให้หญิงสาวทำภารกิจในห้วงฝันอย่างปลอดภัย ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนทั้งสกุลเกาตอบแทนคุณสวรรค์ หญิงสาวจะรอดพ้นห้วงฝันทั้งห้า ที่มีความเป็นความตาย ความรักความทุกข์ ไปได้หรือไม่ ข้อแลกเปลี่ยนของซื่อเว้ยต้าตี้คืออะไร ทำไมสี่สัตว์เทพแห่งสวรรค์ ผู้มีความแปลกประหลาดถึงยอมรับ หญิงสาวมนุษย์เป็นศิษย์ เกาฟางเฟยจะนำพาเทพเจ้าทั้งห้าธาตุ ให้ฟื้นตื่นมาประจำธาตุแห่งตนได้หรือไม่ มาร่วมติดตามไปพร้อมกัน กับห้วงฝันแห่งรักเทพปัญจธาตุ
View Moreหลักฐานเอกสารส่วนแบ่งสมบัติมรดกของเธอ ส่งมาถึงที่พักได้หลายวันแล้ว แต่เพราะการเรียนและทำงานที่หนัก ทำให้เธอเพิ่งได้ไปไขตู้จดหมาย พ่อแม่ของฟางเฟยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน หญิงสาวกลับไปจัดงานศพร่วมกับพี่ชาย และเดินทางกลับมาทำงานต่อที่จีน เพราะงานส่วนใหญ่ของครอบครัวพี่ชายของเธอก็เป็นคนจัดการมาแต่ก่อน ฟางเฟยเรียนจบนาฏศิลป์จากไทย และตัดสินใจมาศึกษาต่อและทำงานในจีน โดยหันหลังให้กับกิจการของครอบครัวทั้งหมด หญิงสาวเชื่อว่าการตายของพ่อแม่เธอ ญาติ ๆ ที่เป็นคนในตระกูลมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เพราะไม่มีหลักฐานจะใช้แค่ความรู้สึกตัดสินใครไม่ได้
เอกสารที่ส่งมาเพื่อแจ้งว่าเธอได้รับส่วนแบ่ง และมีหุ้นส่วนในกิจการตัวไหนบ้างของตระกูล แน่นอนฟางเฟยไม่ได้สนใจเอกสารและเงินที่เข้าบัญชีเลย สิ่งที่ทำให้เธอสะดุดตาคือ พัสดุชิ้นหนึ่งที่ส่งมาพร้อมเอกสาร หญิงสาวค่อย ๆ แกะกระดาษห่อและพลาสติกกันกระแทกออก เผยให้เห็นของล้ำค่าในสายตาเธอแต่ไม่มีใครในตระกูลสนใจมัน คันฉ่องทองแดงที่ถูกขัดทำความสะอาดอย่างดี แม้ตามมุมจะมีคราบสนิมเขียวเกิดขึ้นบ้าง ก็เป็นเพราะกาลเวลากัดกร่อนทำงาน ด้านหลังคันฉ่องมีลวดลายสลักเป็นวงกลม 3 วง วงนอกสุดเป็นลาย 12 นักษัตร วงกลางมีพื้นที่ใหญ่กว่าวงอื่นมีภาพธาตุทั้ง 5 ของจีนที่ประกอบด้วย ทอง ดิน ไม้ ไฟ น้ำ ส่วนวงในสุดเป็นแค่ทรงครึ่งวงกลมที่นูนขึ้นมา ด้ามจับเรียบง่ายตรงปลายสุดเป็นลายเมฆมงคล ฟางเฟยคิดถึงภาพครั้งอดีตที่พ่อแม่ยังอยู่พร้อมหน้ากัน
“พ่อคะ กระจกนั่นน่ะ เมื่อไหร่จะยกให้หนู หนูเป็นลูกสาวคนแรกของพ่อที่เป็นพี่ใหญ่ ถือว่าหนูเป็นบุตรสาวคนแรกของตระกูล”
“แกไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน แล้วแกไปเห็นกระจกนั่นมาแล้วรึไง รู้ไหมฟางกระจกนั่นไม่มีใครอยากได้มันหรอกนะ มันไม่ได้ทำให้แกอิ่มท้อง พ่อก็ไม่เข้าใจทำไมต้องมีคำสั่งสืบทอดอะไรแบบนี้ด้วย เอาไว้อายุครบ 25 ค่อยไปรับจากศาลเจ้าประจำตระกูลแล้วกัน”
แม่เข้ามาลูบหัวฟางเฟยที่เวลานี้มีอายุ 22 ปี และกำลังจะไปศึกษาต่อ
“ทำไม ลูกชอบมันเหรอ แม่ไม่รู้นะว่าทำไมถึงมีกฎแบบนั้นในตระกูลของพ่อ แต่คันฉ่องนั่นว่างเว้นเจ้าของมา 1 รุ่นแล้ว เพราะตระกูลของพ่อเป็นลูกชายทั้งหมด ไม่ต้องห่วงหรอกนะอย่างไงลูกก็คือเจ้าของ”
ฟางเฟยหยิบคันฉ่องขึ้นมาส่องดูใบหน้าตัวเอง อีกไม่นานจะถึงวันเกิดครบ 25 ปีแล้ว เคยคิดเอาไว้ว่ามีเวลาจะไปรับมาด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว ในเมื่อทนายความจัดส่งมาให้ถึงที่ เท่านี้ก็ไม่ต้องมีอะไรให้กลับไปเมืองไทยอีก หญิงสาวยิ้มและส่องดูใบหน้าสวย ๆ ของตัวเอง ทันใดนั้นก็มีแสงเหมือนฟ้าแล่บ ออกมาจากแผ่นโลหะ ฟางเฟยสะดุ้งตกใจรีบวางคันฉ่องลงบนตัก ต้องกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับความชัดของสายตา หญิงสาวมองไปรอบห้องทุกอย่างปกติ เมื่อครู่คืออะไร
หลังจากวันนั้นจางจิ้งยิ่งตามติดฟางเฟยมากกว่าเดิม เธอไปถ่ายแบบเขาก็ไปด้วย เสื้อผ้าที่ทีมงานเตรียมมาถ้าเปิดเผยเนื้อหนังเกินไป ก็ไม่ผ่านต้องเปลี่ยนใหม่ ท่าทางที่ทีมงานต้องการถ้าเย้ายวนเกินไปก็ไม่ผ่าน จนบางครั้งดูวุ่นวาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดเขา จนทุกอย่างผ่านไปด้วยดี “เสร็จงานสักที พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว” ฟางเฟยทิ้งตัวลงบนโซฟาพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุขในห้องของจางจิ้ง“ดีที่ทุกอย่างเสร็จเร็วกว่ากำหนด”“ใช่ค่ะ พี่จางจิ้งมาติดอยู่กับฉันแบบนี้หลายวัน ไม่กระทบกับงานใช่ไหม”“ไม่มีปัญหา มีคนอื่นทำแทน มาที่นี่นอกจากพี่จะได้ดูแลเธอแล้ว ก็ถือโอกาสมาตรวจงานไปด้วย เห็นไหมว่าไม่เสียงาน"“ค่า ไม่เสียงาน"“จบเรื่องงานแล้ว ถึงเวลาตอบแทนคุณแล้วสินะ”เกาจางจิ้งมองดูหน้าหญิงสาว ที่จากยิ้มสดใสเริ่มฉายแววกังวลขึ้นมา“เธอจะทำได้ ตอนแรก ๆ พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้พี่เริ่มเข้าใจแล้ว ฐานที่แข็งแกร่งมั่นคง ถึงจะดูแลทุกอย่างได้ รวมทั้งดูแลเธอเมื่อถึงเวลา ตอนนี้ดาบยังไม่ตอบสนองแต่พี่เชื่อว่า ถ้าสวรรค์ต้องการให้เป็นแบบนี้ เราสองคนถูกสวรรค์ชี้ชะตาไว้แล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันคือหน้าที่ท
“พวกเธอชวนเขาเองเลยดีไหม”เกาจางจิ้งเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว พร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ “พี่ให้ ยินดีกับความสมบูรณ์แบบสำหรับวันนี้”ฟางเฟยรับช่อดอกไม้จากเขาพร้อมรอยยิ้ม“ขอบคุณค่ะพี่จางจิ้ง เอ่อ…วันนี้ พวกเรานัดฉลองจบงานกัน พี่จางจิ้งมาร่วมด้วยสิคะ”“ได้ ๆ พี่จะให้ทางโรงแรมจัดการให้ ใช้ส่วนดาดฟ้าดีไหม เป็นส่วนตัวหน่อย”“ขอบคุณมากค่ะ” สาว ๆ ดีใจจนยิ้มแทบหุบไม่ลง“นายน้อยน่าจะมีดอกไม้ให้พวกเราด้วยนะคะ แหม่…ดูซิให้แต่ฟางเฟย”ซูมี่พูดด้วยท่าทางน้อยใจ จนทุกคนหัวเราะออกมา“พวกเราถ่ายรูปกันดีไหม จบงานนี้แล้วอาจจะไม่ได้เจอกันอีก จะได้มีอะไรเก็บไว้เป็นความทรงจำ”“ดี ๆ”“พี่จางจิ้งรบกวนหน่อยนะ” ฟางเฟยส่งโทรศัพท์มือถือให้ชายหนุ่มช่วยถ่ายรูปให้ เขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายทุกคนกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ผู้ช่วยของผู้กำกับเจียอี ก็เข้ามาตามฟางเฟยถึงในห้องแต่งตัว “คุณเกาฟางเฟย ผู้กำกับของพบหน่อยค่ะ”“ค่ะ…มีอะไรผิดพลาดรึเปล่าค่ะ ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย ไปแบบนี้เลยนะคะ”“พี่ไปด้วย” เกาจางจิ้งเดินตามฟางเฟย เพื่อไปพบกับเจียอี ผู้กำกับเจียอีอยู่ระหว่างนั่งพักเพื่อรอถ่านในฉากต่อไป ข้างตัวเขามีบุคคลแปลก
ฟางเฟยมองดวงตาที่แน่วแน่ตั้งใจของจางจิ้ง หญิงสาวยอมเล่าถึงความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ระหว่างเธอกับคันฉ่องโบราณ จางจิ้งตั้งใจฟังโดยไม่ทักท้วงใด ๆ รอจนเธอเล่าจบ เขาจึงเริ่มเล่าเรื่องของเขา“ดาบเล่มนี้ทำให้พี่มีทักษะทางการต่อสู้สูง พี่ถูกดาบเล่มนี้ฝึกฝนทุกคืน ความสามารถที่ได้มา เกิดจากดาบเล่มนี้ พี่ใช้ความรู้ที่ได้จากคุณปู่ ประกอบกับความลับการทำลายล้างของดาบปัญจธาตุ ทำให้พี่เป็นแบบที่เธอเห็น และเป็นไปตามที่ทุกคนล่ำลือ พี่กับเจียอีเคยสนิทกัน เราเคยออกทริปท่องเที่ยวไปด้วยกัน แต่พอพี่ต้องเจอกับความลับของตระกูล พี่จำเป็นต้องเก็บตัว เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น”“ฉันรับงานนี้ก่อนที่จะได้คันฉ่องมา ถ้ารู้ว่าผลของการเป็นผู้ถือคันฉ่อง ต้องแรกกับความผิดปกติแบบนี้ฉันคงไม่รับงานแต่แรก ตอนนี้ฉันยังคิดว่าเรื่องเรียนจะส่งผลด้วยรึเปล่า แต่คงพอคุยกับอาจารย์ได้”“จากที่พี่เคยเจอกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เวลาในห้วงฝันแม้ยาวนาน แต่ถ้าเทียบกับโลกความเป็นจริงมันใช้เวลาไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง บางที่เรื่องที่เธอกังวลอยู่อาจไม่ส่งผลกระทบอะไรมากก็ได้” ฟางเฟยเดินทางไปกองถ่าย พร้อมเพื่อนร่วมงานและทีมงาน
หญิงสาวปล่อยผมยาวสลวย เธอใส่กางเกงขาสั้นในชุดสีดำ ช่วงขาเรียวยาวดวงหน้าขาวผ่องในแสงไฟสลัว ภายในบาร์ชั้นใต้ดิน หญิงสาวกลายเป็นเป้าสายตาในเวลาเที่ยงคืน เธอเดินก้าวเท้าเข้ามาภายใจร้านดั่งนางพญา โดยมีเป้าหมายที่ผู้ชาย 2 คนที่กำลังดื่มกันจนได้ที่“พี่จางจิ้ง”ชายหนุ่มค่อย ๆ หันมามองหญิงสาวช้า ๆ เขากะพริบตาแล้วยิ้มให้เธอ แต่บอดี้การ์ดที่ติดตามเขา แค่เห็นเธอเดินเข้ามาก็รีบลุกยืนตัวตรงทันที “ฟางเฟย ตื่นแล้วเหรอ” จางจิ้งเอ่ยทักเธอ“ขอโทษนะคะเจียอี แต่ฉันมีเรื่องต้องคุยกับพี่ชาย ขอพาเขากลับก่อนนะคะ ส่วนนัดของคุณ เอาไว้เสร็จงานเราค่อยคุยกัน”ผู้กำกับเจียอี ได้แต่มองดูนายน้อยสกุลเกา เดินตามหลังสาวงามออกไปโดยไม่พูดสักคำ ถ้าสองคนนี้ไม่ใช่พี่น้องร่วมแซ่ เขาคงได้เป็นคู่รักกัน นายน้อยเกาจางจิ้งน่าจะกลัวเมียอย่างฟางเฟย ไม่ไช่ไม่ถูกต้องเขาต่างหากที่ควรได้คนรักแบบฟางเฟย เขาดื่มแก้วที่เหลือแล้วกลับไปพักผ่อน เพื่อเตรียมลุยงานต่อในวันพรุ่งนี้เกาจางจิ้งที่กำลังเมา เดินตามฟางเฟยเข้ามาในห้องของเขา จางจิ้งส่งสัญญาณให้ลูกน้องรอด้านนอก แล้วล็อคประตู ฟางเฟยที่ยืนหันหลังอยู่ถึงกับสะดุ้ง หันกลับมามองเขา จางจิ้งคิด
“เอ่อ…ผม ผมอยากขอพบคุณหนูเกาฟางเฟย หน่อยจะพอได้ไหมครับ”ตงเจ๋อ ก้าวเท้าออกมายืนตรงกลาง มองหน้าเขาด้วยสายตาแน่นิ่ง“สักครู่”ตงเจ๋อที่มีบุคลิกสงบนิ่งเงียบ เดินไปเคาะประตูห้อง แต่คนที่เปิดประตูห้องหญิงสาว กลับเป็นเกาจางจิ้ง น้อยนายแห่งสกุลเกาที่น่าเกรงขาม และเคยเป็นเพื่อนสนิทกับตนเอง ชายหนุ่มเป็นคนออกมาพบเขาแทนหญิงสาวที่เขาหลงรัก“มีอะไรเจียอี ขอโทษด้วยฟางเฟยไม่สะดวกรับแขก เธอเพิ่งกินยาและหลับไปแล้ว”“พอดีฉันนัดเธอไว้ ไม่เห็นเธอไปตามนัด ฉันเลยขึ้นมาดู ไม่เป็นไร ฉันกลับไปดื่มต่อก็ได้”เจียอีหันหลังกำลังจะเดินจากไป ด้วยความรู้สึกผิดหวัง “เดี๋ยวเจียอี นายไม่คิดจะชวนฉันไปดื่มด้วยรึไง ฟางเฟยดื่มไม่เก่งเท่าฉันหรอกนะ”ผู้กำกับเจียอีหยุดฝีเท้าลง เขารีบหันกลับมามองดูเกาจางจิ้ง เขายิ้มที่มุมปากให้เพื่อนที่เคยสนิทกัน แต่ด้วยหน้าที่ของนายน้อยตระกูลใหญ่ และอะไรอีกหลายอย่าง ทำให้ความสัมพันธ์ต่อเพื่อนสมัยเรียน ค่อย ๆ ห่างหายกันไป คืนนี้ไม่ได้ฟางเฟยเป็นแฟน แต่ได้มิตรภาพเก่าก่อนกลับคืนมา แบบนี้ก็ถือว่าสวยงามกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง ยังคงนั่งสงบแน่นิ่ง เกาฟางเฟยมองใบหน้าที่งดงามของเทพเจ้าธาตุไม้ เป็นถึงเทพเจ้า
“ถ้าข้าเข้าไปในห้วงฝันของเขา และมีตัวตนในนั้น ข้าจะติดอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน”ซื่อเว่ยต้าตี้ มองดวงตาของฟางเฟย ด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่เล่นเหมือนทุกครั้ง“จนกว่าเขาจะตื่น”เกาฟางเฟยนิ่งเงียบไม่ชั่วครู่ หญิงสาวมองใบหน้างดงามของซื่อเว่ยต้าตี้“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ท่านจะอยู่กับข้าตลอดใช่ไหม”“ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะไปในห้วงฝันกับเจ้าฟางเฟย”ฟางเฟยยิ้มให้เทพเจ้าดวงดาว “ขอเวลาอีก 5 วัน ข้าจะไปในห้วงฝันของ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง และตื่นขึ้นมาพร้อมกับเขา แต่ถ้าเขาไม่ตื่น…ท่านกับข้าจะติดอยู่ในนั้นตลอดไปใช่ไหม”“เราจะทำได้ เกาฟางเฟย เราจะกลับมาพร้อมกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง”ประตูลิฟท์โรงแรมเปิดออก เกาจางจิ้งในชุดสูทธสีดำก้าวเท้าเดินออกมาพร้อมผู้ติดตาม ชายหนุ่มมุ่งหน้ามาที่ห้องของฟางเฟย เพื่อพาเธอไปทานข้าวเย็น ชายหนุ่มยกมือเคาะประตู แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท “ตงเจ๋อ คุณหนูไม่ได้ออกไปไหนแน่นะ”“ครับนายน้อย ผมอยู่ด้านนอกตลอด คุณหนูตั้งแต่กลับมาจากไปกองถ่าย ก็ยังไม่ได้ออกไปไหน”จางจิ้งเคาะประตูอีกหลายครั้ง แต่ทุกอย่างก็คือความเงียบที่ตอบกลับมา เขาตัดสินใจหยิบการ์ดห้องเกาฟางเฟยขึ้นมาปลดล็อคประตู แล้วเดินเข้าไปพร้อมผู้ติดต
Comments