เสิ่นซื่อมองแผ่นหลังของลูกหลานเดินออกจากบ้านไปพร้อมตะกร้าใบเล็กที่ใส่กระต่ายเอาไว้ กระต่ายตัวอ้วนน้ำหนักน่าจะประมาณสี่หรือห้าชั่ง หยางเชวียนแบกตะกร้าที่เต็มไปด้วยของป่า นอกจากนี้ยังมีไก่ฟ้ากับกระต่ายป่าอย่างละตัว ทั้งสองคนใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงบ้านลุงฟู่กุ้ย หยางเสี้ยวต้องการขายกระต่ายตัวนี้ก่อน ค่อยไปบ้านท่านปู่พร้อมกับหยางเชวียน
“อาเสี้ยว เจ้าว่าท่านปู่กับท่านย่าจะกล้ากินผูเถานี่หรือไม่ แล้วเราสองคนจะโดนท่านปู่ตำหนิหรือไม่ที่เข้าป่าไปลึก” หยางเชวียนเริ่มวิตกกังวล
“ท่านไม่ต้องกลัวไป ประเดี๋ยวข้าจะอธิบายให้ท่านปู่ฟังเอง ข้าเชื่อว่าท่านปู่มีเหตุผลพอที่จะไม่ดุด่าพวกเรา อาจจะมีตักเตือนนิดหน่อย”
“ข้ากลัวว่าจะโดนไม้เรียวนี่สิ”
“ท่านคิดมากไปแล้ว”
เด็กชายทั้งสองยืนคุยกันอยู่หน้าบ้านของท่านลุงฟู่กุ้ยจนทำให้ท่านป้าหนิงเปิดประตูออกมาเรียกให้ทั้งสองเข้าไปในบ้าน
“เจ้าสองคนพี่น้อง มายืนทำอันใดอยู่ตรงนี้ หรือว่ามีของมาขายให้ลุงฟู่กุ้ยของพวกเจ้ากันล่ะ เข้ามาก่อนสิ”
“ขอบคุณท่านป้ามากขอรับ ข้าเอากระต่ายมาขายน่ะขอรับ”
“โอ้ กระต่ายเหรอ เจ้ารอสักประเดี๋ยวป้าจะไปเรียกลุงของเจ้ามา”
“ขอบคุณท่านป้าขอรับ”
หนิงซิ่วอิงเข้าไปในบ้านเรียกผู้เป็นสามี ไม่กี่อึดใจฟู่กุ้ยก็พาร่างอันอวบอ้วนออกมาพบทั้งสองคน
"อาเสี้ยว ข้าได้ยินป้าของเจ้าบอกว่าวันนี้เจ้ามีกระต่ายมาขายรึ"
“ขอรับท่านลุง มีเพียงแค่หนึ่งตัวขอรับ”
“ไหนเอามาให้ลุงดูสิ โอ้ กระต่ายตัวใหญ่อวบอ้วนดีจริง ๆ เจ้ารอประเดี๋ยว ข้าจะชั่งน้ำหนักเสียก่อน เจ้าเก่งมากที่จับกระต่ายได้ ราคากระต่ายอยู่ที่ชั่งละ 20 อิแปะ กระต่ายตัวนี้ของเจ้าหนัก 5 ชั่ง คิดเป็นเงิน 100 อิแปะ นี่เงินของเจ้า”
“ขอบคุณท่านลุงฟู่กุ้ยมากขอรับ พวกเราสองคนขอตัวก่อน”
“อย่าลืมล่ะ หากมีอะไรจะขายก็เอามาขายให้ลุงนะ รับรองลุงไม่เอาเปรียบพวกเจ้าแน่นอน”
“ขอบคุณท่านลุงมากขอรับ เอาไว้ครั้งหน้าหากข้าจับปลาหรือกระต่ายได้จะนำมาขายให้ท่านลุงแน่นอน”
หลังจากบอกลาท่านลุงฟู่กุ้ยแล้ว ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปบ้านใหญ่หยางทันที หยางเชวียนยังคงวิตกกังวล แต่พอเขาเห็นว่าหยางเสี้ยวนั้นไม่ได้รู้สึกกังวล เขาเองก็เป็นถึงพี่ชายจะมาทำตัวไม่เอาไหนไม่ได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็ยืนหลังตรงและเดินมุ่งหน้ากลับบ้านทันที
“ท่านแม่ ท่านปู่ ท่านย่า ข้ากลับมาแล้ว”
“ทำไมกลับช้านักล่ะ ไปถึงไหนกันมา แม่เจ้าเป็นห่วงจะแย่แล้ว เจ้าอย่าทำให้นางเป็นห่วงนักเลย” หยางไห่เอ่ยปากถามหลานชายพร้อมทั้งตักเตือนไปด้วย
“พอดีพี่ใหญ่เชวียนเดินไปเป็นเพื่อนข้าที่บ้านลุงฟู่กุ้ยเลยทำให้กลับมาช้าขอรับท่านปู่”
“อาเสี้ยวเจ้าก็มาด้วยเหรอ เข้ามาก่อนสิ”
“ขอรับท่านปู่ พี่ใหญ่เชวียน ท่านเอาของไปเก็บในบ้านก่อน ข้าขอคุยกับท่านปู่สักครู่”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อน”
“เอาล่ะ หลานมีอะไรจะพูดกับปู่หรือ อาเสี้ยว”
“ท่านปู่ขอรับ วันนี้ข้ากับพี่ใหญ่ไปที่ภูเขาอู๋หลงมา แล้ว..” หยางเสี้ยวยังไม่ทันได้พูดจบผู้เป็นปู่ก็ร้องเสียงหลงขึ้นมาก่อน
“อะไรนะ! เจ้าว่าไปที่ไหนมานะ”
“ท่านปู่ใจเย็น ๆ ขอรับ ฟังข้าให้จบก่อน ข้ากับพี่ใหญ่ไปที่ภูเขาอู๋หลงมา และได้ไปรู้ไปเห็นเรื่องบางเรื่องเข้า”
“เรื่องอะไรหรือ ไหนเจ้าลองว่ามาให้ปู่ฟังสิ”
“ข้าวางกับดักเอาไว้ที่ภูเขาอู๋หลงตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ข้ากับพี่ใหญ่จึงไปเก็บผักป่าที่ภูเขาอู๋หลงเพราะจะได้ไปตรวจดูกับดักด้วย พวกเราเจอลูกชายของผู้ใหญ่บ้าน ทั้งสองพี่น้องกุเรื่องของภูเขาอู๋หลงให้ดูน่ากลัว แต่ความจริงแล้วที่นั่นไม่ได้มีสัตว์ป่าดุร้ายเลยขอรับ เพราะสัตว์ป่าดุร้ายจะไปรวมกันอยู่ป่าลึกส่วนในสุดเกือบถึงยอดเขา ในภูเขาอู๋หลงมีผักป่ามากมาย และอาจจะมีสมุนไพรล้ำค่า แต่ผู้ใหญ่บ้านกลับให้ลูกชายสร้างข่าวลือทำให้พวกเราชาวบ้านกลัวและไม่กล้าขึ้นเขาเข้าไปหาของป่า ท่านปู่ท่านลองคิดดูว่าเหตุใดครอบครัวผู้ใหญ่บ้านถึงได้ร่ำรวยขนาดนั้น ในขณะที่ชาวบ้านอย่างพวกเราแทบจะมีอาหารไม่พอกิน ภาษีแต่ละปีก็แทบจะไม่มีเงินจ่าย ไม่ว่าจะเกิดภัยแล้งเรายังคงเสียภาษีเท่าเดิม ท่านไม่สงสัยบ้างหรือขอรับ”
“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล แต่ว่าลูกชายผู้ใหญ่บ้านพบพวกเจ้าสองพี่น้องหรือไม่"
“ไม่ขอรับ พวกเราหลบอยู่ในพุ่มไม้ เลยได้ยินที่พวกเขาคุยกัน อีกอย่างที่ลูกชายผู้ใหญ่บ้านบอกว่าผูเถาสีม่วงมีพิษ ความจริงแล้วมันไม่มีพิษเลยขอรับ ที่มันมีสีม่วงเพราะเป็นสายพันธุ์ของมัน ที่ข้ารู้เพราะเคยได้ยินคนในเมืองคุยกันตอนที่ข้าไปขายไก่ป่ากับท่านพ่อ วันนี้พวกเราก็เก็บกลับมาด้วย หากเราสามารถเอาไปขายในเมืองได้ เราก็จะมีเงินเข้าบ้านแล้วนะขอรับท่านปู่ เท่าที่ข้าได้ยินมา ผูเถาสีม่วงนี้หวานกรอบมาก ข้าชิมดูแล้วก็เป็นเช่นที่คนอื่น ๆ พูดกัน ทั้งหวานทั้งกรอบทั้งหอม อร่อยมากเลยล่ะขอรับ”
“เจ้าพูดจริงหรืออาเสี้ยว”
“ข้าย่อมพูดเรื่องจริงอยู่แล้วขอรับ ถ้าท่านปู่ไม่เชื่อเดี๋ยวข้าจะไปเอามาให้ท่านปู่ได้ชิมตอนนี้ ข้ากับพี่ใหญ่แบ่งผูเถากันคนละครึ่ง และยังมีที่ไม่สุกเหลืออยู่อีกมาก ข้าคิดว่าจะรอให้ท่านพ่อกับท่านลุงกลับมาก่อน แล้วค่อยพาทั้งสองคนเข้าไปเก็บกลับมาขอรับ”
“หากเป็นอย่างที่เจ้าว่ามา ปู่คิดว่าพวกผู้ใหญ่บ้านอาจจะกลัวว่าชาวบ้านจะพบสมุนไพรที่มีราคาแพงก็เป็นได้ เจ้าลองคิดดูถ้าเกิดมีสมบัติมากมายอยู่ตรงหน้า ใครจะอยากแบ่งให้คนอื่นกัน เดิมทีคนบ้านนั้นก็หาดีไม่ได้อยู่แล้ว ที่ได้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมาไม่ใช่ว่ามีเส้นสายในที่ว่าการหรือ”
“ท่านปู่ เราไม่มีทางเอาพวกเขาลงจากตำแหน่งได้หรือขอรับ เป็นแบบนี้ชาวบ้านจะลำบากเอาได้”
“พวกเราจะไปทำอะไรได้ล่ะ พวกเราไม่มีทั้งเงิน ไม่มีเส้นสาย ไม่มีอำนาจ เรื่องในวันนี้พวกเจ้าอย่าได้แพร่งพรายออกไปเข้าใจหรือไม่ เพราะมันจะนำพาภัยมาสู่ครอบครัวเรา”
“ขอรับท่านปู่ แต่ข้าขอสาบาน สักวันข้าจะต้องดึงคนพวกนี้ลงมาให้ได้ ไม่ว่าจะกี่ปี ข้าก็จะทำให้ผู้ใหญ่บ้านพ้นตำแหน่งให้ได้”
“อย่าได้คิดไปถึงขนาดนั้นเลยนะอาเสี้ยว แค่ครอบครัวเราอยู่เย็นเป็นสุขก็พอแล้ว”
“ท่านปู่วางใจได้ ต่อไปข้าจะหาเงินให้เยอะ ๆ จะส่งน้องชายเรียนหนังสือ ถ้าเกิดน้องชายสอบได้เป็นซิ่วไฉขึ้นมา ไม่ใช่ว่าพวกเรายังมีลู่ทางหรือขอรับ”
“เอาเถอะ ถ้าหากเจ้ามีความตั้งใจ ปู่ก็ขอให้เจ้าทำสำเร็จนะ”
“ขอบคุณท่านปู่ที่อวยพรขอรับ ข้าต้องกลับบ้านก่อน ท่านแม่รอกินข้าวอยู่ แล้วก็เรื่องผูเถาท่านปู่เตือนทุกคนว่าอย่าได้พูดออกไปนะขอรับ ตอนนี้ครอบครัวของพวกเรายังไม่สามารถที่จะรับมือกับคนพวกนั้นได้"
“ปู่รู้แล้ว ขอบใจเจ้ามาก กลับบ้านไปกินข้าวเถอะ แม่ของเจ้าคงรอแย่แล้ว”
“ขอรับท่านปู่”
หยางเสี้ยวหมุนตัวออกจากบ้านใหญ่ มุ่งหน้ากลับบ้านของตัวเอง ระหว่างที่เดินกลับบ้านก็คิดไปด้วยว่าจะสามารถหาเงินจากทางไหนได้บ้าง แต่พอคิดใคร่ครวญดูแล้วก็ไม่มีทางอื่นเลยนอกจากพึ่งพาป่าเขาในการหาเลี้ยงชีพ ในเมื่อไม่มีทางเลือกรอให้ท่านพ่อกลับมาเสียก่อนแล้วค่อยมาปรึกษากันในครอบครัวอีกที
หยางเสี้ยวไม่กลัวว่าทุกคนจะสงสัยในการเปลี่ยนแปลงในตัวเขา ทุกการเปลี่ยนแปลงเขาได้เตรียมคำตอบเอาไว้อธิบายเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อได้มีโอกาสมีชีวิตใหม่ มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา เขาไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกังวล เดินคิดเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน หยางเสวียนวิ่งเล่นกับเสี่ยวไป๋อยู่ในลานบ้าน ส่วนท่านแม่ก็คงกำลังทำมื้อเย็น
เด็กชายเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออีกนานกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น น้ำในโอ่งลดลงไปมากแล้ว เห็นทีว่าจะต้องไปตักน้ำมาใส่โอ่งน้ำให้เต็มเพื่อที่ว่าท่านแม่จะได้ไม่ลำบากไปตักน้ำที่ลำธารในตอนเช้า เขาถือโอกาสที่ไปตักน้ำตรวจดูหลุมดักปลาที่ไม่ได้ไปดูมาสองวันแล้ว
ถ้าเกิดมีปลาตัวใหญ่มาติดหลุมดักปลา พรุ่งนี้คงมีปลาไปขายให้ลุงฟู่กุ้ย ถ้าหากว่าสามารถหาเงินได้วันละ 100 อิแปะ 10 วันก็ 1 ตำลึง แบบนี้แล้วครอบครัวก็จะได้มีเงินไม่ลำบากมาก หนึ่งเดือนจะมีเงินประมาณ 3 ตำลึง แต่มันจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรเล่า ไม่ใช่ว่าจะหาได้ 100 อิแปะทุกวันเสียเมื่อไหร่ ระหว่างหาบน้ำมาเติมใส่โอ่ง เด็กชายครุ่นคิดจนหน้านิ่วคิ้วขมวด
เสิ่นซื่อที่ได้ยินเสียงลูกชายกลับมาแล้วแต่ไม่เห็นตัวคนจึงได้ออกมาตามหา ก็มาเห็นภาพที่ลูกชายกำลังหาบน้ำกลับมาจากลำธาร อีกทั้งยังมีท่าทีคิดหนักอยู่ด้วย นางเองไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ตั้งแต่หายป่วยครั้งนี้ลูกชายคนนี้ของนางดูเปลี่ยนไปมาก แต่ทว่ามันกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดี นางเองก็จะไม่มานั่งสงสัยในตัวบุตรชาย
“เสี้ยวเอ๋อร์ ลูกเป็นอะไร กำลังคิดอะไรอยู่ เหตุใดถึงได้หน้านิ่วคิ้วขมวดเพียงนั้น”
“ข้าแค่คิดว่าหากข้าหาเงินได้วันละ 100 อิแปะทุกวันก็คงจะดี 10 วันเราจะมีเงิน 1 ตำลึง หนึ่งเดือนเราจะมีเงิน 3 ตำลึง มันเพียงพอให้บ้านเราอยู่อย่างสบาย ๆ ได้เลยนะขอรับ”
“มันจะเป็นเช่นนั้นได้ยังไงล่ะลูก ขนาดท่านพ่อของเจ้าไปรับจ้างในเมืองยังได้ค่าแรงวันละ 30 อิแปะเพียงเท่านั้น การที่ลูกสามารถหาเงินได้ 100 อิแปะนั่นนับว่าดีแล้ว แต่ลูกต้องอย่าลืมว่าการเข้าป่าล่าสัตว์นับว่าเสี่ยงอันตรายอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเงินจะสำคัญแต่ชีวิตของเจ้าก็สำคัญมากสำหรับพวกเรา เจ้าเองยังเป็นเด็ก ยังไม่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ อย่าได้เห็นแก่เงินจนพาตัวเองไปพบเจอกับเรื่องอันตราย เข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านแม่ ไก่ป่าที่ล่าได้มาท่านแม่นำมาทำอาหารให้มากหน่อย บำรุงร่างกายให้แข็งแรง แล้วก็นี่เงิน 100 อิแปะที่ข้าขายกระต่ายให้ลุงฟู่กุ้ย”
“ทำไมมากมายเพียงนี้ ไม่ใช่ว่ากระต่ายแค่ตัวเดียวหรอกหรือ คิดเงินผิดหรือไม่”
“ไม่ขอรับ กระต่ายของพวกเรายังมีชีวิตอยู่ ราคาชั่งละ 20 อิแปะ ถ้าหากเป็นกระต่ายที่ตายแล้ว ชั่งละ 13 อิแปะขอรับ”
สองแม่ลูกกำลังคุยกันอยู่หลังบ้าน ที่ลานหน้าบ้านหยางเสียนกับเสี่ยวไป๋ก็ได้ต้อนรับการกลับมาของหยางเทียนที่เข้าป่าไปล่าสัตว์กับกลุ่มชาวบ้าน ครั้งนี้พวกเขาถือว่าคว้าน้ำเหลวงแล้วจริง ๆ เพราะนอกจากไก่ฟ้ากับกระต่ายแล้ว พวกเขาไม่ได้หมูป่า หรือกวางกลับมา เพียงแค่แบ่งสัตว์ที่ล่ามาได้ตามจำนวนคนเท่านั้น
หยางเทากับหยางเทียนสองพี่น้องจึงตกลงใจนำกลับมาขายให้ฟู่กุ้ย ออกจากบ้านไป 7 วัน หาเงินกลับมาได้คนละ 300 อิแปะ ไม่นับว่ามากมาย แต่ก็ไม่นับว่าน้อย สำหรับชาวบ้านที่ใช้เงินอย่างประหยัดมาโดยตลอด หยางเทียนมองเงินในมือแล้วต้องถอนหายใจ เขาหวังว่าหากไปล่าสัตว์และได้รับส่วนแบ่งมาสัก 1 ตำลึง เขาจะซ่อมแซมบ้านให้ดีก่อนที่หน้าหนาวจะมาถึง ชายหนุ่มมองดูสภาพบ้านของตัวเองที่ผุพังไม่รู้ว่าจะผ่านหน้าหนาวไปได้ยังไง ในใจพลันหนักอึ้งขึ้นมาทันที
“เอ๋ ท่านพ่อ ท่านพ่อกลับมาแล้ว ท่านแม่ พี่ใหญ่ ท่านพ่อกลับมาแล้วขอรับ” หยางเสียนอุ้มเสี่ยวไป๋ปากก็ร้องตะโกนบอกถึงการกลับมาของบิดาที่หายออกจากบ้านไปหลายวัน
“อื้อ พ่อกลับมาแล้ว”