ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว
ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว
ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้
ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีก
หยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม
สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่
สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่า
ถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื่นให้ของเวเดนล้วนๆ
เธอควรจะดีใจ แต่ทว่า...ทำไมมันไม่เป็นแบบนั้น
" เฮ้อ..."
☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆☆
สามชั่วโมงต่อมา จวนจะเหยียบเข้าเช้าของอีกวัน หญิงสาวชาวไทยยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แขนเรียวคู่กอดเข่าตัวเองไว้แน่น แม้จะมีสัปหงกบ้างในยามง่วง ครั้นใกล้จะเสียศูนย์ล้ม เธอก็รู้สึกตัวมานั่งท่าเดิมทุกทีไป
จนกระทั่ง...
แก็ก... แก็ก...
มีเสียงปริศนาดังขึ้นสองครั้งตรงแถวระเบียง
“.............”
ไศลาสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะตาสว่างเป็นปลิดทิ้ง เธอไม่ได้ลุกขึ้นพรวดหรือปล่อยเสียงตกใจในทันที แต่เลือกที่จะนั่งเกร็งตัว พยายามบังคับมันให้นิ่งที่สุด พร้อมกับเงี่ยหูฟังไว้
แต่แล้ว...
หลังประตูบานนั้น คาดว่าน่าจะมีใครสักคนหนึ่ง ซึ่งเป็นแขกไม่ได้รับเชิญ และเป็นเจ้าของเสียงปริศนาที่ว่า กลับทำให้เธอไม่ทันได้ลุ้นกันก่อน
ลูกบิดที่ถูกสั่งทำมาอย่างดีจะไม่มีการระคายเคืองเลย ถ้าสิ่งที่กระทบเข้ามาไม่ใช่ลูกตะกั่วจากกระบอกปืนเก็บเสียง
ปัง!
ไศลาถึงกับผละ นั่งอยู่ท่าเดิมไม่ติด เธอใช้สติที่พอจะเหลืออยู่กลิ้งลงจากเตียง คลานหมอบไปยังประตูอีกฝั่ง พร้อมสมองครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปด้วย โชคยังดีที่เธอยังไม่หลับ และโชคยังดี ที่ระเบียงกับห้องของเธอมีระยะห่างกันมากพอควร จึงทำให้ไหวตัวทัน
ทว่า...
เหตุใดจึงเข้ามาทางประตูหลัง
เหตุใดจึงต้องใช้อาวุธปืน
และ ..เหตุใดจึงเข้ามาในยามวิกาลใกล้รุ่ง
ถ้าคนๆนั้นไม่ใช่....คนร้าย!
“ ฮึก....”
แม้จะเป็นนาทีระทึกมาทำไศลาตกใจจนแทบช็อค แต่สัญชาตญาณในตัวก็พอจะมีอยู่
มันสั่งเธอให้นั้นหนี...
หนีไปพร้อมกับแม่และน้องของเธอ!
คงจะเป็นช่วงเวลาที่สมองปิด เมื่อเธอใช้มันเป็นช่องทางในการทะเยอทะยาน บวกหัวใจที่เต้นระทึกไร้ซึ่งจังหวะ กำลังบีบรัดเข้าหากันแน่นราวกับจะแตกเป็นจุลให้ได้
พระเจ้า...
จะขอร้องท่องมนต์ตอนนี้ทันไหม?
ดวงตากลมโต เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเบิกโพลงถ่างออกกว้าง เบื้องหน้าคือประตูสีดาร์ก ทว่าหญิงสาวไม่เลือกที่จะเปิดมัน แต่เลือกที่จะไปทางรัดแทน ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกตาคนนอกให้สับสนเล่น หากก่อนหน้าไม่ได้เดินสำรวจไปทั่วและรู้มาก่อนว่าบ้านนี้ดีไซน์ให้คล้ายกับเขาวงกตจากปากสามีตัวเอง บัดนี้คงหนีไม่พ้นเงื้อมมือร่างสูงปริศนานั่นเป็นแน่!
ในสมองมากกว่าความกลัวข้างหลัง คือข้างหน้าที่มีอีกสองชีวิตรอคอยอยู่ หญิงสาวบอกตัวเองจะไม่หันกลับไป แม้เสียงฝีเท้าที่ย่ำตามมาจะเชื่องช้าแฝงความหนักแน่นราวกับคนใจเย็นก็ตาม และพยายามกดดันให้เธอทำในสิ่งตรงกันข้าม
ใช่! มันจงใจมาฆ่าเธอ
ไศลากัดปากแน่นระงับเสียงออดโอยจากความเจ็บปวด หลังข้อศอกแหลมเผลอพลาดกระทุ้งเข้ากับขอบไม้เฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งหวังบดบังทางเข้า เพื่อไปโผล่อีกฝั่งหนึ่ง จากนั้นจึงจะลุกขึ้นวิ่ง เป็นจังหวะที่ประตูเปิดออกมาพอดี พร้อมเสียงลั่นไกปืน
ปัง!
“ เฮือกกก..ก! ”
หญิงสาวตกใจหนัก ถึงขั้นยกมือขึ้นป้องหู ทำเสียหลักสะดุดขาตัวเองล้มลง กลิ้งเกลือกกับพื้นไม่เป็นท่า ก่อนค้นพบเอาทีหลังว่า กระสุนนัดนั้นไม่ได้เล็งมาที่เธอ แต่ไปเจาะเนื้อของบอดี้การ์ดคนนึง ที่ใจกล้าเข้ามาช่วยสกัดไว้
หญิงสาวถึงกับกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ รู้ซึ่งถึงความกลัวได้จากลำคอแห้งผาด ก่อนจะเรียกสติลุกขึ้นวิ่งอีกครั้ง ที่ครั้งนี้คงต้องเร็วกว่าเดิม
เป็นจังหวะที่ชายฉกรรจ์ชุดดำกลุ่มใหญ่เข้ามาพอดี
ความโล่งอกเกิดขึ้นมาประหนึ่งได้สายออกซิเจน เมื่อรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าพวกเขานั้นคือคนของอัลฟ่า
“ ช่วยด้วย!!! ”
“ นายหญิง ทางนี้ครับ! “
พร้อมเสียงสวรรค์ราวกับปฏิหารย์
ไศลาไม่รีรอที่วิ่งไปยังทางที่บอก
แต่แล้ว....
ปัง!
ตุบ
ร่างสูงหนึ่งในนั้นที่อยู่ตรงหน้ากลับล้มลงต่อหน้าต่อตาเธอเหมือนกิ่งไม้หัก
“ กรี๊ดดดด! “
เธอถึงกับขาดสติ ร้องลั่น ดวงตาเบิกโพลง มือตะปบปากและหยุดวิ่งกระทันหัน
จนกระทั่งร่างบางถูกกระชากไป
หมับ!
“ ช้าไม่ได้นะครับ ตอนนี้เราโดนบุก นายหญิงต้องหนีไป “
พร้อมคำบอกเล่า ทว่าเสียงของเขาเหมือนไม่ได้สอดแทรกเข้าไปในหูของเธอเลย
“ .....!! “
เธอเอาแต่เบิกตาโพลง จนเจ้าตัวต้องเขย่า กระเตื้องให้เธอนั้นหายก่อน
“ นายหญิง! “
“ อึก! “
“ ได้ยินที่ผมพูดไหม “
“ มะ แม่ กับน้องฉันล่ะ “
และนั่นคือประโยคแรกหลังได้สติกลับคืนมา
ซึ่งนั่นสิ่งที่ได้รับจากปากคนมาช่วย ราวกับเป็นตัวทำลายออกซิเจนที่เธอได้มันมาไม่ถึงห้านาที
“ ถูกจับตัวไปครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรากำลังไปช่วย และหาทางติดต่อไปยังนายท่าน “
“ อะ...อะไรนะ O.O”
ไศลาตั้งคำถามกับตัวเองมาตลอดทางในขณะนั่งอยู่ในรถ ที่กำลังมุ่งหน้าไปไหนสักแห่งซึ่งเธอเองไม่อาจจะรู้ กับภาพอดีตค่อยๆดำเนินการตัดต่อเป็นฉากๆราวกับความฝัน สุดลึกในห้วงคำนึงนั้นเกริ่นถึงครอบครัวในวัยเด็ก และพี่ชายของเธอที่ยังไม่คิดจะจากไปไหนไกล
ความทรงจำเหล่านั้นทำน้ำตาหยดร้อนไหลเชื่องช้าอาบแก้มลงมา ช่างน่าแปลกเพียงแค่ข้างเดียว แต่สามารถบีบหัวใจจนเหน็บชาได้
“ ฮึก...ฮึก...”
หญิงสาวก้มหน้าสะอื้นไห้ ใช้อุ้งมือเล็กๆประคับประคองไว้ มีความอับอายคนขับรถระดับสูง ทว่า ร้อยความรู้สึกที่สุมกันให้อึดอัดนั้น กลับยากที่จะอดทนต่อ เธอยังไม่ชินกับมัน บทบาทที่ได้รับมอบหมายมาในยามนี้ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือยังไงไหว
มันคงจะมีทั้ง ...ความระทึก หวาดกลัว และเสียใจ ในเวลาเดียวกัน
ใช่ ทั้งหมดนี้...เธอไม่อยากเจอมัน
บางทีอนาคตข้างหน้าอาจจะพังลงเพราะเธอก็ได้
เสียงปืนกระหน่ำยิงเข้ามาโดนกระจกหลายนัด ไศลาตกใจทุกครั้งที่ได้ยินมันแม้จะกันกระสุน เธอสะดุ้งโหยง ยกมือขึ้นตะปบหู เข่าคู่ดึงขึ้นมากอด แน่นหนาชนิดที่ว่าหากมากกว่านี้ กล้ามเนื้อสามารถฉีกขาดได้
ท่ามกลางความเป็นห่วงของคนติดตาม ทว่า กลับต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่มันจำเป็นกว่ามาคอยสนใจเธอ อาทิเช่น...เหนี่ยวไกปืนกลับไป ยิงโต้ตอบ สกัดอีกฝ่ายในขณะทำหน้าที่ขับเหยียบคันเร่งหวังเอาตัวให้รอดด้วย สลับกันกับการติดต่อนายเป็นระยะๆ แต่เหมือนจะได้มาซึ่งความว่างเปล่า เมื่อฝั่งนั้น คงจะอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน!
ปัง!
“ ฮึก! ”
ในขณะคนถูกปกป้องอย่างไศลา ทำได้แค่ห่อตัวเข้าหากันให้เล็กที่สุดเท่านั้น เธอไม่สามารถช่วยอะไรสักอย่างที่เกิดประโยชน์ได้เลย เว้นแต่การตั้งสติ ต้านทานความกลัว ที่อาจจะทำหัวใจวายตาย มากกว่าบาดแผลจากลูกตะกั่วนั่น!
นี่คือความหวาดเสียวที่มีอยู่ในใจสุดลึกของลูกน้องมาเฟียไม่แพ้กัน เพราะหากเมียเจ้านายถูกลูกหลง จากสงครามขนาดย่อมที่เผชิญอยู่เล่าก็ การกลับไปรายงาน คงไม่ต่างกับความตายสักเท่าไหร่!
“ นายหญิงไม่ต้องกลัวนะครับ เราต้องผ่านมันไปจนได้”
คนขับรถมองผ่านกระจกไปให้กำลังใจ ในขณะเธอเอาแต่นั่งเฉย หน้าแนบหัวเข่าตัวสั่นเทา
“ ทั้งที่เราถูกล้อมกันอยู่เนี่ยน่ะนะ ”
และตอบกลับมาเสียงอู้อี้ ไม่เป็นภาษา
“ ใครบอกล่ะครับ นายหญิงดูดีๆ เราเองก็ล้อมมันอยู่เหมือนกันน้า..”
ในขณะเขาจงใจจะคุยหยอกล้อ พยายามใช้น้ำเสียงให้เป็นปกติหวังให้เธอนั้นผ่อนคลาย ทั้งที่เขาเองก็วุ่นวายแทบแย่ ทว่ากลับถูกหญิงสาวตะเพิดกลับไปไม่เป็นท่า
“ แล้วมันต่างกันที่ไหนเล่า! “
พร้อมผงกหน้าขึ้นมาทั้งน้ำตา นั่นเลยทำให้เขาต้องยิ้มเจื่อน หน้าซีดเป็นลำดับถัดมา
“ นั่นน่ะสิครับ”
ก่อนจะเงียบกริบ หลังได้ยินประโยคนี้ของเธอ ที่เขาเองก็ให้คำตอบไม่ได้
“ ป่านนี้แม่กับน้องฉันจะเป็นยังไง ฮือๆๆ ”
ได้แต่ตั้งความหวังเอาไว้ว่าชิปที่ติดอยู่กับรถจะไม่หลุดหล่น และนำพาเจ้านายมาพบเจอ
“ ผมเชื่อใจเจ้านายของผม ”
ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่ได้หลอกให้เธอนั้นตายใจเล่น น้ำเสียงจริงจังจนน่าขนลุก ทำเธอชะงักช้อนตาขึ้นมามอง
“ เอ๋?? ...”
“ ผมเชื่อในแผนการของเขา และมั่นใจว่าอัลฟาจะตามมาทัน ...”
พลางขมวดคิ้ว เริ่มไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด
“ ในสถานการณ์แบบนี้ ที่ตรงนี้ และเวลานี้ ควรจะเป็นเขาที่ต้องอยู่ ผมรู้นายหญิงก็คิดแบบนั้น แต่เชื่อเถอะครับ หากเขาอยู่ ...เรื่องทุกอย่างคงจบยาก ”
“ ...........”
“ ตอนนี้ที่องค์กร คงจะอยู่กันครบทุกคน ยกเว้นเจ้านาย เพราะไม่มีเขา... ทุกอย่างเลยเป็นไปตามแผน “
“ หมายความว่าไง...ฉันงงไปหมดแล้ว”
ที่ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้งุนงง เธอปั้นหน้าฉงน สลับกับการส่ายหน้าไปมา
ส่วนเขากลับคลี่ยิ้ม ชำเลืองมองหญิงสาวผ่านกระจกเป็นระยะๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจกระบอกปืนในมือ และคิดแผนการหลบหนีต่อ ปล่อยให้เธอนั่งทบทวนคำพูดตัวเองอยู่คนเดียว
กับคำที่ว่า...
' ถ้ามีเขา จะไม่เป็นไปตามแผน...'
ในสมรภูมิรบ ที่มีความเชื่อประหนึ่งความตายเท่านั้นถึงจะยุติ คนรอดคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด โครทิส เวเดโน่ จึงไม่คิดจะยอมแพ้ การก้าวหาความเสี่ยง ทั้งที่รู้ห้าสิบห้าสิบกว่าจะชนะ ไม่ได้มาซึ่งความสำเร็จ ก็ยังไม่คิดจะผันตัวออกมา ราวกับว่าร่างกายตัวเองคงกะพันหนังไม่ระแคะระคายยังไงยังงั้นสองมือโอบอุ้มความกล้าไว้จนมั่น ตระหนักสิ่งสำคัญให้เป็นที่สุดของกำลังใจคือไศลา นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยุดที่จะเดินต่อ ยังเดินเกมต่อแม้ทางข้างหน้าจะไร้แสงปลายอุโมงค์ หรือลิบหรี่เต็มทีในความคิดมาเฟียร้ายอย่างเขา คนขึ้นชื่อว่าเป็นหัวโจ็ก กว่าจะได้ฉายาคำว่าผู้นำมาอย่างยากลำบาก ...จึงมีแต่คำว่าลองดูเท่านั้น!ใช่! เขาวางแผนฆ่านายตัวเองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ลำกล้องปืนถูกดวงตาคมกริบใช้เป็นช่องทางผ่านระหว่างการเล็งจากตึกระฟ้าไปยังชั้นที่แปดสิบของอีกตึก ผู้มีหญิงสาวร่างบางปราดเปรียวยืนเชิ่ดคอทรนงอยู่ นิ้วชี้ขวาประทับแผ่วเบาเตรียมตัว ราวกับรอสัญญาณบางอย่าง บวกกับโอกาสคิดว่าคงสำเร็จไปครึ่ง หากวันนี้เหล่าอัลฟาพ้องพวก สามารถจี้จุดให้หล่อนมีโทสะมายืนตรงนั้นได้ ตำแหน่งที่นานครั้งจะมายืนได้สักครั้ง ทว่าเป็นจุดตายจุดเดียวที่ไม่ต้องพ
ร่างบางนั่งพับเพียบอยู่กลางเตียง ดวงตาเหม่อลอยบวมปูดและแดงก่ำจนมองไม่เห็นเคล้าโครงเดิม บ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นผ่านการร้องไห้มานานหลายชั่วโมงแล้ว ท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องสี่เหลี่ยม ที่มีเพียงข้าวของเครื่องใช้วางเรียงรายอยู่รอบๆ หากนับสิ่งมีชีวิต คงมีแค่เธอคนเดียว ไศลานั่งกอดเข่าเพียงลำพังนับแต่นั้น และไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาได้ พอๆกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมาได้ความลับที่พยายามปกปิด ทว่ากลับมาเปิดเผยด้วยปากของตัวเอง กลับกลายเป็นความเสียใจมาสนองเธอ หลังจากคนที่เพิ่งจะมารู้ทีหลังอย่างแม่และน้องชายฟังจบ พวกเขาพากันเงียบ ไร้เสียงพูดคุยสนุกสนานเหมือนเดิม เอาแต่นั่งอยู่ในมุมของตัวเอง ราวกับนั้นคือโลกส่วนตัว ที่ไม่อยากจะให้ใครเข้ามาก้าวก่ายกันอีกหยดน้ำตาที่สอง คือหยดน้ำตาที่แลกมาด้วยความเป็นห่วง เธอร้อนใจนับตั้งแต่เวเดโน่ก้าวออกเดิน ทิ้งเพียงแผ่นหลังกว้างกับภาพปิดประตูรถเอาไว้ ก่อนหายไปท่ามกลางถนนสายเปลี่ยว ไกลสุดลูกหูลูกตา เห็นเพียงใบไม้แห้งเกรียมปกคลุม สาเหตุอะไรที่เขานำแม่และน้องของเธอมาอยู่ที่นี่ สาเหตุอะไรที่เธอต้องมานั่งรอคอยการกลับมาของเขา อยู่กลางป่าถ้านี่ไม่ใช่ความปลอดภัยที่ถูกหยิบยื
มากกว่าความหวาดเสียวในสมรภูมิรบก็คงเป็นคำพูดของเวเดโน่นี่แหละ ที่ดูจริงจังเกินเหตุสำหรับแมททริกในตอนนี้ ซึ่งหลังได้ฟังชัดเต็มสองรูหูเหมือนจะค้างไปแล้ว เขาอึ้ง และพูดอะไรไม่ออก “ อะไรของมึงวะ “ได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว กับคำถามที่ใคร่รู้เพียง เพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ความหมายของเขาที่มีในหัวประมาณว่า ...“ เพราะผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ ซึ่งคำตอบที่ได้คือร่างสูงพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดสักนิด“ เฮ้ยยย พวกเราสั่งให้แกเข้าไปพัวพันในชีวิตเธอ เพราะหวังให้ชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าวันนึงจะกลายเป็นเมียก็ไม่มีใครว่า แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ ““ แบบนี้มันแบบไหนวะ! “กลายเป็นประเด็นใหญ่ให้เขาทั้งคู่ได้ถกเถียง และมองหน้ากัน ในขณะต่างฝ่ายต่างไม่ละสายตาและไม่มีใครยอมใคร แมททริกอมลมกลั้วปาก รู้สึกขัดใจขึ้นมาทันทีกับความคิดของเขา หนึ่งในแก็งค์อัลฟา ผู้ที่เคยเป็นตัวเต็งแนวหน้า ไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่วันนี้กลับมากลัวความรักของตัวเองจะพังลง “ ก็แบบ...”เขาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่“ จะแบบไหนก็ช่างเถอะ แต่มึงจะทำแบบนั้นไม่ได้ มันเสี่ยงมากเกินไป ถ้าฝั่งศัตรูรู้ว่าเราแตกคอกันเอง จะทำยัง
ไศลานั่งคอตก เมื่อเห็นสีหน้าของน้องชาย หลังพูดประโยคนั้นออกไป เธอเม้มปากแน่น ข่มเปลือกตาลงจนมันสั่นระริก ก่อนจะค่อยๆคลี่คลายออก มองไปยังที่เก่า ในขณะรอบนี้เผยความหม่องหม่นนัยย์ตาออกมาด้วย ที่ดูก็รู้เธอกำลังจะร้องไห้ และคนข้างกายเธอเองก็เช่นกัน " พี่พูดว่าอะไรนะ? " เขาถามย้ำก่อนน้ำตาก้อนใหญ่เหล่านั้นจะไหลลงมา ไศลาไม่ตอบ แต่เลือกที่จะก้มหน้านิ่งแทน มองผ่านม่านน้ำตาไปยังมือตัวเอง ซึ่งบีบจิกเข้าหากันราวกับกำลังระบาย" ฮึก..."ความอึดอัดเคยเก็บไว้ในใจสุดลึก เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งมาตลอด ทั้งต่อหน้าและลับหลังครอบครัว วันนี้ถล่มทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่อยากให้คนที่เธอรักหมดปัญหาเรื่องนี้ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือร้าย เธอก็สบายใจทั้งนั้น ริมฝีปากแดงระเรื่อปริเบ้ออก ยิ่งสะอื้นไห้หนัก หลังร่างสูงถลาเข้ามาเขย่าตัว พยายามกดดันเค้นหาคำตอบ" มองหน้าผมเซ่! ผมถามตั้งนานแล้วนะ พี่ใหญ่เป็นอะไรถึงตาย"ทว่า สิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นเพียงภาพที่ไร้เสียง มีเพียงปากพูดเขาที่ขยับ และร้องไห้อยู่ พร้อมบริเวณรอบๆ ที่เปลี่ยนไป' รู้ไหมว่าพี่สอนให้ฉันชิน ชินต่อการคิดถึงพี่ ในวันที่พี่ไม่อยู่ ..ชินกับการเห็นพี่โบ
ร่างบางยืนตระหง่านอยู่บนถนนคอนกรีต เบื้องหน้าของเธอคือกึ่งบ้านกึ่งคฤหาสน์ที่จัดไปทางค่อนข้างจะทรุดโทรมทว่าดูหรูหราจนน่าแปลกใจ อุ้งมือน้อยๆกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น พร้อมดวงตากลมโตเคลือบอมไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง สลดปนละห้อย เธอใช้สายตาคู่นั้น จรดตั้งแต่ระดับเดียวกันช้อนขึ้นไปมอง พลันถอนหายใจเฮือก เมื่อไปหยุดอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง ที่มีใครคนนึงซึ่งคุ้นเคยและจำได้แม่น" แม่คะ..." เธอขยับปากเรียก หล่อนยืนมองอยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่รถแล่นเข้ามาไกลๆแม้เสียงนั้นดังไปไม่ถึง เพราะระยะทางที่ห่างกัน แต่น้ำตาแห่งความคิดถึง กับสีหน้าเลือนลาง ยังทำให้ทั้งคู่นั้นมองเห็นชัดใช่ เพราะต่างฝ่ายต่างโหยหาไม่มีใครยอมแพ้ ในขณะหัวไหล่เธอกำลังจะตก เผลอคิดไปถึงเหตุการณ์หลังจากนี้ ระหว่างที่อยู่ จะสรรหาประโยคไหนที่ดีพอ ที่ไม่ทำให้แม่ต้องเสียใจ หากจะกล่าวถึงเรื่องของพี่ชายคนโต และการตายของเขาแต่แล้ว.. มือใหญ่ข้างหนึ่งของคนที่มาด้วย กลับทำเธอหลุดภวังค์เสียก่อน ไศลาค่อยๆหันกลับไปมอง “ ฉันต้องการฟังความรู้สึกของเธอตอนนี้ที่มีต่อฉัน “ก่อนจะก้มหน้าลอบถอนหายใจ“ ฉันไม่มีอะไรจะพูด...” เธอส่ายหน้าเชื่องช้า“ พูดให้กำลังใ
" ก็ถ้าสมมุติว่าฉันท้อง"หญิงสาวช้อนตาหน้าสลด หลังคนสูงกว่าเอาแต่ยืนมอง คิ้วผูกติดฉงนงุนงง เธอจึงเริ่มพูดต่อ กับประโยคใส่อารมณ์ ที่บ่งบอกถึงความไม่แน่ใจ แต่แล้ว...กลับถูกมือใหญ่จับหมับตรงต้นแขน" สรุป ท้องหรือไม่ท้อง "เขาเค้นหาคำตอบไศลาเม้มปากแน่น คิดทบทวนตัวเองใหม่ ถ้านี่เป็นเรื่องที่กุขึ้นมา เพื่อความสะใจ และเอาชนะเล่าก็ อีกไม่นาน ร่างทั้งร่างของตัวเอง อาจจะระบมไปหมด เพราะถูกคนตรงหน้านั้นกระทืบเธอกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนพยักหน้าเชื่องช้า ดวงตากลมโตไม่กระพริบ จับจ้องมั่นอยู่ตรงหน้าหล่อเหลา ซึ่งหลังจากจบประโยคนี้ มันค้างชะงันไปกลางคัน และเธอนั้นเห็นพอดีเขาอึ้ง... " แน่ใจ? "" ค่ะ..."" ตรวจดีแล้ว... "" ยังค่ะ เราจะตรวจพร้อมกันวันนี้ ซึ่งฉันมั่นใจไปเกินครึ่ง ว่าในท้องฉัน มีเลือดเนื้อของคุณอยู่ "เธอตอบคำถามอย่างฉะฉาน เวเดโน่เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะกระโชกโฮกฮาก" ให้ตาย ฉันควรดีใจไหมไศลา..."" เอ๋..."ซึ่งนั่นทำเธอแปลกใจไม่น้อย " ในสถานการณ์ขับขัน ไม่รู้จะเป็นหมู่หรือจ่า อยู่ๆ ก็มีเด็กขึ้นมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ.. "เปลี่ยนความคิดในหัวของเธอเป็นฝั่งตรงข้าม ความแรงของมันราวกับตบให้มึน