นับหนึ่งหยุดยืนอยู่กลางห้องก้มหน้ามองพื้นพรมหนานุ่ม ดวงแก้มกลมขึ้นสีเรื่อ เพราะหน้าจอทีวีเครื่องใหญ่กำลังฉายหนังโป๊ดุเดือดโดยปิดเสียงเอาไว้ เหมือนเขาจงใจเปิดเอาไว้เพื่อกลั่นแกล้งกัน ท่วงท่าลีลาของเอวีบ่งบอกว่าค่ำคืนนี้เธอจะต้องเจอกับอะไร
“มานั่งนี่สิ” ตบหน้าตักตัวเองเบา ๆ คนเจ้าเนื้อเดินไปนั่งลงตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
“คุณฌอน มีอะไรหรือเปล่าคะ” หล่อนแสร้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว่าเขาเรียกขึ้นมาหาเรื่องอะไร
ปลายนิ้วเรียวยาวยกขึ้นเขี่ยไรผม “กี่วันแล้วที่เธอไม่ได้ขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเอง”
“สะ ... สามวันค่ะ”
“ถ้างั้นคืนนี้ ... ก็ชดเชยจนถึงเช้าเลยแล้วกัน”
ประโยคอ่อนนุ่มกระซิบข้างหู ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างหันขวับมองหน้าเขาด้วยอาการตื่นตกใจ มุมปากเขาปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ จนแทบมองไม่ทัน ทำอย่างว่าเรื่องบนเตียงของเราไม่เคยต่อกันยาวอย่างนั้นแหละ
“พรุ่งนี้คุณฌอนไม่ทำงานเหรอคะ ถ้าถึงเช้าเกรงว่า...”
พรึบ!
พูดยังไม่ทันจบประโยคคนเจ้าเนื้อตัวลอยขึ้นจากตัก รู้สึกอีกทีเธอก็มานอนอยู่บนเตียงนุ่มแล้ว มือหนาประคองศีรษะวางลงหมอนแผ่วเบา สายตาหวานเชื่อมมองมาราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว
“เปลี่ยนน้ำหอมใหม่เหรอ วันนั้นไม่ใช่กลิ่นนี้นี่”
เขาก้มลงสูดกลิ่นละมุน บริเวณซอกคอ คืนก่อนนั้นจำได้ว่าเป็นกลิ่นกุหลาบ แต่วันนี้เป็นกลิ่นอ่อน ๆ คล้ายแป้งเด็ก
“ค่ะ กลิ่นเดิมเพิ่งหมดไป หนึ่งอยากลองเปลี่ยนกลิ่นใหม่ ๆ ดูบ้าง”
“กลิ่นนี้ก็ดีนะ ชอบ”
“ชอบเหรอคะ? ปกติเห็นคุณฌอนเอาแต่เกลี่ยด ... อุ๊บ!”
ประโยคนั้นเอ่ยยังไม่จบ เขาก้มลงจูบปิดปากของเธอสนิท พร้อมกับฝังความเสน่หาเข้าไป คำว่า ‘เกลียด’ เขาจะเป็นคนพูดมันเอง เพราะฉะนั้นเธอห้ามเน้นย้ำคำพูดของเขา
ขณะจูบหนักหน่วงฝ่ามือข้างหนึ่งถลกชุดนอนเลื่อนขึ้นสูงเหนือเต้า
อวบอิ่ม แล้วเปลี่ยนเป็นวางทาบลงบนโคนขาขาว
ริมฝีปากนุ่มเปลี่ยนมุมเข้ามาพัวพันทำให้ร่างกายร้อนตามลำดับ
วงแขนใหญ่ยกขึ้นโอบคอลงต่ำ เธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ที่จะไม่ประสีประสาเรื่องบนเตียง น้ำมันใกล้ไฟยังไงมันก็จุดประกายความเร่าร้อนจนแทบหยุดไม่ได้
เธอพยายามแทรกปลายลิ้นไล้ไปตามส่วนต่าง ๆ ราวกับว่าจะเอาคืนลิ้นของชายหนุ่ม ขณะที่จูบดูดดื่มเสื้อผ้าก็ถูกปลดออกจากกายของกัน และกันอย่างร้อนรน
ฌอนผละจากริมฝีปากหวานอย่างอ้อยอิ่ง กวาดตามองเรือนร่างอวบอัด แล้วได้แต่กลืนน้ำลายก้อนเหนียวลงคอ ปลายนิ้วยาวยกขึ้นเขี่ยข้างแก้มกลม ๆ
“เธอมีดีก็แค่เรือนร่างที่จับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือก็เท่านั้น” นับหนึ่งเบี่ยงสายตาหลบเขา รู้สึกน้อยใจอยู่ลึก ๆ ภายใน
คำว่า ‘รัก’ เธอคงไม่มีวันได้รับจากผู้ชายที่กำลังทาบทับอยู่บนร่างกาย
“ถ้าหนึ่งมีดีขนาดนี้ หวังว่าคงไม่นอกกายไปเอาคนอื่นนะ”
“ ฮึฮึ”
เขาครางผ่านลำคอ รู้สึกว่ามันไม่ใช่ประโยคขอร้อง แต่เป็นประโยคคำสั่งมากกว่า ไม่ได้ตอบรับคำพูดแต่ใช่ฝ่ามือลูบไล้ไปตามเนินอกขาว ใบหน้าหล่อโน้มต่ำลงมากระซิบข้างหู ด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“ก็ทำให้ฉันติดใจเรือนร่างเธอแบบนี้ไปตลอดสิ”
คนเจ้าเนื้อเปรยตามองชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี มุมปากยิ้มขืน ไม่รู้ว่าจะสมเพชอะไรในตัวเองก่อนดี แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่ยอมให้เขาไปหาเศษหาเลยกับผู้หญิงอื่นแน่นอน เธอยอมได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว
มืออวบผลักอกเยาออกแล้วพลิกร่ากำยำนั้นให้นอนลงแทนที่ตำแหน่งตัวเองเมื่อครู่ ร่างกายเปลือยเปล่าเผยให้เห็นหน้าท้องเป็นรอน กล้ามเนื้อแน่นเป็นมัด บ่งบอกว่าเขาดูแลร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี
แก่นกายขนาดใหญ่ตั้งลำชูขึ้นบนเพดาน ปลายหัวบานชมพูระเรื่อผงกหัวทักทาย มือป้อมคว้ามันรูดขึ้นลง
ใบหน้าอิ่มมองมันแล้วลอบกลืนน้ำลาย ดวงตากลมจดจ้องลำเอ็นเป็นประกาย เขาชอบมากกับสีหน้าแบบนั้นจนทำเอาอารมณ์ด้านในเดือดพล่าน
“กินสิ หรือต้องให้จับยัดปาก” แก้มนวลร้อนผ่าว แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
ปลายลิ้นยาวแตะลงบนยอดหัวบานแล้ววนลิ้นไปรอบ ๆ ไม่รู้ว่าเธอถูกบังคับหรือเต็มใจทำกันแน่
กลุ่มก้อนความร้อนอันแสนอ่อนไหวสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อใช้ปลายลิ้นแตะแล้วดูดดึงเบา ๆ ก่อนจะกดลึกเข้าไปภายในช่องปาก
“อื้อ ... อ่า”
เสียงครางต่ำหลุดออกมาทุกครั้งที่ปลายลิ้นดุดดัน ส่วนยอดที่ยังอ่อนนุ่ม พลางเลียไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง จังหวะเปลี่ยนจากช้า ๆ เป็นเร็วขึ้นสะโพกหนายกขึ้นตามแรงดูดดึง เรียวมือยาวขยุ้มเรือนผมเงยหน้าสูดปาก
เธอมันคือลูกหมูตัวร้ายที่รู้ว่าจะต้องเอาคืนเขาเวลาไหน แม้มือจะดันศีรษะเอาไว้ให้ทำช้าลง แต่เธอก็ปัดออกแล้วโขกหัวลงถี่ขึ้น
กล้ามเนื้อตรงบั้นท้ายของเขาเกร็งเขม็ง ชีพจรเต้นตุบ ๆ ระหว่างที่แก่นกายถูกรูดด้วยลิ้น มือหนากดหัวเธอแช่ไว้แล้วยกเอวดันท่อนเนื้อกระทั้นกลับจนลึกสุดคอหอยแทบหายใจไม่ออก
“อ๊อก! แค่ก!”
น้ำกามไหลสอมุมปากขณะสำลักออกมา เขาไม่ปล่อยให้อารมณ์ตัวเองค้างคา อยากเป็นฝ่ายลิ้มลองความหวานจากคนเจ้าเนื้อบ้าง ฝ่ามือหนาแยกขาอวบของเธอออกจากกัน นับหนึ่งไม่เคยต่อต้านบทรักที่เขามอบให้
เธอผงหัวขึ้นมองเขาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลางระหว่างขา นิ้วชี้ยาวกรีดนำร่องเนื้อสามเหลี่ยมอูม ก่อนจะก้มหน้าลงต่ำแลบปลายลิ้นอุ่นร้อนและลงไปบนติ่งเนื้ออ่อนไหว พลันร่างของเธอก็สะดุ้งพร้อมเสียงครางกระเส่า
“อุ้ย ... อือ”
ความเสียวกระสั่นแล่นไปทั่วร่าง ปลายลินสากลากผ่านกลีบร่องช้า ๆ และเพิ่มความเร็วจนกระเจิดกระเจิง
เธอเจียนจะขาดใจเพียงเพราะเขาลงลิ้นให้...
หยาดน้ำใสหลั่งรินออกมาจากกลีบเนื้อจนฉ่ำเยิ้ม ฌอนเงยหน้าขึ้นดูร่างอ้วนบิดเร้าบนเตียงนอน สีหน้าของเธอตอนนี้ช่างยั่วอารมณ์เขาแทบคลั่ง
จับปลายลำเอ็นถูไถร่องความเฉอะแฉะ ก่อนจะดุนดันความแข็งขืนผ่านช่องทางคับแคบทีเดียวจนมิดลำ
“อุ้ย! ... อ่า!” ร่างอ้วนสะดุ้งเฮือก
ดึงแก่นกายออกมาใหม่ แล้วกระแทกกลับเข้าไปอีกครั้ง และเริ่มซอยเอวถี่ขึ้น ต้นขาด้านในสั่นสะท้านทำได้เพียงบิดตัวเร้า เมื่อการสอดแทรกทวีความรุนแรงมากขึ้น
“เธอนี่มัน...” เขาสูดปากแรง ๆ หลับตาพริ้ม
“อื้อ ~ คุณฌอนขา” เสียงครางหวานหูยิ่งเพิ่มแรงตอกตรึงคนใต้ร่างมากขึ้น
“ซี้ด ~ ของเธอตอดดีมาก”
แรงกระหน่ำจุกเสียดจนแทบบ้า ภายในกระตุกเกร็งกับความรุนแรงที่ได้รับ จนเผลอบีบรัดส่วนสำคัญยิ่งทำให้เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้น
ปัก! ปัก! ปัก!
“อ๊ะ! หนึ่งจุกค่ะ เบา ๆ” เธอเอ่ยบอกเขา แต่มันไม่เป็นผล
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นห้องผสมเสียงครวญครางของคนทั้งคู่ ยิ่งใกล้จังหวะสุดท้ายก่อนถึงจุดหมาย เขายิ่งรัวสะโพก...
“อ่า ... ซี้ด”
เธอกับเขาถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน ความปรารถนาพุ่งกระจายไปทั่ว เธอสัมผัสได้ถึงความหลั่งรินเข้ามายังส่วนที่สึกที่สุด
ฌอนดึงแก่นกายออกมาจากช่องทางรัก หยาดน้ำขาวข้น ๆ ไหลทะลักออกมาตามร่องเนื้อหยดลงบนผ้าปูเตียง เขายิ้มมุมปากถึงพอใจแล้วดันพรวดเข้าไปใหม่สุดลำ
“อ่า ... เพิ่งเสร็จไปเมื่อกี้เองนะคะ”
“ก็บอกแล้วไง จะชดเชยจนถึงเช้า”
ถึงเช้าไม่มีอยู่จริง ... มันเลยเวลาไปเกือบเที่ยง ไม่รู้ว่าเขาอดอยากปากแห้งมาจากไหน รู้อยู่หรอกว่าเป็นคนหื่นแต่ก็ไม่คิดว่าจะทำเอาเธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเดินกลับเรือนหลังเล็ก...
สิบห้าปีที่แล้ว...“หนึ่งหลับตาลูก อย่าดู” มือเรียวยกขึ้นปิดตาเด็กหญิงตัวป้อมพลางกดหัวลงต่ำราวกับว่ากลัวใครมาเห็น เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นตามไรผมจนไหลหยดลงมาข้างแก้มตกสู่คางเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้น และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเห็นเธอกับลูกเลย อุตส่าห์หนีมาอยู่ไกลถึงที่นี่แล้ว อรนิดกระชับลูกไว้ในอกแน่น “อรนิด” เสียงเรียกนั้นมาพร้อมกับการเอื้อมมือมาแตะไหล่ เธอสะดุ้งเฮือกใหญ่ “อย่าทำอะไรฉันกับลูกเลย” ร่างเล็กร้องขอชีวิตออกมาสุดเสียง สองมือพนมไหว้สั่นงก ทั้งที่ดวงตายังไม่ทันได้ลืมขึ้นเสียด้วยซ้ำ“อรนิด ฟังก่อน! นี่ผมเอง” มือหนาเอื้อมมาจับสองไหล่เขย่าแรง ๆ สติของเธอจึงกลับมา เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าเป็นสามีของเพื่อน“คุณเชน”“คุณกับลูกปลอดภัยดีใช่ไหม” หญิงสาวพยักหน้ารับ ขอบคุณเขาที่มาช่วย แม้จะหอบลูกหนีกลับมาประเทศไทย ไม่คิดเลยว่าเดลเลอร์จะส่งคนมาตามล่า แค่ชีวิตสามีเธอมันยังไม่พออีกเหรอ“คุณอยู่ประเทศไทยไม่ปลอดภัย ภรรยาผมให้มาตามคุณกลับไปกอเทียร์”“ขนาดหนีมาไกลถึงที่นี่ยังไม่ปลอดภัย คิดเหรอว่ากลับไปที่นั้นแล้วชีวิตฉันกับลูกจะมีความสุข” หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าปอ
เสียงพูดคุยกันของใครบางคนดังอยู่ในรับรองทำให้เรียวขาสวยหยุดลงแล้วถอยกลับไปหลบอยู่มุมหนึ่งของประตูทางเข้า คนหนึ่งเธอจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นพี่ชายตัวเอง แต่อีกคนเธอไม่คุ้นน้ำเสียงมาก่อนแม้ว่าจะพยายามเอียงหูฟังเท่าไรแต่ก็ไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องอะไรกัน มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเดียร์มาสกรุ๊ปหรือเปล่า เธอแค่อยากรู้เรื่องเดียวก็คือกระดุมเม็ดนั้นเป็นของใคร “คุณเรย์มีนมายืนทำอะไรตรงนี้คะ”เสียงทักนั้นทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง เมื่อหันกลับไปเจอแม่บ้านสาวยืนอยู่ เธอถลึงตาใส่ เรย์เดนได้ยินเสียงพูดคุยอยู่หน้าห้องจึงจบบทสนทนาแล้วเดินไปเปิดประตู“มีอะไรกันแล้วมายืนทำอะไรหน้าห้อง”มองสาวรับใช้สลับกับน้องสาว เรย์มีนยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะแก้ตัวว่ามาชวนเขาออกไปกินข้าวด้านนอก เพราะเบื่ออาหารที่แม่บ้านทำแล้ว“อารมณ์ไหนถึงได้มาชวนพี่ไปกินข้าว วันนี้พี่นึกว่าแกจะนอนกอดหมอนร้องไห้ เพราะสุดดวงใจเพิ่งประกาศว่ามีเมียไปเมื่อคืน”รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นมุมปากสองแขนยกขึ้นกอดอก หญิงสาวหันขวับไปมองผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตาไม่พอ “อย่าพูดเรื่องนี้ได้ไหม ตกลงจะไปหรือไม่ไป”“อ๊ะๆ ไปก็ได้ ... คุณกลับไปก่อนนะ เราค่อยไปคุยกัน
บรรยากาศในรถเงียบเชียบจนได้ยินเครื่องปรับอากาศ คนที่ร้อน ๆ หนาว ๆ คงหนีไม่พ้นคนขับรถ ต่อให้เคยชินกับการนิ่งเงียบใส่กันของผู้เป็นเจ้านาย แต่บรรยากาศก็ไม่มืดครึ้มขนาดนี้“ขะ ...ขอโทษ” เอ่ยเสียงเบาผ่านลำคอ ได้รับเพียงความเงียบกลับคืนมา เธอชำเลืองมองเขาด้วยหางตา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองตรง ๆ คนเป็นมาเฟียยังคงนิ่งเงียบ ... เงียบกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น เธอไม่อยากให้เขาเป็นอย่างนี้ อย่างน้อยส่งสายตาเย็นชามาก็ยังดี “คุณฌอนคะ หนึ่ง...”รถจอดเทียบชานบันไดหน้าคฤหาสน์ ขายาวก้าวลงจากรถโดยไม่สนใจคนเจ้าเนื้อที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา เธอตัดสินใจวิ่งไปดักหน้า สองมือกางออกขวางทางเพื่อไม่ให้เขาเดินผ่านเธอไป มาเฟียหนุ่มตวัดนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองคนเจ้าเนื้อ โกรธ โมโห เขาไม่รู้ว่าจะเลือกใช้คำไหน เพราะมีคำว่า ‘เป็นห่วง’ เข้ามาแทนที่ทั้งหมด“หนึ่งขอโทษ ขอโทษจริงๆ หนึ่งแค่...”“แค่เห็นแก่เงิน” เขาสวนขึ้นเสียงเข้มเธอเม้มปากขึ้นเส้นตรงไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียว เพราะมันคือความจริง เงินจำนวนนั้นมั่นล่อตาล่อใจ จนเธอตกปากรับคำภายในเสี้ยววินาทีโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อนสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าจ้องหน้าน
“สวัสดีครับทุกท่าน” เสียงแหบพร่ากล่าวทักทายคนในงานดวงตาทุกดวงจับจ้องไปยับนับหนึ่งเป็นตาเดียวเพื่อฟังว่าตาเฒ่าแห่งแก๊งสเตนกำลังจะพูดอะไรต่อกันแน่ก่อนที่เดลเลอร์จะกล่าวอะไรต่อ พนักงานก็เริ่มเดินเสิร์ฟขนมไทยสีเหลืองฉ่ำวาวให้กับทุกโต๊ะ“ก่อนที่ผมจะประกาศเรื่องราวดี ๆ ที่ถูกปิดบังมาอย่างยาวนานให้กับทุกคนได้ทราบ และร่วมยินดี ผม ... อยากให้ทุกคนได้ลองชิมขนมตรงหน้าดูก่อน”เดลเลอร์มองสบตาไปยังฌอน พร้อมกับยิ้มเหยียดมุมปากฌอนรู้ได้ทันทีว่าสเตนต้องการประกาศเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับนับหนึ่งออกไปให้คนอื่นรู้ เพราะคิดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของตัวเขา มันอาจจะใช่และก็ไม่ใช่ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับว่าตาเฒ่านั้นเล่นถูกจุดอยู่ไม่น้อยบอดีการ์ดนับสิบคนเดินเข้ามาประจำจุดของตัวเองตามที่ได้รับคำสั่ง เขาไม่สนใจกฎระหว่างแก๊งแล้ว หากกล้าหยามหน้ากันขนาดนี้ เขาเองก็จะไม่ไว้หน้าเช่นกันร่างสูงลุกขึ้นเต็มสูบราวกับว่าจะประกาศศึกกับอีกฝ่าย ผู้คนในงานต่างเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของงานเลี้ยงในวันนี้ แม้แต่ประธานาธิบดีเองยังเดินทางกลับก่อนเวลา“ขนมที่ทุกท่านได้ทานอร่อยดีใช่ไหมครับ”เป็นคำถา
ดนตรีในงานบรรเลงสบาย ๆ แบบผ่อนคลาย ซึ่งตรงกันข้ามกับอารมณ์ผู้ทรงอำนาจของผู้นำเดียร์มาสกรุ๊ป เรย์มีนซึ่งนั่งอยู่อีกกลุ่มโต๊ะหนึ่งไม่ไกลเท่าไรสังเกตเห็นสีหน้าเรียบนิ่งแต่แววตาไม่สู้ดี แต่ก็ยังไม่กล้าเดินเข้าไปหาเพราะมีพี่ชายนั่งคุมอยู่ไม่ห่างมือหนายังคงรัวพิมพ์ข้อความผ่านโทรศัพท์ เพื่อสั่งงานกับลูกน้อง‘ส่งคนของเราออกตามหาให้ทั่ว ตรวจกล้องวงจรปิดทุกตัวบริเวณนั้น’ผู้รับคำสั่งเปิดอ่านทุกตัวอักษรแล้วพิมพ์ตอบรับคำสั่งด้วยมือสั่นเทา ขนาดบอกผ่านตัวหนังสือยังรู้สึกเสียวไปทั้งสันหลัง หากต้องอยู่ต่อหน้าไม่อยากจะคิดเลยว่าสีหน้าผู้เป็นนายจะเป็นอย่างไร“เฮ้ย! ตรวจดูให้ทั่วทุกตารางนิ้ว” หันกลับไปสั่งบอดีการ์ดที่ถูกตามมาช่วยงานสำคัญ ทุกอย่างต้องทำแบบเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้ผู้คนแตกตื่น และสำคัญเลยคือ ... อย่าให้ต่างแก๊งรู้เรื่องนี้ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำไม่ได้กังวลเรื่องการเจรจาเรื่องธุรกิจแล้ว ยามนี้เขาเป็นห่วงคนตัวกลมเสียมากกว่า ก่อนหน้านี้คนของเขารายงานมาว่าบอดี-การ์ดที่คอยติดตามเธอถูกพบหมดสติอยู่ด้านหลัง สอบถามได้ความเพียงว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนรุมทำร้ายเขา และถามหามาดามหญิงของไคโรดวงตาคู่คมกวา
สบถออกมาได้แค่คำนั้น รู้สึกได้ถึงแรงกระชากจากด้านหลัง เพียงชั่วพริบตา ร่างเธอก็ถูกชายฉกรรจ์ลากไปจากตรงนั้นโดยไร้เสียงร้องขอความช่วยเหลือแสงไฟสีเหลืองนวลอ่อนถูกเปิดไปทั่วบริเวณ แม้ไม่สว่างมากแต่ก็มองเห็นใบหน้าของผู้มาร่วมงานอย่างชัดเจน ผู้คนที่ถูกเชิญมาร่วมงานมีทั้งชาวกอเทียร์ และชาวต่างชาติการปรากฏตัวของฌอน ไคโร ทำเอาผู้คนต่างหันมามองเป็นตาเดียว รูปร่าง หน้าตา มีสง่า และทรงอำนาจมากกว่าประธานาธิบดีที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ“ผมสั่งเปลี่ยนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วครับ”เดฟ ซึ่งเดินประกบหลังเมื่อครู่ก้าวเท้าขึ้นมาเดินเทียบข้าง เอ่ยบอกเบา ๆ พร้อมกับผายมือไปยังอีกด้านหนึ่ง แทนที่จะเป็นโต๊ะเดียวกันกับประธานาธิบดีเหมือนเช่นทุกงานที่ได้ไปเขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปทักทายผู้นำของประเทศตามมารยาท แม้จะถูกเลื่อนเก้าอี้เชิญให้นั่ง ทว่าเขากลับปฏิเสธแล้วเดินไปยังโต๊ะของนักธุรกิจชาวไทย“คนนั้นเหรอที่เดียร์มาสกรุ๊ปอยากร่วมงานด้วย” หนึ่งในผู้มาร่วมงานเอ่ยถามเพื่อนร่วมโต๊ะ พลางพยักพเยิดหน้าไปยังผู้นำของแก๊งมาเฟียอันดับหนึ่ง“อืม ... ใช่ เห็นว่าคนนั้นเป็นนักธุรกิจที่มีอำนาจกว้างขวางในเมืองไ