ปัง!
“ไอ้ฌอน!”
เรย์เดน ไทสัน ตบโต๊ะทำงานเสียงดัง ลูกน้องคนสนิทสะดุ้งเล็กน้อยสันหลังเย็นวาบ พอเขาเข้ามารายงานเรื่องที่แก๊งเดียร์มาสส่งนิ้วขาด และคนของตัวเองที่อาการปางตายคืนกลับมา ผู้เป็นนายก็โกรธขั้นขีดสุด
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เตือนว่าอย่าทำอย่างนี้ แต่เจ้านายตนก็ไม่ยอมฟัง ทั้งที่รู้ว่าอำนาจของแก๊งตัวเองเป็นรองอยู่มาก
“มีอีกเรื่องที่คุณเรย์เดนต้องรู้ครับ”
“อะไร!” น้ำเสียงผู้กุมอำนาจไนไตร์ยังคงคุกรุ่น
ลูกน้องมือขวาเลื่อนรูปถ่ายของเรย์มีนมาให้ เขารับมาดูแล้วกำมือแน่น ดวงตาดุกร้าวเมื่อครู่ดูน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม แถมไม่พูดไม่จา
ลุกพรวดพราดออกไปจากห้องทำงาน
ขายาวก้าวตรงไปยังสระว่ายน้ำด้านหลังคฤหาสน์หรู เพราะรู้ว่าคนที่ต้องการอยากจะเจอตัวอยู่ตรงนั้น
“พี่เรย์เดนมาพอดีเลย ว่ายน้ำด้วยกันไหมคะ...”
เพี้ยะ!
เรย์มีนเอ่ยทักทายพี่ชายทว่า คำตอบที่ได้รับกลับมากลายเป็นฝ่า
มือหนาประทับลงบนแก้มนวลจนหันไปตามแรงตบ
“พี่เรย์เดน ตบมีนทำไม!”
รอยนิ้วทั้งห้าปรากฏบนใบหน้า ดวงตาแดงก่ำจ้องมองพี่ชายด้วย
ความโกรธ รูปถ่ายหลายใบถูกปาตามมาทีหลัง เธอย่อตัวลงเก็บมันขึ้นมาดูทีละใบ แล้วไหวไหล่เหมือนไม่สะทกสะท้านกับภาพเหล่านั้น
“แกเอาความลับของแก๊งเราไปบอกมัน”
“มีนไม่เคยทรยศแก๊งเรา ต่อให้มันจะชอบคุณฌอนมากแค่ไหนก็จะไม่มีวันทรยศเด็ดขาด”
เพี้ยะ!
ใบหน้าหวานสะบัดไปตามแรงมือ หยดเลือดไหลผ่านมุมปาก เธอยกมือขึ้นแตะมันแล้วเบิกตากว้าง ไม่เคยคิดเลยว่าพี่ชายแท้ ๆ จะลงมือทำร้ายเธอได้ขนาดนี้ ตั้งแต่เด็กจนโตแม้แต่ปลายนิ้วก้อยก็ไม่เคยได้สัมผัส
เรย์เดนยกมือตัวเองขึ้นมองรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่สามารถคุมสติตัวเองเอาไว้ได้ น้องสาวเขาพูดออกมาเต็มปากเต็มคำได้อย่างไรว่ารักศัตรู
“ ฮึ ฮึ ” เรย์มีนแค่นหัวเราะผ่านลำคอ เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตา
มีหยดน้ำใสไหลลงมาอาบแก้ม
ผู้เป็นพี่ชายได้แต่ย่นคิ้วเข้มเข้าหากัน แปลกใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปของน้องสาว และรู้สึกโกรธกับการกระทำครู่ต่อมา
“ถุย!”
ถ่มน้ำลายลงพื้น ยกมือเช็ดเลือดมุมปาก
“อธิบายหรือแก้ตัวไปก็คงไม่เชื่อ คนที่เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ จนมองไม่เห็นความคิด หรือความหวังดีของคนอื่นแบบพี่เรย์เดนคงปกครองแก๊งไนไตร์ได้ไม่นานหรอก”
“เรย์มีน!” มือหนายกขึ้นเหนือไหล่
“เอาสิ! ตบอีก! หรือจะเอาปืนนี้ยิงมาที่หัวน้องสาวพี่ก็เอาเลย”
มือเล็กคว้าปืนซึ่งเหน็บอยู่ที่เอวของบอดีการ์ดของเรย์เดนมายัดใส่มือศีรษะเล็กเอียงสุดลำตัวเข้าไปใกล้พี่ชายเพื่อประชด
ชายหนุ่มได้แต่ขบเขี้ยวฟันด้วยความเจ็บใจ สะบัดมืออย่างแรงจนปืนกระเด็นไปอีกทาง หากไม่ติดว่าเธอเป็นน้องสาว เขาคงทำตามคำท้าท้าย
เมื่อครู่ไปแล้ว
“เอาเรย์มีนไปขังไว้ในห้อง ยึดเครื่องมืดสื่อสารทุกชนิดอย่าให้เธอติดต่อใครได้ จนกว่าฉันจะเป็นคนสั่งให้ปล่อย”
สั่งเสร็จก็เดินจากไปเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง หญิงสาวดวงตาเบิกกว้างร้องตามหลังผู้เป็นพี่ชาย ก้าวเท้าจะเดินตามแต่ก็ถูกสองบอดีการ์ดหิ้วปีกกลับเข้าไปด้านในตามคำสั่ง
“พี่เรย์เดน! จะทำกับน้องแบบนี้ไม่ได้นะ”
“พี่เรย์เดน ... “
เจ้าของใบหน้าหล่อเหล่ากระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อลูกน้องมือขวาเดินเข้ามารายงานเรื่องของเรย์มีน ซึ่งมันเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้
“คุณฌอนจะทำยังไงต่อครับ” นึกสงสัยว่าขั้นตอนต่อไปเจ้านายกำลังคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ ถึงจะอยู่ด้วยกันมานานแผนการบางอย่างเขาก็ไม่สามารถคาดเดาได้ บางครั้งก็ทำอะไรโดยที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน
“ไม่ต้องทำอะไร ... รอเวลาก็พอ”
“รอเวลา? รอทำไมครับ” บอดีการ์ดหนุ่มยังคงขมวดคิ้วสงสัย
“นายน่ะ อ่อนเรื่องผู้หญิงมากเลยนะเดฟ” วางแฟ้มในมือลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน ไม่ลืมหยิบเสื้อสูทขึ้นมาสวมก่อนจะเดินนำหน้าไปยังประตูแล้วเอ่ยขึ้นต่อ
“ผู้หญิงน่ะ เวลารักใครมาก ๆ เมื่อถูกขัดขวางก็จะทำทุกทางเพื่อหนีออกมา ยิ่งมองไปรอบข้างไม่เห็นใครความรู้สึกยิ่งอ่อนไหว ถึงเวลานั้นฉันก็แค่อ้าแขนรับ ทำตัวเป็นผู้ชายอบอุ่นกางปีกเพื่อปกป้อง”
ฌอนหันไปยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์จนมองแทบไม่ทัน ประโยคถัดมาของเดฟขัดหูจนทำฝีเท้าร่างสูงชะงักลง
“แล้วถ้าคุณนับหนึ่งรู้ล่ะครับ”
“รู้แล้วยังไง ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะทำอะไรได้”
ขายาวก้าวขึ้นรถต่อ บอดีการ์ดคู่กายส่ายหน้าแล้วเดินตามหลังเจ้านายจนกระทั่งรถเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ ฌอนจึงบอกให้เดฟกลับไปพักผ่อน
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอาหารมื้อเย็นลอยมาปะทะจมูก เวลาไม่นาน
มาเรียก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมารับ เขาเพียงยื่นเสื้อสูทตัวเดิมให้หญิงสูงวัย พลางชะเง้อคอเข้าไปในห้องครัวสไตร์ยุโรป เขาเห็นเพียงแม่บ้านบางคนกำลังเตรียมอาหารอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
“นับหนึ่งไปไหน”
“คุณนับหนึ่งกลับไปอาบน้ำค่ะ พอดีอาหารกระเด็นใส่เสื้อเลอะ...”
อธิบายยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มยกมือขึ้นห้ามว่าไม่ต้องพูดต่อแล้วเปลี่ยนเป็นเอ่ยคำสั่งใหม่ขึ้นมาแทน
“หลังกินข้าว บอกเธอให้ขึ้นไปบนห้องนอนด้วย”
มาเรียยิ้มมุมปากพยักหน้ารับคำสั่ง และผละเดินไปอีกทางเพื่อไปบอกมาดามหญิงของตระกูลไคโร
นับหนึ่งพยักหน้ารับรู้กับคำสั่งที่หัวหน้าแม่บ้านมาบอก เธอหันไปยกผ้าห่มคลุมตัวผู้เป็นแม่จนถึงคอ เพราะอาการช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว และหันกลับไปสั่งมิก้าดูแลอรนิดให้ดี
ขาอวบก้าวมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอนที่คุ้นเคย ลมหายใจสูดเข้าเต็มปอด ก่อนจะยกมือเคาะประตูเพื่อรออีกฝ่ายอนุญาต
“เข้ามา...”
ฌอนเอ่ยอนุญาตเพราะรู้ดีว่าใครเป็นคนเคาะ ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเบาะนุ่มของเก้าอี้ปลายเตียงนอน เขาเปรยตามองร่างอ้วนในชุดนอนสีชมพูอ่อนบางเบา กลิ่นหอมสบู่ลอยมาก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาใกล้
สิบห้าปีที่แล้ว...“หนึ่งหลับตาลูก อย่าดู” มือเรียวยกขึ้นปิดตาเด็กหญิงตัวป้อมพลางกดหัวลงต่ำราวกับว่ากลัวใครมาเห็น เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นตามไรผมจนไหลหยดลงมาข้างแก้มตกสู่คางเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้น และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเห็นเธอกับลูกเลย อุตส่าห์หนีมาอยู่ไกลถึงที่นี่แล้ว อรนิดกระชับลูกไว้ในอกแน่น “อรนิด” เสียงเรียกนั้นมาพร้อมกับการเอื้อมมือมาแตะไหล่ เธอสะดุ้งเฮือกใหญ่ “อย่าทำอะไรฉันกับลูกเลย” ร่างเล็กร้องขอชีวิตออกมาสุดเสียง สองมือพนมไหว้สั่นงก ทั้งที่ดวงตายังไม่ทันได้ลืมขึ้นเสียด้วยซ้ำ“อรนิด ฟังก่อน! นี่ผมเอง” มือหนาเอื้อมมาจับสองไหล่เขย่าแรง ๆ สติของเธอจึงกลับมา เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าเป็นสามีของเพื่อน“คุณเชน”“คุณกับลูกปลอดภัยดีใช่ไหม” หญิงสาวพยักหน้ารับ ขอบคุณเขาที่มาช่วย แม้จะหอบลูกหนีกลับมาประเทศไทย ไม่คิดเลยว่าเดลเลอร์จะส่งคนมาตามล่า แค่ชีวิตสามีเธอมันยังไม่พออีกเหรอ“คุณอยู่ประเทศไทยไม่ปลอดภัย ภรรยาผมให้มาตามคุณกลับไปกอเทียร์”“ขนาดหนีมาไกลถึงที่นี่ยังไม่ปลอดภัย คิดเหรอว่ากลับไปที่นั้นแล้วชีวิตฉันกับลูกจะมีความสุข” หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าปอ
เสียงพูดคุยกันของใครบางคนดังอยู่ในรับรองทำให้เรียวขาสวยหยุดลงแล้วถอยกลับไปหลบอยู่มุมหนึ่งของประตูทางเข้า คนหนึ่งเธอจำได้เป็นอย่างดีว่าเป็นพี่ชายตัวเอง แต่อีกคนเธอไม่คุ้นน้ำเสียงมาก่อนแม้ว่าจะพยายามเอียงหูฟังเท่าไรแต่ก็ไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องอะไรกัน มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเดียร์มาสกรุ๊ปหรือเปล่า เธอแค่อยากรู้เรื่องเดียวก็คือกระดุมเม็ดนั้นเป็นของใคร “คุณเรย์มีนมายืนทำอะไรตรงนี้คะ”เสียงทักนั้นทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง เมื่อหันกลับไปเจอแม่บ้านสาวยืนอยู่ เธอถลึงตาใส่ เรย์เดนได้ยินเสียงพูดคุยอยู่หน้าห้องจึงจบบทสนทนาแล้วเดินไปเปิดประตู“มีอะไรกันแล้วมายืนทำอะไรหน้าห้อง”มองสาวรับใช้สลับกับน้องสาว เรย์มีนยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะแก้ตัวว่ามาชวนเขาออกไปกินข้าวด้านนอก เพราะเบื่ออาหารที่แม่บ้านทำแล้ว“อารมณ์ไหนถึงได้มาชวนพี่ไปกินข้าว วันนี้พี่นึกว่าแกจะนอนกอดหมอนร้องไห้ เพราะสุดดวงใจเพิ่งประกาศว่ามีเมียไปเมื่อคืน”รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นมุมปากสองแขนยกขึ้นกอดอก หญิงสาวหันขวับไปมองผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตาไม่พอ “อย่าพูดเรื่องนี้ได้ไหม ตกลงจะไปหรือไม่ไป”“อ๊ะๆ ไปก็ได้ ... คุณกลับไปก่อนนะ เราค่อยไปคุยกัน
บรรยากาศในรถเงียบเชียบจนได้ยินเครื่องปรับอากาศ คนที่ร้อน ๆ หนาว ๆ คงหนีไม่พ้นคนขับรถ ต่อให้เคยชินกับการนิ่งเงียบใส่กันของผู้เป็นเจ้านาย แต่บรรยากาศก็ไม่มืดครึ้มขนาดนี้“ขะ ...ขอโทษ” เอ่ยเสียงเบาผ่านลำคอ ได้รับเพียงความเงียบกลับคืนมา เธอชำเลืองมองเขาด้วยหางตา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองตรง ๆ คนเป็นมาเฟียยังคงนิ่งเงียบ ... เงียบกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น เธอไม่อยากให้เขาเป็นอย่างนี้ อย่างน้อยส่งสายตาเย็นชามาก็ยังดี “คุณฌอนคะ หนึ่ง...”รถจอดเทียบชานบันไดหน้าคฤหาสน์ ขายาวก้าวลงจากรถโดยไม่สนใจคนเจ้าเนื้อที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา เธอตัดสินใจวิ่งไปดักหน้า สองมือกางออกขวางทางเพื่อไม่ให้เขาเดินผ่านเธอไป มาเฟียหนุ่มตวัดนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองคนเจ้าเนื้อ โกรธ โมโห เขาไม่รู้ว่าจะเลือกใช้คำไหน เพราะมีคำว่า ‘เป็นห่วง’ เข้ามาแทนที่ทั้งหมด“หนึ่งขอโทษ ขอโทษจริงๆ หนึ่งแค่...”“แค่เห็นแก่เงิน” เขาสวนขึ้นเสียงเข้มเธอเม้มปากขึ้นเส้นตรงไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียว เพราะมันคือความจริง เงินจำนวนนั้นมั่นล่อตาล่อใจ จนเธอตกปากรับคำภายในเสี้ยววินาทีโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อนสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าจ้องหน้าน
“สวัสดีครับทุกท่าน” เสียงแหบพร่ากล่าวทักทายคนในงานดวงตาทุกดวงจับจ้องไปยับนับหนึ่งเป็นตาเดียวเพื่อฟังว่าตาเฒ่าแห่งแก๊งสเตนกำลังจะพูดอะไรต่อกันแน่ก่อนที่เดลเลอร์จะกล่าวอะไรต่อ พนักงานก็เริ่มเดินเสิร์ฟขนมไทยสีเหลืองฉ่ำวาวให้กับทุกโต๊ะ“ก่อนที่ผมจะประกาศเรื่องราวดี ๆ ที่ถูกปิดบังมาอย่างยาวนานให้กับทุกคนได้ทราบ และร่วมยินดี ผม ... อยากให้ทุกคนได้ลองชิมขนมตรงหน้าดูก่อน”เดลเลอร์มองสบตาไปยังฌอน พร้อมกับยิ้มเหยียดมุมปากฌอนรู้ได้ทันทีว่าสเตนต้องการประกาศเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับนับหนึ่งออกไปให้คนอื่นรู้ เพราะคิดว่าเธอเป็นจุดอ่อนของตัวเขา มันอาจจะใช่และก็ไม่ใช่ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องยอมรับว่าตาเฒ่านั้นเล่นถูกจุดอยู่ไม่น้อยบอดีการ์ดนับสิบคนเดินเข้ามาประจำจุดของตัวเองตามที่ได้รับคำสั่ง เขาไม่สนใจกฎระหว่างแก๊งแล้ว หากกล้าหยามหน้ากันขนาดนี้ เขาเองก็จะไม่ไว้หน้าเช่นกันร่างสูงลุกขึ้นเต็มสูบราวกับว่าจะประกาศศึกกับอีกฝ่าย ผู้คนในงานต่างเริ่มรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของงานเลี้ยงในวันนี้ แม้แต่ประธานาธิบดีเองยังเดินทางกลับก่อนเวลา“ขนมที่ทุกท่านได้ทานอร่อยดีใช่ไหมครับ”เป็นคำถา
ดนตรีในงานบรรเลงสบาย ๆ แบบผ่อนคลาย ซึ่งตรงกันข้ามกับอารมณ์ผู้ทรงอำนาจของผู้นำเดียร์มาสกรุ๊ป เรย์มีนซึ่งนั่งอยู่อีกกลุ่มโต๊ะหนึ่งไม่ไกลเท่าไรสังเกตเห็นสีหน้าเรียบนิ่งแต่แววตาไม่สู้ดี แต่ก็ยังไม่กล้าเดินเข้าไปหาเพราะมีพี่ชายนั่งคุมอยู่ไม่ห่างมือหนายังคงรัวพิมพ์ข้อความผ่านโทรศัพท์ เพื่อสั่งงานกับลูกน้อง‘ส่งคนของเราออกตามหาให้ทั่ว ตรวจกล้องวงจรปิดทุกตัวบริเวณนั้น’ผู้รับคำสั่งเปิดอ่านทุกตัวอักษรแล้วพิมพ์ตอบรับคำสั่งด้วยมือสั่นเทา ขนาดบอกผ่านตัวหนังสือยังรู้สึกเสียวไปทั้งสันหลัง หากต้องอยู่ต่อหน้าไม่อยากจะคิดเลยว่าสีหน้าผู้เป็นนายจะเป็นอย่างไร“เฮ้ย! ตรวจดูให้ทั่วทุกตารางนิ้ว” หันกลับไปสั่งบอดีการ์ดที่ถูกตามมาช่วยงานสำคัญ ทุกอย่างต้องทำแบบเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้ผู้คนแตกตื่น และสำคัญเลยคือ ... อย่าให้ต่างแก๊งรู้เรื่องนี้ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำไม่ได้กังวลเรื่องการเจรจาเรื่องธุรกิจแล้ว ยามนี้เขาเป็นห่วงคนตัวกลมเสียมากกว่า ก่อนหน้านี้คนของเขารายงานมาว่าบอดี-การ์ดที่คอยติดตามเธอถูกพบหมดสติอยู่ด้านหลัง สอบถามได้ความเพียงว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนรุมทำร้ายเขา และถามหามาดามหญิงของไคโรดวงตาคู่คมกวา
สบถออกมาได้แค่คำนั้น รู้สึกได้ถึงแรงกระชากจากด้านหลัง เพียงชั่วพริบตา ร่างเธอก็ถูกชายฉกรรจ์ลากไปจากตรงนั้นโดยไร้เสียงร้องขอความช่วยเหลือแสงไฟสีเหลืองนวลอ่อนถูกเปิดไปทั่วบริเวณ แม้ไม่สว่างมากแต่ก็มองเห็นใบหน้าของผู้มาร่วมงานอย่างชัดเจน ผู้คนที่ถูกเชิญมาร่วมงานมีทั้งชาวกอเทียร์ และชาวต่างชาติการปรากฏตัวของฌอน ไคโร ทำเอาผู้คนต่างหันมามองเป็นตาเดียว รูปร่าง หน้าตา มีสง่า และทรงอำนาจมากกว่าประธานาธิบดีที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้เสียด้วยซ้ำ“ผมสั่งเปลี่ยนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วครับ”เดฟ ซึ่งเดินประกบหลังเมื่อครู่ก้าวเท้าขึ้นมาเดินเทียบข้าง เอ่ยบอกเบา ๆ พร้อมกับผายมือไปยังอีกด้านหนึ่ง แทนที่จะเป็นโต๊ะเดียวกันกับประธานาธิบดีเหมือนเช่นทุกงานที่ได้ไปเขาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปทักทายผู้นำของประเทศตามมารยาท แม้จะถูกเลื่อนเก้าอี้เชิญให้นั่ง ทว่าเขากลับปฏิเสธแล้วเดินไปยังโต๊ะของนักธุรกิจชาวไทย“คนนั้นเหรอที่เดียร์มาสกรุ๊ปอยากร่วมงานด้วย” หนึ่งในผู้มาร่วมงานเอ่ยถามเพื่อนร่วมโต๊ะ พลางพยักพเยิดหน้าไปยังผู้นำของแก๊งมาเฟียอันดับหนึ่ง“อืม ... ใช่ เห็นว่าคนนั้นเป็นนักธุรกิจที่มีอำนาจกว้างขวางในเมืองไ