"บังเอิญจังพี่เปอร์กับพี่เซฟดันเป็นเพื่อนกันซะงั้น" ซินดี้ฉายรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ เมื่อตอนนี้ทุกคนมาถึงอู่ซ่อมสุดหรูของเปเปอร์แล้ว โดยโจเซฟเองก็ขับตามมาด้วย เป็นเหตุที่ทำให้มิวสิคยังยืนทำหน้าบูดหน้าบึ้งไม่พูดไม่จากับใครมาตลอดทางรวมไปถึงตอนนี้
"บังเอิญจริง" เปเปอร์หัวเราะเบา ๆ แล้วปรายมองเพื่อน เพียงแวบเดียวเขาก็หันมาคุยกับสาว ๆ เรื่องรถที่ต้องซ่อมกันต่อ
"ว่าแต่เรื่องรถยังไงอะพี่ สรุปคือรั่วใช่ไหม?"
"น่าจะต้องตรวจดูอีกที เรามาคุยรายละเอียดกับพี่ก่อนก็ได้"
"งั้นซินดี้มึงอยู่เป็นเพื่อนกูแล้วกัน"
"เอ้า…แล้วกูล่ะ" มิวสิคที่ยืนเงียบอยู่นานชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง มีเพื่อนอีกตั้งสองคนที่มาด้วยแต่โอโซนกลับระบุชื่อคนเดียวโดยไม่พูดถึงเธอเสียอย่างนั้น
"รถมึงจอดที่มหา'ลัยไม่ใช่เหรอ ไม่รีบไปเอาหรือไง" พูดถึงรถเธอเองก็นึกขึ้นได้ ดันจอดรถทิ้งไว้ที่มหา'ลัยตั้งแต่หลังเลิกเรียน เพราะถูกเพื่อนรีบลากไปมูเตลูพร้อมกัน ซึ่งเธอเองก็ทิ้งลูกชายเบนซ์ดำเงาวับคันโปรดไม่ได้เหมือนกัน ส่วนซินดี้ไม่มีรถตั้งแต่แรกจึงอยู่ต่อที่นี่ได้สบาย ๆ
"งั้นให้เพื่อนพี่ไปส่งดิ มึงว่างใช่ไหมไอเซฟ" เปเปอร์ออกความคิดเห็น พยักเพยิดถามเจ้าของชื่อเขาก็พยักหน้าแล้วเปล่งตอบกลับมา
"ว่าง"
"ขอบคุณนะคะ…แต่ไม่ต้อง ฉันเรียกรถเองได้" ทว่าคนรั้นก็คือคนรั้นอยู่วันยันค่ำ ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขาทุกครั้งที่ถูกเสนอ ราวกับเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อนแม้แต่หน้าก็ไม่ค่อยอยากจะชายตามอง
"แถวอู่พี่เรียกรถยากด้วยสิ แถมข้างนอกลูกน้องพี่เต็มไปหมด ดึกมากแล้วด้วยกลับกับไอเซฟนั้นแหละ ปลอดภัยกว่า" มิวสิคยืนคิดแล้วกวาดตามองออกไปข้างนอกสำนักงานของอู่ซ่อมขนาดใหญ่ และใช่…มันเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ในชุดช่างถือไขควงอุปกรณ์ซ่อมรถเดินผ่านไปผ่านมาในหลายบริเวณ
"แต่ทุกคนก็เห็นหมดแล้วว่ามิวมากับเจ้าของอู่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรมิวหรอก" มิวสิคกลืนน้ำลายไปพูดไป ความจริงเธอก็กลัว..แต่กลัวที่จะต้องไปกับเขาคนที่ไม่ไว้ใจมากกว่า
"งะ งั้นกูไปก่อนนะพวกมึง พรุ่งนี้เจอกัน" สิ้นเสียงหวานที่กล่าวลาเพื่อนโดยไม่คิดจะยอมฟังคำเตือนของเปเปอร์ เธอรีบเดินไปผลักประตูห้องสำนักงานแต่ไม่ทันจะได้แตะด้ามจับ ประตูก็ดันถูกดันเข้ามาโดยช่างซ่อมหรือลูกน้องของเปเปอร์ที่อยู่ด้านนอกเปิดประตูออกมาจนเธอชะงักแทบหมุนตัวกลับมายืนที่เดิมไม่ทัน
"รถที่ลากมามาถึงแล้วครับนาย" มิวสิคยืนแข็งทื่ออ้าปากตกใจกับช่างที่เหมือนเปเปอร์จะคัดจากหน้าตา ทุกคนดูโหดดุไร้รอยยิ้มและไม่เป็นมิตร ทันทีที่เปเปอร์พยักหน้าร่างของคนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันเครื่องก็เดินออกไปและไม่วายที่จะส่งสายตาใส่เธอส่งท้าย
"กูว่ามึงให้พี่เซฟไปส่งเถอะ เชื่อกู" ซินดี้พยักหน้าใส่เพื่อนรัว ๆ เท่าที่เห็นเมื่อกี้แล้วสถานการณ์ด้านนอกท่าไม่ดีเลยสักนิด สำหรับเธอแล้วการไปกับโจเซฟปลอดภัยกว่าเป็นเท่าตัว
"นาย…ไปส่งฉันหน่อย" ท้ายสุดมิวสิคก็ต้องยอมขอความช่วยเหลือจากเขาเหมือนเดิม เพราะรักชีวิตตัวเองมากกว่าการมาห่วงศักดิ์ศรีที่ค้ำคอจึงยอมให้เขาไปส่ง ดีกว่าต้องผ่านหลายสายตาของช่างที่ไม่รู้ว่าเดินออกไปรอรถแล้วจะปลอดภัยตลอดรอดฝั่ง
"งั้นกูฝากด้วยแล้วกัน" โจเซฟกระตุกยิ้มแล้วส่ายหัวเล็กน้อย กว่าจะยอมได้ก็ใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียว ร่างสูงจึงหันไปพูดกับเพื่อนที่ยกหน้าที่เรื่องรถให้จัดการต่อ ก่อนที่จะนำมิวสิคเปิดประตูเดินออกไปจากสำนักงานแล้วเปิดประตูรถรอร่างสวยที่เดินตามมา
ภายในรถมีแต่ความเงียบสงัดจนได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังหึ่ง แทนที่จะเป็นคำพูดของคนสองคนที่นั่งสูดลมหายใจกันใกล้ ๆ มาแล้วหลายนาที
มิวสิคนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถ สังเกตทุกเส้นทางตลอดสายที่เขากำลังขับผ่าน แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้วางใจและเชื่อใจในตัวเขามากเท่าไหร่ แต่เพียงเพราะตอนนั้นไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่าจึงจำเป็นต้องยื่นมือไปขอช่วยก็เท่านั้นเอง
"จะนอนก็ได้นะ พี่ไม่ทำอะไรเธอหรอก" คนเงียบอยู่นานอยู่ ๆ ก็โพล่งพูดขึ้น โดยสายตายังทอดมองถนนเส้นที่ยาวออกไป ในขณะที่คนข้าง ๆ นั้นปรายมามองเขาเพียงแวบเดียว
"ไม่ง่วง"
"ไม่ง่วงหรือไม่ไว้ใจ"
"ทั้งคู่"
"หึ" หลังจากเสียงหัวเราะในลำคอของโจเซฟทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบราวป่าช้าอีกครั้ง ก่อนที่มิวสิคจะนึกขึ้นได้ว่าคำถามที่ยังค้างคาอยู่ก่อนหน้ายังไม่ได้รับคำตอบเธอจึงถามขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ต้องการจะชวนคุย
"นายยังไม่ได้ตอบเลยว่าสรุปแล้วรู้ชื่อฉันได้ยังไง?"
"อยากรู้เหรอ?"
"ไม่อยากรู้มั้ง ที่ถามก็ต้องอยากรู้อยู่แล้วปะ" ประโยคหลังเธอพูดเบาราวกับกระซิบ ทว่าโจเซฟกลับได้ยินมันชัดเจนไม่วายที่จะส่ายหัวให้ความต่อล้อต่อเถียงที่มีเสมอต้นเสมอปลาย
"พี่"
"ฮ้ะ?" อะไรของเขา อยู่ ๆ ก็พูดคำว่า 'พี่' ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
"เรียกพี่ว่าพี่แล้วแทนตัวเองด้วยชื่อตัวเองเหมือนที่ทำกับคนอื่นก่อนดิ"
"งั้นก็ไม่อยากรู้ละ จะรู้จักชื่อฉันมาจากไหนก็แล้วแต่นายแล้วกัน" แล้วบทสนทนาก็จบลงแค่ตรงนั้น ในที่สุดรถเฟอร์รารี่ก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคณะนิเทศศาสตร์ มิวสิคที่เห็นดังนั้นก็รีบเปิดประตู ก่อนที่จะก้าวขาลงจากรถแต่ก็ชะงักไว้ก่อน ถึงความน่าเคารพของเขาสำหรับเธอแล้วจะมีอยู่น้อยนิด แต่ร่างบางก็ยอมหันไปยกมือไหว้แล้วพูดว่า
"ขอบคุณค่ะ" ออกมาเบา ๆ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือถึงสองครา
ปึก!
ประตูรถหรูถูกปิดลงทันที โจเซฟกลับอมยิ้มออกมาโดยมือหนายังยกค้างรับไหว้แทบไม่ทัน ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดว่าคนแบบเธอจะยอมยกมือไหว้ให้เขา ไม่เคยยักจะได้รับจากสาว ๆ ที่ไหนที่คุยด้วยเลยสักคน
เธอเริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ…
โจเซฟผิวปากเดินเข้าบ้านที่อาศัยกันอยู่กันสามคนพี่น้องด้วยความอารมณ์ดี ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนเท้าหนาก็ต้องหยุดเดินแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในครัว ก่อนจะฝังจมูกบนลุ่มผมดำของสาวน้อยที่กำลังอบขนมอยู่ในครัวแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์เอื้อมไปหยิบคุกกี้ขึ้นมานั่งทาน
"อร่อยนะเนี่ย ทำเองเลยเหรอ" โจเซฟว่าจบก็หยิบอีกชิ้นขึ้นมาทานต่อเนื่อง โดยคนที่เขาเพิ่งจะหอมหัวไปก่อนหน้าคือจีเซลล์น้องสาวแท้ ๆ ที่คลานตามกันมาและรักมากกว่าอะไรดี
"ใช่ ว่าแต่เฮียไปอารมณ์ดีอะไรมา วันนี้ดูมีความสุขแปลก ๆ" น้องสาวหรี่ตาพยายามจับผิดพี่ชาย ทว่าคนตัวโตก็ยักไหล่โดดลงจากเคาน์เตอร์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไม่มีอะไรนะ ก็ปกติ"
"แต่หน้าเฮียไม่ได้บอกแบบนั้น"
"ไม่ต้องมาจับผิดเฮีย ไปอบขนมให้เสร็จนู้น" ร่างสูงกำลังจะเดินพ้นไปจากอณาเขตครัวแต่ไม่วายที่จะถูกน้องสาวดึงกลับมา เพราะยังคุยกันไม่จบ
"เดี๋ยวสิเฮีย เฮียน่ะไปไหนมา รู้ไหมว่าแม่มานั่งรอเฮียตั้งนาน เพิ่งจะกลับไปก่อนเฮียมาถึงไม่กี่นาทีเอง"
"แม่บอกว่ามาหาเฮียเหรอ?" สามพี่น้องอาศัยคนละบ้าน โดยพ่อและแม่จะอยู่บ้านใหญ่ที่เป็นคฤหาสน์ของเจอาร์กรุ๊ปที่เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดของพ่อมากมาย ขณะที่พวกเขานั้นย้ายมาตามพี่ชายคนโตหรือเจโรมที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย และแน่นอนว่าเขาเองก็ชอบความสงบจึงหนีตามพี่ชายมาอยู่ด้วยรวมไปถึงจีเซลที่ไม่เคยแยกจากกัน ทว่าตอนนี้เจ้าบ้านหรือพี่ชายคนโตนั้นได้หายไปตั้งแต่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน จึงเหลืออยู่แค่สองพี่น้องและพ่อแม่ที่คิดถึงบรรดาลูก ๆ ก็จะแวะเวียนมาหาเป็นบางเวลา
"ใช่ แม่บอกว่ามีเรื่องสำคัญอยากคุยกับเฮีย โทรไปก็ปิดเครื่อง"
"แบตหมด ว่าแต่แม่บอกไหมว่าเรื่องอะไร?"
"ไม่ได้บอก แต่ก็ดูแม่ไม่ได้ซีเรียสมาก เฮียไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่าล่ะ" โจเซฟรีบส่ายหัวทันที แทบไม่เคยทำอะไรให้มารดาโกรธเลยด้วยซ้ำ
"ถ้างั้นก็คงไม่มีอะไรหรอก คงคิดถึงเฮียมั้ง"
"คงอย่างนั้น งั้นจานนี้เฮียขอนะ ไปอาบน้ำนอนละน้องรัก" มือหนาถือขนมคุกกี้ของน้องสาวที่อบมาเต็มจาน ก่อนจะไปก็ไม่วายที่จะหอมหัวน้องสาวอีกครั้ง แล้วรีบตรงขึ้นไปชั้นบนกลับเข้าห้องตัวเองอารมณ์ดีเกินหน้าเกินตาเหมือนเดิมแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ยอมรับความจริงก็ตาม
น้องสาวเขาคิดแบบนั้น
อาการคุ้น ๆ เหมือนเฮียโรมตอนเริ่มมีความรักไม่มีผิดเลย…
"เจเดนเจไดพ่อบอกให้หยุด!" เสียงที่ดังจากนอกบ้านทำให้ฉันรีบสับเท้าเดินออกไปดูอย่างไว แน่นอนว่าเสียงนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากสามีของฉันที่บอกก่อนหน้าว่าจะออกไปหากิจกรรมทำกับลูกชายฝาแฝดวัยสิบห้าขวบนอกบ้าน แต่เสียงเข้มดุปานนั้นฉันคิดว่าคงจะเกิดเรื่องสักอย่างขึ้นระหว่างสามคนแน่นอน"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ฉันมองทั้งสามที่หน้าเหมือนกันราวกับแฝดสาม เจเดนแฝดพี่และเจไดแฝดน้องผู้ถอดแบบคนเป็นพ่อราวกับแกะ ทั้งใบหน้าท่าทางและนิสัยอุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย"จะอะไรก็ทะเลาะกันอีก" คนเป็นพ่อฟ้องฉันแล้วกราดสายตามองลูกชายหน้านิ่ง เป็นเรื่องปกติของบ้านเราที่สองแฝดจะทะเลาะตีกันหยุมหัวกันแทบทุกเวลา ยิ่งช่วงนี้ยิ่งโตขึ้นแตะอายุสองหลักก็ยิ่งมีความคิดเป็นของตัวเอง ตีกันตามประสาเด็กผู้ชายไม่หยุดไม่หย่อนขนาดมีคนกลางอยู่ด้วยก็ยังไม่เว้น"เจเดนแพ้แล้วพาล" แฝดน้องรีบฟ้องขึ้นมาเป็นคนแรก กิจกรรมที่พากันเล่นวันนี้คือเตะบอลแบบแมน ๆ ซึ่งแพ้ที่เจไดหมายถึงก็คงจะแพ้บอลนั้นแหละ"เจไดโกงก่อน ผมไม่ได้พาลนะครับ" แฝดพี่ใช่ว่าจะยอม เถียงกลับทันควันทำเอาคนเป็นพ่อถอนหายใจหนัก ๆ"พอได้แล้ว เป็นพี่น้องกันจะทะ
"ทำไมไม่ท้องว่ะ" คนนั่งหน้ากลุ้มทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้องวีไอพีของผับดัง เขากุมขมับพร้อมหลับตาลงด้วยความปลง ทั้งที่พยายามปั๊มลูกก่อนแต่งงานเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ก็ผ่านประตูวิวาห์ไปตั้งสามเดือน เขาก็ไม่เห็นว่ามิวสิคจะมีทีท่าท้องกับเขาบ้างเลย"มึงไปตรวจหน่อยไหมไอเซฟ น้ำยามึงคงไม่ดีจริง" เปเปอร์ว่าแล้วก็อมยิ้ม ถึงจะพยายามฮึบไว้แต่ก็ยังผุดยิ้มชอบใจที่คนเพอร์เฟ็กต์อย่างเขาก็แอบมีบางอย่างที่ทำไม่สำเร็จ"หรือกูจะไม่มีน้ำยาจริงว่ะ" โจเซฟค่อย ๆ ลืมตาขึ้น คราวแรกเขาก็ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้เท่าไหร่นักแต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วมันก็คงไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว"ใจเย็น ๆ ก่อนเซฟ น้องมิวสิคไม่ได้ฝั่งยาคุมหรือทานยาคุมหรอกใช่ไหม" ซีลีนพยายามปลอบเพื่อน"กูกับมิวเราตกลงกันแล้วว่าจะมีลูกด้วยกัน ไม่มีทางที่มิวสิคจะกินยาคุม" มันไม่ใช่แค่เขาที่พยายาม แต่มิวสิคเองก็อยากมีพยานของความรักตัวน้อย ๆ เป็นของตัวเองเหมือนกัน เขาจึงมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน"งั้นมึงก็ไม่มีน้ำยาจริง ๆ นั้นแหละ""เอ้าไอซี ไอสัส" คนเครียดจ้องคนเพิ่งว่าตาเขม็ง มันอาจจะจริงอย่างที่เธอบอก แต่ก็ไม่ใช่เ
และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันยืนกอดรูปของพ่อในวันสำคัญอีกหนึ่งวันในชีวิต เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันสามคนพ่อแม่ลูกโดยบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ฉันอยู่ในชุดรับปริญญาอย่างที่พ่อหวัง ส่วนแม่ก็มองมาที่ฉันอย่างภาคภูมิใจและหวังว่าพ่อฉันที่อยู่บนฟ้าก็คงจะมองลงมาที่ฉันด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกันท่านจากฉันไปอีกหนึ่งเดือนก็ครบรอบหนึ่งปีพอดี แน่นอนว่าวันนั้นฉันทั้งร้องไห้เสียใจฟูมฟายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เพียงแแค่คืนเดียวเท่านั้นฉันก็กลับมาเป็นคนละคนราวกับเสกได้ ฉันเข้มแข็งขึ้นไม่ฟูมฟายและใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่พ่อเคยสั่งเสีย โดยมีพี่เซฟอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง ฉันรู้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ค้นพบเชื้อมะเร็งท่านต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย ฝ่าฝันความเจ็บปวดเพื่อจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด และนี่คงเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำให้ได้ ทำตามคำขอของท่านเป็นอย่างสุดท้ายดูแลแม่ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อให้ท่านจากไปอย่างสบายใจ ฉันทำได้หมดแล้ว"พ่อเขาต้องภูมิใจในตัวหนูมาก ๆ เลยลูก" ฉันพยักหน้ารับทันที ใช่ฉันรู้ พ่อพูดกับฉันตลอดและฉันก็รับรู้ได้ผ่านรอยยิ้มของพ่อในกรอบรูป ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ท่า
งานหมั้น J & Mบรรยากาศของงานหมั้นเริ่มขึ้นที่บ้านของมิวสิค โดยออแกไนซ์อย่างเมย์ได้เนรมิตรให้บ้านหลังใหญ่กลายเป็นสถานที่จัดพิธีงานหมั้นสไตล์ไทยทว่าผสมความเป็นตะวันออกทั้งของฝ่ายชายและหญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยแขกคนสนิทที่ถูกเชิญร่วมงานก็เริ่มทยอยมาถึงกันบางส่วน หน้าที่รับแขกดูแลเบื้องต้นถูกยกให้ซินดี้และเปเปอร์เป็นคนจัดการ ด้วยนิสัยที่เข้ากับคนง่ายในตัวพวกเขาทั้งสองคน ในขณะที่โอโซนก็รับหน้าที่ดูแลมิวสิคทั้งตรวจสอบและเป็นผู้ช่วยเท่าที่เธอต้องการ"สวยมากเลยมึง" โอโซนจับเพื่อนหมุนตัวดูความเรียบร้อยเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ผ่านมือช่างคิวทองแล้วเธอก็ยังไม่ไว้วางใจจับเพื่อนตรวจดูเพื่อความแน่ใจอีกรอบว่าทุกอย่างจะออกมาดีสมกับการหมั้นที่จะเกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตของเพื่อน"ประมาณ 15 นาทีฝ่ายชายจะมาถึงนะคะ" ทีมงานเดินมาเคาะประตูห้องแต่งตัวพร้อมบอกทางฝ่ายหญิงให้เตรียมตัว และดูเหมือนว่าคนที่ลนลานแซงทางโค้งคงจะเป็นโอโซน ทันทีที่ได้ยินเธอก็รีบหันซ้ายแลขวาหาอะไรสักอย่างเลิ่กลั่กขึ้นมา"อะไรของมึงเนี่ยโซน หาอะไร" มิวสิคจับมือเพื่อนเพื่อให้เธอพยายามตั้งสติ ทันใดนั้นเพื่อนสนิทก็ยิ้มแห้งให้เหมือนกับว่
และแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่การสอบสิ้นสุดลงและปิดเทอมอย่างเป็นทางการ ทั้งมิวสิคและโจเซฟที่ได้พักผ่อนจากเรื่องเรียนในช่วงเวลาปิดเทอมก็ต้องมาลุยกับงานหมั้นต่อโดยกำหนดการงานนั้นจะถูกจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ระหว่างที่ปิดเทอมเล็กแค่เดือนเดียว เพราะไม่อยากให้รบกวนเวลาเรียนของทั้งสอง ฤกษ์งามยามดีจึงถูกตกลงให้อยู่วันนั้นโดยไม่มีใครโต้แย้งเพราะแบบนั้นแพลนของเขาทั้งสองในวันนี้จึงเป็นการนัดออแกไนซ์รับงานจัดงานหมั้นเพื่อตกลงความต้องการกัน โดยสเกลของงานถูกจัดขึ้นเล็ก ๆ เชิญแค่คนสนิทของทั้งสองครอบครัวมางานเท่านั้น"พี่เซฟชอบแบบไหนหรอคะ" มิวสิคเลื่อนดูรูปธีมของงานที่ต้องการผ่านแท็บเล็ตของออแกไนซ์ที่จัดหาและรวบรวมอยู่ตรงหน้าหลาย ๆ แบบด้วยกัน"มิวชอบแบบไหน พี่ก็เอาแบบนั้นแหละ" ชายหนุ่มยกยิ้มมองตามมือเรียวที่กำลังเลื่อนไปทีละรูปแล้วหันมาถามความคิดเห็น"งั้นเราเอาแบบนี้ดีไหมคะ พี่กับมิวชอบสีน้ำตาลเหมือนกันด้วย" มิวสิคมองภาพแล้วอมยิ้มไม่ได้ แค่นึกถึงวันนั้นเธอก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก มันคงออกมาอบอุ่นและน่ารักแน่ ๆ"เอาแบบนี้เลยครับ" โจเซฟเองก็เห็นด้วย ดีหน่อยที่เขาและเธอมีความชอบคล้ายกัน เขาจ
"ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองเลยล่ะคะ" มือเรียวที่ปาดครีมสำหรับโกนหนวดเสร็จก็เลื่อนไปหยิบใบมีดโกน ก่อนที่จะทำการปาดลงใบหน้าคมที่มีทั้งหนวดและเคราขึ้นมาเพราะความปล่อยตัว เธอจึงอาสาช่วยเขาโกนให้เพื่อให้กลับมาหล่อดูดีเหมือนเดิมอีกครั้ง"ไม่มีมิวพี่ก็ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น" โจเซฟยืนคร่อมร่างเล็กที่นั่งบนอ่างล้างหน้า เขาสบสายตาคู่สวยที่กำลังตั้งใจโกนหนวดให้ก็อดยิ้มไม่ได้ ภาพนี้สินะที่รอมานาน..."ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า ตัวก็ผอมนอกจากเหล้าแล้วกินอะไรบ้างไหมคะ""กินไม่ลง คิดถึงเมีย" คำตอบของเขาเรียกรอยยิ้มจากเธอที่เริ่มรู้สึกหมั่นไส้ บิดจมูกโด่งเป็นสันไปหนึ่งที พูดคำว่าเมียได้เต็มปากเต็มคำเชียว"ถ้ามิวไม่กลับมา พี่ก็ตั้งใจจะถอยจากมิวจริง ๆ เหรอคะ?""ก็ตั้งใจแบบนั้น""ทำไมล่ะคะ พี่จะปล่อยมิวไปง่าย ๆ เหรอ?""เราบอกว่าเรารักมัน จะให้พี่ทำยังไง" ในตอนที่ได้ยินใจเขามันแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี ถ้าโกรธเกลียดยังพอตามง้อตามขอโทษกันได้ แต่ถ้าบอกว่ารักคนอื่นไปแล้ว คนอย่างเขาจะทำอะไรได้นอกจากหลีกทางให้เธอได้มีความสุขอยู่กับคนที่รัก แม้ใจจะเจ็บมากก็ตาม"ตอนนั้นมิวไม่ได้ทำไปเพราะอยู่ในแผน" มิวสิคว่าจบก็มองหน้