"เตรียมเงินพนันไว้แล้วกัน ภายในหนึ่งเดือนกูจีบติดแน่นอน" จะเป็นยังไงเมื่อคนนิสัยสองขั้วได้มาเจอกัน คนหนึ่งทำไปเพราะมีเหตุผลบางอย่าง อีกคนพยายามหลบหนีเพราะไม่มีความศรัทธาในความรัก
View MoreTWENTY SIX PUB
"มิวน้องรัก ~" ฉันหมุนตัวหันหลังกลับทันทีที่ได้ยินเสียงหวานที่ดังขึ้นมาแต่ไกล แต่เท้ายาวสวยเรียวยังไม่ทันจะได้ก้าวพ้นก็ถูกคนที่พยายามจะหนีล็อกคอเอาไว้แล้วดันให้นั่งลงบนโซฟากว้างในร้านของมัน
สวัสดีฉันชื่อมิวสิคหรือมิวนักศึกษาปีสองคณะนิเทศศาสตร์มหา'ลัยชื่อดังในย่านแห่งหนึ่งที่มีแต่ลูกคนรวยทั้งหลายแหล่ต่างแห่กันมาเรียน และหนึ่งในนั้นก็เป็นฉันที่ถูกแม่ยัดเยียดให้เข้ามาอดทนเรียนมาถึงสองปีแล้ว
ส่วนไอคนที่บีบเสียงหวานที่ว่าคือไอพี่กันย์พี่รหัสของฉันที่ไม่ได้เต็มใจอยากจะเป็นเลยสักนิด แต่ก็เลือกไม่ได้ นอกจากมันจะไม่เคยเป็นที่ปรึกษาที่ดีในเรื่องเรียนให้ฉันแล้วมันยังจะชอบใช้งานฉันทำนู้นทำนี่ให้มัน อย่างเช่นวันนี้ที่มันพยายามบีบเสียงหวานใส่จึงรู้ในทันทีว่าต้องมีเรื่องให้ฉันทำแน่นอน
"มาเหนื่อย ๆ นั่งลงก่อนสิมิวสิคน้องรัก" ยิ่งคำว่า 'น้องรัก' ที่หลุดจากปากมันแล้วก็ยิ่งน่าขนลุกมากกว่าอะไรที่เคยได้ยิน ฉันจึงส่งสายตามองมันนิ่ง ๆ แล้วฉีกยิ้มมุมปากเพื่อให้มันพูดออกมาโดยไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา
"ขึ้นร้องเพลงให้พี่หน่อย ไอนักร้องแม่งป่วยอีกแล้ว" นั้นไง…ฉันว่าอยู่แล้วไม่มีผิด ถ้ามันไม่มีเรื่องให้ช่วยก็คงจะไม่มาโผล่หน้าให้เห็น ปกติก็ขลุกอยู่กับสาว ๆ ในห้องทำงานชั้นสองแต่พอมีเรื่องเดือดร้อนทีไร เป็นต้องลำบากฉันทุกที
"ไอมิวมันยังไม่ทันได้นั่งเลยนะพี่" ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบไอพี่กันย์โอโซนเพื่อนรักก็ทำงานแทนให้ โดยมันมาถึงก่อนฉันหลายนาทีก่อนหน้าเพราะนัดกันเอาไว้ นอกจากนั้นก็ยังมีซินดี้เพื่อนที่คณะอีกคนที่นั่งอยู่เหมือนกัน
"ก็ถึงบอกให้กินน้ำให้ใจเย็นก่อนไง ไม่ได้บอกให้ขึ้นไปร้องเลยครับน้องโซน" โอโซนกรอกตาใส่พี่กันย์ด้วยความเบื่อหน่าย ยามขอให้ช่วยก็เลียแข้งเลียขาดูแลเป็นอย่างดี ยามที่ฉันอยากจะขอช่วยบ้างก็หายหน้าหายตาไปในกลีบเมฆไอพี่รหัสจอมกะล่อนฉันรู้นิสัยมันดี
"ไอพี่กันย์…" หลังจากที่เงียบอยู่นานฉันก็ดึงมือที่ล็อกออกจากคอ ก่อนที่จะกดเสียงให้ดังแข่งกับดนตรีในร้านแล้วหันไปมองหน้าพี่รหัสอย่างจริงจัง
"ครับน้องมิว"
"ดูปากนะ ไม่!" ฉันยกนิ้วชี้ปากสวยบางของตัวเอง ก่อนที่จะย้ำว่า 'ไม่' ใส่หน้าไอคนหน้าตาดีแต่มีนิสัยเจ้าเล่ห์เป็นบ้า
"ไอมิวววว…ช่วยกันหน่อยสิวะ ไอคิวมันไม่สบายจริง ๆ ถ้าไม่ใช่มึงกูก็ไม่รู้จะให้ใครช่วยแล้วนะเว้ย"
"แต่มิวตั้งใจมาดื่มกับเพื่อนไม่ได้อยากมาร้องเพลงเว้ยพี่" ถามว่าทำไมไอพี่กันย์ถึงขอร้องฉัน ก็เพราะว่าหลายครั้งที่ฉันต้องขึ้นร้องเพลงแทนพี่คิวกับพี่เวย์นักร้องสองคนที่ลางานพร้อมกัน ไอพี่กันย์ที่เคยเห็นฉันดีดกีตาร์ร้องเพลงที่ชมรมอยู่บ่อย ๆ ก็ใช้ให้ขึ้นไปร้องแทน บางวันที่ฉันเบื่อ ๆ ก็ยอมขึ้นไปช่วยมันง่าย ๆ แต่วันนี้มันไม่ใช่ เพราะไม่ได้เตรียมใจจะมาร้องเพลงแต่มาเพราะอยากดื่มระบายความเครียดกับเรื่องที่บ้านที่ปวดหัวจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
"มิวมึงก็ช่วยพี่เขาไปเถอะ" ซินดี้ว่าจบก็พยักเพยิดให้ฉันยอม
"เห็นปะ น้องซินดี้ยังสงสารกูเลย" คนได้ทีมีพวกก็เอาใหญ่ทันที
"เปล่าอะพี่ ซินรำคาญ" สิ้นเสียงไอซินดี้พวกเราทั้งสามก็พากันระเบิดหัวเราะยกใหญ่ ที่พูดแบบนี้ได้เพราะพวกเราสนิทกันมาก ถึงพี่กันย์มันจะไม่ค่อยมีข้อดีให้น่าคบหาเท่าไหร่แต่มันก็ถือว่าเป็นคนจริงใจกับพี่น้องคนหนึ่ง นิสัยที่แสดงออกเป็นยังไงลึก ๆ ในใจมันก็เป็นคนแบบนั้น หมายถึงว่าเลี้ยทั้งภายในและภายนอกแทบที่ไม่มีอะไรปกปิด
"กูยอมให้พวกมึงหัวเราะเยาะแล้ว ไอมิวมึงขึ้นร้องเพลงให้กูด้วย"
"เออ ร้องก็ร้องวะ" สุดท้ายฉันก็ต้องฝืนใจรับการช่วยเหลือ เพราะหากไม่รับปาก ไอพี่รหัสฉันมันก็ตื๊อไม่เลิก รับรองว่าคืนนี้คงไม่ได้ดื่มเหล้าสบาย ๆ แน่นอน
"งั้นก็ตามนั้น กินเต็มที่ โต๊ะนี้กูเลี้ยงแลกกับค่าตัวไอมิว ไปละ" ว่าจบไอพี่กันย์ก็เดินหนีไปในทันที เป็นอย่างที่ฉันพูดไว้ไม่มีผิด พอมันได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วมันก็ไม่สนใจอะไรอีก แม้แต่จะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบน้องรหัสมันเลยสักนิดก็ไม่มี
"กูเชื่อไอพี่กันย์เลย" โอโซนส่ายหัวแสดงความเอือมระอา เช่นเดียวกับฉันที่หมดคำจะพูดกับคนแบบมันเหมือนกัน
"งั้นกูไปเตรียมตัวก่อนแล้วกัน ไอซินยืมหมวกหน่อย" ฉันแบมือขอหมวกแก๊ปที่อยู่บนหัวซินดี้ เพราะไม่ค่อยอยากจะโชว์หน้าตอนขึ้นเวทีเท่าไหร่จึงอยากได้หมวกมันมาอำพรางใบหน้าเพื่อกันปัญหาที่จะตามมาทีหลัง
"เออ ๆ" ซินดี้ยอมถอดแล้วยัดใส่มือ ก่อนที่ฉันจะยกมือรวบผมมัดไว้ลวก ๆ แล้วดันหมวกสีดำปกปิดใบหน้าไว้
"ไปนะ อย่าชิงเมาไปก่อนล่ะ"
"ไม่รับปาก" โอโซนยักไหล่ใส่ฉันแล้วกระดกแก้วดื่มราวกับยั่วน้ำย่อยฉันเล่น ๆ แม่งอยากจะนั่งดื่มย้อมใจที่ทะเลาะกับแม่ซะหน่อย ไอพี่กันย์ก็ทำเสียเรื่อง แทนที่จะได้มาถือแก้วเหล้ากลับต้องมาถือไมค์ร้องเพลงแทนได้
"ฝากไว้ก่อนเถอะ" ฉันชี้นิ้วคาดโทษโอโซนไว้ก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปเตรียมตัวหลังเวที
แต่แล้ว…
ปึก!
ร่างสวยของฉันยังยืนขึ้นไม่ทันเต็มความสูงด้วยซ้ำอยู่ ๆ ไอร่างบึกบึนอกแข็งปึกมาจากไหนไม่รู้เดินมาชนฉันเข้าเต็มแรง แรงจนหมวกที่สวมหลุดออกจากหัวพร้อมกับผมที่สยายยาวสลวย
ภาพในจินตนาการตอนนี้ฉันคงจะออกมาดูดีราวกับนางเอกในละคร แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่เลยสักนิด เพราะตอนนี้ฉันนั้นตูดกระแทกพื้นนั่งจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นแข็ง ๆ จุกไปทั้งตัว
"เฮ้ย…มิว!!" สองเพื่อนรักอุทานขึ้นพร้อมกัน แล้วหลังจากนั้นมันก็ทำในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดคือระเบิดหัวเราะออกมาแทนที่จะมาช่วยพยุง
นี่สินะบททดสอบการเป็นเพื่อนรัก เวลาเพื่อนเดือดร้อนแทนที่มันจะยื่นมือมาช่วยแต่มันกลับนั่งหัวเราะสบายใจเฉิบ
"ชนคนอื่นแล้วไม่คิดจะขอโทษเลยหรือไง!" ช่างเพื่อนที่ขำไว้ก่อน เพราะยังต้องคิดบัญชีกับไอคนที่ชนจนเป็นเหตุที่ทำให้ฉันเจ็บตัวอยู่แบบนี้ แม่งไม่คิดจะช่วยเหลือกันเลยสักนิด แถมยังยืนล้วงมือในกระเป๋ากางเกงยืนมองฉันนิ่ง ๆ ไม่พูดไม่หือไม่อือเลยสักคำ
"ใครชนใคร?" แล้วดูคำตอบที่หลุดมาจากปากเขาสิ ให้ตายเถอะ…นอกจากจะหน้านิ่งแล้วยังไร้ความรู้สึกอีก กล้าตอบด้วยใบหน้าเรียบ ๆ แบบนั้นได้ยังไง ไอความหล่อบนใบหน้าเขามันไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ ตาสีน้ำตาลคมกริบ ริมฝีปากอมชมพูคล้ำนิด ๆ มีจมูกเป็นสันเข้ากับรูปหน้าเรียว ๆ ผิวขาวออร่าเปล่งประกาย มือเรียวยาวปูดนูนด้วยเส้นเลือด และหุ่นที่โคตรจะดีที่ดูก็รู้ว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตสีดำนั้นต้องเต็มไปด้วยมัดกล้าม ไม่ได้ทำให้ฉันอยากให้อภัยเขาเลยสักนิด
คนบ้าอะไรจะดูดีทุกอย่างแบบนี้!
"ไอเซฟทางนี้!" ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ต่อว่า อยู่ ๆ ไอคนดูดีก็ปรายไปตามเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังฉัน เขาพยักหน้าให้คนที่รู้จักกันก่อนที่จะหลุบมามองฉันเพียงนิดแล้วเดินหนีออกไปโดยไม่คิดจะขอโทษฉันสักคำ
"เฮ้ย! คิดจะเดินหนีง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ!?" ฉันตะโกนไล่หลังเสียงดังลั่น โดยคิดว่าเขาได้ยินเพราะหลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจที่ฉัน แต่เขากลับไม่หันมาเลยสักนิดเดียว
"นี่นาย!!!"
"ไอมิวแกเลิกโวยวาย คนหันมาทั้งร้านแล้ว" ในที่สุดเพื่อนที่โคตรจะรักฉันก็ยอมเดินมาช่วยหิ้วปีกคนละข้าง แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะมันเป็นห่วงฉันแต่เพราะมันอายที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาจากคนในร้าน
"กูจะตามไปเอาเรื่อง ชนแล้วหนีแบบนี้ได้ยังไงวะ!?" แต่นาทีนี้ฉันไม่ได้สนใจจะด่าเพื่อนเท่าไหร่ อารมณ์ตอนนี้มันกำลังมุ่งไปอยู่ที่คนคนคนเดียว กล้าทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงไม่มีมารยาทสิ้นดี
"ไอมิวหยุดเลย มึงต้องไปเตรียมตัวแล้ว" ซินดี้รั้งร่างฉันไว้ไม่ให้เดินไปหาเรื่อง แล้วพยายามลากฉันไปหลังร้านทั้งที่อารมณ์ยังเดือดปุด ๆ ไม่หาย
"มึงไม่เห็นเหรอว่ามันเดินชนกูอะ"
"เห็น แต่ถ้ามีเรื่องไอพี่กันย์เอาเรื่องแน่"
"ก็เอาไปดิ กูไม่สน!" ฉันพยายามยื้อตัวเองสวนกับแรงขอฃเพื่อน ทว่าเพื่อนมีตั้งสองคนมันทำให้ฉันสู้แรงไม่ได้ แม้จะเดือดดาลแค่ไหนเป็นต้องเก็บไว้ก่อน
แม่งเอ้ย…เจอกันอีกครั้ง ฉันคิดบัญชีนายแน่!
***********************
โจเซฟ
น้องชายของเรื่อง LOST IN LOVE พ่ายรักนายเพลย์บอย (เจโรม x น้ำอิง)
"เจเดนเจไดพ่อบอกให้หยุด!" เสียงที่ดังจากนอกบ้านทำให้ฉันรีบสับเท้าเดินออกไปดูอย่างไว แน่นอนว่าเสียงนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากสามีของฉันที่บอกก่อนหน้าว่าจะออกไปหากิจกรรมทำกับลูกชายฝาแฝดวัยสิบห้าขวบนอกบ้าน แต่เสียงเข้มดุปานนั้นฉันคิดว่าคงจะเกิดเรื่องสักอย่างขึ้นระหว่างสามคนแน่นอน"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ฉันมองทั้งสามที่หน้าเหมือนกันราวกับแฝดสาม เจเดนแฝดพี่และเจไดแฝดน้องผู้ถอดแบบคนเป็นพ่อราวกับแกะ ทั้งใบหน้าท่าทางและนิสัยอุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย"จะอะไรก็ทะเลาะกันอีก" คนเป็นพ่อฟ้องฉันแล้วกราดสายตามองลูกชายหน้านิ่ง เป็นเรื่องปกติของบ้านเราที่สองแฝดจะทะเลาะตีกันหยุมหัวกันแทบทุกเวลา ยิ่งช่วงนี้ยิ่งโตขึ้นแตะอายุสองหลักก็ยิ่งมีความคิดเป็นของตัวเอง ตีกันตามประสาเด็กผู้ชายไม่หยุดไม่หย่อนขนาดมีคนกลางอยู่ด้วยก็ยังไม่เว้น"เจเดนแพ้แล้วพาล" แฝดน้องรีบฟ้องขึ้นมาเป็นคนแรก กิจกรรมที่พากันเล่นวันนี้คือเตะบอลแบบแมน ๆ ซึ่งแพ้ที่เจไดหมายถึงก็คงจะแพ้บอลนั้นแหละ"เจไดโกงก่อน ผมไม่ได้พาลนะครับ" แฝดพี่ใช่ว่าจะยอม เถียงกลับทันควันทำเอาคนเป็นพ่อถอนหายใจหนัก ๆ"พอได้แล้ว เป็นพี่น้องกันจะทะ
"ทำไมไม่ท้องว่ะ" คนนั่งหน้ากลุ้มทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้องวีไอพีของผับดัง เขากุมขมับพร้อมหลับตาลงด้วยความปลง ทั้งที่พยายามปั๊มลูกก่อนแต่งงานเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ก็ผ่านประตูวิวาห์ไปตั้งสามเดือน เขาก็ไม่เห็นว่ามิวสิคจะมีทีท่าท้องกับเขาบ้างเลย"มึงไปตรวจหน่อยไหมไอเซฟ น้ำยามึงคงไม่ดีจริง" เปเปอร์ว่าแล้วก็อมยิ้ม ถึงจะพยายามฮึบไว้แต่ก็ยังผุดยิ้มชอบใจที่คนเพอร์เฟ็กต์อย่างเขาก็แอบมีบางอย่างที่ทำไม่สำเร็จ"หรือกูจะไม่มีน้ำยาจริงว่ะ" โจเซฟค่อย ๆ ลืมตาขึ้น คราวแรกเขาก็ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้เท่าไหร่นักแต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วมันก็คงไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว"ใจเย็น ๆ ก่อนเซฟ น้องมิวสิคไม่ได้ฝั่งยาคุมหรือทานยาคุมหรอกใช่ไหม" ซีลีนพยายามปลอบเพื่อน"กูกับมิวเราตกลงกันแล้วว่าจะมีลูกด้วยกัน ไม่มีทางที่มิวสิคจะกินยาคุม" มันไม่ใช่แค่เขาที่พยายาม แต่มิวสิคเองก็อยากมีพยานของความรักตัวน้อย ๆ เป็นของตัวเองเหมือนกัน เขาจึงมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน"งั้นมึงก็ไม่มีน้ำยาจริง ๆ นั้นแหละ""เอ้าไอซี ไอสัส" คนเครียดจ้องคนเพิ่งว่าตาเขม็ง มันอาจจะจริงอย่างที่เธอบอก แต่ก็ไม่ใช่เ
และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันยืนกอดรูปของพ่อในวันสำคัญอีกหนึ่งวันในชีวิต เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันสามคนพ่อแม่ลูกโดยบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ฉันอยู่ในชุดรับปริญญาอย่างที่พ่อหวัง ส่วนแม่ก็มองมาที่ฉันอย่างภาคภูมิใจและหวังว่าพ่อฉันที่อยู่บนฟ้าก็คงจะมองลงมาที่ฉันด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกันท่านจากฉันไปอีกหนึ่งเดือนก็ครบรอบหนึ่งปีพอดี แน่นอนว่าวันนั้นฉันทั้งร้องไห้เสียใจฟูมฟายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เพียงแแค่คืนเดียวเท่านั้นฉันก็กลับมาเป็นคนละคนราวกับเสกได้ ฉันเข้มแข็งขึ้นไม่ฟูมฟายและใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่พ่อเคยสั่งเสีย โดยมีพี่เซฟอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง ฉันรู้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ค้นพบเชื้อมะเร็งท่านต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย ฝ่าฝันความเจ็บปวดเพื่อจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด และนี่คงเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำให้ได้ ทำตามคำขอของท่านเป็นอย่างสุดท้ายดูแลแม่ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อให้ท่านจากไปอย่างสบายใจ ฉันทำได้หมดแล้ว"พ่อเขาต้องภูมิใจในตัวหนูมาก ๆ เลยลูก" ฉันพยักหน้ารับทันที ใช่ฉันรู้ พ่อพูดกับฉันตลอดและฉันก็รับรู้ได้ผ่านรอยยิ้มของพ่อในกรอบรูป ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ท่า
งานหมั้น J & Mบรรยากาศของงานหมั้นเริ่มขึ้นที่บ้านของมิวสิค โดยออแกไนซ์อย่างเมย์ได้เนรมิตรให้บ้านหลังใหญ่กลายเป็นสถานที่จัดพิธีงานหมั้นสไตล์ไทยทว่าผสมความเป็นตะวันออกทั้งของฝ่ายชายและหญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยแขกคนสนิทที่ถูกเชิญร่วมงานก็เริ่มทยอยมาถึงกันบางส่วน หน้าที่รับแขกดูแลเบื้องต้นถูกยกให้ซินดี้และเปเปอร์เป็นคนจัดการ ด้วยนิสัยที่เข้ากับคนง่ายในตัวพวกเขาทั้งสองคน ในขณะที่โอโซนก็รับหน้าที่ดูแลมิวสิคทั้งตรวจสอบและเป็นผู้ช่วยเท่าที่เธอต้องการ"สวยมากเลยมึง" โอโซนจับเพื่อนหมุนตัวดูความเรียบร้อยเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ผ่านมือช่างคิวทองแล้วเธอก็ยังไม่ไว้วางใจจับเพื่อนตรวจดูเพื่อความแน่ใจอีกรอบว่าทุกอย่างจะออกมาดีสมกับการหมั้นที่จะเกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตของเพื่อน"ประมาณ 15 นาทีฝ่ายชายจะมาถึงนะคะ" ทีมงานเดินมาเคาะประตูห้องแต่งตัวพร้อมบอกทางฝ่ายหญิงให้เตรียมตัว และดูเหมือนว่าคนที่ลนลานแซงทางโค้งคงจะเป็นโอโซน ทันทีที่ได้ยินเธอก็รีบหันซ้ายแลขวาหาอะไรสักอย่างเลิ่กลั่กขึ้นมา"อะไรของมึงเนี่ยโซน หาอะไร" มิวสิคจับมือเพื่อนเพื่อให้เธอพยายามตั้งสติ ทันใดนั้นเพื่อนสนิทก็ยิ้มแห้งให้เหมือนกับว่
และแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่การสอบสิ้นสุดลงและปิดเทอมอย่างเป็นทางการ ทั้งมิวสิคและโจเซฟที่ได้พักผ่อนจากเรื่องเรียนในช่วงเวลาปิดเทอมก็ต้องมาลุยกับงานหมั้นต่อโดยกำหนดการงานนั้นจะถูกจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ระหว่างที่ปิดเทอมเล็กแค่เดือนเดียว เพราะไม่อยากให้รบกวนเวลาเรียนของทั้งสอง ฤกษ์งามยามดีจึงถูกตกลงให้อยู่วันนั้นโดยไม่มีใครโต้แย้งเพราะแบบนั้นแพลนของเขาทั้งสองในวันนี้จึงเป็นการนัดออแกไนซ์รับงานจัดงานหมั้นเพื่อตกลงความต้องการกัน โดยสเกลของงานถูกจัดขึ้นเล็ก ๆ เชิญแค่คนสนิทของทั้งสองครอบครัวมางานเท่านั้น"พี่เซฟชอบแบบไหนหรอคะ" มิวสิคเลื่อนดูรูปธีมของงานที่ต้องการผ่านแท็บเล็ตของออแกไนซ์ที่จัดหาและรวบรวมอยู่ตรงหน้าหลาย ๆ แบบด้วยกัน"มิวชอบแบบไหน พี่ก็เอาแบบนั้นแหละ" ชายหนุ่มยกยิ้มมองตามมือเรียวที่กำลังเลื่อนไปทีละรูปแล้วหันมาถามความคิดเห็น"งั้นเราเอาแบบนี้ดีไหมคะ พี่กับมิวชอบสีน้ำตาลเหมือนกันด้วย" มิวสิคมองภาพแล้วอมยิ้มไม่ได้ แค่นึกถึงวันนั้นเธอก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก มันคงออกมาอบอุ่นและน่ารักแน่ ๆ"เอาแบบนี้เลยครับ" โจเซฟเองก็เห็นด้วย ดีหน่อยที่เขาและเธอมีความชอบคล้ายกัน เขาจ
"ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองเลยล่ะคะ" มือเรียวที่ปาดครีมสำหรับโกนหนวดเสร็จก็เลื่อนไปหยิบใบมีดโกน ก่อนที่จะทำการปาดลงใบหน้าคมที่มีทั้งหนวดและเคราขึ้นมาเพราะความปล่อยตัว เธอจึงอาสาช่วยเขาโกนให้เพื่อให้กลับมาหล่อดูดีเหมือนเดิมอีกครั้ง"ไม่มีมิวพี่ก็ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น" โจเซฟยืนคร่อมร่างเล็กที่นั่งบนอ่างล้างหน้า เขาสบสายตาคู่สวยที่กำลังตั้งใจโกนหนวดให้ก็อดยิ้มไม่ได้ ภาพนี้สินะที่รอมานาน..."ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า ตัวก็ผอมนอกจากเหล้าแล้วกินอะไรบ้างไหมคะ""กินไม่ลง คิดถึงเมีย" คำตอบของเขาเรียกรอยยิ้มจากเธอที่เริ่มรู้สึกหมั่นไส้ บิดจมูกโด่งเป็นสันไปหนึ่งที พูดคำว่าเมียได้เต็มปากเต็มคำเชียว"ถ้ามิวไม่กลับมา พี่ก็ตั้งใจจะถอยจากมิวจริง ๆ เหรอคะ?""ก็ตั้งใจแบบนั้น""ทำไมล่ะคะ พี่จะปล่อยมิวไปง่าย ๆ เหรอ?""เราบอกว่าเรารักมัน จะให้พี่ทำยังไง" ในตอนที่ได้ยินใจเขามันแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี ถ้าโกรธเกลียดยังพอตามง้อตามขอโทษกันได้ แต่ถ้าบอกว่ารักคนอื่นไปแล้ว คนอย่างเขาจะทำอะไรได้นอกจากหลีกทางให้เธอได้มีความสุขอยู่กับคนที่รัก แม้ใจจะเจ็บมากก็ตาม"ตอนนั้นมิวไม่ได้ทำไปเพราะอยู่ในแผน" มิวสิคว่าจบก็มองหน้
Comments