ห้องนอนใจที่ว่างเปล่า
ภายใต้ความเงียบงันในห้องนอน บนตึกสูงเฉียดฟ้า ชายหนุ่มนั่งทอดกายบนโซฟา ดวงตาหนักอึ้งแต่หัวใจปฏิเสธการหลับใหล
ทุกค่ำคืนหลังจากคืนนั้น...คืนที่เขาเห็นภาพบาดหัวใจ...ทิวสนก็ไม่เคยได้นอนอย่างมนุษย์ทั่วไปอีกเลย
ชีวิตที่กลางวันสุดแสนสั้น ส่วนกลางคืนช่างยาวนาน
เมื่อไหร่ก็ตามที่หลับตาลง ภาพในอดีตมักผุดขึ้นมาหลอกหลอนราวมัจจุราชล่าวิญญาณร้าย
เขาไม่ได้อยู่ในห้องนอนนั้นคนเดียว...แต่ก็เหมือนอยู่คนเดียว
กลิ่นกายผู้หญิงเหล่านั้น...คลอเคลียรอบกายมันไม่อาจดับภาพคนทรยศในใจได้สักนิด
เหล้าเพียว ๆ ถูกกระดกลงคอจนหมดแก้วล้างความกลัดกลุ้ม แต่มันยังไม่พอเป็นยาใจ เขาจึงคว้าทั้งขวดมาดื่มอย่างไม่กลัวความขมของมัน ไฟแช็กจุดบุหรี่ ปล่อยควันล่องลอย
ฝนตกโปรยปรายราวกับกำลังร้องไห้เป็นเพื่อนใครสักคน เวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง เสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา พร้อมกับกลิ่นโคลนตม
อดีตคืนในเงามืด
ตาคมเข้มวางเปล่า หวนคิดถึงวันในคืนนั้นอีกครั้ง...
ร่างบางย่องเบาเข้าห้อง ในขณะนั้นไฟในห้องนอนก็สว่างวาบในทันที ทำเอาผู้ที่ยืนอยู่ในความมืดถึงกับตกใจเบิกตากว้าง
พรึ่บ!
สามี! ใช่สามีของเธอที่โดนฤทธิ์ยานอนหลับตื่นเสียแล้ว เขานั่งมองมือถือหัวพิงเตียง แววตาว่างเปล่า
"ไปไหนมาพี่ตื่นมาไม่เจอ"
"ลืมของค่ะ"
เสียงหวานตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบไม่เผยพิรุธแห่งการโกหกออกมา
ถ้าเขายังไม่เห็นภาพนั้น คงจะหลงเชื่อว่าเธอรักและเทิดทูนบูชาสุดหัวใจ
"แล้วนั้นชุด เลอะโคนตม!"
"ภรรยาของพี่ไปจับปลาช่อนใหญ่มาสินะถึงได้เลอะขนาดนี้" เสียงเข้มทุ้มต่ำไม่เผยแววความโกรธสักนิด
"ค่ะเห็นคนงานในสวนกำลังจับปลา เขาจับเก่งมากเลย ตัวใหญ่อย่างพี่ว่าเชียว"
ลิลเองก็เล่นบทบาทนักแสดงตามน้ำโดยหารู้ไม่ สามีของตนนั้นจับได้แล้ว
"อยู่กับพี่มันสบายเกินไปใช่ไหม หนูถึงทำตัวเองให้ลำบาก"
"สามีพรุ่งนี้ค่อยคุยนะคะ"
ลิลทำท่าง่วงหาว ถี่ พลางเดินตรงไปเปลี่ยนชุดไม่นานออกมาพร้อมชุดนอนวาบหวิว เธอล้มตัวลงนอนและกอดสามีเช่นเคย
ความอ่อนหวานที่ปรากฏเบื้องหน้ามันเหมือนไม้หวดลงบนตัวเขานับครั้งไม่ถ้วน
เธอเป็นคนแบบไหนกันแน่ ลิล
ใช่คนที่พี่รู้จักหารือเปล่า
อันไหนจริง
อันไหนหลอก
เขาแยกแทบไม่ออก
ในสายตาเขาได้แปรเปลี่ยน มองภรรยาคนงามไม่เหมือนเดิม
ดวงตาที่เคยมองเธอด้วยความรักตอนนี้เขามองเธอเหมือนมองผ้าเน่าเก่า ๆ ที่หยิบจับอย่างไรก็ไม่มีทางเหมือนเดิม
แก้มแดง ใบหน้างาม และร่างนั้น ไม่ใช่ของเขาเพียงคนเดียวอีกต่อไป
ชายอื่นก็ได้ครอบครองมันเช่นกัน
ทุกอย่างที่เขาคิดว่าเป็นของเขา
ถูกหารสองเสมอ..
ก็อก ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียง ลูกน้องคนสนิทกิตติ สะกิดใจที่กำลังฟุ้งเฟ้อถึงอดีตพลันดับวูบ
"นายครับ"
"อืม"
คำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่นายและลูกน้องเข้าใจตรงกัน
เสียงฝีเท้าของกิตติห่างไกลออกไป เขาทิ้งหญิงสาวแห่งเรือนหงษ์ เอาไว้
เธอเดินออกมาจากความมืด เผยความงามราวภาพวาด ทรวดทรงชวนหลงไหลใบหน้ายิ้มหวานราวน้ำผึ้งเดือนห้า
"มานี้สิ"
นิ้วหนากระดิกเรียก ให้เดินเข้าไปหา
"ชื่ออะไร" เสียงเรียบนิ่ง
"กวางค่ะ"แขนแกร่งดึงเธอเขามานั่งบนตัก
"แค่คืนนี้รับเงิน พรุ่งทุกอย่างจบ"
"ค่ะ " เสียงตอบรับพลางมองผู้ชายตรงด้วยสายตาอ่านกินอย่างไม่วางตา
พี่น้องในบ้านหงษ์ หลายคนที่มานอนกับเขา ต่างพากันกล่าวขาน นอกจากได้เงินแล้ว ยังสุขล้น และยิ่งไปกว่านั้นเขาโสด
หากใครสามารถผูกใจเขาได้ ต้องสุขสบายไปทั้งชาติ
เพียงคืนเดียวค่าตอบแทนสูงราวกับดูแลลูกค้านับ 20 คน ใครบ้างจะไม่อยากมา
"วันนี้มันเป็นวันของเธอกวาง"
เสียงพูดในใจพลางยิ้มย่อง วันโชคดีของเธอ สลากถูกคว้ามาจากก้นไหจากนับร้อยเบอร์
"คืนนี้ให้กวางดูแลคุณนะ"
"คุณขี่กวางได้ตามใจชอบเลย"
"ชอบแบบไหนคะ ดื้อ ๆ หรือเล่นตัว"เสียงกระซิบกระซาบอย่างจงใจเพื่อสร้างความตรึงใจต่อคู่ต่อสู้
ไร้เสียงตอบรับ หญิงสาวปลดกระดุมกรีดกรายนิ้วเรียวบนแผ่นอก พลางก้มลงซุกไซ้ต้นคอ
จากนิ้วเลื่อนไต่พลันเปลี่ยนเป็นบทเร่าร้อนไฟราคะฉาบฉวยลุกโชน เขานั่งอยู่ท่ามกลางสตรีเปลือยกายบนตัก
เสียงลมหายใจถี่ รัว ทั้งเสียงทุ้มต่ำ และเสียงหวานปานนางฟ้า
ดวงตาทิวสนไม่ได้มองเธอ หญิงสาวบนตัก
เขามองทะลุผ่าน...ไปยังอดีตที่ไม่มีวันหวนกลับ
เสร็จกิจ โปรยเศษเงินวนเวียนไปทุกค่ำคืน
ล็อบบี้
ขณะเดียวกันตรงด้านล่างโถงโอ่อ่าของโรงแรม ร่างสตรีผู้หนึ่งกำลังเดินอย่างเฉิดฉาย กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยสำหรับใครบางคนลอยชวนผู้คนที่เดินผ่านให้เหลียวตาม เสียงส้นสูงกระทบพื้น ทุกย่างก้าว หนักแน่น มั่นใจ
"คุณลูกค้าค่ะ ไม่ทราบพักห้องไหน"
พนักงานรับสกัดกั้นไม่ให้ลิลเดินผ่านไปได้โดยง่ายดาย
"ถ้าไม่อยากตกงานถอยไป" เสียงนิ่งเรียบไร้แววโวยวายอย่างสิ้นเชิง
"ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ"
บทสนทนา ของทั้งคู่ดังพอ
กิตติได้ยินทั้งหมดขณะลงลิฟท์ และก่อนเรื่องจะบานปลายไปกว่านี้เขาจึงรีบเข้ายุติเหตุ
"คุณลิล"
พนักงานสาวรีบถ่อย คนสนิทของนายใหญ่รู้จักผู้หญิงท่านนี้ แสดงว่าเธอล้วนต้องมีภูมิหลังไม่ธรรมดา
"พี่ทิวสนอยู่ไหน"
"นายนอนแล้วครับ"
"อย่าโกหก"
ลิลเดินเลี่ยงชายคนสนิทของอดีตสามี
แต่ความไวของแขนที่ออกกำลังกายทุกวัน เขาคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน
"นายกล้าแตะผู้หญิงของนายเหรอ"
สิ่งที่ทำให้ผู้ชายใจอ่อนคือบทเจ้าน้ำตา และผู้หญิงหวานเช่นเธอใช้มันเมื่อไหร่สิ้นรายทุกคน
และครั้งนี้ก็ได้ผลเช่นกัน แววตาที่ศูนย์สิ้นทุกอย่าง ความรู้สึกผิดของคุณลิลที่พยายามง้อสามีนายของตน กระตุ้นหัวใจของคนที่กำลังยึดตัวเธอไว้ อ่อนกำลังลง
เธอยืนนิ่งไม่ไหวติง คล้ายยอมรับ
"นายนอนแล้วครับ ผมไม่อยากให้คุณโดนดุ"
"ฉันรับได้ ขอแค่ฉันได้เจอเขา"
เรื่องมันผ่านมาแล้วสองปี
การที่ทิวสนไม่คบใครและไม่แต่งงานใหม่ ลิลจึงคิดเข้าข้างตนเองอยู่เสมอ
หวังว่าสักวันเขาและเธอจะหวนคืนกลับมารักกันเช่นเคย
"คุณจะไม่เสียใจแน่นะคะรับ"
เมื่อได้รับโอกาสเธอไม่แม้หันไปตอบเดินตรงไปยังลิฟท์ กดเลขชั้นสูงสุด...
มีบางอย่างบอกเธอว่า เขาไม่ได้หลับอยู่ เมื่อสมองคิดเช่นนั้น รองเท้าส้นสูงก้าวเข้าลิฟท์ ด้วยหัวใจร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก
ลิฟท์จอดถึงปลายทาง ลิลรีบสาวเท้า ตรงไปยังห้องที่เคยอยู่
ในขณะด้านในห้องนอน
ทั้งสอง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
เสียงหวานเย้ายวน ดังก้อง
"เสี่ยคะ ชอบไหม"
บทร่วมรักรอบสอง กวางโถมแอ่นตัวหันหลังนั่งบนตัก ผิวขาวนวลเนียนแนบชิดความเปลือยเปล่าเนื้อสัมผัสเนื้อ ไร้สิ่งปกปิด ผมดำขลับกำลังสร้างภาพตราตรึงใจ
เธอขยับเข้าหาความแข็งแกร่ง ราวกับว่าเป็นเจ้าของ
เสียงหายใจถี่ รัว เสียงหวานและความวาบหวามทำให้ไม่ทราบว่ามีผู้มาเยือน!
รหัสห้องถูกใส่อย่างคุ้นเคย บ้านเก่าของเธอ
ที่นอน หมอน มุ้ง ของตกแต่งทุกชิ้นเป็นลิลที่สร้างมัน
เสียงที่ดังแปลก ๆ ของผู้หญิง ภายในห้องไร้แสงไฟฟ้ามีเพียงแสงของดวงจันทร์ที่พาดส่องร่างคนสองคน เป็นกึ่งเงา กึ่งชัด
อาจเป็นเพราะใจเธอวูบเจ็บที่เห็นภาพนั้นก็เป็นได้ มันเลยเลือนลาง
มือที่กำแน่น เล็บยาวจิกลงบนเนื้อจนเลือดออกแต่มันไม่เท่าความเจ็บในใจของเธอในตอนนี้
เท้าที่ยืนมั่นคงบนส้นสูง บัดนี้หมดแรงถอนล่นไปสองสามก้าวอย่างอ่อนแรง
เธอรู้ดีไม่มีสิทธิ์
ไม่มีแม้สิทธิ์เคาะประตู
และยิ่งไม่มีสิทธิ์ มายืนตรงนี้ด้วยซ้ำ
เขาเคยเป็นของเธอ แลเขารักเธอสุดหัวใจ
มือที่โอบไหล่ ปากแดงส่งเสียงร้อง รอยยิ้ม สายตาของผู้หญิงคนนั้นมองมายังเธออย่างผู้ชนะ
มันเจ็บเสียจนชา เธอเริ่มรู้สึกถึงหัวอกของการถูกหักหลัง
แต่เธอจะไม่อ่อนแอและยอมแพ้ใครทั้งนั้น
ทิวสนที่นั่งนิ่งปล่อยใจ มือเรียวสัมผัส โอบใบหน้าคม พลางเสียงกระซิบหวาน
"ฉันรอคุณที่ห้องนอนนะคะ"
"ห้องนั่งเล่นนี้ โซฟาที่ฉันเลือก คุณใช้ตามสบายค่ะ"เธอพูดเสร็จเดินจากไปทันที
กวางยังจะทำต่อ
พอแล้วเขาถอนตัวจากเธอถอดถุงยางทิ้งลงถังขยะ
อาบน้ำชำระความขุ่นมัวในใจ
เธอกลับมาทำไม
น้ำเย็นกระทบร่าง ไม่นานใบหน้าคม ออกมาในชุดคลุมอาบน้ำ
"เงินของเธอ เก็บของแล้วออกไปได้"
"ค่ะ"
กวางรับเงินแล้วรีบออกไปอย่างว่าง่ายภายในใจแอบเสียดายยังเหลือลูกไม้อีกตั้งเยอะยังไม่ได้ใช้
"เสียดายจัง ผู้หญิงคนนั้นไม่น่ามาขัดจังหวะ ไม่อย่างนั้นเขาคงหลงเสน่ห์ฉันแล้ว"
ทิวสนเดินตรงไปยังห้องนอนมองภรรยาเก่าด้วยสายตาว่างเปล่า เหมือนเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
"มาทำอะไรดึกขนาดนี้"เสียงเรียบถาม
"ฉันมาบ้าน และหาสามีของฉันไม่ได้เหรอ"
ลิลถือแก้วไวน์เขย่าวนนั่งกระดิกเท้า พลางจิบอย่างใจเย็น แต่คงดื่มไปไม่น้อย ที่เหลือในขวดมีเพียงครึ่งเดียว ประกอบกับใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
"อดีต เรื่องของเราเป็นแค่อดีต"เสียงเรียบทุ้มเอ่ยย้ำสถานะของทั้งคู่
"พี่ไม่เคยคบใคร ตั้งแต่เลิกกับฉัน"
"ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะเอาเธอคืนมา"
"พี่ลืมลิลไม่ได้"
"ใช่ลืมไม่ลงจริง ๆ นั้นแหละ เรื่องที่เธอทำ"
ความเจ็บมันฝังรากลึกแตกกิ่งก้านสาขาราวต้นไม้ใหญ่
"เธอรู้ใช่ไหม ฉันหมายถึงอะไร หรือให้ต้องย้ำ"
"ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพี่ไม่ต้องการฉันจริง ๆ "
"ผู้หญิงพวกนี้เป็นแค่ตัวแทนของฉัน พี่ใช้เสร็จ โยนเงินให้พวกหล่อน ขอทาน!ที่ใช้กายแลกเศษเงิน"
"ลิลไม่ใส่ใจค่ะ"
"เธอไม่มีสิทธิ์ใส่ใจลิล"
"ตั้งแต่คืนนั้น...สิทธิ์นั้นได้หมดลง"
ทั้งที่เขาไม่ได้ดุไม่ได้ด่า เพียงคำตอบที่เขาใช้กับเธอไม่กี่คำ เหมือนค้อนปอนด์ยักษ์ทุบใจให้แตกเป็นผุยผง
ลิลใช้ความดื้อด้านของตน ยืนกระต่ายขาเดียว ไม่อย่างนั้นเธอต้องเสียเขาไปจริง ๆ
ตราบใดที่เขายังไม่แต่งงานใหม่ หรือแต่งแล้ว เธอต้องดึงเขากลับมาให้ได้
ของที่มันเป็นของเธอ ต่อให้เป็นเศษดินที่เคยเดิน ใครก็ห้าม
"ลิลเมา ขับรถไม่ไหว"
"ถ้าเรียกรถกลัวอันตราย"
"เดี๋ยวให้กิตติไปส่ง"
"ไม่ค่ะ" เธออ้าแขนโถมตัวเข้าหาทิวสน
เขายืนมองอยู่นานตั้งรับได้ทัน รวบแขนทั้งสองและผลักลิลให้ถอยหลังล้มลงในท่านอนหงาย
ลิลหลับตาพริ้ม พลางยิ้มหวานอย่างรอคอย นึกว่าทิวสนอยากทำเรื่องบนเตียงลำลึกความหลังกับเธอ
เสียงฝีเท้าเดินจากไปยังห้องแต่งตัวสักพักเสียงเปิดและปิดประตูห้อง
เขาทิ้งเธอไว้กับความเงียบ
ลิลลุกขึ้นมาสายตา ไม่พอใจมือกำแน่นทุบลงบนเตียงอย่างโมโห
อีกมุมหนึ่ง ณ เรือนดอกแก้ว
"ผ่านมาแล้วสองวันฉันจะเอาเงินจากไหน"
"หนูจันทร์แม่ออนเรียกไปพบที่ห้องทำงาน"
จันทร์เสี้ยวได้ยินดังนั้น รีบเดินไปตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
"มาแล้วเหรอ จันทร์เสี้ยวมานี้มา"
"ค่ะ"
"น้าจะสอนวิชาติดตัว สำหรับผู้หญิง"
"นอกจากสวยแล้วเราต้องมีความรู้ด้วย"
"ถึงจะไม่โดนรังแก"
จันทร์เสี้ยวได้ยินดวงตาเปล่งประกายเรืองแสง เธอมีนิสัยใฝ่เรียนใฝ่รู้
ความฝันของเธออยากเรียนต่อมหาลัย เธอเชื่อว่าถ้ามีความรู้ สามรถนำมาต่อยอดหาเลี้ยงครอบครัวและ สร้างรายได้แก่ชุมชน
เธอตั้งใจเรียนเป็นอย่างมาก ความหัวไว ทำให้เรียนรู้ได้เร็ว
เจ๊ออนที่เป็นครูยิ้มอย่างภูมิใจ
ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ จันทร์เสี้ยวกำลังใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้าให้พระจันทร์อย่างเบามือ สายตาของเธอจ้องมองร่างน้องสาวราวกับกลัวว่าน้องจะมลายหายไปได้ ส่วนทิวสนโทรสั่งให้กิตติเตรียมแฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็นมาให้เขา และตั้งแต่ได้เอกสารกองโตมาเขาก็เปิดโน๊ตบุ๊ค ตั้งหน้าตั้งตาทำงานราวกับว่าตนเองเป็นธาตุอากาศ ไร้เสียงพูดคุยมีเพียงเสียงกระดาษเปิดไปปามาดังเบา ๆ หลังจากจัดการเช็ดตัวน้องเสร็จเธอจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ชุดที่เขาสั่งกิตติไปซื้อมาให้ เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งกับกางเกงขายาวที่ความยาวของมันมากกว่าความสูงของเธอ จนชายผ้าไปกองอยู่ที่ข้อเท้าร่างบางในชุดยักษ์เดินออกมา จากห้องน้ำ ทำเอาสายตาคมของทิวสนที่ไม่ได้ตั้งใจมองในขณะดื่มน้ำแทบสำลักน้ำในปากใบหน้าหน้าหล่อเหล่าพร้อมสายตาคมจ้องเธออยู่ครู่ใหญ่ รอยยิ้มจึงค่อย ๆ ผุดออกมา เขารู้สึกภูมิใจในตัวกิตติมากที่ทำตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี ชุดที่เขาสั่งมาให้เธอ คือมิดชิด "คุณยิ้มอะไรคะ หรือว่าจันทร์หยิบผิด แต่ไม่น่าจะผิดเสื้อผ้าคุณมีแต่สีทะมึน"มือบางเปิดดูถุงอีกสี่ห้าใบ ของเขามีแต่สีทึบ ส่วนของเธอก็สีหวานสดใส แต่ทุกตัวล้วนแต่เป็นชุดโอเวอร์ไซซ์ทั
ทิวสนเข้าไปนั่งในรถมองกระจกหลังที่สะท้อนภาพ จันทร์เสี้ยวถึงแม้เธอนั่งในร่มแต่ลมพัดเอาละอองฝนกระทบร่างบาง จันทร์เสี้ยวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความหนาวเย็นของลมพายุ แล้วยังโดนฝนสาดอีก ดวงตาหวานมองผ่านม่านน้ำฝนออกไปยังคงเห็นรถของเขาจอดอยู่ คนใจร้าย...ทันใดนั้นรถหรูคันสีดำก็ขับเคลื่อนออกไปทันที น้ำที่ตาเอ่อล้นออกมา จันทร์เสี้ยวยิ้มให้กับตัวเองสมเพชที่คิดว่าเขามีใจให้เธอสักนิดทันใดนั้น...รถคันสีดำ มาจอดตรงป้ายรถประจำทาง ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับเขาชายถือร่มเดินลงมาท่ามกลางพายุ "หนาวแย่เลย ให้ผมไปส่งบ้านนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสุภาพ"ขอบคุณคุณชีวินมากเลยค่ะ แต่จันทร์เสี้ยวเกรงใจค่ะ"เสียงหวานเอ่ยขอบคุณในน้ำใจที่เขามีต่อเธอ แต่คนที่กำลังจะแต่งงานไหนเลยจะกล้าขึ้นรถไปกับชายอื่นเพียงลำพัง"ไม่ต้องเกรงใจหรอกถือซะว่า เพื่อนไปส่ง อีกอย่างคุณตากฝนนานขนาดนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ" "ถ้าอย่างนั้นจันทร์รบกวนด้วยนะคะ" ชีวินเป็นสุภาพบุรุษทั้งคำพูดและการวางตัว เขาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้จันทร์เสี้ยวนั่งเรียบร้อยพร้อมปิดประตูรถให้อย่างเบามือ ก่อนตนเองเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทุกการกระทำขอ
เสียงหวานดังกล้องสะท้อน เงาทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ลมหายใจเหนื่อยหอบราวกับวิ่งระยะไกล เหงื่อผุดบนเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งเธอและเขา บทเพลงท่วงทำนองเคล้าคลอจบลง "คุณไม่ได้ใส่....ทำไมถึงปล่อย...." "อีก 5 วันเธอต้องเป็นเมียฉัน" "ของพันธุ์นั้นยังต้องใช้อีกเหรอ" "ฉันไม่ได้พกยามาด้วย" "ห้ามกินนะ มันอันตราย" เขาห่วงฉันเหรอเนี่ย "ขอบคุณที่ห่วงจันทร์นะคะ" ไร้เสียงตอบกลับจากเขา จันทร์เสี้ยวจึงเลิกสนใจเพราะพูดไปเสียอย่างไรก็ไร้ความหมายกับคนที่พูดน้อยแต่ดื้อเช่นเขา จากเหตุการณ์เมื่อครู่เธอรู้สึกเหนี่ยวเหนอะหนะจึงผละตัวไปอาบน้ำ เสียงเปิดฝักบัวน้ำปล่อยน้ำเย็นไหลผ่านร่างเปลือยเปล่า ดึงดูดให้สายตาคมของเขาเจ้าแห่งป่า มองร่างหญิงตรงหน้าแทบอยากจะกลืนเธอลงท้องไป และยิ่งเธอขยับตัวถูไถตามร่างกายสร้างความเย้ายวนในใจไม่น้อย และมันได้ปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่พึ่งมอดไหม้ไปเพียงไม่กีนาทีให้ลุกโชนอีกครั้ง เขาเดินตรงเข้าหาร่างอรชรทางด้านหลังใช้สายตามองราวกับไม่เคยเห็นใช้นิ้วไล้แตะเคล้าคลึงเนินมนพร้อมกับกดจมูกไซ้คอเรียว จันทร์เสี้ยวสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดต้นคอเธอ ทำได้เพียงหลับตาพริ้มเผย
“แต่งสายฟ้าแลบเหรอ? ผู้หญิงอย่างจันทร์เสี้ยวเนี่ยนะ?” เสียงนินทาแว่วมาตามลมปนกลิ่นเหงื่อแดดบ่ายของตลาดบ้านนา เธอไม่ได้ใส่ใจมานานแล้ว แต่คราวนี้มันเกินทน “ยายมันขายหลานให้เศรษฐีไง ถึงได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้” “นั่นสิ เศรษฐีที่ไหนจะเอาเด็กกระโปโลไปทำเมีย ถ้าไม่ใช่เมียน้อย” “ฉันว่ายายคงปล่อยให้ท้องก่อนนั่นแหละ ถึงได้กล้าประกาศแต่งงาน! “แหม...เชื้อมันแรงนะ ยายดวงแขนั่นก็แย่งผัวเขามาเหมือนกัน” “ใช่ ได้ข่าวว่าเมียเก่าได้ก่อน ยายดวงแขแต่งทีหลังอีก!” เสียงหัวเราะแหลมคมประสานกันราวมีดข่วนกระจก จันทร์เสี้ยวเดินผ่านเงียบ ๆ ไม่เคยโต้ตอบ จนกระทั่ง... ผัวะ! เสียงฝ่ามือปะทะแก้มดังลั่น หัวผู้หญิงคนนั้นหันตามแรงตบก่อนชะงักด้วยความตกใจ “อีจันทร์ มึงกล้าตบกูเหรอ!” “ใช่ ถ้ายังไม่หุบปากเน่า ๆ พวกพี่นั่นแหละ” “อีจันทร! มึง...” เสียงกร้าวหักหาญ กลายเป็นตะปบรวมจากฝูงหญิงที่เคยนินทา จับแขนจันทร์เสี้ยวไว้แน่น ราวฝูงหมาเห็นเหยื่ออ่อนแรง ผัวะ! ตบสวนกลับมา หน้าของเธอสะบัดตามแรง แต่ก่อนอีกฝ่ายจะได้สะใจ ปึก! เธอถีบสวนกลางท้อง ทำให้ร่างนั้นเซล้มไป “ได้ผัวรวยหน่อย กล้าหือเห
รุ่งอรุณแสงแดดลอดผ้าม่าน ทิวสนยงคงหลับสนิทที่ห้องนอนของตนเอง เขาออกจากห้องจันทร์เสี้ยวเกือบเช้าก่อนที่คุณยายจะตื่นมาเตรียมของใส่บาตรเมื่อคืนเด็กของเขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนเขาไม่อยากจากเธอ"ได้ค่ะ งั้นจันทร์จะทำหน้าที่นี้"จันทร์เสี้ยวขึ้นคร่อมตักเขาอย่างแนบแน่นโดยไม่รีรอเธอก็โน้มตัวลง...ริมฝีปากประกบกับเขาแนบแน่นไม่ทันได้หายใจ จูบนั้นก็ลุกลามราวกับไฟที่ไม่มีใครหยุดได้เขาตอบรับทันที มือทั้งสองเลื่อนขึ้นโอบแผ่นหลังเธอแน่นเสียงลมหายใจกลายเป็นเพียงจังหวะของอารมณ์ที่ระอุอยู่กลางอก"ต่อสิ"เสียงทุ้มเริ่มสั่นไหวจันทร์เสี้ยวใช้ปลายลิ้นไซ้คอ ลมหายใจร้อนผ่าวไล้ตามแนวเส้นเลือดสัมผัสนั้นแผ่ซ่านจนทำให้ทิวสนต้องขบกรามแน่นมือเรียวแตะไหล่เขาแนบ ก่อนจะเลื่อนลงประคองต้นแขนอย่างมั่นคงทุกความเคลื่อนไหวเธอทำด้วยความตั้งใจและแรงปรารถนาแบบไม่ลดละเพื่อให้เขาพึงพอใจมือเรียวไม่รอช้าเลื่อนขึ้นไปจับชายเสื้อเขานิ้วแตะไปที่กระดุมตัวแรกอย่างมั่นใจปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างช้าๆ ชวนให้ใจสั่นไหวริมฝีปากยังคงลากไล้ไปตามซอกคออย่างไม่ลดละทิวสนเผลอหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความรู้สึกร้อนผ่าวโอบกอดจนหมดใจทิวสนส่ง
สัมผัสจากปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคล้าคลึงหนักหน่วงเธอเผลอแอ่นกายตอบรับ ไม่ใช่เพราะปรารถนา แต่เพราะลมหายใจของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจ ราวกับมันไม่เคยจากไปเลยสักวินาทีเดียว“เดี๋ยวก่อนค่ะ...ไม่มีถุงยาง”เสียงเธอดังขึ้น...เบาแต่ชัดเจนพอจะหยุดทุกการเคลื่อนไหว เสียงทุ้มต่ำของเขาตอบกลับในทันที ราบเรียบแต่แฝงความขัดใจ“คืนนี้มันไม่จำเป็น...“จำเป็นสิคะ”เธอปรายตามองเขานิ่ง ๆ “คุณไม่กลัวเหรอ? จันทร์เป็นเด็กขายตัวนะคะ ต้องรับแขกมากมาย...”เธอหยุดหายใจนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ ทั้งประชด ทั้งเจ็บ“อีกอย่าง...คุณก็นอนกับใครไม่ซ้ำหน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”กับคนอื่น เขาไม่เคยต้องอธิบายพวกเธอพร้อมถวายกายถวายใจใต้เนื้อเขาราวกับนางบำเรอศิโรราบผู้จงรักแต่กับเด็กสาวบ้านนอกหน้าตาเรียบง่ายคนนี้...เขากลับต้องตั้งรับ ต้องหาคำพูด ต้องกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดทำไม ทิวสน... แค่เด็กขายตัวคนหนึ่ง ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะเจ็บสมองสั่งให้เย็นชา แต่หัวใจกลับเต้นโครมครามจนไม่ฟังเขาเอ่ยออกไปทันที ปากนำหน้าสมองเสียด้วยซ้ำ“ฉันนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจริง แต่ฉันมั่นใจในตัวเอง...”เขาโน้มตัวลง กระซิบช้า ๆ“ต