Home / โรแมนติก / หลงเด็กบำเรอใจ / 5.อาจเป็นโชคชะตา

Share

5.อาจเป็นโชคชะตา

last update Last Updated: 2025-05-22 16:34:22

วัดแห่งหนึ่งในเมืองท่องเที่ยว

เช้าวันใหม่เมฆเลื่อนคล้อยกาลเวลา ใบไม้ปลิดปลิวไสวเอนโน้มกิ่งไปมาตามธรรมชาติ ลมอ่อนพัดโชย 

ภาพถ่ายสีขาวดำชายผู้ชรา ป้ายบอกชื่อ วันชาตะและมรณะ ควันธูปลอยอบอวนตามลม ดอกไม้ ทั้งของกิน

ตามความเชื่อที่ว่านำมาไหว้แล้วจะส่งถึงผู้ตาย

"ตาจ๋า"เพียงแค่เอ่ยถึงร่มโพธิ์ร่มไทรที่เคยให้ร่มเงาบังแดดลมฝนในยามอ้างว้าง

ความกดทับแน่นจุกในอก หยาดน้ำตาร่วงเผาะราวกับเม็ดไข่มุกล้ำค่า

"หนูอาจจะต้องทำผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้"

"ตาบอกเสมอ ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงเก็บไว้ให้สามีในวันแต่งงาน"

"เพื่อพระจันทร์ หนูจะต้องทำมันเพื่อแลกกับเธอ"

"ยายได้รับการผ่าตัดแล้วนะคะ"

"หนูบอกตาแล้ว ถ้าเกิดวันหนึ่งยายจับได้ว่าหนูไม่เชื่อฟังตาต้องช่วยจันทร์เสี้ยวด้วยนะจ๊ะตา "

"หนูคิดถึงตาเหลือเกิน"

ความขับค่องหมองใจพลุ่งคลื่นออกมาอีกระลอกหนึ่ง

สุสานเงียบงัน มีเพียงเสียงใบไม้ไหวกับกลิ่นควันธูปที่พัดผ่านหัวใจให้ปวดหนึบ นอกจากผู้ปฏิบัติธรรมที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย และคนเฒ่าแก่ชราถึงจะมานั่งณ สถานที่แห่งนี้ แต่ฉไหนเลยถึงได้มีเสียงใสของเด็กสาว

อีกมุมหนึ่ง

ทุกวันพระใหญ่หรือวันสำคัญต่าง ๆ คุณยายดวงแก้ว มักจะมาทำบุญให้สามีผู้ล่วงลับเสมอ ทุกครั้งหลังจากทำบุญเสร็จ ก็มักจะมานั่งสมาธิเป็นเพื่อนตา บ่อยครั้งที่ได้ยินเสียงเด็กสาวคุยกับผู้ล่วงลับ

บางครั้งเล่าเรื่องราวดี ๆ บางครั้งปรับทุกข์ แต่ครั้งนี้เธอพูดพลางร้องไห้กับทุกประโยคที่กล่าวออกมา

"โถ แม่หนูช่างน่าสารเสียจริง"

ความสลดสังเวชใจ ยายดวงแก้วไม่อาจครองใจอยู่ในสมาธิได้อีกต่อไป

การมองผู้อื่นมันเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณยายไม่เคยคิดจะทำ

แต่ครั้งนี้ไม่อาจทนดูเพื่อนมนุษย์ตกทุกข์ได้ยาก

หากเรื่องราวที่เด็กสาวพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เธอเป็นเด็กใช้ได้คนหนึ่ง คุณยายรู้สึกทั้งชื่นชมในความดี ทั้งระคนสงสารที่ชีวิตเด็กคนหนึ่งต้องแปดเปื้อน

เด็กสาวใบหน้าแลดูคุ้นเคย สายตาฝ้าฟางมองไม่ถนัดมือขยับแว่นมองอีกที 

เด็กคนนั้น!

คุณยายจำเธอได้

ในวันที่ทุกคนแสนยุ่งคุณยายเดินทางมาทำบุญไร้เงาคนดูแล เธอเด็กสาวผู้น่ารักทั้งที่ไม่รู้จักกันแต่อาสาช่วยขนของเบาแรงคนแก่

วันแรกนาขวัญ

เป็นวันสำคัญคุณยายมาวัดเช่นเคย วันมหามงคลใหญ่ คุณยายนำของมาทำบุญเยอะเสียจนขนเองไม่ไหว ทั้งใส่บาตรและแจกในโรงทาน

"หนูช่วยค่ะคุณยาย"

เสียงใสใบหน้าเบิกบานช่วยขนต้นเทียน สังฆทาน ผลไม้ ขนมไทย นม อาหารคาว 

"อันนี้คืออะไรเหรอลูก"

"เป็นชุดธูปเทียนพร้อมแผ่นทองค่ะ"

"หนูทำมาถวายวัด"

"น่ารักจังลูก เดี๋ยวนี้เลยคนหนุ่มสาวสมัยใหม่ไม่ชอบทำบุญ"

"แต่หนูกลับทำสิ่งนี้มาทำบุญ ทั้งสามสิ่งล้วนมีความหมาย"

จันทร์เสี้ยวยิ้มหวานตาหยี เธอก็หวังว่าการบริจาคต้นเทียนจะชีวิตสว่างไสวไร้ความมืดมน

บริจาคธูป ความดีของเธอและเธอจะเป็นผู้มีกลิ่นตัวหอมฟุ้งขจรไปทั่วทุกสารทิศ

บริจาคแผ่นทอง เพื่อแสดงถึงความเคารพบูชา

จันทร์เสี้ยว

ใบหน้าเปียกปอน จากการร้องไห้ เมื่อได้ระบายความในใจจนหมดสิ้น จันทร์เสี้ยวรู้สึกโล่งราวกับปัญหาคลี่คลาย

เธอเตรียมจะหันหลังกลับ 

ทันใดนั้นเสียงเรียกดังขึ้นด้านหลัง

"หนู"

เสียงใครคนหนึ่งกำลังเรียก ร่างบางเบิกตาโพลง บ่อยครั้งที่มานั่งไม่เคยกลัวผีเพราะคิดว่าไม่มีจริง

หรือจะเป็นผีจริง ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอรู้สึกหนาวเสียวสันหลัง ความหนาวเหน็บเย็นเยียบแล่นจากปลายเท้าไต่มาถึงกลางหลัง เธอรู้สึกถึงลมหายใจที่ไม่มีต้นตอ ลมหวิวเย็นวาบที่แทรกผ่านหลังคอ…เหมือนใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่ในเงาไม้

ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดินหนีไม่รู้มันคือสิ่งใดกันแน่

มีบางอย่างคว้าเข้าที่หัวไหล่ จันทร์เสี้ยว เธอสะดุ้งเฮือกหน้าซีดเผือด เหงื่อผุดราวกับอาบน้ำทั้งใจเต้นโครมครามแทบทะลุอกมาเต้นนอกกาย

"อย่าหลอกหนูเลยนะคะ หนูกลัวแล้ว"

มือทั้งสองพนมไหว้เสียยกใหญ่

"หนูจ๊ะ"

"ว้าย พ่อแก้ว แม่แก้วช่วยหนูด้วย"

ขาพยายามวิ่งออกกลับยังยืนอยู่ที่เดิมเพราะมีสิ่งยึดเธอไม่ให้วิ่ง จากหนึ่งเป็นสอง ในเมื่อหนีไม่ได้ หลับตาอุดหูแล้วกัน

"ยายเอง คนจ้ะ"

ร่างสูงโปร่งมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เขายืนพิงต้นไม้กอดอกมองจันทรเสี้ยวที่กำลังกลัวผีกลางวันแสก ๆ 

"คนเหรอคะ"

"จับมือยายดูถ้ายังไม่เชื่อ"

จันทร์เสี้ยว แตะมือที่บ่าไหล่ด้วยอาการกล้า ๆ กลัว ๆ เพียงนิ้วเรียวสัมผัสโดนเนื้อนิ่มอุ่น เธอใจชื่นในทันที

"คนจริงด้วยค่ะ"

จันทร์เสี้ยวกำลังจะหันไปหาคุณยาย สายตาคมเข้มที่ยืนมองพลางเดินเข้ามาใกล้ อยากแกล้งให้เธอตกใจอีกครั้ง

แฮ่

ว้าย.....

จันทร์เสี้ยวตาค้างในอากาศ ผวาสุดขีด ใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม ครั้งนี้เธอถึงกลับเป็นลม

ร่างบางทิ้งตัวลง ทิวสนเห็นเข้าพอดีใจหายวาบรีบโผเข้าประคองรับเธอไว้

"คุณครับ คุณ"

"เธอเป็นลมไปเสียแล้วหลานเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง"

ทิวสนพยุงร่างของหญิงสาวขึ้นรถด้วยความระมัดระวัง เสียงใจเขายังเต้นแรงไม่หาย จากที่แกล้งกลายเป็นต้องดูแลอย่างจริงจัง

บ้านสวน

บ้านสวนเรือนบุหงาในยามเย็นคลาคล่ำด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และไอดินชุ่มฝน พายุฝนเพิ่งหยุด ทิวสนอุ้มร่างจันทร์เสี้ยววางบนเตียงในห้องรับรองอย่างเบามือ

ดวงหน้าคมขาวเนียน ปากอิ่ม ขนคิ้ววาดโค้งสวย ขนตาเป็นแพงอนยาว เรือนหน้าครบเครื่อง ดึงดูดให้ เขาลอยมองเธออย่างลืมตัว

"สาวบ้านป่า สวยเหมือนกันนะเนี้ย"

เขาถูกกำชับให้นั่งเฝ้าเธอจนกว่าจะตื่น

จันทร์เสี้ยวรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของไข่เจียวลอยมาแตะปลายจมูก

"ที่นี่ คือที่ไหน "เธอกรอกตามองเพดานก่อนจะขยับตัวช้า ๆ 

เธอนึกย้อนเหตุการเมื่อตอนเช้า 

ทิวสนนั่งบนเก้าอี้ปลายเตียง สายตาคมมองเธอด้วยแววตาอ่านไม่ออก

เสียงของใครคนหนึ่งเห็นเสี้ยวจันทร์ตื่นแล้วจึงถามอาการ

"ตื่นแล้วเหรอ"

เขาคือใคร

คุณคนนั้น เธอเจอที่หน้าห้องน้ำ

"คุณ"เสี้ยวจันทร์เรียกเขาน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย

"คุณทิวสนคะ อาหารพร้อมแล้ว คุณท่านให้มาเชิญทั้งคู่ไปทานข้าวค่ะ" คุณป้าวัยกลางคน ท่าทางนอบน้อม หยุดบทสนทนาระหว่างเธอและเขา

ร่างสูงหล่อเหล่าลุกยืนเต็มความสูง กำลังจะกล่าวขาออกไปทานข้าว 

เขามองเธอผ่านหางตา แต่ทว่าร่างบางยังคงนั่งเฉยไม่ยอมลูกตาม

"ลุกไปทานข้าว"น้ำเสียงเรียบ

"ค่ะ"จันทร์เสี้ยวตอบพลางลุกตาม

รอยยิ้มบาง ๆ ของเขา ไม่ใช่แค่แกล้ง…แต่มันเหมือนกำลังเปิดประตูบางอย่างในใจ

จันทร์เสี้ยวยังงุนงง ตะกุกตะกักถามอะไรไม่ออก เสียงฝนที่ยังเกาะใบไม้ข้างนอกทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกพาไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง 

โต๊ะอาหารกลางเรือนไม้  ระลานตาหลากหลายเมนู อาหารทุกอย่างวิจิตรทั้งงดงามส่งกลิ่นหอมชวนท้องร้อง

"แม่บ้านตักข้าว"เสียงคุณยายดวงแก้วสั่งป้าแม่บ้าน

เธอยืนมองเก้กัง ไม่กล้านั่งร่วมโต๊ะอาหาร 

"นั่งเร็วลูก"

คุณยายยกลูกตาลลอยแก้วมาวางตรงด้านหน้าเธอ มืออุ่นดันหลังให้เธอนั่งลงข้างเขา

ชายหนุ่มที่เธอเคยเจอเขาหน้าห้องน้ำ 

เธอนั่งลงอย่างว่าง่าย ผู้ใหญ่เชิญขนาดนี้แล้ว เกรงว่าจะเสียมารยาทถ้าหากยังยืนอยู่เช่นเดิม

"แกงส้มดอกชบาจ้ะ หนู"

คนสมัยก่อนทำอาหารใช้สัมผัสทั้งห้า รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส

"ดอกไม้นี้ยายค่อย ๆ แกะสลักจากฟักจนเป็นดอก "

คุณยายดวงแก้วตักแกงส้มดอกชบาใส่กุ้งลงบนถ้วยเล็ก ยื่นให้จันทร์เสี้ยวก่อนยื่นให้ชายหนุ่มนั่งที่นั่งข้างเธอ

"อร่อยจังเลยค่ะ"

"หนูไม่เคยทานที่ไหนอร่อยเท่าฝีมือคุณยายเลยค่ะ" คำแรกเข้าปากกลมกล่อมเหมือนเหาะได้ ความอร่อยของอาหารเธอเอ่ยชมไม่ขาดปาก

"อร่อยก็ทานเยอะ ๆ นะลูก"

"ของกินเข้าปากแล้วเป็นคนละคนเชียวนะ พูดคล่องเป็นน้ำไหลไฟดับเชียว"คนที่นั่งข้างเธอพูดโพล่งออกมา

แค่คำพูดไม่กี่ประโยคไม่สะท้านใจเธอเลยที่ผ่านมาผู้คนภายนอกดูถูกไม่ใช่น้อย ไม่ใช่ว่าเข้มแข็ง แต่มันผ่านความเจ็บปวดจนชินชาจนกลายเป็นเฉย ๆ 

"พี่เขาแหย่เล่น นะลูกอย่าถือคนบ้า"

"ไม่เป็นไรเลยนะคะ คุณยายหนูเข้าใจและชินแล้วล่ะค่ะ" เธอพูดพลางยิ้ม

"เห็นไหม ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้"

"ยังอีก อยากให้ยายโกรธตายหรืออย่างไร" 

เพราะคำว่ารักและกตัญญู ทิวสนกลัวว่าไม่ทำตามใจผู้เป็นยาย อาจทำให้ท่านโมโหจนเข้าโรงพยาบาลจึงรีบขอโทษเด็กสาวอย่างขอไปที

"ขอโทษ"

"ไม่เป็นไรค่ะ"

"กินให้อิ่ม ๆ ซะ เพราะที่บ้านเธอคงไม่ได้ทานดีขนาดนี้หรอก"

"หลานคนนี้ ผีเจาะปากหลานมาหรือไง"

"พูดกับน้องดี ๆ หลานต้องไปส่งเธอกลับบ้านด้วย"

"....."

ทิวสนได้แต่นิ่งไม่กล้าขัด จันทร์เสี้ยวยิ้มหวานที่เขาโดนดุเรื่องเธออีกครั้ง

"หนูชื่ออะไรลูก"

"จันทร์เสี้ยวค่ะคุณยาย"

"คนนี้พี่ทิวสนนะ ส่วนยายชื่อดวงแก้ว "

"ยายจำได้วันนั้นหนูช่วยยายขนของ"

"อ้อจำได้แล้วค่ะ"

เสียงหัวเราะของยายและจันทร์เสี้ยวที่เล่าเรื่องในวัดวันพระครั้งก่อนดังกลบอีกคนที่ทานข้าวอย่างเงียบ ๆ หลังจากโดนดุ

ที่จริงเขาแค่แกล้งเล่นเท่านั้นเอง 

ประหลาดเสียจริงการได้พบเจอเธอ 

พูดคุยหยอกเย้า หัวใจของเขาที่เคยมีความโกลาหลวุ่นวายยุ่งเหยิงบัดนี้ทว่ากลับอบอวลไปด้วยความสุข

ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

สวนดอกไม้

บุหงาอาส่าหรี ยลโฉมฤดีงามหวาน พร่างพราวแต่งแต้ม พิมใจมิรู้ลืมพี่เอย

ดอกไม้หลากหลายสายพรรณ บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมชวนให้หลงไหล ลมพัดโชยโน้มกลิ่งบุหงาเข้าหาเรือน

มือบางเอื้อมดึงชมดมดอมละมุนเย็นปากอิ่มยิ้มหวานแก่ดอกไม้ ร่ายกลอนแผ่วเบา

"เธอหอมจัง เจ้าบุหงา"

บ้านหลังนี้ราวกับน้ำมนต์เก้าวัด ที่เพียงอาบความเศร้าอ้างว้างเดียวดายพลันหายเป็นปลิดทิ้ง

เสียอย่างเดียวหลานชายคุณยายเหมือนไม่ชอบเธอ

แต่ช่างเขาเถอะ ตอนเด็กคงขาดความอบอุ่น

"กวีเอกจากไหนมาเกิดกลางเรือนดวงแก้ว"

ว้าย

"ตกใจหมดเลย" เธอยกมือทาบอกอย่างเสียขวัญ

"ทำไม มัวแต่ใจลอยคิดว่าจะขโมยอะไรดีใช่ไหม"

"นักต้มตุ๋นใช่ไหม ใช่แน่ ๆ "

"เธอเห็นยายฉันแก่แล้ว จะมาหลอกเงิน"

"'นี่คุณ หัดมองโลกในแง่ดีบ้างนะคะ คุณอาจจะเจอเรื่อง ร้าย ๆ มา"

"แต่ไม่ควรเหมารวมฉัน" เสียงหวานโต้แย้ง ไม่ยอมโดนว่าฝ่ายเดียว

แต่แล้วเสียงของยายดวงแก้วเรียกหาจันทร์เสี้ยว ทั้งคู่จึงหยุดปะทะกัน

"อันนี้ลูกชุบและถุงทองเอาไปฝากจันทร์เสี้ยว นะลูกวันไหนว่าง ๆ มาเที่ยวหายาย "

"คิดเสียว่าที่นี้คือบ้านญาติผู้ใหญ่"

"ค่ะ สวัสดีค่ะ"

เสียงเหยียบคันเร่งเครื่องเตือน จากคนภายในรถ จันทร์เสี้ยวยกมือไหว้ลาคุณยายดวงแก้ว พลางกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังรถ

เสียงประตูรถเปิดปิดลง

เขายังไม่ยอมออกรถในทันที

"มานั่งข้างหน้า ฉันไม่ใช่คนขับรถเธอ"

"ค่ะ ที่นั่งหลังเพราะกลัวคุณรังเกียจฉันค่ะ"

"คาดเข็มขัดด้วย"

"ค่ะ"

มือบางที่กำลังคว้าเข็มขัดมาคาด คันเร่งถูกเหยียบพุ่งออกไป แล้วเหยียบเบรกทันที 

"โอ๊ย"

หัวเธอโขกกับแผงคอนโซลรถเข้าอย่างจัง

"นี่คุณ "

"หึ เหมาะสมแล้ว พวกผู้หญิงชอบวางแผน หลอกลวง"

"คุณพูดถึงอะไรคะ"

"ฉันไม่เข้าใจ"

ไร้เสียงตอบ  มีเพียงเสียงรถที่แล่นฉิวบนท้องถนน 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หลงเด็กบำเรอใจ   หินผาที่ว่าแกร่ง

    ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ จันทร์เสี้ยวกำลังใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้าให้พระจันทร์อย่างเบามือ สายตาของเธอจ้องมองร่างน้องสาวราวกับกลัวว่าน้องจะมลายหายไปได้ ส่วนทิวสนโทรสั่งให้กิตติเตรียมแฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็นมาให้เขา และตั้งแต่ได้เอกสารกองโตมาเขาก็เปิดโน๊ตบุ๊ค ตั้งหน้าตั้งตาทำงานราวกับว่าตนเองเป็นธาตุอากาศ ไร้เสียงพูดคุยมีเพียงเสียงกระดาษเปิดไปปามาดังเบา ๆ หลังจากจัดการเช็ดตัวน้องเสร็จเธอจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ชุดที่เขาสั่งกิตติไปซื้อมาให้ เสื้อยืดตัวหลวมโคร่งกับกางเกงขายาวที่ความยาวของมันมากกว่าความสูงของเธอ จนชายผ้าไปกองอยู่ที่ข้อเท้าร่างบางในชุดยักษ์เดินออกมา จากห้องน้ำ ทำเอาสายตาคมของทิวสนที่ไม่ได้ตั้งใจมองในขณะดื่มน้ำแทบสำลักน้ำในปากใบหน้าหน้าหล่อเหล่าพร้อมสายตาคมจ้องเธออยู่ครู่ใหญ่ รอยยิ้มจึงค่อย ๆ ผุดออกมา เขารู้สึกภูมิใจในตัวกิตติมากที่ทำตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี ชุดที่เขาสั่งมาให้เธอ คือมิดชิด "คุณยิ้มอะไรคะ หรือว่าจันทร์หยิบผิด แต่ไม่น่าจะผิดเสื้อผ้าคุณมีแต่สีทะมึน"มือบางเปิดดูถุงอีกสี่ห้าใบ ของเขามีแต่สีทึบ ส่วนของเธอก็สีหวานสดใส แต่ทุกตัวล้วนแต่เป็นชุดโอเวอร์ไซซ์ทั

  • หลงเด็กบำเรอใจ   ตอนที่15.ไม่ชอบใจที่ใครไกล้เธอ

    ทิวสนเข้าไปนั่งในรถมองกระจกหลังที่สะท้อนภาพ จันทร์เสี้ยวถึงแม้เธอนั่งในร่มแต่ลมพัดเอาละอองฝนกระทบร่างบาง จันทร์เสี้ยวสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความหนาวเย็นของลมพายุ แล้วยังโดนฝนสาดอีก ดวงตาหวานมองผ่านม่านน้ำฝนออกไปยังคงเห็นรถของเขาจอดอยู่ คนใจร้าย...ทันใดนั้นรถหรูคันสีดำก็ขับเคลื่อนออกไปทันที น้ำที่ตาเอ่อล้นออกมา จันทร์เสี้ยวยิ้มให้กับตัวเองสมเพชที่คิดว่าเขามีใจให้เธอสักนิดทันใดนั้น...รถคันสีดำ มาจอดตรงป้ายรถประจำทาง ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับเขาชายถือร่มเดินลงมาท่ามกลางพายุ "หนาวแย่เลย ให้ผมไปส่งบ้านนะครับ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสุภาพ"ขอบคุณคุณชีวินมากเลยค่ะ แต่จันทร์เสี้ยวเกรงใจค่ะ"เสียงหวานเอ่ยขอบคุณในน้ำใจที่เขามีต่อเธอ แต่คนที่กำลังจะแต่งงานไหนเลยจะกล้าขึ้นรถไปกับชายอื่นเพียงลำพัง"ไม่ต้องเกรงใจหรอกถือซะว่า เพื่อนไปส่ง อีกอย่างคุณตากฝนนานขนาดนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ" "ถ้าอย่างนั้นจันทร์รบกวนด้วยนะคะ" ชีวินเป็นสุภาพบุรุษทั้งคำพูดและการวางตัว เขาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้จันทร์เสี้ยวนั่งเรียบร้อยพร้อมปิดประตูรถให้อย่างเบามือ ก่อนตนเองเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับ ทุกการกระทำขอ

  • หลงเด็กบำเรอใจ   ตอนที่14อย่าลืมสถานะเด็กบำเรอรัก

    เสียงหวานดังกล้องสะท้อน เงาทั้งคู่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ลมหายใจเหนื่อยหอบราวกับวิ่งระยะไกล เหงื่อผุดบนเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งเธอและเขา บทเพลงท่วงทำนองเคล้าคลอจบลง "คุณไม่ได้ใส่....ทำไมถึงปล่อย...." "อีก 5 วันเธอต้องเป็นเมียฉัน" "ของพันธุ์นั้นยังต้องใช้อีกเหรอ" "ฉันไม่ได้พกยามาด้วย" "ห้ามกินนะ มันอันตราย" เขาห่วงฉันเหรอเนี่ย "ขอบคุณที่ห่วงจันทร์นะคะ" ไร้เสียงตอบกลับจากเขา จันทร์เสี้ยวจึงเลิกสนใจเพราะพูดไปเสียอย่างไรก็ไร้ความหมายกับคนที่พูดน้อยแต่ดื้อเช่นเขา จากเหตุการณ์เมื่อครู่เธอรู้สึกเหนี่ยวเหนอะหนะจึงผละตัวไปอาบน้ำ เสียงเปิดฝักบัวน้ำปล่อยน้ำเย็นไหลผ่านร่างเปลือยเปล่า ดึงดูดให้สายตาคมของเขาเจ้าแห่งป่า มองร่างหญิงตรงหน้าแทบอยากจะกลืนเธอลงท้องไป และยิ่งเธอขยับตัวถูไถตามร่างกายสร้างความเย้ายวนในใจไม่น้อย และมันได้ปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่พึ่งมอดไหม้ไปเพียงไม่กีนาทีให้ลุกโชนอีกครั้ง เขาเดินตรงเข้าหาร่างอรชรทางด้านหลังใช้สายตามองราวกับไม่เคยเห็นใช้นิ้วไล้แตะเคล้าคลึงเนินมนพร้อมกับกดจมูกไซ้คอเรียว จันทร์เสี้ยวสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดต้นคอเธอ ทำได้เพียงหลับตาพริ้มเผย

  • หลงเด็กบำเรอใจ   ตอนที่13.เขาเหมือนดั่งดวงตะวัน

    “แต่งสายฟ้าแลบเหรอ? ผู้หญิงอย่างจันทร์เสี้ยวเนี่ยนะ?” เสียงนินทาแว่วมาตามลมปนกลิ่นเหงื่อแดดบ่ายของตลาดบ้านนา เธอไม่ได้ใส่ใจมานานแล้ว แต่คราวนี้มันเกินทน “ยายมันขายหลานให้เศรษฐีไง ถึงได้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้” “นั่นสิ เศรษฐีที่ไหนจะเอาเด็กกระโปโลไปทำเมีย ถ้าไม่ใช่เมียน้อย” “ฉันว่ายายคงปล่อยให้ท้องก่อนนั่นแหละ ถึงได้กล้าประกาศแต่งงาน! “แหม...เชื้อมันแรงนะ ยายดวงแขนั่นก็แย่งผัวเขามาเหมือนกัน” “ใช่ ได้ข่าวว่าเมียเก่าได้ก่อน ยายดวงแขแต่งทีหลังอีก!” เสียงหัวเราะแหลมคมประสานกันราวมีดข่วนกระจก จันทร์เสี้ยวเดินผ่านเงียบ ๆ ไม่เคยโต้ตอบ จนกระทั่ง... ผัวะ! เสียงฝ่ามือปะทะแก้มดังลั่น หัวผู้หญิงคนนั้นหันตามแรงตบก่อนชะงักด้วยความตกใจ “อีจันทร์ มึงกล้าตบกูเหรอ!” “ใช่ ถ้ายังไม่หุบปากเน่า ๆ พวกพี่นั่นแหละ” “อีจันทร! มึง...” เสียงกร้าวหักหาญ กลายเป็นตะปบรวมจากฝูงหญิงที่เคยนินทา จับแขนจันทร์เสี้ยวไว้แน่น ราวฝูงหมาเห็นเหยื่ออ่อนแรง ผัวะ! ตบสวนกลับมา หน้าของเธอสะบัดตามแรง แต่ก่อนอีกฝ่ายจะได้สะใจ ปึก! เธอถีบสวนกลางท้อง ทำให้ร่างนั้นเซล้มไป “ได้ผัวรวยหน่อย กล้าหือเห

  • หลงเด็กบำเรอใจ   ตอนที่12 ทุกอย่างเป็นหน้าที่

    รุ่งอรุณแสงแดดลอดผ้าม่าน ทิวสนยงคงหลับสนิทที่ห้องนอนของตนเอง เขาออกจากห้องจันทร์เสี้ยวเกือบเช้าก่อนที่คุณยายจะตื่นมาเตรียมของใส่บาตรเมื่อคืนเด็กของเขาทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนเขาไม่อยากจากเธอ"ได้ค่ะ งั้นจันทร์จะทำหน้าที่นี้"จันทร์เสี้ยวขึ้นคร่อมตักเขาอย่างแนบแน่นโดยไม่รีรอเธอก็โน้มตัวลง...ริมฝีปากประกบกับเขาแนบแน่นไม่ทันได้หายใจ จูบนั้นก็ลุกลามราวกับไฟที่ไม่มีใครหยุดได้เขาตอบรับทันที มือทั้งสองเลื่อนขึ้นโอบแผ่นหลังเธอแน่นเสียงลมหายใจกลายเป็นเพียงจังหวะของอารมณ์ที่ระอุอยู่กลางอก"ต่อสิ"เสียงทุ้มเริ่มสั่นไหวจันทร์เสี้ยวใช้ปลายลิ้นไซ้คอ ลมหายใจร้อนผ่าวไล้ตามแนวเส้นเลือดสัมผัสนั้นแผ่ซ่านจนทำให้ทิวสนต้องขบกรามแน่นมือเรียวแตะไหล่เขาแนบ ก่อนจะเลื่อนลงประคองต้นแขนอย่างมั่นคงทุกความเคลื่อนไหวเธอทำด้วยความตั้งใจและแรงปรารถนาแบบไม่ลดละเพื่อให้เขาพึงพอใจมือเรียวไม่รอช้าเลื่อนขึ้นไปจับชายเสื้อเขานิ้วแตะไปที่กระดุมตัวแรกอย่างมั่นใจปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างช้าๆ ชวนให้ใจสั่นไหวริมฝีปากยังคงลากไล้ไปตามซอกคออย่างไม่ลดละทิวสนเผลอหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความรู้สึกร้อนผ่าวโอบกอดจนหมดใจทิวสนส่ง

  • หลงเด็กบำเรอใจ   11.ใต้ทิวสน

    สัมผัสจากปลายนิ้วเย็นเฉียบลูบไล้เบา ๆ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคล้าคลึงหนักหน่วงเธอเผลอแอ่นกายตอบรับ ไม่ใช่เพราะปรารถนา แต่เพราะลมหายใจของเขาฝังลึกอยู่ในหัวใจ ราวกับมันไม่เคยจากไปเลยสักวินาทีเดียว“เดี๋ยวก่อนค่ะ...ไม่มีถุงยาง”เสียงเธอดังขึ้น...เบาแต่ชัดเจนพอจะหยุดทุกการเคลื่อนไหว เสียงทุ้มต่ำของเขาตอบกลับในทันที ราบเรียบแต่แฝงความขัดใจ“คืนนี้มันไม่จำเป็น...“จำเป็นสิคะ”เธอปรายตามองเขานิ่ง ๆ “คุณไม่กลัวเหรอ? จันทร์เป็นเด็กขายตัวนะคะ ต้องรับแขกมากมาย...”เธอหยุดหายใจนิดหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ ทั้งประชด ทั้งเจ็บ“อีกอย่าง...คุณก็นอนกับใครไม่ซ้ำหน้าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”กับคนอื่น เขาไม่เคยต้องอธิบายพวกเธอพร้อมถวายกายถวายใจใต้เนื้อเขาราวกับนางบำเรอศิโรราบผู้จงรักแต่กับเด็กสาวบ้านนอกหน้าตาเรียบง่ายคนนี้...เขากลับต้องตั้งรับ ต้องหาคำพูด ต้องกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดทำไม ทิวสน... แค่เด็กขายตัวคนหนึ่ง ทำไมถึงกลัวว่าเธอจะเจ็บสมองสั่งให้เย็นชา แต่หัวใจกลับเต้นโครมครามจนไม่ฟังเขาเอ่ยออกไปทันที ปากนำหน้าสมองเสียด้วยซ้ำ“ฉันนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าจริง แต่ฉันมั่นใจในตัวเอง...”เขาโน้มตัวลง กระซิบช้า ๆ“ต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status