ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ
"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด"
"ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)
ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่าน
ถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนน
ร้านยาดองวาสนา
แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้มกริ่มใส่เรไร
"ไม่ต้องมายิ้ม รู้เห็นเป็นใจใช่ไหม"
"เรื่องอะไร" หญิงสาวค้อนสายตาใส่พี่สาวที่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องคร้านจะถามต่อในเมื่อรู้คำตอบอยู่แล้วเธอจึงเดินเข้ามานั่งโต๊ะเดียวกันกับ อบต.ว่าที่พี่เขย
"บ่มีหม่องไปบ่คือมาสิงอยู่แต่นี้"(ไม่มีที่ไปหรือไง ทำไมมาสิงอยู่แค่ที่นี่)
"มาเฝ้าผู้สาว ย่านเขามาลัก"(มาเฝ้าแฟน กลัวมีคนมาขโมย)
"ฮึ เฝ้าได้กะส่ำนั้นล่ะ บ่เคยได้ยินเบาะ มดแดงแฝงรังบักม่วง"(ฮึ เฝ้าไปก็เท่านั้นแหละ ไม่เคยได้ยินเรื่องมดแดงแฝงรังมะม่วง)
"เอ้า! คือว่าแนวนั้น"(อ้าว...หมายความว่าไงพูดแบบนี้)
"จักแล่ว เฝ้าสุมื้อ สุดท้ายเขาแล่นนำคนอื่นเด้"(ใครจะไปรู้เฝ้าอยู่ทุกวันสุดท้ายก็มีคนชิ่งไปก่อน)
"คือเรนั้นเบาะ"(เหมือนเรอะเหรอ)
คำพูดของครามทำให้เรไรสะอึกไปเล็กน้อย จริงสิเธอก็เฝ้าห่วงเฝ้าหวงห้อยมาอยู่หลายปีแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ครอบครอง
"ยายเอาเหล้ามากินดู้ ของแบบสองเป๊กสลบเลย"(พี่วาดเอาเหล้ามา ขอแบบแรง ๆ ชนิดที่สองช็อตสลบ)
"อ้ายหยอก"(พี่แค่ล้อเล่น)
"หยอกแฮงโพด"(ก็เล่นแรงเกิน)
ร้านยาดองของวาสนาเป็นพื้นที่ของตาสำราญพ่อของครามที่ปล่อยว่างไว้ ครามเลยขอเช่าคนเป็นพ่อเพื่อเปิดร้านเล็ก ๆ ให้เธอ แรก ๆ ก็เงียบแต่ปัจจุบันก็มีคนแวะเวียนมาซื้อกับเธอจนพอที่จะเก็บเงินเอาไว้ได้หนึ่งก้อน ทั้งยังเหลือพอหยิบยื่นไปให้พ่อกับแม่กับน้องบ้าง ไม่รู้ว่าเหล้าที่พี่สาวเอามาให้นั้นแรงหรือเพราะท้องว่างเลยทำให้เรไรนั้นเริ่มรู้สึกมึน ๆ ทั้งที่กินไปเพียงไม่กี่แก้ว เรไรขึ้นชื่อเรื่องคอแข็งกินแข่งกับผู้ชายได้สบายเลยล่ะ ถ้าเอาอีเรเมาได้แสดงว่าก็แรงพอสมควร
"สิไปไส"(จะไปไหน)
"เยี่ยว สินำกูไปอยู่บ่"(ไปเยี่ยว จะตามไปดูไหม)
ใบหน้าสวยหวานหันมาตอบน้องสาวพร้อมกับลุกขึ้น สองพวงแก้มเริ่มเปล่งสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด กระท่อมน้อย ๆ ที่วาสนาใช้หลับนอนมุงด้วยหญ้าคาและมีห้องน้ำอยู่หลังบ้านซึ่งติดอยู่กับหลังบ้านของครามเลยก็ว่าได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมครามถึงมานั่งที่นี่ได้ทุกวัน
หลังจากทำธุระเสร็จขณะที่กำลังเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็คล้ายกับว่าเธอกำลังจะเสียหลักเพราะการทรงตัว แต่...
หมับ!!
อ้อมกอดจากใครบางคนที่รวบกอดจากทางด้านหลังและปิดปากเธอเอาไว้พลันหัวใจดวงน้อยก็ตื่นตระหนกเตรียมพร้อมที่จะส่งเสียงร้องทว่า...
"กรี๊ด! อุ้บ!" มือหนารีบปิดปากของเธอเอาไว้ก่อนจะได้ส่งเสียง ก่อนจะกระซิบบอกเธอที่ข้างหูเบา ๆ
"อ้ายเอง"(พี่เอง)
"อื้อ อ่อย(ปล่อย)" แคนค่อยๆปล่อยมือที่ปิดปาก แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือที่กอดเอวเธอเอาไว้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัวของเธอทำให้แคนอดไม่ได้ที่จะหอมฟอดลงที่แก้มเนียนนั้นหนึ่งที
"อ้ายแคน! ฉวยโอกาสเรอีกแล้วนะ"(พี่แคน ฉวยโอกาสอีกแล้วนะ)
"ยามอยู่ใกล้อ้ายอดบ่ได้อิหลี เรตัวหอมคัก"(ก็เรตัวหอม ใครจะอดใจไหว)
"สิมาเฮ็ดคือเรเป็นคนใจง่าย ปล่อยเลย"(ทำอย่างกับว่าเรเป็นคนใจง่าย! ปล่อยเลย)
ว่าแล้วก็พยายามดิ้นตัวให้หลุกแต่อ้อมแขนนั้นก็แน่เกินกว่าที่เธอจะสลัดให้หลุดได้
"บ่ปล่อย"(ไม่ปล่อย)
คนตัวสูงกอดไว้แน่นและยืนยันว่าจะไม่ปล่อย แถมยังอุ้มเธอตัวลอยมาที่มุมมืดข้างห้องน้ำ
"อ้ายแคนปล่อยเร"(พี่แคนปล่อยเรนะ)
เรไรยิ่งดิ้นเขายิ่งกอดแน่น แถมยังหันหน้าเธอเข้าหาตัว ถึงแม่จะเป็นมุมมืดแต่ว่าเขาก็มองเห็นใบหน้านวลเนียนของเธอได้ชัดเจน มุมปากหยักยกยิ้มเล็กน้อย มองคนที่พยายามจะหนีและเอาแต่ก้มหน้างุด
"ยามได๋สิเปิดใจให้อ้าย ยามได๋สิยอมให้อ้ายเป็นแฟน"(เมื่อไหร่จะเปิดใจให้พี่ เมื่อไหร่จะยอมรับพี่เป็นแฟน)
ใบหน้าหล่อก้มถามชิดใบหูเสียงแผ่วเบา ลำพังแค่เขากอดเธออยู่แบบนี้หัวใจก็เต้นแรงจนหอบแล้ว สถานการณ์ตอนนี้มันอันตรายต่อหัวใจของอีเรเหลือเกิน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าหล่อนั้นอยู่ห่างเพียงคืบเท่านั้น
"สิมาอยากเป็นแฟนอิหยัง คนมักเพิ่นอ้อมบ้าน อย่าเอาเรไปไปเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง พอได้สมใจแล้วกะสิ..."(ฟงแฟนอะไรกัน คนที่ชอบพี่เกลื่อนบ้านไปหมด อย่าคิดที่จะเอาเรไปเป็นหมากอีกตัวของพี่ พอได้สมใจแล้วก็จะ...)
จุ๊บ!!!
ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ขยับพูดไม่หยุดนั้นมันทำให้แคนอดใจไม่ได้เลยที่จะจูบปิดปากเธอเอาไว้ แต่ครั้งนี้เขาหยั่งเชิงด้วยการขบเม้มริมฝีปากล่างของเธออย่างอ้อยอิ่ง มือเล็กที่ผลักออกในคราแรกเปลี่ยนเป็นจับเสื้อของเขาเอาไว้แน่น ทันทีที่มีโอกาสเขาก็สอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากพลางดูดดึงลิ้นของเธอตักตวงเอาความหวานจากปากฝ่ายตรงข้าม
ฉันเอาแต่ก้มหน้างุดอยู่กับอกแกร่งหลังจากที่เขาถอดถอนจูบออก ไม่รู้ว่าไอ้ที่เขาเรียกว่าาจูบสูบวิญญาณเป็นแบบไหนแต่ที่เขาทำเมื่อครู่ก็ทำเอาฉันสติล่องลอยจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าเขา ฉันตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาในมุมมืดหากมีใครมาเห็นคงเอาไปพูดสนุกปาก
"เรจะกลับบ้าน" ฉันว่าพร้อมกับผละตัวออก แต่ก็ไม่วายที่คนตัวสูงจะดึงข้อมือเล็กเอาไว้
"อ้ายไปส่ง"(พี่ไปส่ง)
"บะ...บะ...บ่เป็นหยัง"(มะ...มะ...ไม่เป็นไร)
แต่ดูเหมือนคำตอบของฉันจะไม่ผ่านการประมวลผลของเขาเพราะตอนนี้เขาเดินนำหน้าไปโดยที่จูงมือฉันออกมาด้วย ไอ้ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมให้เขาถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้...
#เอะอะจูบอย่างเดียวเลยขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนนะเนี่ย มันเขี้ยวแหละเนอะ
กดหัวใจให้หน่อยนะคะ อ้อนๆ
"ไม่ได้ อุ้บ!!" เขาจัดการปิดปากเธอด้วยปากหยัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเรือนร่างอรชรทำให้กำหนัดในตัวของเขาเพิ่มพูนตั้งแต่เข้าใกล้ ขมเม้มปากกระจับด้วยความละมุน เมื่อเธอเผยอปากเขาก็จัดการสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปกวาดชิมความหวานในโพรงนุ่ม ๆ นั้นทันที ร่างหนาขยับคร่อมพร้อมกับบดจูบอยู่นาน ความคิดถึงและความเสน่หาแสดงออกมาเป็นการกระทำที่เร่าร้อน เสียงหายใจติดขัดจากคนด้านล่างทำให้เขาถอนจูบนั้นออกมาซุกไซ้ใบหน้าเข้าที่ลำคอขาว"อื้อ อ้ายแคน" เธอประคองใบหน้าเขาขึ้นมาก่อนจะจ้องมองเข้าไปในม่านตาดำสนิทด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าทุกครั้ง"เรว่ามันเร็วเกินไป""อ้ายเฝ้าเรมาตั้งสิบปี ตั้งแต่ที่เรดึงอ้ายออกมาจากป่ากล้วย""แต่ว่า...""อ้ายขอได้บ่ครับ..." ลมหายใจอุ่นร้อนขณะที่ปากพูดจรดลงตามข้างแก้มใบหน้าหล่อคลอเคลียร์ไม่ห่างชวนให้อารมณ์เคลิ้มไปได้อย่างง่าย ปากหยักได้รูปพรมจูบลงมาตามซอกคอ ใบหน้าหวานเอียงเอียงรับสัมผัสและไม่ปฏิเสธยิ่งทำให้คนตัวโตได้ใจ ทุกครั้งที่ปากหยักกดจูบขนบางก็ชูชันจนทั่วร่าง ความรู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมือใหญ่กอบกุมเต้าอวบทำเอา
พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า ฝูงวัวควายถูกต้อนกลับจากนาเดินเต็มถนนบรรยากาศที่คุ้นเคยในหมู่บ้านเหมือนทุก ๆ วันเป็นสิ่งที่คนเมืองกรุงไม่มีโอกาสได้สัมผัส สองสาวขับรถมอเตอร์ไซด์ลากพ่วงรถเข็นด้านหลังบรรทุกผักกลับเข้ามาเฉกเช่นทุกวัน มีทั้งออเดอร์จากตลาดและที่วัด สองคนต้องเก็บมากกว่าปกติ"ลำดวนไปอาบน้ำก่อนจะได้ออกไปวัด""แล้วพี่เรไม่ไปเหรอ""ไปแต่เอ็งอาบก่อนพี่จะแบ่งผักรอ อาบเสร็จพี่จะได้ไปอาบต่อ" คนพี่ว่าพร้อมกับยกตะกร้าผักลงจากรถเข็นและแบ่งแยกออกว่าตัวไหนเอาไปส่งตลาดตัวไหนเอาไปส่งวัด ไม่นานคนเป็นน้องก็อาบเสร็จพอดี เธอจึงเดินไปหยิบผ้าถุงที่ตากอยู่ข้างบ้านเข้าห้องน้ำไปไฟที่เปิดให้แสงสว่างจนทั่วบริเวณวัดมันเลยไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนกับทุกวัน แถมผู้คนก็ยังเดินพลุกพล่านทั้งคนที่คุ้นหน้าและคนที่ไม่คุ้นหน้า คณะของนักเรียนและครูที่มาถึงเมื่อตอนบ่ายก็เปลี่ยนชุดนุ่งขาวห่มขาวกันจนละลานตาไปหมดและกำลังทยอยเข้าไปทำวัดเย็นในศาลา"เอาผักมาส่งจ้า""เออ ๆ วางไว้นั่นแหละจักบาทล่ะ"(เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ ทั้งหมดเท่าไหร่)"สองร้อยจ้ะ" ผักสามตะกร้าราคาแค่นี้ถือว่าถูกมาก
เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างปลุกฉันให้รีบตื่นมาทำกับข้าวเพื่อเตรียมไปวัดในวันพระใหญ่ ในฤดูหนาวแบบนี้ทำเอาไม่อยากจะออกจากผ้าห่มเลย"พี่เร ตื่นหรือยัง""อือ" ฉันตอบน้องสาวพลางหยิบเสื้อแขนยาวไหมพรมออกมาสวมใส่ เราสองคนเดินลงมาจากบนบ้านและช่วยกันทำกับข้าวมือเป็นระวิง กว่าจะเสร็จฟ้าก็ทอแสงรำไรแล้ว ม่านหมอกหนาบดบังทิวทัศน์ของทุ่งนาที่เหลืองอร่ามให้เห็นเป็นเลือนราง"เสร็จแล้วฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะ" ฉันพยักหน้าตอบก่อนจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้าเพื่อรอคิวอาบต่อ ดีที่พี่แคนมาทำห้องน้ำและติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใหม่เลยทำให้การอาบน้ำสะดวกขึ้นฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย พอคิดถึงชายคนที่ครอบครองดวงใจรอยยิ้มหวานก็ปรากฏบนใบหน้าทันที ฉันหยิบเสื้อพื้นเมืองสีชมพูกับผ้าถุงลายหยาดฝนที่แม่ทอให้ออกมาสวมและสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมอีกที ก่อนจะรีบออกมารอลำดวนที่ด้านล่าง ไม่นานนางก็เดินลงมาด้วยชุดที่คล้ายกันกับของฉันเราสองคนพี่น้องขับรถออกมาตามทางตรงไปที่วัดโดยใช้ทางลัดตามคันนา แสงรุ่งอรุณตกกระทบน้ำค้างบนยอดหญ้าจนเป็นแสงระยิบระยับชวนมองกลิ่นอายของต้นข้าวยามถูกหมอกโชยเข้าจมูกช่างเป็น
แสงแดดยามเช้าทำให้รู้สึกรื่นรมณ์ใจสงบผ่อนคลายไม่น้อย สองขาที่ผอมแห้งของตาสิทธิ์ก้าวเดินฉับ ๆ มาที่ร้านค้าเพื่อซื้อเครื่องปรุงตามที่คนเป็นเมียบอก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้ยินบทสนทนาจากคนที่อยู่ร้านค้า..."อิหลีตั้วะ มื้อวานนี้ยืนกอดกันอยู่ตลาด ทิศแคนหอมแก้มมันกะบ่ขัดบ่ขืนเลยเด้ จังแม่นบ่อยากอายคน คือสิอยากได้เขาคัก"(จริง ๆ นะเมื่อวานนี้เห็นยืนกอดกันอยู่ที่ตลาด ถูกทิศแคนหอมแก้มมันยังไม่ขัดขืนเลย ช่างไม่อายคนคงจะอยากได้เขาจนตัวสั่น)"เจ้าจำคนผิดบ่"(แกจำผิดคนหรือเปล่า)"บ่ ๆ อีเรไรนี่แหละ ข่อยเห็นมากับสองตา"(ไม่ ๆ ฉันมั่นใจเห็นมากับสองตา)"แต่พักหลัง ๆ มานี้กะเห็นทิศแคนเข้าออกบ้านพ่อใหญ่สิทธิ์ดุอยู่ สิมาวนอีเรอิหลีล่ะ"(แต่พักหลังมานี้ก็เห็นทิศแคนเข้าออกที่บ้านตาสิทธิ์บ่อยอยู่นะ คงจะมาติดพันเรไรจริง ๆ นั่นแหละ)แม่ค้าตอบกลับมาเป็นความคิดเห็นเท่านั้น เพราะเธอเองก็เห็นแต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนักเพราะต่างคนต่างใช้ชีวิต"ไสว่ามันสิเอากับบักห้อย"(แต่ไหนว่ามันกับไอ้ห้อยจะเอากันเป็นมั่นเหมาะ)"โอ๊ย! ทุกปานนี้บักห้อยมันบ่เอาดอก คนขี้ค้านจั
เสียงไก่โห่ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ชาวบ้านก็เริ่มไล่วัวควายออกไปเลี้ยงตามวิถีชีวิตชนบท บางคนก็ออกไปไร่ไปนาเพราะใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว"พี่เร...รอด้วยฉันเสร็จแล้ว" ลำดวนรีบแต่งตัวตามพี่สาวออกมาหมายจะออกไปช่วยขายผักที่ตลาด"อยู่นี่แหละรอทำกับข้าวให้พ่อกับแม่""บ่ ๆพ่อกับแม่บ่อยากดอก พากันออกไปส่อยกันโลด"(ไม่ต้อง ๆ พ่อกับแม่อยู่กันได้ เอ็งสองคนพสกันออกไปช่วยกันเถอะ)คนเป็นแม่ว่าขึ้นเพราะลำพังอยู่สองตายายกินอะไรก็ได้อยากให้ลูกออกไปช่วยกันมากกว่า"งั้นเดี๋ยวฉันรีบกลับมานะ"สองสาวพี่น้องซ้อนท้ายกับออกมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปให้ทันตลาดเช้า ผักช่วงนี้ออกเยอะจนล้นตลาดทำให้ต้องไปนั่งขายเอง หมดล็อตนี้ก็ว่าจะกลับไปปลูกพริกกับมะเขือเหมือนเดิมดีกว่า"ลำดวน ไม่ต้องช่วยพี่หรอก เอาผักกาดกับกะหล่ำอย่างละร้อยไปส่งร้านขนมจีนเจ้น้อยให้พี่ไป""จ้ะ" ว่าแล้วลำดวนก็หยิบผักกาดขาวและกะหล่ำใส่ตะกร้าเท่าจำนวนที่สาวบอกและขับมอไซด์ออกไปที่ร้านขนมจีนหน้าโรงพยาบาลเหลือเพียงเรไรที่กำลังตั้งแผงขายผักที่เหลืออยู่"ผักจ้าผัก สด ๆ จากสวน ปลอดสารพิษนะจ๊ะ" เสี
"เอ้าสูสองคนคือมานำกัน"(อ้าว ทำไมสองคนนี้มาด้วยกัน)"กูย่างเลาะมาพ้อผู้สาวกำลังยืนงง ๆ อยู่ข้างห้องน้ำกำลังว่าสิลักพาตัว"(กูเดินมาเจอสาวสวยคนนี้กำลังยืนงง ๆ อยู่ข้าง ๆ ห้องน้ำเลยว่าจะลักพาตัวสักหน่อย)"หือ!!!"ฉันเงยหน้ามองคนด้านข้างและพยายามจะดึงมือออกจากเนื้อมือของเขาที่จับรั้งฉันเอาไว้"อีลำดวนกลับบ้าน"(ลำดวนไป...กลับบ้าน)"ฮะ อือ ๆ" ลำดวนก็เมาไม่ต่างจากฉันสักเท่าไหร่ แต่ฉันตกใจสิ่งที่พี่แคนทำจนหายเมาแล้วล่ะ เหลือแค่มึนนิดหน่อย ทีแรกกะจะกลับมากินต่อแหละ แต่ไม่ดีกว่าเดี๋ยวเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่"ยกรถจักรยานขึ้นรถให้ด้วย" ฉันบอก...ไม่สิฉันสั่งเขา! และเดินมาขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่ข้าง ๆ ร้านพี่วาสนาราวกับเป็นรถของตัวเอง ส่วนลำดวนขึ้นรถมาได้ก็นอนราบไปที่เบาะหลังและเหมือนจะหลับจนได้ยินเสียงกรนออกมาเบา ๆ"อีลำดวน ลุกฮอดบ้านแล้ว"(ลำดวนลุกถึงบ้านแล้ว)"อือ ฮะ อือ" น้องสาวคนเล็กลุกขึ้นงัวเงียก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน"ขอบคุณเด้อที่มาส่ง"(ขอบคุณนะที่มาส่ง)"เร...เป็นแฟนกับอ้ายเนาะ"(เร...เป็นแฟนกับพี่เถอะนะ)ตั้งแต่ฉันผิดหวังจากไอ้ห้อยนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่พี่แคนของฉันเป็นแฟน ในคราแรก