แสงแดดจ้าในตอนกลางวันช่วงหน้าหนาวไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นแต่ยังเพิ่มความอบอุ่นให้จากอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ด้วย สองพี่น้องที่ช่วยกันถอนหญ้าจากแปลงกะหล่ำและต้นหอม พลางเปิดเพลงจากลำโพงบลูธูทขนาดเล็กที่ลำดวนนั้นพกมาด้วยจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ เข้าหน้าหนาวแบบนี้พริกปลูกยากเป็นโรคแล้วก็ไม่โตจึงต้องหันมาปลูกพืชตามฤดูแทน แต่ตอนนี้มีเพียงต้นหอมที่พอจะเก็บขายได้ส่วนกะหล่ำพึ่งจะได้สามสิบวันต้องรอให้ได้อายุก่อน
"พี่เร...ลำดวนว่าพี่แคนก็ดีนะ เมื่อไหร่พี่จะเปิดใจให้แกสักที นี่เขาก็ตามจีบพี่มาเป็นเดือน ๆ แล้ว"
ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากพี่สาวกลับมา แต่ลำดวนนั้นเชียร์ว่าที่พี่เขยคนนี้สุดใจ
"ข่อยเห็นอิสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาบ้านเลาอยู่เด้อ ระวังเล่นตัวหลาย ๆ เขาสิหันไปหาคนอื่นก่อนยามนั้นอย่ามาคิดเสียดาย"(หนูเห็นสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาที่บ้านพี่แคนบ่อย ๆ ถ้าเขาหันกลับไปสนใจคนอื่นจะมาคิดเสียดายทีหลังไม่ได้นะ)
"อีลำดวน มึงสิเว้าฮอดอ้ายแคนสุมื้อเลยบ่ มักปานนั้นมึงคือบ่เอาเองโลด"(ลำดวน..นี่จะพูดถึงพี่แคนทุกวันเลยหรือไง ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เอาเองไปเลย)
"เอ้ายายอันนี้ กะเลาบ่ได้มักข่อยแมะ"(ก็เขาไม่ได้ชอบฉันนี่!)
"สิไปไสกะให้เลาไปโลด กูอยู่ผู้เดียวกะบ่ตายดอก"(จะไปไหนก็ให้เขาไปเถอะ อยู่คนเดียวได้)
"ฮืม~~~~ กะสั้นกะให้อิสร้อยเอาไปกินโลด คาตะปากแข็งใจแข็งอยู่นี้ล่ะ"(อืม ถ้าอย่างนั้นก็ให้สร้อยมันเอาไปเถอะ มัวแต่ปากแข็งใจแข็งอยู่นี่แหละ)
"มึงกะเบิ่งสภาพกูแน มึงสิให้กูเอาชีวิตลำบาก ๆ ของกูไปเป็นภาระให้ไผ"(ก็ดูสภาพพี่แบบนี้จะให้เอาชีวิตลำบากแบบนี้ไปเป็นภาระให้ใครวะ)
ลำดวนเข้าใจพี่สาวดี แต่ก็อยากให้พี่สาวลองเปิดใจดูบ้าง เพราะที่บ้านแคนนั้นก็ไม่ได้กีดกันอะไรเธออยากให้พี่สาวมีความสุขบ้าง
"นั้น เว้าฮอดกะมาโลด จังแม่นตายยาก"(พูดถึงก็มาเลย ตายยากจริง)
เรไรพูดลอดไรฟันออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นรถกระบะของแคนขับเข้ามาที่นาของเธอ ชายตัวสูงใบหน้าหล่อคมเจ้าของรอยยิ้มหวาน แรก ๆ ก็ปกติ แต่ตอนนี้เรไรนั้นแทบไม่กล้ามองเพราะมันส่งผลต่อหัวใจของเธอเอาเรื่องอยู่
"เมื่อยบ่"(เหนื่อยไหมจ๊ะ)
"มาทำไม"
"มาหา คิดฮอด"(มาหาไง คิดถึง)
หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักกับคำหวาน ไหนจะสายตาประกายที่ส่งมาและจุดยิ้มที่มุมปากนั้นอีก เรไรเอาแต่ก้มหน้างุดมือก็ถอนหญ้าไปเรื่อย ไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมองคนที่อยู่ตรงข้าม
"เว้าอิหยังบ่อยากอายอิลำดวนเบาะ"(พูดอะไรของพี่ ไม่อายลำดวนมันหรือไง)
"เว้าความจริงเป็นหยังต้องอาย"(พูดความตีจริงทำไมต้องอาย)
"คือสิเว้ากับคนอื่นดุ จนชินเนาะ"(คงพูดกับคนอื่นบ่อนจนชินสินะ)
"เรไรคนแรก"
ลำดวนที่นั่งถัดไปไม่ไกลได้ยินทุกคำก็ถึงกับเขินตัวม้วนแทนพี่สาว ภายใต้ผ้าขาวม้าที่โพกหน้าไว้ก็มีรอยยิ้มไม่ต่างกัน
"ปะไปกินข้าว"(ไปกินข้าวกัน)
"หิวก็ไปกินเลย เรบ่หิว"(หิวก็ไปกิน เรไม่หิว)
จ๊อก~~
ปากออกมาไปแบบนั้นแต่ท้องดันส่งเสียงออกมาแบบนี้ ขายหน้าขายตาชะมัด เรไรหลับตาพร้อมกับกัดปากคาดโทษเจ้าท้องน้อย ๆ นี้เอาไว้
"แน่ใจว่าบ่หิว"(ไม่หิวจริงอะ)
"เออ...หิวกะได้ อีลำดวนขึ้น ไปกินข้าว"(เออ...หิวก็ได้ ลำดวนลุกไปกินข้าว)
คนตัวเล็กลุกขึ้นเดินจ้ำอ้าวกลับไปที่เถียงนา พร้อมแวะล้างมือที่โอ่งมังกรที่รองน้ำฝนไว้จนเต็ม กับข้าวที่ห่อมาก็มากมายแต่แคนก็ยังซื้อของกินมาให้สองพี่น้องจนเต็มไม้เต็มมือ
ตกเย็น...
สองพี่น้องซ้อนมเตอร์ไซด์คันเก่า ๆ กลับมาที่บ้านในช่วงสี่โมงเย็น หลังที่กินข้าวเที่ยงเสร็จแคนก็กลับออกมาเพราะต้องไปดูหน้างานต่อที่จริงเขาอยากอยู่ชาวยงานนั่นแหละแต่ต้องไปตกลงราคาเรื่องเหมาถมที่
พักหลังมานี้เรไรก็ไม่ได้ให้พ่อ แม่ ออกไปช่วยทำสวนผักเหมือนอย่างเคยตาสิทธิ์ก็ออกไปดูแค่นาข้าวของตัวเอง เงินที่ได้มาจากการขายพริกเก็บหอมรอมริบไว้ก็เอาออกมาซื้อปุ๋ยใส่ข้าวพร้อมกับจ้างคนมาช่วยตาสิทธิ์ทำนา เพราะที่บ้านไม่มีลูกชายที่พอจะช่วยแรงงานได้เหมือนบ้านอื่น
"คือได้ถอนต้นหอมมาหลายแท้ละนั้น"(ทำไมเก็บต้นหอมมาเยอะขนาดนั้น)
"สิเอาไปส่งร้านค้า"(จะเอาไปส่งร้านค้า)
"จังแม่นงามเนาะ เทิงอวบ เทิงขาว เป็นตาหวานคัก"(ทั้งขาวทั้งอวบสวยมากคงจะหวานน่าดู)
ทันทีที่เห็นต้นหอมในถุงที่สองพี่น้องช่วยกันเก็บมาล้างทำความสะอาดจนพร้อมขายก็พูดชมขึ้นเลย
"คือคนปลูกนี่หล่ะ"(สวยเหมือนคนปลูกนี่แหละ)
เรไรดูจะอารมณ์ดีกว่าทุกวันพูดเชิงล้อเล่นกับแม่ ก่อนจะขึ้นไปเอาเสื้อผ้าบนบ้านเพื่อมาอาบน้ำแต่หัววัน ขี้เกียจต้มน้ำ ยายนีตาสิทธิ์ที่เห็นรอยยิ้มของลูกสาวก็พลอยเบาใจ เพราะเป็นเดือนที่เธอนั้นเอาแต่ซึมเงียบ
"อ้ายแคนไปหาอยู่นา ซื้อแนวกินไปให้บักหลาย"(พี่แคนไปหาอยู่ที่นา ซื้อของกินไปให้เยอะแยะเลย"
"มันคือสิมักลูกเฮาอิหลีละเฒ่า"(มันคงรักลูกสาวเราจริง ๆ)
"มันสิคือติเฒ่า เขาคนรวยเฮามันคนทุกไทบ้านสิบ่ส่าจ้น ๆ ติ"(มันจะดีเหรอ เขาคนรวยรามันคนจน)
"โอ้ย! อิพ่อ ไผส่ากะส่างมัน สิไปหัวซาหยัง เบิ่งแต่ช่วงยายวาดเปิดร้านขายยาดองใหม่ ๆ มันกะพากันส่ายายวาดว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ เมื่อยมันกะพากันเซาเองนั้นล่ะ"(โอ้ย! พ่อใครจะพูดก็ช่างเขาปะไร ดูแค่ช่วงแรกที่พี่วาดเปิดร้านขายยาดอกเขายังพูดเลยว่าพี่วาดเป็นแบบนั้นแบบนี้ เหนื่อยเดี๋ยวก็เลิกพูดเองนั่นแหละ)
"อีลำดวน มึงกะอย่าปากหลาย ปานนี้คนกะเว้าพี่สาวมึงคักอยู่ว่าหวังสูงอยากได้ผัวรวย"(ลำดวนเอ้ย...เอ็งก็อย่าปากมากไป แคนนี้คนเขาก็โจดพี่สาวเอ็งไปทั่วแล้วว่าหวังสูงอยากได้ผัวรวย)
"ไผมันสิบ่อยากได้ผัวรวยให้ข่อยถามแน ถ้าอ้ายแคนไปจีบลูกสาวมันสิบ่ให้ฟ้าวคุบเอาพุ้นติ ทั้งหล่อทั้งรวยปานนั้นไปบ่เอากะแปลกแล้ว"(ให้ฉันถามหน่อยใครไม่อยากได้ผัวรวย ถ้าสมมติพี่แคนไปจีบลูกสาวมันไม่ใช่จะรีบคว้าไว้เลยหรือไง ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้ไม่เอาสิแปลก)
"เว้ากับมึงสิบปีกะบ่แล้วลำดวนเอ้ย"(พูดกับเอ็งสิบปีก็ไม่จบ)
เรไรได้ยินบทสนทนาทุกคำและก็มักจะเก็บมาคิด ที่พ่อและลำดวนพูดต่างก็มีเหตุผลทั้งคู่แต่ก็ไม่ได้ต่อบทให้มันยาวมากไปกว่านี้และเดินตรงไปทางห้องน้ำหลังบ้านเพื่ออาบน้ำจะได้เอาต้นหอมไปส่งก่อนที่ฟ้าจะมืดเสียก่อน
"อิพ่อ อิพ่อ!"(พ่อ! พ่อ!)
"เอ้อ"
"ผู้ได๋มาเฮ็ดห้องน้ำอิหยังคือเป็นแบบนี้"(ใครมาทำอะไรกับห้องน้ำ ทำไมเป็นแบบนี้)
ลำดวนรีบเดินไปทันทีที่ได้ยินเสียงพี่สาวตามด้วยตาสิทธิ์และยายนี ลำดวนถึงกับตกใจร้องว้าวออกมาเมื่อสภาพห้องน้ำมันเปลี่ยนไปจากเดิมลิบลับ ทั้งที่เมื่อเช้ามันไม่ได้เป็นแบบนี้ ภายนอกยังเหมือนเดิมทว่าภายในนั้น ปูกระเบื้องพื้นและผนัง แถมช่องโหว่ก็ถูกปิดจนสนิทชนิดที่ไม่ต้องระแวงว่าใครจะมาแอบดูแล้ว ประตูก็เปลี่ยนใหม่ แถมยังเดินสายไฟให้พร้อมติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นอีกด้วย
"ยายวาดมาเฮ็ดให้บ่"(พี่วาดมาทำให้เหรอ)
ที่เรไรถามออกไปแบบนั้นเพราะวาสนาเคยพูดว่าจะเก็บเงินมาทำให้ใหม่
"อีวาดมันมาอยู่แต่มันบ่ได้เฮ็ดดอก ทิศแคนเป็นคนซื้อของพาซ่างมาเฮ็ดหลังสูออกไปคราวเดียว"(วาสนาก็มาแต่ไม่ได้เป็นคนทำหรอก แคนเป็นคนซื้อของและพาช่างเข้ามาทำหลังจากที่เอ็งสองคนออกไปได้แปบเดียว)
"อ้ายแคนติพ่อ...เห็นบ่ข่อยบอกแล้วว่าอ้ายแคนเลาคนดี"(พี่แคนเหรอพ่อ...เห็นไหมฉันบอกแล้วพี่แคนเป็นคนดี)
"จักสิมายากนำเฮ็ดหยังดอก วุ่นวายบ่เข้าเรื่อง"(ไม่รู้จะมาสนใจทำไม วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง)
"เอ้าอีอันนี้แมะ เขามาเฮ็ดให้กะดีแล้ว กะซั่นถ้ามึงบ่อยากได้มึงกะแกะออก ถ้ากูฌป็นอ้ายแคนมาได้ยินคือสิเสียใจวะ"(อ้าว...แปลกคนจริง เขามาทำให้ก็ดีแล้ว หรือถ้าไม่อยากได้นะก็ถอดออกสิไป ถ้าพี่แคนมาได้ยินคงเสียใจ)
ลำดวนว่าพี่สาวอย่างไม่จริงจังนัก พลางหันหลังเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อทำกับข้าวมื้อค่ำ
ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด""ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนนร้านยาดองวาสนา แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้
แนะนำตัวละคร1.เรไร นางเอก2.แคน พระเอกตลาดสดในตัวอำเภอในยามสายหลังจากที่ขายพริกหมดกำลังจะเก็บของกลับบ้านฉันก็บังเอิญเจอเข้ากับสองคนที่ฉันรู้จักดี ใจดวงน้อยสั่นระรัวขึ้นทันที พร้อมกับความจุกแน่นที่ดันขึ้นมากองอยู่ลิ้นปี่“อ้ายเห็นโตเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง” (พี่เห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว) “น้องสาวบ่ เห็นเป็นแค่น้องสาวบ่!!” (น้องเหรอ เห็นเป็นแค่น้องสาวเหรอ) ฉันย้ำคำถามเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง“เรไรคนมองเยอะแล้ว"“มึงก็อีกคน รู้ทั้งรู้ว่ากูกับอ้ายห้อยมักกันมึงก็ยังเฮ็ดกับกูได้ลง อีหมู่ซั่ว” ดูเหมือนคำด่าของฉันไม่ได้เข้าสมองคนฟังเลยสักนิด กลับกันเธอยังยืนกอดแขนชายคนรัก ไม่สิ! เขาไม่เคยรักฉันด้วยซ้ำด้วยความสนิทชิดเชื้อ (เชื้อติดปิ๊)"พี่ห้อยเขาบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมึง"“แล้วมึงเชื่อเขาทุกอย่างเลย"“เร อ้ายว่าเรเมือบ้านสา จังได๋เรกะเป็นน้องสาวอ้ายคือเก่าล่ะ” (พี่ว่าเรกลับบ้านไปเถอะ ยังไงเรก็คือน้องสาวของพี่)ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อน เดินมาบอกกันตรงๆยังจะรู้สึกดีกว่าที่ให้ฉันมาเจอเขาสองคนลอบรักกันลับหลังแบบนี้ อีกคนก็เพื่อนสนิทอีกคนก็คนที่...รัก “อีสีมันดีกว่าเรตร
กว่าฝนจะซาก็เกือบชั่วโมงต้องนั่งหนาวอยู่แบบนั้น พี่แคนตามมาส่งถึงบ้านเลย มาถึงฉันก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะต้องลุกไปส่งพริกที่ตลาดแต่เช้า ร้านป้าน้อยแม่ค้าผักเจ้าใหญ่สั่งไว้ห้าสิบกิโลครืดครืด ครืดครืดพึ่งจะทิ้งหัวลงหมอนได้ยังไม่รู้สึกว่าหลับเลยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือก็ดังขึ้น นอนไปแค่สามชั่วโมงเองแต่ก็เหมือนไม่ได้นอน จะนอนต่อก็ไม่ได้ เกิดเป็นอีเรไรนี่มันต้องอึดและบึกบึนเว้ย!ฉันแบกร่างที่ล้าขับรถออกมาตามทางในยามเช้ามืดจุดหมายอยู่ที่แผงผักป้าน้อย มันคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายคงเพราะตากฝนเมื่อคืนแหละมั้งทั้งยังกินเหล้าอีกคิดดูว่าพริกห้าสิบกิโลที่แพคใส่ถุงสิบกิโลกับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ฉันต้องทุักทุเลมากขนาดไหน ใช้เวลาขับรถอยู่ราวๆสามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายในตอนฟ้าสางพอดี หน้าร้านแกก็ยังมีรถกระบะคอกสูงกำลังมาส่งผักเช่นกัน"เพิ่มรับเรไรแนเร็ว"(เพิ่มมารับเรไรหน่อยเร็ว) ป้าน้อยทันทีที่เห็นฉันขับไปจอดแกก็รีบเรียกลูกน้องมารับเลยโชคดีที่วันนี้เป็นออเดอร์ส่งเลยไม่ต้องนั่งขายให้หลังขดหลังแข็ง ภาวนาให้มีออเดอร์ทุกวัน แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะซื้อ
แคนตั้งใจจะโทรไปชวนเรไรมาเที่ยวงานเพราะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ คราแรกเธอก็มีท่าทีปฏิเสธทว่าเขาก็หาทางตะล่อมจนหญิงสาวนั้นตกลงชายหนุ่มลูกชายคนโตของบ้าน พ่อแม่ต่างเป็นข้าราชการครูเกษียณ น้องชาย 'คราม' ก็เป็นถึง ส.อบต. เรียกได้ว่าบ้านก็ค่อนข้างที่จะมีฐานะในหมู่บ้าน แต่เขาที่ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเลยไม่เดินสายนี้เดิมทีเขาควรจะแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้วด้วยอายุที่ย่างเข้ามาถึงเลขสาม พ่อแม่เทียวติดต่อหาสาวๆที่เป็นลูกข้าราชการเหมือนกันมาให้แต่แคนเองก็ไม่เคยที่จะแลตามองผมจะรอเรไรคนเดียวเท่านั้นกี่ปีก็จะรอ...งานของดีอำเภอณ ที่ว่าการ ถนนทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าร้านขายของกินของที่ระลึก มีโซนเสื้อผ้าร้านขายผ้าไหมพื้นเมืองที่ทอโดยฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ และโซนของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในงานได้มากมายขนาดนี้เห็นคงจะเป็นหมอลำคณะใหญ่ที่ตั้งเวทีเด่นตระหง่านเต็มไปด้วยแสงไฟละลานตา ไฟส่องฟ้าวิบวับและเสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องเสียงจนดังอึกกระทึกไปทั่วบริเวณ"
[แคน talk]หลังจากที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่ตลาดวันนั้นก็รู้ได้แล้วว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว อันที่จริงผมเห็นไอ้ห้อยกับสีทำอะไรลับหลังเรไรแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ บอกผ่านวาสนาไปแต่เรไรนั้น ปักใจเชื่อมาตลอดว่าห้อยรักเธอ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้เธอได้เห็นด้วยตาเนื้อของตัวเองเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ผมเฝ้าตาเรไร จนชาวบ้านเอาไปลือต่างๆ นานา ตอนนี้เรไรเองก็เหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมกำลังจีบและเร่งทำคะแนน บางครั้งที่ถูกหยอดมุกไปก็มีเขินจนหน้าแดง...เวลาย่ำค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร สายลมเย็นๆในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านกายจนเย็นสะท้านในบางครา บ้านไม้ยกสูงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มองจากไกล ๆ สองพี่น้องกำลังช่วยกันแต่งสำรับกับข้าว โดยที่พ่อแม่ที่แก่ชรากำลังนั่งรอ ไม่รอช้าผมขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินลงไปพร้อมกับของในมือที่ซื้อมาจากในเมือง"ทิศแคน มาตะไสละค่ำมืด"(แคนไปไหนมาค่ำมืด)พอเดินลงจากรถตาสิทธิ์ก็ทักทายทันที"หัวแต่กลับมาแต่ในเมืองไปซื้ออะไหล่รถ กะเลยซื้อแนวกินมาฝาก"(พึ่งจะกลับมาจากในเมืองครับเข้าไปซื้ออะไหล่รถ เลยซื้อของกินมาฝาก)ผมวางของกินที่ซื้อไว้บน
ร่างอรชรในชุดเสื้อกล้ามสีชมพูสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมกางเกงวอมสีเทาเดินลงมาจากบนบ้านก็เห็นว่าพ่อแม่และน้องสาวกำลังจัดแต่งสำรับเย็น แต่ไร้ความหิวสำหรับเธอ"กินข้าวก่อนเลยเด้อ สิออกไปนั่งเล่นอยู่ร้านยายวาด"(กินกันได้เลยนะ จะออกไปนั่งเล่นที่ร้านองพี่วาด""ข่อยไปนำ"(หนูไปด้วย)ว่าแล้วลำดวนที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จและแต่งพาข้าวให้พ่อแม่เรียบร้อยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหยิบเอาเสื้อแขนยาวมาสวมทับและขึ้นซ้อนท้ายจักรยานของพี่สาวทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะอุ้มเอาถุงต้นหอมติดไปส่งร้านค้าในหมู่บ้านด้วยเนื่องจากเป็นทางผ่านถนนคอนกรีตในหมู่บ้านทอดยาวไป บ้านเรือนแถบชนบทส่วนมากก็จะเป็นบ้านไม้ยกสูงใต้ถุนโล่งหลังไหนที่มีอันจะกินหน่อยก็จะเป็นครึ่งปูครึ่งไม้ วัวควายที่ไล่ต้อนเข้ามาในยามพลบค่ำก็เดินเต็มถนนร้านยาดองวาสนา แม่ค้าสาวคนสวยในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวกับผ้าถุงลายหงส์ที่เธอชอบใส่กำลังยืนตักเหล้าดองยาจากไหใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาดื่ม โดยมี อบต. หนุ่มนั่งอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นน้องสาวสองคนเธอก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้
แสงแดดจ้าในตอนกลางวันช่วงหน้าหนาวไม่ได้ให้ความรู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นแต่ยังเพิ่มความอบอุ่นให้จากอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ด้วย สองพี่น้องที่ช่วยกันถอนหญ้าจากแปลงกะหล่ำและต้นหอม พลางเปิดเพลงจากลำโพงบลูธูทขนาดเล็กที่ลำดวนนั้นพกมาด้วยจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ เข้าหน้าหนาวแบบนี้พริกปลูกยากเป็นโรคแล้วก็ไม่โตจึงต้องหันมาปลูกพืชตามฤดูแทน แต่ตอนนี้มีเพียงต้นหอมที่พอจะเก็บขายได้ส่วนกะหล่ำพึ่งจะได้สามสิบวันต้องรอให้ได้อายุก่อน"พี่เร...ลำดวนว่าพี่แคนก็ดีนะ เมื่อไหร่พี่จะเปิดใจให้แกสักที นี่เขาก็ตามจีบพี่มาเป็นเดือน ๆ แล้ว"ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากพี่สาวกลับมา แต่ลำดวนนั้นเชียร์ว่าที่พี่เขยคนนี้สุดใจ"ข่อยเห็นอิสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาบ้านเลาอยู่เด้อ ระวังเล่นตัวหลาย ๆ เขาสิหันไปหาคนอื่นก่อนยามนั้นอย่ามาคิดเสียดาย"(หนูเห็นสร้อยลูกผู้ใหญ่วินัยเทียวไปเทียวมาที่บ้านพี่แคนบ่อย ๆ ถ้าเขาหันกลับไปสนใจคนอื่นจะมาคิดเสียดายทีหลังไม่ได้นะ)"อีลำดวน มึงสิเว้าฮอดอ้ายแคนสุมื้อเลยบ่ มักปานนั้นมึงคือบ่เอาเองโลด"(ลำดวน..นี่จะพูดถึงพี่แคนทุกวันเลยหรือไง ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เ
[แคน talk]หลังจากที่ผมเห็นเหตุการณ์ที่ตลาดวันนั้นก็รู้ได้แล้วว่าโอกาสของตัวเองมาถึงแล้ว อันที่จริงผมเห็นไอ้ห้อยกับสีทำอะไรลับหลังเรไรแบบนี้หลายครั้งแล้วแหละ บอกผ่านวาสนาไปแต่เรไรนั้น ปักใจเชื่อมาตลอดว่าห้อยรักเธอ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้เธอได้เห็นด้วยตาเนื้อของตัวเองเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ผมเฝ้าตาเรไร จนชาวบ้านเอาไปลือต่างๆ นานา ตอนนี้เรไรเองก็เหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ผมคิดว่าเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมกำลังจีบและเร่งทำคะแนน บางครั้งที่ถูกหยอดมุกไปก็มีเขินจนหน้าแดง...เวลาย่ำค่ำพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้ารำไร สายลมเย็นๆในช่วงหน้าหนาวพัดผ่านกายจนเย็นสะท้านในบางครา บ้านไม้ยกสูงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มองจากไกล ๆ สองพี่น้องกำลังช่วยกันแต่งสำรับกับข้าว โดยที่พ่อแม่ที่แก่ชรากำลังนั่งรอ ไม่รอช้าผมขับรถเข้าไปจอดที่หน้าบ้านและเดินลงไปพร้อมกับของในมือที่ซื้อมาจากในเมือง"ทิศแคน มาตะไสละค่ำมืด"(แคนไปไหนมาค่ำมืด)พอเดินลงจากรถตาสิทธิ์ก็ทักทายทันที"หัวแต่กลับมาแต่ในเมืองไปซื้ออะไหล่รถ กะเลยซื้อแนวกินมาฝาก"(พึ่งจะกลับมาจากในเมืองครับเข้าไปซื้ออะไหล่รถ เลยซื้อของกินมาฝาก)ผมวางของกินที่ซื้อไว้บน
แคนตั้งใจจะโทรไปชวนเรไรมาเที่ยวงานเพราะไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่ทำให้บั่นทอนจิตใจ คราแรกเธอก็มีท่าทีปฏิเสธทว่าเขาก็หาทางตะล่อมจนหญิงสาวนั้นตกลงชายหนุ่มลูกชายคนโตของบ้าน พ่อแม่ต่างเป็นข้าราชการครูเกษียณ น้องชาย 'คราม' ก็เป็นถึง ส.อบต. เรียกได้ว่าบ้านก็ค่อนข้างที่จะมีฐานะในหมู่บ้าน แต่เขาที่ไม่ชอบอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเลยไม่เดินสายนี้เดิมทีเขาควรจะแต่งงานออกเรือนไปตั้งนานแล้วด้วยอายุที่ย่างเข้ามาถึงเลขสาม พ่อแม่เทียวติดต่อหาสาวๆที่เป็นลูกข้าราชการเหมือนกันมาให้แต่แคนเองก็ไม่เคยที่จะแลตามองผมจะรอเรไรคนเดียวเท่านั้นกี่ปีก็จะรอ...งานของดีอำเภอณ ที่ว่าการ ถนนทางเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าร้านขายของกินของที่ระลึก มีโซนเสื้อผ้าร้านขายผ้าไหมพื้นเมืองที่ทอโดยฝีมือของผู้เฒ่าผู้แก่ และโซนของเล่นมากมาย แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้ามาในงานได้มากมายขนาดนี้เห็นคงจะเป็นหมอลำคณะใหญ่ที่ตั้งเวทีเด่นตระหง่านเต็มไปด้วยแสงไฟละลานตา ไฟส่องฟ้าวิบวับและเสียงบรรเลงเพลงจากเครื่องเสียงจนดังอึกกระทึกไปทั่วบริเวณ"
กว่าฝนจะซาก็เกือบชั่วโมงต้องนั่งหนาวอยู่แบบนั้น พี่แคนตามมาส่งถึงบ้านเลย มาถึงฉันก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะต้องลุกไปส่งพริกที่ตลาดแต่เช้า ร้านป้าน้อยแม่ค้าผักเจ้าใหญ่สั่งไว้ห้าสิบกิโลครืดครืด ครืดครืดพึ่งจะทิ้งหัวลงหมอนได้ยังไม่รู้สึกว่าหลับเลยเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือก็ดังขึ้น นอนไปแค่สามชั่วโมงเองแต่ก็เหมือนไม่ได้นอน จะนอนต่อก็ไม่ได้ เกิดเป็นอีเรไรนี่มันต้องอึดและบึกบึนเว้ย!ฉันแบกร่างที่ล้าขับรถออกมาตามทางในยามเช้ามืดจุดหมายอยู่ที่แผงผักป้าน้อย มันคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบายคงเพราะตากฝนเมื่อคืนแหละมั้งทั้งยังกินเหล้าอีกคิดดูว่าพริกห้าสิบกิโลที่แพคใส่ถุงสิบกิโลกับรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ ฉันต้องทุักทุเลมากขนาดไหน ใช้เวลาขับรถอยู่ราวๆสามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายในตอนฟ้าสางพอดี หน้าร้านแกก็ยังมีรถกระบะคอกสูงกำลังมาส่งผักเช่นกัน"เพิ่มรับเรไรแนเร็ว"(เพิ่มมารับเรไรหน่อยเร็ว) ป้าน้อยทันทีที่เห็นฉันขับไปจอดแกก็รีบเรียกลูกน้องมารับเลยโชคดีที่วันนี้เป็นออเดอร์ส่งเลยไม่ต้องนั่งขายให้หลังขดหลังแข็ง ภาวนาให้มีออเดอร์ทุกวัน แต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมแวะซื้อ
แนะนำตัวละคร1.เรไร นางเอก2.แคน พระเอกตลาดสดในตัวอำเภอในยามสายหลังจากที่ขายพริกหมดกำลังจะเก็บของกลับบ้านฉันก็บังเอิญเจอเข้ากับสองคนที่ฉันรู้จักดี ใจดวงน้อยสั่นระรัวขึ้นทันที พร้อมกับความจุกแน่นที่ดันขึ้นมากองอยู่ลิ้นปี่“อ้ายเห็นโตเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง” (พี่เห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว) “น้องสาวบ่ เห็นเป็นแค่น้องสาวบ่!!” (น้องเหรอ เห็นเป็นแค่น้องสาวเหรอ) ฉันย้ำคำถามเสียงดังอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง“เรไรคนมองเยอะแล้ว"“มึงก็อีกคน รู้ทั้งรู้ว่ากูกับอ้ายห้อยมักกันมึงก็ยังเฮ็ดกับกูได้ลง อีหมู่ซั่ว” ดูเหมือนคำด่าของฉันไม่ได้เข้าสมองคนฟังเลยสักนิด กลับกันเธอยังยืนกอดแขนชายคนรัก ไม่สิ! เขาไม่เคยรักฉันด้วยซ้ำด้วยความสนิทชิดเชื้อ (เชื้อติดปิ๊)"พี่ห้อยเขาบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับมึง"“แล้วมึงเชื่อเขาทุกอย่างเลย"“เร อ้ายว่าเรเมือบ้านสา จังได๋เรกะเป็นน้องสาวอ้ายคือเก่าล่ะ” (พี่ว่าเรกลับบ้านไปเถอะ ยังไงเรก็คือน้องสาวของพี่)ฉันไม่เคยรู้สึกเสียใจอะไรเท่านี้มาก่อน เดินมาบอกกันตรงๆยังจะรู้สึกดีกว่าที่ให้ฉันมาเจอเขาสองคนลอบรักกันลับหลังแบบนี้ อีกคนก็เพื่อนสนิทอีกคนก็คนที่...รัก “อีสีมันดีกว่าเรตร