“น้องม่าน ทำหน้าให้ดีๆ หน่อยสิคะลูก”
เสียงมารดาตำหนิ เมื่อลูกสาวที่วันนี้แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามด้วยชุดสีขาวปักคริสตัลหรูหราตามธีมงานวันเกิดเจ้าสัวหลี่ที่เน้นสีเงินสีทอง แต่ทว่าใบหน้าหวานกลับบูดบึ้ง บ่งบอกว่าไม่เต็มใจมางานนี้เท่าไหร่นัก
หากพี่สาวของเธอไม่กำลังตั้งครรภ์ คนที่ออกงามสังคมกับครอบครัวก็ต้องเป็นพี่สาว
ไม่อยากเจอเขาคนนั้นเลย
“สุขสันต์วันเกิดนะคะเจ้าสัว” เอมฤดียื่นของขวัญที่บรรจุในหีบห่อหรูหราให้เจ้าของวันเกิด ก่อนจะส่งให้ภรรยาถือแทน
ม่านฟ้ายกมือประนมไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าคิมหันต์ยืนมาอยู่ด้านหลังมารดาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
มือเรียวลดมือลง ไม่ไหว้คนนิสัยไม่ดีให้เสียมือ เมินหน้าหนีไม่มองคนอายุเยอะกว่า ก่อนจะเดินไปหลบหลังมารดาหาเกราะกำบัง
“เราไปนั่งคุยกันทางนู้นดีกว่าเอม” คุณนายวรรณษาเอ่ยปากชวนเพื่อน พร้อมกับออกแรงจูงมืออย่างมีนัย “ตาคิม พาน้องไปหาอะไรกินด้วยนะ”
“ครับ”
ชายหนุ่มรับคำมารดาไม่มีอิดออด ประจวบเหมาะกับเหมันต์และวสันต์เดินตามมาสมทบภายหลัง ม่านฟ้ายกมือไหว้ทักทายผู้มาใหม่เจือรอยยิ้ม ทำเอาคนถูกเมินขบเขี้ยวเหลือบตามองอย่างไม่พอใจ
“สวัสดีค่ะ น้องม่านฟ้า” วสันต์ทักทายหญิงสาวที่เคยเห็นเพียงรูปที่พี่ชายถ่ายลงกลุ่มครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปกระซิบกับพี่ชายคนโตเจือทะเล้น “เฮียถ่ายรูปห่วยฉิบหายเลย”
“เออ” คิมหันต์ไม่ปฏิเสธ เพราะเขารู้ตัวเองตั้งแต่วันนั้น
“สวัสดีค่ะพี่วสันต์”
“เรนนี่ค่ะ ชื่อวสันต์มันฟังดูโบราณ เอาไว้ให้คนมีอายุเรียก” วสันต์กล่าวกลั้วหัวเราะ ไม่สนใจสายตาของบิดามารดาที่มองมาเพราะถูกพาดพิง
คนตัวเล็กหัวเราะกับท่าทางทะเล้นของลูกชายคนเล็กของบ้าน คำลงท้ายคะขาที่เขาใช้กับเธอฟังดูเจ้าชู้ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว หญิงสาวดูออกได้ทันทีว่านิสัยของเขาเป็นคนรักสนุก คารมดี
“ไว้ค่อยคุยกันนะคะ พี่พาคนแก่ไปนั่งก่อน”
“เดี๋ยวผมยืนรับแขกกับพ่อเองครับ”
เหมันต์หันมาพูดกับมารดา ก่อนที่วสันต์จะเป็นฝ่ายพยุงพามารดาและเพื่อนของมารดาไปนั่งที่โต๊ะในงาน
เมื่อมารดาและคนอื่นๆ แยกไปทำหน้าที่แล้ว ก็เหลือเพียงคนตัวสูงกับเธอที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น ขาเรียวหมุนตัวเดินแยกไปที่โซนอาหารโดยไม่สนใจว่าเขาจะเดินตามมาห่างๆ
เพราะปกติม่านฟ้าไม่ใช่คนชอบทานมื้อดึก คนตัวเล็กจึงเดินไปที่ของหวานที่ตนเองชอบทานทันที โชคดีเหลือเกินที่เค้กที่นำมาเป็นของร้านโปรดเธอ ทำให้ไม่เสียดายเวลาเปล่าที่ต้องนั่งหายใจใช้อากาศในงานร่วมกับใครบางคน
“เอารสกาแฟให้ด้วยสิ” เสียงทุ้มเอ่ยข้างกาย เมื่อเห็นว่าเธอกำลังตักเค้กหลากหลายรสชาติใส่จาน
ม่านฟ้าทำหูทวนลม มองข้ามเค้กกาแฟที่เขาบอก หันไปหยิบเค้กส้มแทน ก่อนจะวางที่คีบอาหารสเตนเลสไว้ที่เดิม แล้วเดินเลี่ยงไปที่โซนเครื่องดื่ม
“บลูเลมอนร้านนี้อร่อยมากเลยนะ” คิมหันต์เดินอ้อมมาอีกฝั่ง พร้อมกับถือแก้วเครื่องดื่มสีฟ้าสองแก้วในมือ
คนตัวเล็กยังคงไม่รับรู้ความพยายามของคนโตกว่า เธอเดินเลี่ยงไปหยิบแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งที่ปกติไม่คิดจะลองมันเลยสักครั้ง แล้วเดินกลับไปหามารดา
“ไปนั่งริมระเบียงกัน” คิมหันต์ไม่ลดละความพยายาม ใช้ร่างกายสูงกำยำของตนเอง เดินต้อนหญิงสาวราวกับสุนัขต้อนฝูงแกะ ให้เดินไปตามทิศทางที่ตนเองต้องการ
“สวัสดีค่า คุณคิมหันต์” เสียงหนึ่งเรียกเขาจากระยะใกล้ๆ ทำให้ฝีเท้าของคิมหันต์หยุดชะงักลง แต่ไม่ลืมที่จะคว้าต้นแขนเรียวของม่านฟ้าให้หยุดเดินตาม ก่อนจะลดมือลงแล้วเปลี่ยนเป็นโอบที่สะโพกมนไว้เบาๆ เมื่อเห็นว่าคนที่เรียกเขาไว้คนคุณนายที่มาพร้อมกับลูกสาว
ม่านฟ้าเอี้ยวใบหน้าไปมองมือหนาที่แตะสะโพกเธออย่างถือวิสาสะ ก่อนจะหันกลับมาสบตาบุ้ยใบ้ให้เขาปล่อยมือจากสะโพกตนเอง แต่คนตัวโตก็ยังทำหน้ามึนไม่รับรู้ ยิ่งขยับตัวเบี่ยงออก มือนั้นก็กลับทั้งรั้งทั้งบีบ จนแก้มนวลร้อนผ่าวด้วยความอาย
หากมือทั้งสองข้างเธอไม่มีของอยู่ในมือ คงตบเข้าที่หน้าหล่อๆ นั้นไปแล้ว
“สวัสดีครับ คุณนงนุช ขอบคุณที่มาวันเกิดป๊านะครับ” เขาทักทายผู้ใหญ่ไม่ให้เสียมารยาท พร้อมกับส่งยิ้มการค้าตามปกติ “ป๊ายืนอยู่ด้านนู่นครับ ผมขอตัวก่อน”
“ดะ เดี๋ยวสิคะ วันนี้น้าพาน้องมาฝากเนื้อฝากตัวกับคิมหันต์” คุณนายคนสวยยังคงพยายามโฆษณาลูกสาวให้เขาฟัง “น้ำหวานจบการตลาดจากออสเตรเลีย เลยอยากฝากน้องทำงานกับคิมหันต์สักหน่อย”
คิมหันต์มองลูกสาวคุณนงนุชชั่วครู่เดียว ก่อนจะหันกลับไปตอบคุณนายสาวอย่างตรงไปตรงมา
“บริษัทผมยังไม่มีโควตารับฝ่ายการตลาดเพิ่มเลยครับ หากคุณน้ำหวานรออาจจะเป็นการเสียโอกาสทำงานที่อื่น ต้องขอโทษด้วย”
คิมหันต์ตัดบทเสียงสุภาพ กดใบหน้าหล่อเป็นการขอโทษที่อาจจะเสียมารยาท ก่อนจะออกแรงดันคนตัวเล็กให้เดินออกจากวงสนทนา
“ดะ เดี๋ยวสิคะ”
“ขอโทษด้วยนะครับคุณนงนุช ผมไม่สะดวกคุยตอนนี้” คิมหันต์มีอาการหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อคุณนายไม่ยอมเลิกตอแยกับเขาเสียที
“คนนี้เหรอคะ ที่ทำให้คุณคิมหันต์ไม่ว่างคุยกับน้ำหวาน” คราวนี้เป็นลูกสาวคุณนายนงนุชเอ่ยปากขึ้น
ม่านฟ้าหันไปมองหญิงสาวตรงหน้า ที่อายุอานามน่าจะมากกว่าเธอสองถึงสามปี เธอไม่เข้าใจว่าคนไม่รู้จักกัน จะมาพูดจาพาดพิงกันทำไม
“ครับ” ร่างสูงยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้าน
แต่กลายเป็นคนตัวเล็กที่ชักสีหน้าใส่เขา เมื่อเขาเอาเธอเป็นไม้กันหมา
“ยังดูเด็กอยู่เลย เรียนจบแล้วเหรอ”
น้ำเสียงจิกกัดเคลือบรอยยิ้มหวาน ทำให้ม่านฟ้ารู้ได้ทันที ว่าผู้หญิงตรงหน้าเบี่ยงความสนใจมาที่เธอแทน เธอคนนี้คงอยากจะพูดจาให้เธอรู้สึกอาย
“น้องม่านเรียนจบแล้วครับ” คิมหันต์ตอบแทน เมื่อเห็นว่าม่านฟ้าเมินคำถามของน้ำหวาน
“ม่านเมื่อยขา พี่คิมหันต์จะคุยอีกนานไหมคะ” ใบหน้าหวานเงยสบตาคนตัวโตกว่า แสดงสีหน้าออดอ้อนจงใจยั่วต่อมโมโหของสองแม่ลูกนั้น
ใบหน้าคมคายหยักยิ้ม เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กพูดจาน้ำเสียงออดอ้อนกับตนเอง ทั้งที่ปกติเธอไม่เคยทำแบบนั้นกับเขาเลย สายตาคมมีประกายวาววับ มองปลายจมูกรั้นที่มีรอยแดงลามไปถึงพวงแก้ม เพราะความเขินอายที่อยู่ๆ ก็ออดอ้อนเขาต่อหน้าคนอื่น
“ผมขอตัวนะครับ”
ครั้งนี้เขาไม่สนใจเสียงสองแม่ลูกที่ร้องเรียกรั้งเขาเอาไว้ ดันแผ่นหลังเนียนเดินไปที่ริมระเบียงด้านนอกห้องบอลรูมที่ถูกจัดไว้สำหรับแขกในงาน
นอกจากที่นั่งตรงนี้จะไม่ค่อยมีแขกมานั่ง เพราะแรงลมเอื่อยๆ อาจทำให้ทรงผมที่เสียเงินเสียทองจ้างช่างมายุ่งเหยิง แต่สำหรับม่านฟ้าแล้ว ที่นั่งริมระเบียงนี้น่านั่งกว่าในงานเสียอีก
คนตัวเล็กนั่งมองวิวริมระเบียง ทอดสายตาลงไปยังเบื้องล่าง เห็นลานน้ำพุด้านนอกโรงแรมที่ประดับไฟสวยงาม รอบนอกเป็นสวนดอกไม้หลากสีที่ถูกจัดแต่งเป็นอย่างดี พอเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า ก็เห็นว่าวันนี้มีพระจันทร์ดวงโตลอยเยื้องตึกสูงไม่ไกล
นิ้วเรียวหยิบส้อมมาตักเค้กรสหวานเข้าปาก โดยไม่ยอมเอ่ยปากชวนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย
“หนูดื่มน้ำหวานที่พี่ถือมาดีกว่านะ” คิมหันต์ดันแก้วเครื่องดื่มสีฟ้าไปตรงหน้าหญิงสาว เอื้อมมือจะหยิบแก้วแอลกอฮอล์ออกห่างจากเธอ แต่ม่านฟ้ากลับคว้ามันยกดื่มทันที
ร่างสูงมองความดื้อรั้นบนใบหน้าหวานเงียบๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมาอย่างไม่ปกปิด เขามีเรื่องอยากสั่งสอนเด็กสาวอยู่หนึ่งอย่าง แต่คิดอีกทีให้เธอรับรู้ด้วยตนเองน่าจะดีกว่า
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง เจ้าของสายตาคมมองแก้วแอลกอฮอล์ว่างเปล่าด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามามองคนตรงหน้าที่หน้าแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ มือเรียวยกกุมใบหน้าตนเองด้วยอาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย เหล้าแก้วเดียวเธอไม่ควรเมาแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับหูอื้อตาลาย มึนเมาจนแทบลุกไม่ไหว
“ดื้อจนพอใจหรือยัง” เขาถามเจือรอยยิ้มร้าย
คนตัวเล็กสะบัดหน้าพรืด ไม่สนใจคำยียวนของคนนิสัยไม่ดี ทำท่าลุกขึ้นจะเดินกลับเข้างานหามารดา แต่ก็ซวนเซจนเขาต้องลุกมาคว้าตัวเอาไว้
“ม่านจะไปหาคุณแม่” เธอดันต้นแขนแข็งแรงออกห่าง เพราะเขาเริ่มขยับตัวเบียดชิดจนไหล่มนเบียดเข้ากับแผงอกแกร่ง
“จะไปให้ผู้ใหญ่เห็นสภาพนี้? ไหนจะแขกในงานอีก”
หญิงสาวเม้มปากแน่น เห็นด้วยกับคนตัวสูง หากเข้าไปในสภาพนี้ คนอื่นอาจจะคิดว่าลูกสาวคุณเอมฤดีขี้เมา เสียหายถึงวงศ์ตระกูล
“กลับบ้าน พี่จะไปส่ง”
คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ร่างสูงจึงล้วงมือถือโทรหาเหมันต์ให้รับหน้าผู้ใหญ่แทนไปก่อน ออกแรงจูงแขนม่านฟ้าออกมาน้องสถานที่จัดงาน พอพ้นสายตาแขกผู้ใหญ่ก็จัดการช้อนร่างบางลอยหวือ เดินเข้าลิฟต์ไปที่ชั้นจอดรถทันที
ระหว่างที่รถยุโรปจอดติดไฟแดง เขาก็มองหญิงสาวที่นอนนิ่งหลับตาพริ้ม เอาหัวแนบกระจกรถนอนนิ่งด้วยความขบขัน
“อย่าหัวเราะ” คนตัวเล็กบอกเสียงอู้อี้ อาการมึนศีรษะยังคงเหลือค้างอยู่
“หนูขา พี่สอนแอลกอฮอล์101ให้นะ” น้ำเสียงล้อเลียนหลุดออกมาจากปากหนา ยกยิ้มพอใจกับอาการของเด็กน้อยมือใหม่หัดดื่มตรงหน้า “ข้อหนึ่ง อย่าดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่าง”
คิมหันต์ยกมือหยาบเกลี่ยปอยผมนิ่มให้พ้นจากริมฝีปากอวบอิ่ม ลูบศีรษะมนอย่างให้ความเอ็นดู
“ข้อสอง อย่าทานของหวานกับแอลกอฮอล์ มันจะทำให้หนูเมาเร็ว”
คนเมาจิ๊ปากไม่พอใจ ลืมตามองชายหนุ่มหน้ามุ่ย ก่อนจะคว้าแขนล่ำฝังเขี้ยวเต็มแรงจนเป็นรอย
คิมหันต์เบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ไม่คิดว่าพอเธอเถียงเขาไม่ไหว จะหันมาใช้กำลังตัดสิน คนตัวโตไม่ร้องกับความเจ็บปวดนี้เลยสักนิด เขาปล่อยให้เธอกัดจนพอใจ และเมื่อหมาน้อยถอนปากออกก็เหลือรอยเขี้ยวชัดเจนที่แขนซ้าย
“สมน้ำหน้า อ๊ะ!”
หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อร่างถูกกระชากเข้าหาฝั่งคนขับ แขนเรียวถูกงับเบาๆ พอให้ร่างกายบอบบางสะดุ้ง
เขากัดเธอคืน และทิ้งรอยไว้ไม่ต่างกัน
“เจ็บ...” เสียงเล็กละล่ำละลักบอก เมื่อคิมหันต์ยังไม่ยอมปล่อยปากจากแขนเธอ “อ๊ะ”
หญิงสาวสะดุ้งอีกครั้งเมื่อภายหลังที่เขาหยุดกัด กลับใช้ลิ้นเลียที่รอยนั้นอย่างจงใจ สัมผัสร้อนชื้นทำให้ใจคนตัวเล็กสั่นไหว
คนโตกว่าปล่อยมือจากร่างบอบบาง หันกลับไปตั้งใจขับรถ เพื่อพาเธอกลับบ้านราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พรุ่งนี้ตื่นไหวไหม พี่จะพาไปเที่ยว”
คิมหันต์ถามหลังจากที่รถจอดสนิทบริเวณหน้าประตูรั้วบ้านของเธอ มือเล็กที่กำลังจะเปิดประตูลงรถชะงักไปเล็กน้อย
“ไม่ไปค่ะ ขอบคุณที่มาส่ง” เธอเปิดประตูลงรถโดยไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อ
ชายหนุ่มรีบเปิดประตูลงรถตามเธอ ก่อนจะคว้าแขนไว้ได้ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในเขตบ้าน
“ไม่ได้ตั้งใจเบี้ยวนัดดูหนัง ทำไมไม่หายโกรธซะที” เขาพร้อมอธิบายเรื่องทั้งหมด หากเธอต้องการฟังมัน
“แปลว่าที่ร้านอาหารตั้งใจ?” เธอขึ้นเสียงใส่อย่างเหลืออด “ม่านไม่รู้จะบอกคุณแม่ยังไง ว่าทำไมออกไปทานข้าวกับพี่คิมหันต์ แต่ขากลับเป็นพี่เหมันต์มาส่ง”
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อนึกถึงเรื่องวันนั้น ในขณะที่คิมหันต์ยืนฟังด้วยใบหน้านิ่ง
“ม่านไม่เข้าใจเลย ว่าพี่จะโทรหาม่าน ชวนออกไปดูหนังอีกทำไม” ริมฝีปากอวบอิ่มพรั่งพรูความโกรธออกมาใส่เขาไม่หยุด มือเล็กสั่นเทากับความรู้สึกไม่ดีที่สุมอยู่ในใจ
“...”
“แล้วม่านก็ได้คำตอบ” คราวนี้น้ำตาที่สะสมอยู่ก็ไหลเอ่อออกมาจนอาบแก้มใส เธอยกมือข้างที่ไม่ถูกเกาะกุมปาดมันออกลวกๆ “วันนั้นม่านรอพี่ตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนบ่ายสองครึ่ง สามชั่วโมง ยืนดูตัวอย่างหนังหน้าโรงหนังจนจำได้ทุกเรื่อง”
ดวงตากลมโตสั่นไหว ความโกรธ ความเสียใจประเดประดังเข้ามาพร้อมกันอีกครั้งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“โทรหาพี่ก็ไม่รับ นี่ยังไม่นับความโง่ที่คิดว่า เดี๋ยวพี่ก็มา คงไม่โดนแกล้งหรอก”
คนตัวโตยืนมองน้องร้องไห้ต่อหน้าจนทำตัวไม่ถูก ขยับตัวดึงเธอเข้ามากอดแนบอก แม้จะถูกขัดขืน
“ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” ฝ่ามือหนาตบแผ่นหลังบางเบาๆ ปลอบประโลม กดริมฝีปากแนบขมับแทนการขอโทษ
สัมผัสอุ่นจากริมฝีปากของเขา ทำให้เธอได้สติ ไม่ควรปล่อยให้เขากอดเขาจูบแบบนี้เลย
“ถ้าพี่คิมหันต์ปฏิเสธแม่ตัวเองไม่ได้ ม่านจะปฏิเสธให้เอง”
หญิงสาวรวบรวมแรงสะบัดตัวออกห่างเขา ก่อนจะเดินซวนเซเข้าบ้านโดยไม่แม้แต่จะหันมามองคนตัวโตที่ตะโกนเรียกคล้อยหลังอีก
❀┈┈┈┈┈┈❀
คิมหันต์รู้สึกตัวตื่นกลางดึก เนื่องจากคนในอ้อมกอดตัวร้อนจี๋ จนแผงอกเขาแทบละลาย อากาศด้านนอกยังมีฝนตกลงมาไม่หยุด เสียงฟ้าผ่า ฟ้าร้องยังคงดังต่อเนื่อง เมื่อเปิดผ้าห่มผืนใหญ่ออก ร่างกายบอบบางก็เต็มไปด้วยเหงื่อชื้นจากฤทธิ์ไข้ แม้ก่อนนอนเขาจะให้เธอทานยาลดไข้ไปแล้วหนึ่งรอบ แต่อาการก็ยังไม่ทุเลาลงมือหนาหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา พบว่าเลยสี่ชั่วโมงแล้วจากการทานยาครั้งแรก ชายหนุ่มลุกออกจากเตียง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับยาลดไข้และน้ำในมือ ตั้งวางไว้โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะขยับเข้ามาพยุงคนตัวเล็กเข้ามาแนบอก“หนูขา กินยา”เสียงของเขาปลุกให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หลังจากทานยาลดไข้เรียบร้อย คิมหันต์วางเธอลงนอนหนุนหมอนหนา ร่างสูงเดินหายไปในห้องน้ำชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังที่หยิบติดมือจากในครัวตอนไปเอาน้ำเพราะเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่เปียกชื้นจากเหงื่อกาฬ อาจทำให้น้องนอนไม่สบายตัว นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อบนเรือนร่างบอบบางอย่างอ่อนโยน โดยมีสายตาปรือเปล่าของเจ้าของร่างมอง หากแต่ไม่สามารถขัดขืนการกระทำนั้นได้“พี่เช็ดตัว
วันนี้ม่านฟ้าตื่นขึ้นมาแต่เช้า สิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถข่มตานอนต่อได้ แม้จะอยู่ในภาวะง่วงงุน คือเสี่ยสิงห์ที่มานั่งรอเธอที่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่ยังไม่แปดโมง ยิ่งไปกว่านั้น มารดากลับเข้าห้องมาบอกว่าเสี่ยสิงห์ชวนไปทานอาหารเช้าที่บ้านคนตัวเล็กนวดคลึงขมับอย่างคิดไม่ตก สุดท้ายจึงกดโทรออกหาคิมหันต์อย่างหมดหนทาง‘แต่งตัวรอเลย ใกล้ถึงแล้วจะส่งข้อความบอก’และเมื่อข้อความจากคนตัวโตส่งมาบอกว่าอยู่หน้าบ้านเธอแล้ว หญิงสาวก็รีบกุลีกุจอหยิบกระเป๋าสะพายลงไปด้านล่าง“หนูม่านฟ้า”เสี่ยสิงห์ลุกขึ้นยืนทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้นชั้นล่าง ม่านฟ้ายกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้ามาหามารดาที่นั่งคุยเป็นเพื่อนเสี่ยใหญ่อยู่“คือม่านลืมบอกคุณแม่ ว่าม่านนัดพี่คิมหันต์ไว้ค่ะ” หญิงสาวพูดกับมารดาเสียงอ่อย จงใจให้ชายรุ่นพ่อได้ยินไปด้วยแน่นอนว่าเสี่ยสิงห์เองก็นั่งไม่ติด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ ร่างสูงกำยำของคนที่ม่านฟ้ารออย่างใจจดใจจ่อก็เดินเข้ามายังตัวบ้าน“สวัสดีครับน้าเอม” ชายหนุ่มกล่าวทักทายมารดาของคนตัวเล็กอย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินมาหยุดเคียงข้างหญิงสาว “ขอโทษที่มาสายนะครับ
“คุณลูกขา ยิ้มหน่อยค่ะ” เอมฤดีผู้เป็นมารดามองลูกสาวที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างกายผู้คนในงานที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมามองหญิงสาววัยยี่สิบสี่ ที่ตอนนี้สวยพร้อมสะพรั่ง หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แอบชำเลืองมองมาที่ลูกสาวคนเล็กของเอมฤดีด้วยสายตาชื่นชมม่านฟ้าในตอนนี้สวยเด่นเสียจนกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน แม้หญิงสาวจะกำลังแสดงสีหน้าบูดบึ้งที่ถูกบังคับมาก็ตามย้อนไปก่อนหน้านี้สามชั่วโมง ม่านฟ้านอนเอกเขนก เกลือกกลิ้งบนที่นอนอย่างเบื่อหน่าย ตั้งแต่เธอกลับจากอังกฤษ บรรดาเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาก็แต่งงานออกเรือนกันจนหมด จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกอย่างเก่ากระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น“น้องม่านขา วันนี้ออกไปข้างนอกกับคุณแม่หน่อยนะคะ” มารดาโผล่เพียงหน้าออกมาจากประตูห้องนอนเรียกความรัก ความเอ็นดูจากลูกสาวคนเล็กได้เป็นอย่างดีนิสัยออดอ้อนของเธอ คงได้มาจากคนเป็นแม่อย่างแน่นอน“ได้สิคะ” ตอบกลับด้วยอารมณ์อยากหลีกหนีจากความเบื่อหน่ายโดยไม่คิดว่าข้างนอกที่มารดาหมายถึงคือ งานวันเกิดครบรอบหกสิบห้าปีของเจ้าสัวหลี่เดจาวูช
สองปีต่อมาเจ้าของใบหน้าคมคายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ราคาแพงไม่วางตา ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่กำลังจะถูกวางขายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า งานในมือเลยต้องรีบสะสางให้แล้วเสร็จก่อนวันเปิดตัวติ๊ง!เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เป็นน้องชายคนเล็กที่ส่งรูปเข้ากลุ่มแช็ตอย่างเช่นทุกครั้ง มือหนาถ่างซูมรูปภาพที่ถูกแคปหน้าจอจากไอจีสตอรีของใครบางคน ภาพเรียวนิ้วเล็ก แต่งแต้มด้วยสีทาเล็บชมพูขาว วาดลวดลายซากุระถือบอร์ดดิ้งพาสสีขาว แนบหนังสือเดินทาง ฉากหลังเป็นสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน:: GROUP NO PARENTS ::RAINNY : หน่วยข่าวกรองเฮียอย่างเอาอะMR KIM : โอนเงินให้แล้วRAINNY : เข้าแล้วค่ะ ฮิๆW1NTER: แล้วเอาไงต่อMR KIM: ไม่ใช่เรื่องต้องรีบRAINNY: ใจเย็น เดี๋ยวน้องก็หนีไปอีกMR KIM: ไม่ต้องรีบ เตรียมไว้หมดแล้วหลังจากปิดหน้าจอมมือถือลง ร่างสูงโปร่งก็เอนกายแนบพนักพิงเก้าอี้ ครุ่นคิดเรื่องเมื่อสองปีก่อน ที่ตนเองตัดสินใจช้าหลายอย่าง กว่าจะรู้ตัวอีกที คนตัวเล็กก็หนีหายไปต่างประเทศเสียแล้วหลังจากที่มีปากเสียงกันที่หน้าบ้านเธอวันนั้น บ่ายวันต่อมาคิมหันต์ก็ได้รับข่าวว่าบริษัทซอฟต์แวร์ที่ญี่ปุ่นเ
“น้องม่าน ทำหน้าให้ดีๆ หน่อยสิคะลูก”เสียงมารดาตำหนิ เมื่อลูกสาวที่วันนี้แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามด้วยชุดสีขาวปักคริสตัลหรูหราตามธีมงานวันเกิดเจ้าสัวหลี่ที่เน้นสีเงินสีทอง แต่ทว่าใบหน้าหวานกลับบูดบึ้ง บ่งบอกว่าไม่เต็มใจมางานนี้เท่าไหร่นักหากพี่สาวของเธอไม่กำลังตั้งครรภ์ คนที่ออกงามสังคมกับครอบครัวก็ต้องเป็นพี่สาวไม่อยากเจอเขาคนนั้นเลย“สุขสันต์วันเกิดนะคะเจ้าสัว” เอมฤดียื่นของขวัญที่บรรจุในหีบห่อหรูหราให้เจ้าของวันเกิด ก่อนจะส่งให้ภรรยาถือแทนม่านฟ้ายกมือประนมไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าคิมหันต์ยืนมาอยู่ด้านหลังมารดาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบมือเรียวลดมือลง ไม่ไหว้คนนิสัยไม่ดีให้เสียมือ เมินหน้าหนีไม่มองคนอายุเยอะกว่า ก่อนจะเดินไปหลบหลังมารดาหาเกราะกำบัง“เราไปนั่งคุยกันทางนู้นดีกว่าเอม” คุณนายวรรณษาเอ่ยปากชวนเพื่อน พร้อมกับออกแรงจูงมืออย่างมีนัย “ตาคิม พาน้องไปหาอะไรกินด้วยนะ”“ครับ”ชายหนุ่มรับคำมารดาไม่มีอิดออด ประจวบเหมาะกับเหมันต์และวสันต์เดินตามมาสมทบภายหลัง ม่านฟ้ายกมือไหว้ทักทายผู้มาใหม่เจือรอยยิ้ม ทำเอาคนถูกเมินขบเขี้ยวเหลือบตามองอย่า
หลายวันมานี้ เรื่องที่เขาสร้างเอาไว้ แทนที่จะถูกมารดาด่าดุด่าอย่างทุกครั้ง แต่สถานการณ์ภายในบ้านกลับเงียบสงบเสียจนลูกชายคนโตอดแปลกใจไม่ได้ นั่นอาจจะหมายถึงม่านฟ้าไม่ได้ฟ้องทางฝั่งผู้ใหญ่“ตาคิม มานี่ๆ” เสียงมารดาเรียกตัวเขาไว้ ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสองคิมหันต์เหลือบสายตาคมไปที่น้องชายคนรองอย่างเหมันต์ ที่นั่งดูทีวีกับมารดา เห็นได้ชัดว่าเหมันต์มีท่าทีลุกลี้ลุกลน เมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียกเขา“ครับ”ชายหนุ่มเดินมาหย่อนกายนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามน้องสาย ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เตรียมตัวเตรียมใจที่จะโดนมารดาดุด่าอย่างทุกที“หนูม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง”คุณนายวรรณษาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในมือยังถือไอแพดเครื่องใหญ่ กดพิมพ์ข้อความขยุกขยิกราวกับกำลังสนทนากับใครบางคนไปด้วยหากให้เดาก็คงเป็นมารดาของน้องม่านนั่นแหละ“ก็...อย่างที่แม่รู้มานั่นแหละครับ” คิมหันต์ตอบเลี่ยงบาลี ชำเลืองสายตามองน้องชายที่แม้ตาจะจ้องรายการทีวีอยู่ แต่เหงื่อแตกพลั่กอย่างมีพิรุธ“ดีเลย แล้วเมื่อไหร่จะนัดน้องออกไปเที่ยวอีกล่ะ”“นัด?”คำพูดของมารดาสร้างความประหลาดใจให้คนตัวโตไม่น้อย ไม่มีครั้งไหนเลยที่คิมหั