หลายวันมานี้ เรื่องที่เขาสร้างเอาไว้ แทนที่จะถูกมารดาด่าดุด่าอย่างทุกครั้ง แต่สถานการณ์ภายในบ้านกลับเงียบสงบเสียจนลูกชายคนโตอดแปลกใจไม่ได้ นั่นอาจจะหมายถึงม่านฟ้าไม่ได้ฟ้องทางฝั่งผู้ใหญ่
“ตาคิม มานี่ๆ” เสียงมารดาเรียกตัวเขาไว้ ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสอง
คิมหันต์เหลือบสายตาคมไปที่น้องชายคนรองอย่างเหมันต์ ที่นั่งดูทีวีกับมารดา เห็นได้ชัดว่าเหมันต์มีท่าทีลุกลี้ลุกลน เมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียกเขา
“ครับ”
ชายหนุ่มเดินมาหย่อนกายนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามน้องสาย ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เตรียมตัวเตรียมใจที่จะโดนมารดาดุด่าอย่างทุกที
“หนูม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง”
คุณนายวรรณษาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในมือยังถือไอแพดเครื่องใหญ่ กดพิมพ์ข้อความขยุกขยิกราวกับกำลังสนทนากับใครบางคนไปด้วย
หากให้เดาก็คงเป็นมารดาของน้องม่านนั่นแหละ
“ก็...อย่างที่แม่รู้มานั่นแหละครับ” คิมหันต์ตอบเลี่ยงบาลี ชำเลืองสายตามองน้องชายที่แม้ตาจะจ้องรายการทีวีอยู่ แต่เหงื่อแตกพลั่กอย่างมีพิรุธ
“ดีเลย แล้วเมื่อไหร่จะนัดน้องออกไปเที่ยวอีกล่ะ”
“นัด?”
คำพูดของมารดาสร้างความประหลาดใจให้คนตัวโตไม่น้อย ไม่มีครั้งไหนเลยที่คิมหันต์จะออกเดตซ้ำเป็นหนที่สองกับผู้หญิงที่มารดาจัดแจงให้
“ม้าคุยกับเอม ฝั่งน้องก็บอกว่าเดตรอบที่แล้วมันดี” มารดาจีบปากจีบคอบอกลูกชายอย่างมีจริตจะก้าน กดไอแพดสองสามครั้ง ก่อนจะพูดต่อ “ถ้ามันดี ก็ควรมีครั้งที่สอง”
“ช่วงนี้ผมไม่ว่างเลยครับ”
คำตอบของคิมหันต์ไม่ได้เป็นเพียงข้ออ้างไม่ไปเดต แต่มาจากความจริงบางส่วนที่ช่วงนี้บริษัทมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวใหม่
อย่าว่าแต่ไปเดตเลย เวลาจะนอนยังไม่มี
“ให้เหมันต์ดูงานแทนก่อน”
คุณนายวรรณษาหันไปโบ้ยให้ลูกชายคนรอง เหมันต์สะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังทำหูทวนลม
“งานมันมีคนดูแทนได้ แต่หนูม่าน ไม่ควรมีใครมาดูแลแทน”
คำพูดของมารดาทำให้ร่างสูงอึกอัก หากแม่เขารู้ว่าวันนั้นเขาให้เหมันต์ไปส่งน้อง คงจะไม่จบแค่โดนด่าอย่างที่ทำกับคนอื่นๆ
บางทีเงาหัวอาจจะหายก็ได้
“เอาไว้ก่อนละกันครับ”
“ไม่ได้” คุณผู้หญิงของบ้านตอบกลับทันควัน ไม่ทันที่หางเสียงลูกชายจะสิ้นสุดดีด้วยซ้ำ “ตาเหม วันอาทิตย์นี้ไปคุยงานแทนพี่”
“อ่า ผม...” เหมันต์อึกอัก
“เดี๋ยวม้าเซ็นเช็คให้”
“โอเคครับ”
คิมหันต์ถลึงตาใส่น้องชาย ไม่เดาก็มองออกทะลุปรุโปร่ง ว่านิสัยใช้เงินจัดการปัญหาของคิมหันต์ได้รับการถ่ายทอดมาจากใคร
บ้านนี้ถือคติว่า เงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
ถ้าลองแล้วยังไม่ได้ แปลว่ายังใช้เงินไม่มากพอ
×××
คิมหันต์ยืนจ้องเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของม่านฟ้าที่ได้จากมารดาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ชายหนุ่มกำลังชั่งใจ ว่าควรจะนัดเธอผ่านแช็ตอย่างครั้งที่แล้ว หรือโทรไปหาดี สุดท้ายก็ตัดสินใจกดปุ่มโทรออก เพราะต้องการฟังน้ำเสียงของปลายทาง ว่าจะมีปฏิกิริยาเวลาที่รู้ว่าเขาโทรมาอย่างไร
อาจจะโกรธจากคราวก่อนอยู่ก็ได้
ร่างสูงยืนพิงราวระเบียง มือขวายกมือถือแนบหูฟังสัญญาณโทรออกด้วยใบหน้าเรียบเฉย รอไม่นานนักปลายสายก็รับสาย พร้อมกับกรอกเสียงหวานข้างใบหู
(สวัสดีค่ะ…)
“...”
(ฮัลโหล ได้ยินไหมคะ)
“ได้ยิน…”
คิมหันต์ตอบปลายสายเสียงนิ่ง แต่ทว่ายังไม่ได้พูดอะไรต่อ ไม่รู้เหตุผลที่ตนเองดึงเชิงใส่คนตัวเล็กด้วยซ้ำ ไม่แน่ใจว่าคาดหวังอะไรจากเธอกันแน่
(ใครคะ?)
“...”
(แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหรอ...)
ปลายสายพึมพำกับตัวเองเสียงเบาหวิว แต่ทว่าคนหูดีได้ยินคำพูดนั้นชัดเจน จึงเผลอหัวเราะออกมากับความคิดของคนตัวเล็กไม่ได้
(พี่คิมหันต์?)
คราวนี้เป็นฝ่ายชายที่อึ้ง เงียบกับสิ่งที่เธอเอ่ยออกมา เขาไม่คิดว่าม่านฟ้าจะจำเขาได้จากเสียงหัวเราะ สายตาคมหลุบมองปลายเท้าตนเอง ก่อนจะเอ่ยสาเหตุที่โทรมาวันนี้
“อาทิตย์นี้ไปดูหนังกันไหม”
ปลายสายตกเข้าสู่ความเงียบ คนตัวโตเม้มปากแน่นเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบของคนตัวเล็ก อยากจะถามซ้ำ แต่ก็กลัวจะดูมีพิรุธ
“ได้ค่ะ…กี่โมงคะ”
คนตัวสูงยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินปลายสายตอบรับ เผลอยืดตัวเต็มความสูง ปล่อยลมหายใจออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
คิมหันต์ไม่รู้ตัวเลยว่าในช่วงที่ม่านฟ้าเงียบไป เขาเผลอกลั้นหายใจรอคำตอบจากคนตัวเล็กนานแค่ไหน
“พี่ไปรับสิบเอ็ดโมงไหม จะได้แวะทานมื้อเที่ยงก่อน”
“เจอกันที่ห้างเลยก็ได้ค่ะ ม่านจะแวะไปเอาของที่บ้านเพื่อนก่อน”
เมื่อได้ยินคนสวยบอกเช่นนั้น คิมหันต์ก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ เขานัดเธอเจอที่ห้างไม่ห่างจากบ้านของม่านฟ้ามากนัก ห้างนั้นค่อนข้างใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เขาวางแพลนการไว้ว่าจะพาเธอไปทานมื้อเที่ยงก่อน ตามด้วยดูหนังและชอปปิง
หลายวันมานี้ เรื่องของม่านฟ้าจากปากเหมันต์ค่อนข้างกวนใจเขา การกระทำในวันนั้นของเขา จะบอกว่าเป็นความรู้สึกผิดก็ไม่ผิด เพราะวันนั้นเธอค่อนข้างทำตัวน่ารักสำหรับเขา
แอบคิดว่าที่โทรไปชวนวันนี้ อาจจะถูกหญิงสาวปฏิเสธด้วยซ้ำ แต่คนตัวเล็กก็ยังตอบตกลงไปกับเขาเป็นครั้งที่สอง
:: GROUP NO PARENTS ::
RAINNY : เฮียโดนม้าสั่งไปเดตกับลูกสาวบ้านนั้นอีกเหรอ มีอะไรให้น้องช่วยเปล่า
MR KIM : เงินหมดเหรอ ข่าวไวนักนะมึง
W1NTER : ผมป่าว~
RAINNY : เฮียคิมให้เรนนี่ช่วยไหมครับ!!
MR KIM : ไม่ต้อง
W1NTER : ไม่ต้องช่วย?
MR KIM : ไม่ต้องเสือก
RAINNY : (ส่งสติกเกอร์โกรธ)
ในช่วงระยะเวลาสามสี่วันมานี้ ปัญหาในบริษัทค่อนข้างมีเยอะมาก เนื่องจากซอฟต์แวร์ที่บริษัทกำลังพัฒนาเกิดบัค คิมหันต์ต้องอยู่โต้รุ่งกับทีมพัฒนาอยู่หลายวัน เพื่อแก้ปัญหาให้ไวที่สุด เนื่องจากตัวแอปพลิเคชันถูกปล่อยให้ใช้งานแล้ว
ร่างสูงนอนหลับไม่ไหวติง จากความเหนื่อยล้าสะสมหลายวัน ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้องนอน เจ้าของห้องงัวเงียลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเดินออกมาเปิดประตูดูว่าใครมา
“นั่นไง ผมว่าแล้วว่าเฮียยังไม่ออกไปข้างนอก” รอยยิ้มทะเล้นของน้องชายคนเล็กปรากฏขึ้น เมื่อคิมหันต์เปิดประตูออกมา
“เงินหมด?”
เขาถามอย่างรู้ทัน วสันต์ในวัยยี่สิบห้าปี ทำงานทำการเป็นผู้ช่วยของเหมันต์ ดูแลกิจการรับเหมาก่อสร้างของทางฝั่งมารดา ในขณะที่เขาดูแลบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ของบิดาคนเดียว
เงินเดือนของวสันต์ไม่ได้น้อยเลย แต่น้องเป็นคนรักสนุก ปาร์ตี้เกือบทุกวัน แม้จะไม่เคยเสียงานเสียการ แต่เปลืองตังค์ในกระเป๋าคนเป็นพี่อย่างเขาพอสมควร
คิมหันต์เดินกลับไปหยิบมือถือตนเองที่วางไว้ที่หัวเตียง เพื่อที่จะโอนเงินให้น้องชาย แต่สายตาคมก็ไปสะดุดกับสายไม่ได้รับสองสายบนหน้าจอมือถือ และเมื่อเหลือบสายตาขึ้นไปมองวันที่บนหน้าจอ ก็ถึงกับยกมือตบหน้าผากตนเองด้วยความหงุดหงิด
“ห่าเอ้ย”
นิ้วเรียวกดปุ่มโทรออกหาสายไม่ได้รับ แต่ทว่าปลายสายกลับไม่สามารถติดต่อได้ หากเธอไม่ปิดมือถือ นั่นหมายถึงเขาโดนบล็อกเบอร์ทิ้งไปแล้ว
“เฮีย มีอะไรอะ”
“กูลืมนัดม่านฟ้า” เขาบอกระหว่างที่พยายามส่งข้อความไปหาเธอทางแอปพลิเคชันแช็ต แต่คนตัวเล็กกลับไม่เปิดอ่านเลย
“อ้าว ผมนึกว่าเฮียตั้งใจเบี้ยวนัด” วสันต์รู้จากเหมันต์มาว่า พี่ชายนัดเธอเวลาสิบเอ็ดโมง แต่ตอนนี้เวลาบ่ายสามโมงเข้าไปแล้ว รถพี่ชายก็ยังจอดสนิทอยู่ที่บ้าน เขาจึงคิดว่าคิมหันต์จงใจเบี้ยวนัดให้ลูกสาวบ้านนั้นโกรธ
หลอกให้ไปรอเก้อที่ห้างคนเดียวหลายชั่วโมง เขาไม่ส่งคนมายิงถึงบ้านก็ดีเท่าไหร่แล้ว
ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านไปเกือบสองอาทิตย์ ที่คิมหันต์ส่งข้อความหาม่านฟ้า แต่เธอไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน โทรไปหาก็ไม่ได้ เขามั่นใจแล้วว่าโดนบล็อกเบอร์ทิ้ง เพราะยืมมือถือของน้องชายสองคนโทรหาเธอ พอรู้ว่าเป็นเขา เธอก็จัดการบล็อกอีกสองเบอร์ตามๆ กันไปจนหมด
“เฮียอะ ผมยังไม่เคยเจอน้องเลย แต่โดนบล็อกเบอร์แล้ว” วสันต์โอดครวญอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของพี่ชาย เนื่องจากคิมหันต์ไม่ชอบเข้าบริษัท ยกเว้นเวลาต้องทำงานกับทีม การสั่งงานทั้งหมดจึงสามารถทำผ่านหน้าจอได้
“ก็ไปเจอสิ สิ้นเดือนวันเกิดป๊า เดี๋ยวบ้านนั้นก็ต้องมา” คนเจ้าเล่ห์ฉายรอยยิ้มร้ายกาจหลังจากกล่าวจบ ทำเอาคนเป็นน้องชายอย่างวสันต์ถึงกับขนท้ายทอยลุกซู่กับรอยยิ้มของพี่ชาย
❀┈┈┈┈┈┈❀
คิมหันต์รู้สึกตัวตื่นกลางดึก เนื่องจากคนในอ้อมกอดตัวร้อนจี๋ จนแผงอกเขาแทบละลาย อากาศด้านนอกยังมีฝนตกลงมาไม่หยุด เสียงฟ้าผ่า ฟ้าร้องยังคงดังต่อเนื่อง เมื่อเปิดผ้าห่มผืนใหญ่ออก ร่างกายบอบบางก็เต็มไปด้วยเหงื่อชื้นจากฤทธิ์ไข้ แม้ก่อนนอนเขาจะให้เธอทานยาลดไข้ไปแล้วหนึ่งรอบ แต่อาการก็ยังไม่ทุเลาลงมือหนาหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา พบว่าเลยสี่ชั่วโมงแล้วจากการทานยาครั้งแรก ชายหนุ่มลุกออกจากเตียง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับยาลดไข้และน้ำในมือ ตั้งวางไว้โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะขยับเข้ามาพยุงคนตัวเล็กเข้ามาแนบอก“หนูขา กินยา”เสียงของเขาปลุกให้เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หลังจากทานยาลดไข้เรียบร้อย คิมหันต์วางเธอลงนอนหนุนหมอนหนา ร่างสูงเดินหายไปในห้องน้ำชั่วครู่ ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังที่หยิบติดมือจากในครัวตอนไปเอาน้ำเพราะเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่เปียกชื้นจากเหงื่อกาฬ อาจทำให้น้องนอนไม่สบายตัว นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อบนเรือนร่างบอบบางอย่างอ่อนโยน โดยมีสายตาปรือเปล่าของเจ้าของร่างมอง หากแต่ไม่สามารถขัดขืนการกระทำนั้นได้“พี่เช็ดตัว
วันนี้ม่านฟ้าตื่นขึ้นมาแต่เช้า สิ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถข่มตานอนต่อได้ แม้จะอยู่ในภาวะง่วงงุน คือเสี่ยสิงห์ที่มานั่งรอเธอที่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่ยังไม่แปดโมง ยิ่งไปกว่านั้น มารดากลับเข้าห้องมาบอกว่าเสี่ยสิงห์ชวนไปทานอาหารเช้าที่บ้านคนตัวเล็กนวดคลึงขมับอย่างคิดไม่ตก สุดท้ายจึงกดโทรออกหาคิมหันต์อย่างหมดหนทาง‘แต่งตัวรอเลย ใกล้ถึงแล้วจะส่งข้อความบอก’และเมื่อข้อความจากคนตัวโตส่งมาบอกว่าอยู่หน้าบ้านเธอแล้ว หญิงสาวก็รีบกุลีกุจอหยิบกระเป๋าสะพายลงไปด้านล่าง“หนูม่านฟ้า”เสี่ยสิงห์ลุกขึ้นยืนทันทีที่เท้าของเธอแตะพื้นชั้นล่าง ม่านฟ้ายกมือไหว้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้ามาหามารดาที่นั่งคุยเป็นเพื่อนเสี่ยใหญ่อยู่“คือม่านลืมบอกคุณแม่ ว่าม่านนัดพี่คิมหันต์ไว้ค่ะ” หญิงสาวพูดกับมารดาเสียงอ่อย จงใจให้ชายรุ่นพ่อได้ยินไปด้วยแน่นอนว่าเสี่ยสิงห์เองก็นั่งไม่ติด เมื่อได้ยินชื่อของใครบางคน แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ ร่างสูงกำยำของคนที่ม่านฟ้ารออย่างใจจดใจจ่อก็เดินเข้ามายังตัวบ้าน“สวัสดีครับน้าเอม” ชายหนุ่มกล่าวทักทายมารดาของคนตัวเล็กอย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินมาหยุดเคียงข้างหญิงสาว “ขอโทษที่มาสายนะครับ
“คุณลูกขา ยิ้มหน่อยค่ะ” เอมฤดีผู้เป็นมารดามองลูกสาวที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างกายผู้คนในงานที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมามองหญิงสาววัยยี่สิบสี่ ที่ตอนนี้สวยพร้อมสะพรั่ง หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แอบชำเลืองมองมาที่ลูกสาวคนเล็กของเอมฤดีด้วยสายตาชื่นชมม่านฟ้าในตอนนี้สวยเด่นเสียจนกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน แม้หญิงสาวจะกำลังแสดงสีหน้าบูดบึ้งที่ถูกบังคับมาก็ตามย้อนไปก่อนหน้านี้สามชั่วโมง ม่านฟ้านอนเอกเขนก เกลือกกลิ้งบนที่นอนอย่างเบื่อหน่าย ตั้งแต่เธอกลับจากอังกฤษ บรรดาเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาก็แต่งงานออกเรือนกันจนหมด จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกอย่างเก่ากระทั่งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น“น้องม่านขา วันนี้ออกไปข้างนอกกับคุณแม่หน่อยนะคะ” มารดาโผล่เพียงหน้าออกมาจากประตูห้องนอนเรียกความรัก ความเอ็นดูจากลูกสาวคนเล็กได้เป็นอย่างดีนิสัยออดอ้อนของเธอ คงได้มาจากคนเป็นแม่อย่างแน่นอน“ได้สิคะ” ตอบกลับด้วยอารมณ์อยากหลีกหนีจากความเบื่อหน่ายโดยไม่คิดว่าข้างนอกที่มารดาหมายถึงคือ งานวันเกิดครบรอบหกสิบห้าปีของเจ้าสัวหลี่เดจาวูช
สองปีต่อมาเจ้าของใบหน้าคมคายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ราคาแพงไม่วางตา ซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่กำลังจะถูกวางขายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า งานในมือเลยต้องรีบสะสางให้แล้วเสร็จก่อนวันเปิดตัวติ๊ง!เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เป็นน้องชายคนเล็กที่ส่งรูปเข้ากลุ่มแช็ตอย่างเช่นทุกครั้ง มือหนาถ่างซูมรูปภาพที่ถูกแคปหน้าจอจากไอจีสตอรีของใครบางคน ภาพเรียวนิ้วเล็ก แต่งแต้มด้วยสีทาเล็บชมพูขาว วาดลวดลายซากุระถือบอร์ดดิ้งพาสสีขาว แนบหนังสือเดินทาง ฉากหลังเป็นสนามบินที่มีคนพลุกพล่าน:: GROUP NO PARENTS ::RAINNY : หน่วยข่าวกรองเฮียอย่างเอาอะMR KIM : โอนเงินให้แล้วRAINNY : เข้าแล้วค่ะ ฮิๆW1NTER: แล้วเอาไงต่อMR KIM: ไม่ใช่เรื่องต้องรีบRAINNY: ใจเย็น เดี๋ยวน้องก็หนีไปอีกMR KIM: ไม่ต้องรีบ เตรียมไว้หมดแล้วหลังจากปิดหน้าจอมมือถือลง ร่างสูงโปร่งก็เอนกายแนบพนักพิงเก้าอี้ ครุ่นคิดเรื่องเมื่อสองปีก่อน ที่ตนเองตัดสินใจช้าหลายอย่าง กว่าจะรู้ตัวอีกที คนตัวเล็กก็หนีหายไปต่างประเทศเสียแล้วหลังจากที่มีปากเสียงกันที่หน้าบ้านเธอวันนั้น บ่ายวันต่อมาคิมหันต์ก็ได้รับข่าวว่าบริษัทซอฟต์แวร์ที่ญี่ปุ่นเ
“น้องม่าน ทำหน้าให้ดีๆ หน่อยสิคะลูก”เสียงมารดาตำหนิ เมื่อลูกสาวที่วันนี้แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามด้วยชุดสีขาวปักคริสตัลหรูหราตามธีมงานวันเกิดเจ้าสัวหลี่ที่เน้นสีเงินสีทอง แต่ทว่าใบหน้าหวานกลับบูดบึ้ง บ่งบอกว่าไม่เต็มใจมางานนี้เท่าไหร่นักหากพี่สาวของเธอไม่กำลังตั้งครรภ์ คนที่ออกงามสังคมกับครอบครัวก็ต้องเป็นพี่สาวไม่อยากเจอเขาคนนั้นเลย“สุขสันต์วันเกิดนะคะเจ้าสัว” เอมฤดียื่นของขวัญที่บรรจุในหีบห่อหรูหราให้เจ้าของวันเกิด ก่อนจะส่งให้ภรรยาถือแทนม่านฟ้ายกมือประนมไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าคิมหันต์ยืนมาอยู่ด้านหลังมารดาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบมือเรียวลดมือลง ไม่ไหว้คนนิสัยไม่ดีให้เสียมือ เมินหน้าหนีไม่มองคนอายุเยอะกว่า ก่อนจะเดินไปหลบหลังมารดาหาเกราะกำบัง“เราไปนั่งคุยกันทางนู้นดีกว่าเอม” คุณนายวรรณษาเอ่ยปากชวนเพื่อน พร้อมกับออกแรงจูงมืออย่างมีนัย “ตาคิม พาน้องไปหาอะไรกินด้วยนะ”“ครับ”ชายหนุ่มรับคำมารดาไม่มีอิดออด ประจวบเหมาะกับเหมันต์และวสันต์เดินตามมาสมทบภายหลัง ม่านฟ้ายกมือไหว้ทักทายผู้มาใหม่เจือรอยยิ้ม ทำเอาคนถูกเมินขบเขี้ยวเหลือบตามองอย่า
หลายวันมานี้ เรื่องที่เขาสร้างเอาไว้ แทนที่จะถูกมารดาด่าดุด่าอย่างทุกครั้ง แต่สถานการณ์ภายในบ้านกลับเงียบสงบเสียจนลูกชายคนโตอดแปลกใจไม่ได้ นั่นอาจจะหมายถึงม่านฟ้าไม่ได้ฟ้องทางฝั่งผู้ใหญ่“ตาคิม มานี่ๆ” เสียงมารดาเรียกตัวเขาไว้ ระหว่างที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสองคิมหันต์เหลือบสายตาคมไปที่น้องชายคนรองอย่างเหมันต์ ที่นั่งดูทีวีกับมารดา เห็นได้ชัดว่าเหมันต์มีท่าทีลุกลี้ลุกลน เมื่อได้ยินเสียงมารดาเรียกเขา“ครับ”ชายหนุ่มเดินมาหย่อนกายนั่งโซฟาฝั่งตรงข้ามน้องสาย ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เตรียมตัวเตรียมใจที่จะโดนมารดาดุด่าอย่างทุกที“หนูม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง”คุณนายวรรณษาถามลูกชายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ในมือยังถือไอแพดเครื่องใหญ่ กดพิมพ์ข้อความขยุกขยิกราวกับกำลังสนทนากับใครบางคนไปด้วยหากให้เดาก็คงเป็นมารดาของน้องม่านนั่นแหละ“ก็...อย่างที่แม่รู้มานั่นแหละครับ” คิมหันต์ตอบเลี่ยงบาลี ชำเลืองสายตามองน้องชายที่แม้ตาจะจ้องรายการทีวีอยู่ แต่เหงื่อแตกพลั่กอย่างมีพิรุธ“ดีเลย แล้วเมื่อไหร่จะนัดน้องออกไปเที่ยวอีกล่ะ”“นัด?”คำพูดของมารดาสร้างความประหลาดใจให้คนตัวโตไม่น้อย ไม่มีครั้งไหนเลยที่คิมหั