ฟ้าอำไพรู้สึกอึดอัดใจมากที่ต้องมารับไพรัลย์ออกจากคุกตามคำสั่งของบิดา ในวันที่เขาอายุครบ 30 ปี เขายังหล่อเหลาและโคตรเท่ ไม่ต่างจากสมัยวัยรุ่น แต่เขาจะจำเธอได้มั้ยนะว่าเธอเคยสารภาพรักเขาเมื่อตอนมัธยม เธอแอบภาวนาให้เขาจำไม่ได้ !
View More“ฉันกำลังทำเรื่องที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัยจากตัวฉันเอง!!!”
ประโยคเหล่านี้ระเบิดขึ้นในหัวของเธอไม่หยุดหย่อน ขณะขายาวสวยของเธอยืนปักหลักอยู่ริมถนนแห่งหนึ่ง...นอกกำแพงหินอันแข็งแกร่ง หนาแน่นและระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ดวงตากลมโตดำสวยของเธอกำลังจ้องมองฝั่งตรงข้าม
ที่นั่นคือ.....เรือนจำที่ขึ้นชื่อว่ารวบรวมฆาตกรคดีร้ายแรงเอาไว้มากที่สุด !!!
“เวลาเท่าไหร่แล้ว....”
ใกล้แล้ว...แสงแดดแผดจ้ากระทบหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเรือนเล็กของหญิงสาว ‘เที่ยงตรง’ เวลาแห่งอิสรภาพของชายหนุ่มผู้ถูกประดับคำนำหน้าว่า ‘นักโทษชาย’ มาเป็นเวลาสิบปีเต็ม
ประตูคุกกำลังจะเปิดให้แก่เขาในวันนี้...ไพรัลย์ อัศวเดชดำรง คือชื่อของเขา อดีตหนุ่มน้อยอนาคตไกลที่ต้องเดินเข้าแดนขังด้วยข้อหาฆาตกรรม !
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ทำไมฉันต้องเป็นคนมารับเขาด้วย...”
เจ้าหล่อนถามตัวเอง ผู้หญิงที่เธอรู้สึกว่าโง่ที่สุดในโลก และโชคร้ายที่สุดในจักรวาล เธอไม่อาจตอบตัวเองได้ว่ามารับเขาทำไม เธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่นิด
เธอไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนรัก เธอเกี่ยวข้องกับเขาก็เพียงแค่เพื่อนร่วมโลกเท่านั้น
“ไม่ใช่เรื่องของฉันเลย” ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายฉบับเดียวที่ส่งมาถึง...ฟ้าอำไพ พิมุกมนตรี เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ซึ่งลงท้ายผู้ส่งเป็นชื่อของบิดาผู้จากไปตลอดกาลของเธอ...ไชยวัฒน์ พิมุกมนตรี อดีตทนายความประจำตระกูลอัศวเดชดำรง คนสนิทของเจ้าพ่ออินทรีย์แห่งน่านน้ำอันดามัน เขาได้จัดส่งภารกิจระดับชาติมาให้เธอร้อนรุ่มหัวใจ ข้อความสั้น กะทัดรัด และชัดเจนเช่นเคย
“ไปรับเขาในวันที่ 13 กันยายน.....ดูแลเขาให้ดีที่สุด นั่นเพราะ...” ทันทีที่เธอได้รับจดหมายและอ่านมันภายในสามวินาที เธอทั้งตกใจและประหลาดใจกับคำสั่งนี้ “พ่อ!” เขียนจดหมายก่อนจะเสียชีวิตเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
เธอจำได้ดีทีเดียว เรื่องราวอันน่าสลดหดหู่ที่เกิดขึ้นเมื่อหกเดือนก่อน อุบัติเหตุรถตกเหวที่ทำให้เกิดระเบิดจนไม่เหลือซาก ศพไหม้เกรียมของเจ้านายและทนายความคนสนิทถูกนำออกจากซากรถในตอนเช้าที่หมอกหนาทึบ แม้เธอจะไม่ได้มารับศพของบิดาด้วยตัวเอง แต่เธอก็เศร้าและสะเทือนใจที่สุดในชีวิต
“พ่อนะพ่อ” นอกจากข้อความนั้นแล้ว ในซองจดหมายยังมีหยกลายพญาอินทรีย์สีนิลขนาดเล็กติดมาด้วย “คงจะรักเจ้านายมากสินะ ถึงได้ส่งลูกสาวมาดูแลลูกชายตัวร้ายของเขาอีก”
เจ้าหล่อนก็ตัดพ้อไปอย่างนั้นเอง นั่นเพราะลึกๆ แล้วเธอรู้สึกดีไม่น้อยที่บิดายังนึกถึงลูกสาวคนนี้อยู่ แม้จะไม่ได้เจอกันมากว่าสิบปีแล้วก็ตาม ก็ตั้งแต่ที่พ่อแยกทางกับแม่นั่นละ และแม่ได้พาเธอย้ายไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง ตอนนั้น เธอต้องย้ายโรงเรียนกลางคันด้วยซ้ำ
“ไพรัลย์...ตอนนี้นายก็คงจะสามสิบแล้วสินะ...ใช่สิ...ก็นายติดคุกตอนอายุยี่สิบนี่นะ”
เธอยังจำภาพของเด็กหนุ่มผู้โด่งดังที่สุดในโรงเรียนได้ กระนั้น ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างลึกล้ำ เจ้าของแววตาฉลาดซุกซน รอยยิ้มร่าเริงที่สาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยอยากเป็นเจ้าของ...นักศึกษาแพทย์ปีสอง เจ้าของคะแนนสอบยอดเยี่ยมอันดับหนึ่ง
“นั่น...” เธอเห็นเขาแล้ว... “ใช่เขา ใช่ไหม?”
ฟ้าอำไพใจเต้นรัวเมื่อประตูเรือนจำเปิดออก ชายหนุ่มผู้นั้นเดินเชื่องช้าข้ามผ่านเส้นแบ่งกั้นสองโลกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ออกมายืนรับแสงตะวันนอกกำแพงสูง เขาปรากฏกายอย่างสง่างาม ท่ามกลางแสงแดดร้อนแรงและเมฆขาวฟูฟ่องเนืองแน่นเต็มฟ้า ชายหนุ่มผู้เคยมีชื่อเสียง
เขากลับมาแล้ว ผู้ชายที่เคยเท่ที่สุดในสายตาของเธอ !
“โอ้โห...ฉันตาฝาดไปรึเปล่า” ที่เธอเห็น คือพระเอกหุ่นกำยำ บึกบึน สูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลาดุดัน หนวดเคราหร็อมแหร็มปกคุลมกรามคางพอมีเสน่ห์ ผมสีดำสนิทรกรุงรังไปนิดแต่ก็เป็นรูปเป็นทรงน่าจับต้องไม่น้อย “เขาหรือเนี่ย”
ไม่น่าเชื่อว่า.....เขาคือคนที่เธอเคยบากหน้าไปสารภาพรักเมื่อตอนเรียนมัธยม.......ผู้ชายห้องคิงส์กับผู้หญิงห้องบ๊วย มันช่างแตกต่างและน่าสมเพช ตอนนั้นอะไรเข้าสิงเธอนะ ช่างไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว !!!
เพราะเพียงวันเดียวเท่านั้น หลังจากที่เธอบอกเขาว่า “ชอบ” เขาก็หมั้นหมายกับผู้หญิงที่สวยและโดดเด่นที่สุดในจังหวัด เธอชื่อ แก้วกัลยา พิมุกมนตรี เจ้าหล่อนเป็นลูกสาวของนายโชคชัย พิมุกมนตรี พี่ชายต่างแม่ของบิดา หากว่ากันตามสายเลือด เธอกับแก้วกัลยาเป็นญาติกัน แต่ในสังคม แก้วกัลยาไม่นับญาติกับเธอ นั่นเพราะบิดาของเธอเป็นแค่ลูกเมียน้อย เขาจึงได้ใช้แค่นามสกุลของตระกูลที่ทรงเกียรตินั่นเท่านั้น คุณปู่คุณย่าของเธอก็ระดับเศรษฐีเหมือนกัน
“แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันอายได้ยังไง” เจ้าหล่อนเป่าลมออกจากปาก หัวใจเต้นเร็วขึ้นในทุกวินาทีที่ข้ามผ่าน “หวังว่า เขาคงจะจำฉันไม่ได้นะ”
ความจริงเธอค่อนข้างมั่นใจเลยละ เพียงครั้งเดียวที่เขามองเธอก็คือวันที่เธออาจหาญไปสารภาพรักกับเขานั่นละ วันนั้นฝนตกพรำๆ เสียด้วย เธอจำได้ว่าเขาจ้องเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ฟ้าอำไพทอดสายตามองไปยังชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามกับเธอ ในวินาทีหนึ่งที่เขามองมาทางเธอ สายตาเย็นชาและนิ่งลึกของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ตัวเย็นวาบเหมือนมีวิญญาณวิ่งผ่านร่างไปอย่างนั้นละ แต่ชั่ววินาทีเดียว เขาก็หันไปมองทางอื่น
“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ผมไปก่อนนะ อย่าลืมจดหมายล่ะ” ชายหนุ่มลุกจากไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวเกือบจะตะโกนเรียกเขาไปแล้วถ้ายั้งปากเอาไว้ไม่ทัน ในที่สุด เธอก็ต้องตัดใจว่ามีเวลาแค่นี้จริงๆ เธอบอกตัวเองว่าจะต้องมาเยี่ยมเขาใหม่ในเร็วๆ นี้หญิงสาวเดินออกจากเรือนจำ โดยธารเทพรอเธออยู่ที่รถ“เป็นไงบ้างฟ้า”“เขาสบายดีค่ะ”ธารเทพพยักหน้า“อาทิตย์หน้าผมจะไปเซี่ยงไฮ้ คุณจะไปเยี่ยมแม่กับคุณลุงไหม”“ไปสิคะ ฉันคิดถึงพวกท่านจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้มสดใส แม้ข้างในจะหมองมัว แต่เธอก็ไม่ยอมทำให้คนรอบข้างของเธอต้องเป็นทุกข์ไปด้วย เธอจะอดทนและต่อสู้กับเวลาห้าปี เพื่อรอคอยชายหนุ่มผู้เป็นที่รักกลับมาบ้านอีกครั้งห้าวันต่อมา ฟ้าอำไพก็ต้องแปลกใจเป็นล้นพ้น เมื่อเธอได้รับจดหมายจากเรือนจำ ซึ่งเป็นข้อความจากชายหนุ่ม เธอรีบบึ่งรถไปที่นั่นทันทีหญิงสาวจอดรถตรงที่เดิม ที่ๆ เธอเคยมาจอดรอเขาเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว หัวใจของเธอเต้นรัวไปหมดเมื่อได้เห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากเรือนจำพร้อมกับเป้สะพายใบเขื่อง เธอต้องตาฝาดไปแน่ๆ ที่ได้เห็นภาพนี้หลังจากที่เธอมาเยี่ยมเขาเมื่อหกวันก่อน“เป็นไปไม่ได้”ฟ้าอำไพก้าวลงจากรถ วิ่งข้ามถนนไปหาชายหน
“คุณนะเหรอจะออกมาหาฉัน คุณยกเรือนหอ และตลาดให้แม่นั่นไปแล้ว คุณได้แสดงให้ฉันเห็นแล้วว่าคุณไม่ได้ต้องการฉันจริงๆ แต่คนที่คุณอยากได้เป็นเมียคือนังฟ้าต่างหาก”“ผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับฟ้า ผมแค่สงสารเธอเท่านั้น แต่คนที่ผมต้องการคือคุณนะแก้ว”“แต่ฉันไม่ต้องการคุณอีกต่อไปแล้ว คนขี้คุกและยากจนข้นแค้นอย่างคุณ ไม่มีใครโง่รอหรอก ฉันจะเลิกกับคุณตั้งแต่วันนี้แหละ เชิญคุณอยู่ในคุกให้สบายอุราไปเลยนะคะ ส่วนฉัน คงต้องแต่งงานกับคนอื่น สวัสดี”หญิงสาวลาจากเขาด้วยสายตาหยามเหยียด ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้มองตามเจ้าหล่อนไปให้เสียเวลา เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ คำตอบที่ไม่ต้องคาดเดาอะไรให้เหนื่อย ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าให้พี่ชายเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเดินจากไปอีกคนการกลับเข้ามาอยู่ในคุกอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มจำต้องพยายามวางตัวนิ่งเฉยและสงบกับชีวิตที่แสนวุ่นวายของตัวเองให้ได้ แม้ในใจจะร้อนรุ่มสักแค่ไหนก็ตาม เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้นับคืนนับวันที่ผันเปลี่ยน เพื่อรอคอยให้ใครบางคนมาหาเขาที่หน้าลูกกรง แน่นอน เรื่องที่เขาอยากเจอกับเธอมากที่สุด แต่เขาจะทำใจได้หรือไม่ หากเธอมาเพื่อบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายฟ้าอำไพม
“ผมมาส่งรถให้กับเจ้าของบ้านครับ”แก้วกัลยามองรถเก๋งคันงาม ราคาหลายสิบล้านด้วยความแปลกใจ หากเมื่อนึกได้ว่าต้องเป็นฝีมือของไพรัลย์แน่ๆ เธอถึงกับฉีกยิ้มจนแก้มปริ“ยัยปลา มาดูนี่ คุณเหยี่ยวเขาซื้อรถให้ฉัน”บุญจิราเบื่อที่จะต้องอิจฉาริษยาเพื่อนเต็มทีแล้ว เธอเดินมาดูรถด้วยความเซ็ง ความสุขของเพื่อนถือเป็นความปวดร้าวของเธอจริงๆ“คุณฟ้าอำไพใช่ไหมครับ” เจ้าหนุ่มคนนั้นกล่าวถาม “ถ้าใช่ ก็กรุณาเซ็นรับด้วยครับ”เพียงแค่นั้น ทั้งแก้วกัลยาและบุญจิราถึงกับหยุดกึก แก้วกัลยารีบกระชากแผ่นพลาสติกที่รองเอกสารสำคัญการซื้อขายรถมาดูเพื่อให้แน่ใจ“อะไรกันนี่ ทำเป็นชื่อนังฟ้าล่ะ”“ก็นี่เป็นชื่อของเจ้าของบ้านหลังนี้นี่ครับ”หนุ่มส่งรถตอบหน้าซื่อ บุญจิราเอาเอกสารจากมือเพื่อนไปดูบ้าง เมื่อได้อ่าน เธอถึงกับหัวเราะขบขัน“ฉันนึกแล้วเชียว ว่าจะมีใครหน้าโง่ ยอมแต่งงานกับคนที่ทรยศหักหลักตัวเองได้ ยัยแก้วเอ๊ย แกลองเช็คให้ดีๆ สิว่าบ้านหลังนี้ยังเป็นชื่อของแกจริงรึเปล่า”แก้วกัลยาทำหน้าแทบไม่ถูก เธอทั้งอับอาย ทั้งโกรธและทั้งหวาดกลัวว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้น เธอจึงรีบโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มด้วยความร้อนใจทันที“ทำไมไม่รับส
“ผมเข้าใจคุณนะฟ้า แต่ถึงยังไง คุณต้องไปกับผมอยู่ดี”ลูกน้องของเขา เตรียมตะครุบเธอกลับมาให้เขา หลังจากที่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นในรถคันนั้นยังคงระอุ เพราะคนขับอารมณ์ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น นิมิตแทบไม่รู้สึกสำนึกในความหวังดีของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่ามัสยาจะยัดเหตุผลกลใดมาก็ตาม“แกคิดจะทำยังไงต่อ”เพราะนิมิตไม่คิดจะหยุดรถเลยแม้แต่น้อย“ฉันยังคิดไม่ออก”หญิงสาวอ้าปากค้าง เธอพยายามคิดหาทางออก ด้วยความร้อนใจเป็นที่สุด นิมิตไม่รู้เลยว่าได้ถูกติดตามมาห่างๆ ตอนนี้ ในหัวของเขาวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่ที่แน่ๆ เขายังปล่อยตัวประกันลงจากรถไม่ได้ จนกว่าจะนึกแผนต่อไปออก“แกไม่รู้ใช่ไหมว่าจะเอายังไงต่อ”“ใช่”“ฉันคิดแล้วเชียว แกนี่มันจริงๆ เลย ทำไมแกโง่อย่างนี้ การแก้แค้นมีตั้งหลายวิธี ทำไมแกไม่รู้จักใช้สมองบ้าง ถ้าเป็นฉันหน่อยละไม่ได้” มัสยาบนไปอย่างนั้นเอง แต่ทำให้นิมิตเกิดจุดประกายขึ้นมา“ฉันรู้แล้ว” หนุ่มหน้าหวานตาลุกวาว “ฉันจะจับตัวแกไว้แล้วเรียกค่าไถ่หมอนั่น”“อะไรนะ” เสียงดังไปทั้งรถ “แกบ้าไปแล้วแน่ แกคงไม่รู้ว่าหมอนั่นเกลียดฉันยังกับอะไรดี บาทเดียวเขาก็ไม่ให้แก”มัสยาได้แต่ส่ายหน้ากั
“มันต้องมีทางออกแน่” ในสมองของเขากำลังวิ่งเร็วกว่าความเร็วของรถเสียอีก นั่นเพราะมันกำลังวิ่งไปหาความจริงบางอย่าง ที่ถูกหมกเม็ดซ่อนเร้นไว้เนิ่นนาน เขาควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เขารู้ดี เขาไตร่ตรองครุ่นคิดจนเมื่อถึงทางแยกหนึ่ง เขาเบรกรถดังเอี๊ยด รถอีกคันจอดตามหลัง จากนั้นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นลงจากรถมาเคาะกระจกรถของเขา ชายหนุ่มเลื่อนให้“มีอะไรรึเปล่า”มีแน่...เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก่อนเงยหน้ามองเพื่อน“เราหนีกันไหม”พิเภกขมวดคิ้ว เหมือนจะคิด แต่ไม่ได้คิดเลย“นายคิดว่าดีเหรอ”เช่นกัน ไพรัลย์แทบไม่ต้องคิดเลย“ไม่ดีหรอก ไม่ดีเลย” ชายหนุ่มมองไปข้างหน้า ซึ่งเป็นถนนที่คดเคี้ยวสู่หุบเหวซึ่งเป็นเส้นทางที่น่าหวาดเสียวที่สุด “พวกนาย ยอมรับแผนสุดท้ายจากหัวหน้า ขับรถตกเหว รถระเบิด พวกนายตายหมด”“อะไรนะ” พิเภกกลืนน้ำลาย “นายกำลังคิดจะทำอะไร”ไพรัลย์พยักหน้ากับตัวเอง เขาแทบไม่ต้องคิดเลย เพราะนี่คือแผนสำรองที่เขาคิดไว้ตั้งเนิ่นนานมาแล้ว หากแต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้“พวกนายหนีไปให้หมด แยกย้ายกันไป”พิเภกหน้าเครียด ขยับใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่ม“แล้วนายล่ะ”“ที่เหลือ ฉันรับผิดชอบเอง”“หมายความว่าไง?” แน่นอน พิเภก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะ” เขาปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ “คุณเป็นลูกสาวของเขาอย่างนั้นหรือฟ้าฟ้า ตลกแล้ว ผมควรจะจับเขาส่งเรือนจำตอนนี้ดีไหม ผมจะได้เป็นอิสระไง”ไม่มีทาง เขาทำไม่ลงแน่ เพ็ญศรีกำลังจะตาย และเธอต้องการเขา ผู้ชายที่ถูกเพื่อนใส่ร้ายจนต้องเข้าคุกมานานเกือบสามสิบปี เขาออกมาอีกครั้ง เพื่อจะมาพบเมียและลูก ไม่ได้ออกมาตามล่าชีวิตของเพื่อนๆ ที่ถูกฆ่าตายไปเพราะฝีมือของคูหูชั่วๆ นั่น“ผมจะทำยังไงดี” เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเขาก็จะหมดสัญญาว่าจ้าง เขาต้องกลับไปเรือนจำเพื่อชดใช้กรรมที่ไม่ได้ก่อต่อไปอีกห้าปี หลังจากนี้ไป เขาคงไม่ได้เจอหน้าเธออีกนาน“เราปล่อยเขาไปแบบนี้ ถ้าพวกนั้นรู้เข้าจะรุมกระทืบเราไหมวะ” การที่เขาทรยศต่อเพื่อนๆ ของเขาเอง มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แล้วเขาจะทำอย่างไรดี สมองที่เหนื่อยล้าของเขาควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุดใช่ไหม ให้ดีกับทุกฝ่ายด้วย และยุติธรรมกับทุกคน!!!!“คุณธารเทพ หายไปไหนมาคะ ทำไมพึ่งมา”ทันทีที่ธารเทพเปิดประตูห้องพักเข้ามา เขาไม่ได้มองหน้าฟ้าอำไพเลย เขาเอาแต่จ้องมองผู้ชายคนนั้น คนที่น้องชายตัวแสบของเขาบอกว่าให้พาหนีไป“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับฟ้าหน่อ
Comments