LOGINเช่นเดียวกัน พลังนั้นก็พยายามจะเข้าปกคลุมตัวนางและเป่ยเฉินหยวนแต่น่าเสียดายที่เพียงชั่วพริบตาเดียว หลานซื่อและเป่ยเฉินหยวนต่างก็สลัดหลุดจากสภาวะนั้นได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เงยหน้ามองไปยังทางเข้าตำหนักเสินอ๋องคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือสือเซี่ยวเขาผู้นั้นตั้งแต่ตอนที่หลานซื่อและเป่ยเฉินหยวนถูกปาเก๋อหลู่ขัดขวางไว้ก็ยืนกอดอกดูอยู่เฉย ๆ มาตลอดเห็นได้ชัดว่าก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าเฝ้าเสินอ๋องผู้เฒ่า มีเจตนาจะยืมมืออ๋องปาเก๋อหลู่สั่งสอนพวกเขาทั้งสองเสียหน่อยแต่ใครจะรู้ว่าสถานการณ์กลับพลิกตาลปัตร คนที่ถูกสั่งสอนกลับกลายเป็นปาเก๋อหลู่เสียเองลำคอมีเลือดไหลไม่หยุด ดวงตาทั้งคู่ยังถูกทำลายจนบอดอีกเวลานี้สือเซี่ยวมีสีหน้าย่ำแย่ โดยเฉพาะหลังจากที่มีเสียงของเสินอ๋องผู้เฒ่าดังออกมา ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดในฉับพลันแย่แล้ว หากเสินอ๋องรู้เรื่องเมื่อครู่เข้า เขาต้องแบกรับผลที่ตามมาเองแน่!อย่างไรเสียหากเขายอมออกหน้าห้ามปรามอ๋องปาเก๋อหลู่ตั้งแต่ต้น ดวงตาของอ๋องปาเก๋อหลู่ก็คงไม่ถูกทำลายจนบอด!พอนึกว่าภายหลังตนอาจถูกขังในถ้ำงูทนทุกข์ทรมานเพราะเรื่องนี้ สายตาที่สือเซี่ยวมองหลานซื่อและเป่ยเฉินหยวนทั
“ฟิ้ว!”ลำแสงเย็นเยียบสายหนึ่งแวบผ่านมาผู้คนล้วนยังไม่ทันตอบสนอง กระบี่ยาวในมือเป่ยเฉินหยวนไม่รู้ถูกชักออกมาเมื่อใด พริบตาเดียวก็แนบอยู่บนลำคอของปาเก๋อหลู่เสียแล้วโลหิตไหลรินลงมาตามลำคอที่ไหลลงมาพร้อมกันยังมีเหงื่อเย็นหยดหนึ่งบนหน้าผากของปาเก๋อหลู่เหล่าทหารด้านหลังเขามีการตอบสนองในที่สุด พากันชักดาบออกมาทันที “วางกระบี่ลง!”“ปล่อยท่านอ๋องปาเก๋อหลู่!”เหล่าทหารต้องการปกป้องชินอ๋องของพวกเขาแต่ยิ่งพวกเขาก้าวเข้ามา กระบี่ในมือเป่ยเฉินหยวนก็ยิ่งกดลึกเข้าไปในลำคอของปาเก๋อหลู่ภายใต้ความเจ็บปวด ปาเก๋อหลู่ไม่กล้าให้เหล่าทหารเข้ามาอีกในทันที “หยุด! ทั้งหมดอย่าขยับ!”ร่างกายเขาแข็งทื่อ สีหน้าซีดเผือด ข่มโทสะเอ่ยถามหลานซื่อและเป่ยเฉินหยวน “พวกท่านคิดจะทำอะไร?! ที่นี่คือตำหนักเสินอ๋อง!”ตำหนักเสินอ๋อง สถานที่ที่เสด็จพ่อของเขาประทับอยู่!คนต่างเผ่าสองคนนี้บังอาจชักกระบี่ใส่เขาตรงนี้!บ้าไปแล้วจริง ๆ!ปาเก๋อหลู่ที่นึกไม่ถึงเลยว่าพอตนเข้ามาก็ถูกจับตัวไว้ จากที่อวดดีเมื่อครู่ถึงตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจยิ่งนักรู้อย่างนี้เมื่อครู่เขาไม่น่ามายืนใกล้ขนาดนี้ น่าจะให้พวกโง่เขลาเหล่านั้นบังอ
ปาถูเอ่อร์ไม่พูดอะไร เขาหันมองไปยังไป๋เยวี่ยโหรวรอจนไป๋เยวี่ยโหรวผงกศีรษะส่งสัญญาณ เขาถึงได้พยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ในเมื่อนังหนูนี่ขอขมาแล้ว เช่นนั้นเรื่องในวันนี้ข้าจะไม่เอาความนางอีก”คนที่จิตใจใสซื่อได้ยินคำพูดนี้ คงคิดว่าเรื่องราวจบลงเพียงเท่านี้จริง ๆแต่ผู้คนในที่นี่ที่รู้ทันคนนั้นมีอยู่ไม่น้อยพอได้ฟังก็สังเกตเห็นความผิดปกติในคำพูดของปาถูเอ่อร์ได้ทันที เจตนาเจาะจงแค่คำว่า “นาง” ไม่เอาความ “นาง” แล้ว แล้ว “เขา” เล่า?เวินเฉวียนเซิ่งหน้าขรึมลงเห็นทีอ๋องปาถูเอ่อร์ผู้นี้คงไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ เสียแล้วก็จริง อย่างไรเสียไป๋เยวี่ยโหรวก็เคยมีความหลังกับเขาช่วงหนึ่งเป็นผู้ชายด้วยกัน ใครบ้างจะไม่รู้จักกัน?ต่อให้ชอบพอไป๋เยวี่ยโหรวเพียงใด แต่พอรู้ว่านางเคยผ่านชายอื่นมาแล้ว ซ้ำยังมีลูกด้วยกันหนึ่งคน ในใจคงรู้สึกตะขิดตะขวงเป็นอย่างมากเพียงแต่ไฟโทสะนี้ไม่อาจระบายลงที่สตรี จึงคิดจะมาลงดาบที่เขาแทนก็เท่านั้นน่าขันเสียจริงเวินเฉวียนเซิ่งเห็นปาถูเอ่อร์เป็นตัวตลก ใบหน้าย่อมปรากฏแววดูแคลนขึ้นมาเป็นธรรมดาแม้จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังตกอยู่ในสายตาของไป๋เยวี่ยโหรว
เสินอ๋องผู้เฒ่าอ้าปาก ท่าทางขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนไม่พอใจอยู่บ้าง เตรียมจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขายังไม่ทันเอ่ยปาก ปาถูเอ่อร์ก็คุกเข่าลงดัง ‘ตุบ’ เสียแล้ว“เสด็จพ่อ ทรงรู้จักลูกดี ลูกไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใด เยวี่ยโหรวคือหนึ่งเดียวที่สำคัญในใจลูก เรื่องอื่นลูกไม่ถือสาทั้งนั้น มีเพียงเรื่องเดียวที่ลูกจะไม่มีวันยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว มิเช่นนั้น...ก็ประหารลูกเสียเถิด”ภายในโถงใหญ่ บรรยากาศชะงักงันขึ้นมาในฉับพลันพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว เสินอ๋องผู้เฒ่าก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งดูแย่จนไม่รู้จะแย่อย่างไรแล้ว“เจิ้นกั๋วกง ท่านก็เห็นแล้ว ลูกของข้าคนนี้โง่เขลานัก นิสัยดื้อรั้น เจิ้นกั๋วกง ท่านต้องช่วยผ่อนปรนให้มากหน่อย”เสินอ๋องผู้เฒ่าส่ายหน้ากล่าวกับเวินเฉวียนเซิ่งด้วยท่าทางจนปัญญาเวินเฉวียนเซิ่งเม้มปาก สีหน้าแข็งทื่ออีกฝ่ายแสดงออกชัดเจนถึงเพียงนี้แล้ว หากเขายังไม่เข้าใจอีก เกรงว่าเรื่องที่เขาจะทำภายหลังอีกฝ่ายคงไม่ยินดีให้ความร่วมมือแน่พูดอีกอย่างก็คือ ใบหน้านี้ต่อให้เขาไม่อยากไว้หน้าก็จำเป็นต้องไว้“เยวี่ยเอ๋อร์ ขอขมาท่านอ๋องกับพระชายาเสีย”เวินเฉวียนเซิ่
ถึงขั้นทนดูบรรยากาศในตำหนักที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ อย่างตะลึงงัน มองดูสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งด้านล่างที่ก่อนหน้านี้ยังพูดคุยกับเขาอย่างถูกคอแย่ลงเรื่อย ๆสุดท้ายก็เป็นคนโง่เขลาที่มองสถานการณ์ไม่ออกอีกคนหนึ่งเป็นผู้ทำลายสถานการณ์อันชะงักงันนี้ใช่แล้ว เวินเยวี่ยนั่นเอง“พ่อข้าก็บอกแล้วว่าขาไม่ค่อยดี ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่เสินอ๋องก็ยังเห็นใจละเว้นพิธีการให้พ่อข้า วันหน้าพบเจอก็ไม่ต้องให้เขาทำความเคารพ แล้วพวกท่านจะมาบีบคั้นอะไรกันเช่นนี้? จะใจกว้างเหมือนเสินอ๋องหน่อยไม่ได้หรือ?”นาน ๆ ทีที่เวินเฉวียนเซิ่งจะรู้สึกว่าบุตรสาวผู้นี้ของเขาพอจะมีประโยชน์อยู่บ้างถึงจะซื่อบื้อไปสักหน่อยก็ตามแต่เมื่อมาจากปากของเวินเยวี่ย พูดเรื่องที่เสินอ๋องละเว้นพิธีการให้เขาก่อนหน้านี้ออกมา เวลานี้ต่อให้คนตรงหน้าคือชินอ๋องกับพระชายาแล้วจะทำไมเล่า?เว้นเสียแต่พวกเขาไม่อยากไว้หน้าเสินอ๋องผู้เฒ่า มิเช่นนั้นก็ไม่อาจบีบบังคับให้เขาคุกเข่าทำความเคารพได้อีกจริง ๆใช่แล้ว หากเขายอมนอบน้อมจริง ๆ ก็ต้องคุกเข่าให้ไป๋เยวี่ยโหรวเวินเฉวียนเซิ่งไม่มีทางก้มหัวอับอายต่อหน้าหญิงที่เคยเป็นของตนเองโดยเฉพาะหญิงผู้นี้ย
ฝ่ามือนี้พาให้เวินเฉวียนเซิ่งมึนงง ทำให้ทุกคนเห็นแล้วต่างอึ้งกันไปครู่หนึ่งปาถูเอ่อร์ที่ได้สติก่อนใครรีบพุ่งตัวเข้าไป เอาตัวบังนางไว้ด้านหลังจนมิด กลัวว่าเวินเฉวียนเซิ่งผู้นั้นจะทำร้ายเยวี่ยโหรวของเขาเพราะฝ่ามือนี้ถูกเขามองด้วยสีหน้าระแวดระวังจนเวินเฉวียนเซิ่งทั้งโมโหและขบขันเขายกมือลูบใบหน้าที่แสบร้อน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็นจนใจว่า “เยวี่ยโหรว นี่คือท่าทีของเจ้าที่มีต่อสหายเก่าที่ได้มาพบกันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายปีอย่างนั้นหรือ? อย่างน้อยตอนนั้นข้าก็เคยช่วยชีวิตเจ้าไว้กระมัง?”คำพูดนี้เมื่อเอ่ยออกมา ชางชิงหลานและคนอื่น ๆ ที่เดิมทีเพียงแค่รอดูอะไรสนุก ๆ ก็พลันเบิกตากว้าง มองไปมาระหว่างเวินเฉวียนเซิ่งกับไป๋เยวี่ยโหรวด้วยความแปลกใจยิ่งนักเจิ้นกั๋วกงจากต้าหมิงผู้นี้ ที่แท้เป็นสหายเก่ากับพระชายาชินอ๋องแห่งราชสำนักฝ่ายในหรือนี่?จริงหรือเท็จกันแน่?สถานการณ์นี้ดูไม่ค่อยปกตินักเข้ามาถึงก็ตบผู้อื่นไปฉาดหนึ่ง หากเป็นสหายเก่าที่มีบุญคุณช่วยชีวิตกันจริง จะเป็นเช่นนี้หรือ?“พวกสกปรกเลวทราม คู่ควรเอ่ยนามข้าด้วยหรือ”เมื่อไป๋เยวี่ยโหรวได้ยินน้ำเสียงนั้นของเขา ก็ข







