Share

บทที่ 181

Author: จิ้งซิง
ดูเหมือนเขาจะเกิดความยึดติด ต้องการที่จะทนรับความยากลำบากทั้งหมดที่เวินซื่อเคยประสบมาก่อน

เขาอยากรู้ว่า น้องสาวของเขามีความรู้สึกอย่างไรกันแน่ในตอนที่เดินบนเส้นทางนี้

และแล้วต่อมา เขาก็ได้สัมผัสอย่างรวดเร็ว

ถนนขึ้นเขาที่เป็นโคลนตม ขรุขระ และเป็นโขดหินมากมาย ไม่เพียงแต่ขูดหัวเข่าของเขาจนใกล้จะแตกยับเยิน กระแทกหน้าผากของเขาจนแตก แต่ยังเสียดสีตามขอบมุมของเขาอย่างรุนแรงอีกด้วย

เพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งทางของการคุกเข่าคำนับ เวินจื่อเฉินก็รู้สึกว่าหัวเข่าและหน้าผากของตัวเองเจ็บปวดราวกับว่าไม่ใช่ของตัวเขาเองอีกต่อไป

จากการคุกเข่าโขกศีรษะอย่างคล่องแคล่วในตอนเริ่มต้น จนสุดท้ายแม้แต่ยกขาข้างเดียวยังต้องออกแรงมาก เมื่อก้มตัวลงก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง

แต่นี่เพิ่งได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น!

เวินจื่อเฉินเงยหน้ามองขึ้นไปยังถนนขึ้นเขาที่ดูคล้ายจะไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะนั้นเอง ใบหน้าของเขาก็เผยความสับสนออกมา

ภูเขาลูกนี้เหตุใดถึงสูงเช่นนี้?

ทั้ง ๆ ที่ในสายตาของเขาเมื่อก่อน ภูเขาหนานลูกนี้เป็นเพียงภูเขาที่ไม่ถือว่าเตี้ยเกินไปแต่ก็ไม่สูงสักเท่าใด

แต่ตอนนี้ภูเขาลูกนี้เสมือนหน้าผาที่เขาไม่อาจปีนข้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 182

    จนกระทั่งในงานเลี้ยงเมื่อวันก่อน จู่ ๆ คนผู้นี้ก็มาขอโทษนาง ทำให้นางประหลาดใจไม่น้อยหลังจากเวินซื่อครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายก็พยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะออกไปพบเขาสักหน่อยแล้วกัน”ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ตบบ่านาง พลางกระซิบว่า “ศิษย์น้องหญิงอู๋โยว ถึงแม้คนผู้นี้ดูคล้ายว่ามาขอโทษ แต่คำพูดของลูกผู้ดีมีเงินเอาแต่เสวยสุขพวกนี้ เจ้าอย่าไปเชื่อให้มากเกินไป จงเตรียมใจระมัดระวัง อย่าให้ถูกใครหลอกเอา”ที่จริงแล้วอู๋ขู่เป็นห่วงว่าเวินซื่อจะถูกหลอกเพราะศิษย์น้องหญิงเล็กของนางยังเด็กอย่างนี้ เพิ่งจะผ่านพิธีปักปิ่นไปได้ไม่นาน ช่วงอายุนี้เป็นช่วงเวลาที่จิตใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักกำลังแรกแย้ม ถูกผู้ชายชั่วร้ายล่อลวงได้ง่ายดังนั้นนางจึงต้องเตือนสติศิษย์น้องหญิงเอาไว้ ไม่ให้ตกหลุมพรางเด็ดขาด!“จำไว้นะศิษย์น้องหญิง พวกเราเป็นผู้ออกบวช ไม่ว่าผู้ชายเหล่านั้นจะพูดจาไพเราะหวานหูใด ๆ กับเจ้า เจ้าก็อย่าหลงเชื่อทั้งสิ้น จงควบคุมจิตใจตัวเอง อย่ากระทำผิดศีล เข้าใจไหม?”เวินซื่อกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“ศิษย์พี่หญิง ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”ฉีเซิ่งกับนางเคยมีวาสนาพานพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง เมื่อก่อนที่พบกันก็เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 183

    “อ๋องผู้สำเร็จราชการแทน?!”ฉีเซิ่งที่ได้ยินเสียงและหันกลับมาก็สะดุ้งตกใจกับม้าตัวใหญ่ เมื่อเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นเป่ยเฉินหยวนก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่นไปทั้งตัว พลางอุทานด้วยความประหลาดใจ “ท่าน...ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”เป่ยเฉินหยวนมองลงมาจากที่สูง หลุบตาลงเล็กน้อย “เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย”ฉีเซิ่งที่หนังศีรษะเกร็งแน่นยิ้มอย่างเก้อเขินทันทีพร้อมกับเอ่ยว่า “กระหม่อมมาที่นี่เพื่อมอบของขวัญวันเกิดให้กับธิดาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินว่าเป็น ‘ของขวัญวันเกิด’ เป่ยเฉินหยวนก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเขาเอ่ยอย่างเย็นชา “วันเกิดของอู๋โยวผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เจ้าเพิ่งมาให้ของขวัญวันเกิดตอนนี้หรือ?”ความรู้สึกกดดันอย่างไม่อาจอธิบายบีบคั้นจนทำให้ฉีเซิ่งแทบจะยิ้มไม่ออกแล้ว เขาฝืนแสยะยิ้มมุมปากออกมา “ช้าไปหน่อย ดังนั้นของขวัญแสดงความยินดีชิ้นนี้ก็เป็นของขวัญขอโทษด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อก่อนเคยพูดจาล่วงเกินธิดาศักดิ์สิทธิ์ไปบ้าง ดังนั้นจึงได้ขอโอกาสชดเชยสักครั้งจากธิดาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”เวินซื่ออ้าปากกำลังจะพูดแต่ก็เงียบไว้ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่นางจำได้ว่าในงานเลี้ยงวันนั้น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 184

    เขาไม่อยากให้เวินซื่อคิดว่าเขาเป็นคนสารเลวแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงต้องอดกลั้นไว้อย่างเต็มที่“วันนี้อากาศดูไม่ค่อยดีเลย เกรงว่าฝนกำลังจะตกแล้ว ท่านอยากเข้าไปก่อนหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนมองไปที่เสื้อคลุมสีฟ้าน้ำทะเลบาง ๆ บนตัวนาง อยากจะถอดเสื้อกันลมของตัวเองออกเพื่อคลุมให้นาง แต่สุดท้ายก็ปล่อยไปเวินซื่อส่ายหน้า ถามถึงจุดประสงค์ในการมาของเขาในวันนี้ “มาหาข้าให้สวดมนต์ให้ท่านฟังหรือ?”เมื่อสองวันก่อนมีเรื่องราวมากมาย ไม่ได้สวดมนต์ให้เป่ยเฉินหยวนฟังสักเท่าใด เวินซื่อค่อนข้างเป็นห่วงเขาเป่ยเฉินหยวนย่อมไม่พลาดความรู้สึกในดวงตาของนาง พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมากเขายิ้มพลางส่ายหน้า “วันนี้ช่างเถอะ สองวันนี้สถานการณ์ถือว่าไม่เลว อีกสองวันค่อยมาหาท่านใหม่”วันนี้เขาไม่มีจุดประสงค์ใด ๆ แค่ต้องการเยี่ยมเวินซื่อเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าพอมาถึงจะได้เห็นผู้ชายบางคนคอยเอาอกเอาใจอู๋โยวของเขาเจตนาเล็ก ๆ ในดวงตาของเจ้าเด็กนั่น เขาเป็นผู้ชายด้วยกันจะมองไม่ออกได้อย่างไร?เพียงแต่ฉีเซิ่งนั้นยังเด็ก เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังประหม่า ดังนั้นเป่ยเฉินหยวนจึงมองเขาออก แต่เขากลับยังไม่รู้ความคิดของเป่ยเฉินหยวนไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 185

    ฝนรอบนี้ไม่หนัก แค่ละอองฝนที่โปรยปรายลงมาพร้อมกับลมหนาวโปรยปรายลงมาบนตัวเวินจื่อเฉิน ทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกทีละน้อย พัดหัวใจดวงนั้นของเขาให้เย็นเยียบ“พี่รอง ปีหนึ่งมีสี่ฤดู ผลิร้อนร่วงหนาว ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในหลากหลายฤดูกาลเช่นนี้ ท่านชอบสภาพอากาศแบบไหนมากที่สุด?”ท่ามกลางความมึนงงในหัวของเวินจื่อเฉิน ความทรงจำในวัยเด็กได้ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเวลานั้นในครอบครัวมีเพียงเวินซื่อเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวนางชอบเกาะติดข้างกายเหล่าพี่ชายเสมอ โดยเฉพาะกับเขาเสมือนผู้ติดตามตัวน้อย ทุกครั้งที่เขากลับบ้าน น้องสาวตัวน้อยจะเข้ามาวนเวียนรอบตัวเขาปากเล็ก ๆ ถามเจื้อยแจ้วไม่หยุด ราวกับมีคำพูดมากมายที่พูดไม่จบอย่างไรอย่างนั้นและในเวลานั้นเขาก็รักและเอ็นดูเวินซื่อน้องสาวคนนี้มาก ไม่ว่านางจะถามอะไร เขาก็จะตอบนางอย่างอดทน ไม่เคยแสดงอาการฉุนเฉียวเลย“แน่นอนว่าที่ชอบมากที่สุดก็คือวันที่อากาศแจ่มใส! ทุกครั้งที่อากาศแจ่มใสพี่รองกับข้าจะสามารถออกไปหาคนมาต่อยตีด้วยได้ ต่อยตีจนรู้สึกสบายไปทั้งตัว!”“ทั้ง ๆ ที่เหงื่อเหม็นเต็มตัวไปหมด พี่รองต่อยตีกลับมาจะมีกลิ่นเหม็น ๆ เสมอ!”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 186

    ดังนั้นเวินซื่อจึงมีความคิดเกี่ยวกับยาพิษชนิดใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วนางได้รวบรวมสมุนไพรกว่าสิบชนิดตามตำราพิษอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงแบ่งสัดส่วนทีละชนิดปั้นยาเม็ดสีดำมืดออกมาได้หนึ่งเม็ดอย่างรวดเร็วทันทีที่ทำเสร็จ เวินซื่อก็รีบหยิบยาเม็ดนั้นบรรจุใส่ขวดหยกขนาดเล็กของสิ่งนี้มีลักษณะเฉพาะที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับยาเชื่อฟังที่ได้รับการปรับปรุงก่อนหน้านี้นั่นก็คือยาเชื่อฟังไร้สีไร้กลิ่น ในขณะที่ยาเม็ดนี้มีรสชาติที่เข้มข้นมากและส่วนผสมที่เป็นพิษของมันนั้นไม่ได้อยู่ในเม็ดยา แต่อยู่ในกลิ่นหอมที่เข้มข้นเหล่านี้ทันทีที่เวินซื่อได้กลิ่นเพียงเล็กน้อย นางก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองแปลก ๆ ไปราวกับท้องฟ้ากำลังจะถล่ม หม่นหมองขึ้นมาในทันทีโชคดีที่ยังอยู่ภายในมิติ เวินซื่อสังเกตเห็นว่ามีความผิดปกติก็รีบวิ่งไปที่ริมลำธารเล็ก ๆ แล้วพุ่งลงน้ำอย่างฉับพลัน“ตูม” เวินซื่อถูกน้ำในลำธารที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณห่อหุ้มไว้หลังจากถูกชะล้างด้วยพลังวิญญาณ กลิ่นหอมที่ส่งผลต่ออารมณ์ของนางจึงถูกกำจัดออกไปอย่างหมดสิ้น“มีฤทธิ์ครอบงำจิตใจอย่างแท้จริง เวลาใช้ต้องระวังสักหน่อยแล้ว”ขณะที่เวินซื่อเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 187

    “เจ้าค่ะ”หลังจากที่ม่อโฉวซือไท่พยักหน้าตอบตกลง ก็ถามนางด้วยความลังเล“เจ้า...เจ้าจะไปดูเขาหน่อยหรือไม่?”ในขณะนี้เขายังอยู่ข้างนอกประตู รู้ว่าเขามีไข้ แต่ม่อโฉวซือไท่ก็ไม่ได้ให้คนเคลื่อนย้ายเขาเข้ามาทันทีเด็กเหล่านี้เป็นลูกของจื่อจวินไม่ผิดแน่ แต่จะพูดอย่างไร นางก็โปรดปรานศิษย์รักของนางมากกว่าอยู่ดีหากศิษย์ไม่ยอมตอบตกลง เดิมทีนางก็คิดที่จะปล่อยเลยตามเลย แต่ไม่นึกว่าศิษย์ของนางจะปล่อยวางได้เร็วขนาดนี้ถ้าเวินซื่อไม่ตกลงที่จะไปม่อโฉวซือไท่ย่อมไม่บังคับอยู่แล้วหลังจากส่งคนไปส่งจดหมายถึงจวนเจิ้นกั๋วกงในเมืองหลวง ม่อโฉวซือไท่ก็ให้คนเคลื่อนย้ายเวินจื่อเฉินเข้ามาในวิหารของอารามสุ่ยเยว่นางคิดว่าอันที่จริงอีกประเดี๋ยวก็จะมีคนมารับกลับไปอยู่แล้ว ปล่อยไว้ในวิหารจะสะดวกกว่าดังนั้นจึงเริ่มรักษาเวินจื่อเฉินที่นี่เลยแต่เมื่อนางทำให้ไข้สูงของเวินจื่อเฉินลดลงได้แล้ว ก็ไม่เห็นมีใครจากจวนเจิ้นกั๋วกงมาเลยสักคนในขณะที่ท้องฟ้าภายนอกค่อย ๆ มืดลง นางจะโยนเวินจื่อเฉินออกไปนอกประตูก็ไม่ได้ แต่จะปล่อยไว้ในวิหารตลอดก็ไม่ได้อีก ดังนั้นสุดท้ายก็จัดห้องใหม่ให้เขาได้พักฟื้นเวลาเที่ยงคืน ร่างผอม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 188

    ขณะที่เวินจื่อเฉินถูกขับออกจากอารามสุ่ยเยว่ ในอกยังมียาถุงหนึ่งซุกไว้ขับลมเย็นและทาบาดแผลภายนอกเวินจื่อเฉินกอดยาถุงนั้นไว้แน่น ขณะที่หันหลังกลับกำลังจะไปก็ได้ยินเสียงของเวินฉางอวิ้น“น้องรอง!”ไม่ได้พบกันหนึ่งวัน เวินฉางอวิ้นไม่นึกว่าน้องชายจะหมดสารรูปเช่นนี้เขาคว้าร่มจากมือเด็กรับใช้มา แล้วรีบก้าวเข้าไปหาเวินจื่อเฉินหลังจากดึงน้องชายเข้ามาใต้ร่มแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ตวาดอย่างโกรธจัด “สองวันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? มีอะไรก็ปรึกษากับข้าดี ๆ ก่อนมิได้หรือ ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ ทั้งกระด้างกระเดื่องกับท่านพ่อ ทั้งหนีออกจากบ้าน หนีออกมาหนึ่งวันหนึ่งคืนโดยไม่เอาอะไรติดตัวมาเลย ไม่เข้าท่าเลยสักนิด! เจ้าคิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กอายุสามขวบอยู่อีกหรือ?!”“ไม่ใช่หนีออกจากบ้าน”เวินจื่อเฉินแก้ไขคำพูดของเวินฉางอวิ้นให้ถูกต้องอย่างใจเย็น“เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว”เวินฉางอวิ้นเกลี้ยกล่อมปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี “หรือว่าเจ้าอยากสละตำแหน่งคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง แล้ววิ่งไปเป็นประชาชนคนธรรมดาข้างนอกจริง ๆ“ประชาชนคนธรรมดามีอะไรไม่ดีหรือ?”เวินจื่อเฉินหอบยาไว้ในอก เขายิ้มบาง ๆ “พี่ให

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 189

    เขาเดินเท้าลงมาจากภูเขา ก่อนจะเลี้ยวไปยังหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เชิงดอยภูเขาหนานขึ้นอีกหน่อยใช้เสื้อผ้าสวยล้ำค่าราคาแพงแลกเปลี่ยนเสื้อป่านเนื้อหยาบสองชุดตลอดจนเงินตำลึงจำนวนหนึ่งหมู่บ้านนอกเขตเมืองหลวงจะว่าใหญ่ก็ไม่ใช่ เล็กก็ไม่เชิงบางคนที่ดูของเป็นย่อมยินดีที่จะแลกเปลี่ยนกับเขาเวินจื่อเฉินใช้เงินตำลึงซื้อที่ดินเล็ก ๆ ผืนหนึ่งที่เชิงดอยภูเขาหนาน จากนั้นก็เริ่มกำหนดเป้าหมายในการติดตามและปกป้องน้องสาวของเขาที่นี่……“เขายังวางแผนที่จะสร้างบ้านที่เชิงเขาจริงหรือ?”เมื่อเวินซื่อรู้ข่าวนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ถูกต้อง อาจารย์ก็พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่นึกว่าเขาจะเริ่มทำเช่นนี้เพื่อเจ้าจริง ๆ”ม่อโฉวซือไท่เอ่ยอย่างจนใจเวินซื่อเม้มริมฝีปากนางไม่ชอบที่จะได้ยินคำว่า ‘เพื่อนาง’ โดยเฉพาะเรื่องที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงนางไม่รู้ว่าเวินจื่อเฉินคิดอะไรอยู่กันแน่ นางเองก็ไม่ได้อยากรู้เช่นกันสรุปว่า ไม่ว่าเขาจะเสียใจทีหลังก็ดี หรือฉุกคิดขึ้นมาได้อย่างฉับพลันก็ตาม ก็อย่ามาดึงนางเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนางเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าจู่ ๆ คนพวกนี้เกิดนึกเสียใจทีหลัง หรือเกิดความสำนึกขึ้นมา

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status