เข้าสู่ราตรีกลางป่าพงไพรหลานซื่อนอนสงบเงียบอยู่ในกระโจมนางหลับตาทั้งสอง มีผ้าสักหลาดคลุมกาย หายใจสม่ำเสมอ ดูเหมือนหลับสนิทลงแล้วแต่ยามนี้สติของนางกลับตื่นตัวอย่างยิ่งนางกำลังใช้มุมมองของอวิ่นซิง มองไปรอบ ๆ จากบนหลังคากระโจมที่นางอยู่ภายนอกกระโจม ผืนป่าเงียบสงบยิ่งนักไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้แต่เสียงแมลงในส่วนลึกของป่าก็ค่อย ๆ หายไปความรู้สึกมืดมนและแปลกประหลาดค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นความรู้สึกที่หลานซื่อมองผืนป่าผ่านมุมมองของอวิ่นซิงเป็นเช่นนี้เองนางกำลังคิดว่า หากคืนนี้เวินเฉวียนเซิ่งจะลงมือ เขาจะทำอย่างไร?จะเป็นหลวงจีนเฒ่าลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเขาหรือไม่เมื่อหลานซื่อนึกถึงตรงนี้ ก็เริ่มตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเพราะนางยังไม่เคยประลองกับอีกฝ่ายอย่างจริงจังครั้งก่อนที่จวนเจิ้นกั๋วกง แม้จะถือว่าได้ประมือกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่เผยไพ่ตายอย่างหมดเปลือกโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ ฝูงแมลงพิษของหลานซื่อได้ผ่านการยกระดับอย่างทรงพลังในช่วงเวลานี้ ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นนางอยากรู้จริง ๆ ว่า ครั้งนี้ไม้เท้าวิเศษของหลวงจีนเฒ่าผู้นั้นยังสามารถปราบฝูงแมลงพิษของนางได้หรือไม่น่
ทันทีที่หลานซื่อพูดจบ สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งก็มืดมนลงอย่างหนักในทันใดเห็นได้ชัดว่า เขาเป็นไม่มีทางยอมรับการแลกเปลี่ยนนี้ได้เลย“หลานซื่อ ข้าคิดว่าท่าทีของข้าดีพอแล้ว”“อย่างนั้นหรือ?”หลานซื่อเหลือบมองเขาทีหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย”ไม่ว่าท่าทีของท่านจะดีหรือไม่ นางไม่อยากให้ก็คือไม่อยากให้เวินเฉวียนเซิ่งเห็นหลานซื่อไม่ยอมอ่อนข้อเลย ก็รู้ว่าการแลกเปลี่ยนนี้ไร้ความหวังในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ทำได้เพียงใช้วิธีอื่นแล้วไม่ว่าอย่างไร เขาจะไม่มีวันยอมแพ้เรื่องดอกบัวกระดูกมังกรเด็ดขาดหลังจากกลับมาที่คณะของตนเองเขาก็ให้หมอที่พามาจากตลาดการค้าชายแดนตรวจขาหมาป่าไม้ที่สวมอยู่บนขาของเขาในช่วงเวลาตั้งแต่เข้าสู่ดินแดนสิ่งประหลาด สิ่งล้ำค่าที่สุดที่เขาได้รับก็คือขาหมาป่าไม้นี้และด้วยขาหมาป่าไม้นี้ เขาจึงกลับมายืนได้อีกครั้งคู่หนึ่งปกติรองรับได้ราวสิบวัน แต่เพราะต้องเร่งเดินทางด้วยม้า ตอนนี้ขาคู่นี้แทบจะใช้การไม่ได้แล้วแม้ว่าจะยังไม่พังเสียทีเดียว แต่เวินเฉวียนเซิ่งกลับโยนมันทิ้งไปหน้าตาเฉย ทั้งที่มันมีราคาถึงสองพันตำลึงจากนั้นเวินเฉวียนเซิ่งก็ใ
จากนั้นเขาก็หันไปมองหลานซื่อ สีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนแปลง แต่ดูเหมือนว่ากลิ่นอายที่แผ่รอบกายจะผิดแปลกไปอย่างเห็นได้ชัดหลานซื่อย่อมสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเวินเฉวียนเซิ่งเช่นกันแต่นางเพียงชำเลืองมองเวินเฉวียนเซิ่งที่หลายวันมานี้ ดูเหมือนจะเดินเหินและเคลื่อนไหวได้เหมือนคนปกติแล้วอย่างเฉยเมย ก่อนจะถอนสายตากลับ“ท่านยายชอบก็ดีแล้ว ขอเพียงสมุนไพรนี้ทำให้ท่านยายมีความสุขขึ้นได้บ้าง มันก็คุ้มค่าแล้ว”ใครเล่าจะไม่ชอบเด็กที่ปากหวานและจิตใจดีแม่เฒ่าเสื้อป่านสีดำพลันยิ้มอย่างมีความสุขเหลือเกิน ก่อนจะดันพิษประหลาดนั้นกลับไป “พอแล้ว มีดอกบัวกระดูกมังกรต้นนั้นก็พอแล้ว ของสิ่งนี้เจ้าศึกษาวิจัยเอง เช่นนั้นก็เก็บไว้ให้ดี ไม่ต้องยกให้ยายแล้ว”หลานซื่อกำลังจะพูดอะไรต่อ แม่เฒ่าเสื้อป่านสีดำก็ให้นางนำภาพวาดมา“ก็อย่างที่พูดไว้ก่อนหน้า ยายจะวาดแผนที่เส้นทางไปสถานที่แห่งนั้นให้พวกเจ้า แต่ยายขอเตือนพวกเจ้าไว้สักคำว่า ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยอันตราย ยิ่งเข้าใกล้อันตรายก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ไอ้หนุ่มเจ้าต้องระวังให้ดี”“ขอบคุณท่านยายที่เตือน ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”ครึ่งชั่วยามต่อมา หลานซื่อกับพวกก็ได้แผนที่
“ต้นฉบับหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงของจริงอยู่ในมือข้า หากซากปรักหักพังของหมู่บ้านเซียนที่ว่านั้นเป็นของจริง เจ้าก็จำเป็นต้องร่วมมือกับข้า”เวินเฉวียนเซิ่งพูดมาเช่นนี้ใบหน้าของหลานซื่อกลับปรากฏเจตนาฆ่าขึ้นแวบหนึ่ง “ข้าก็สามารถสังหารท่านตอนนี้ แล้วเอาหมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถงของจริงไปก็ได้”เวินเฉวียนเซิ่งส่ายศีรษะ “เจ้าทำได้อยู่แล้ว แต่แน่ใจหรือว่าต้องการแตกหักกับข้าตอนนี้?”เขามองคนที่อยู่ด้านหลังหลานซื่อ “คนของเจ้าอีกครึ่งหนึ่งไม่อยู่ การที่พวกเขาหายไปนั้นเป็นภัยคุกคามต่อข้าได้จริง ๆ แต่ข้าก็ไม่เคยไร้แผนสำรอง”เมื่อได้ยินการข่มขู่ในน้ำเสียงของเขา สายตาของหลานซื่อก็ยิ่งเย็นชาขึ้น “จริงหรือ? เช่นนั้นท่านก็ลองดู ว่าคนของข้าอีกครึ่งหนึ่งอยู่แถวนี้จริงหรือเปล่า”บรรยากาศตึงเครียดขึ้นในทันทีสายตาของเวินเฉวียนเซิ่งมืดมนบรรยากาศโดยรอบเย็นเยียบลงในทันใดจนกระทั่งครู่หนึ่งต่อมา...เห็นหลานซื่อเหมือนจะมีเจตนาฆ่าปะทุขึ้นมาจริง ๆ เวินเฉวียนเซิ่งจึงหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วพูดอีกครั้ง “เอาละ ข้าจะไม่ถือสาเจ้า”เขาพลิกฝ่ามือหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา “สมุนไพรหายากกับพิษประหลาดไม่มี แต่มีข
ที่เหนือความคาดหมายก็คือ แม่เฒ่าเสื้อป่านสีดำพยักหน้าทันที“มีอยู่จริงแน่นอน นั่นคือสถานที่ที่เหล่าทวยเทพอาศัยอยู่”ทวยเทพหรือ?สีหน้าของหลานซื่อและเวินเฉวียนเซิ่งกับพวกเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหลานซื่อหรือเวินเฉวียนเซิ่ง ก่อนมาพวกเขาต่างรู้สึกว่า “หมู่บ้านเซียนเมาแห่งลำธารซีถง” ที่ว่านั้นน่าจะเป็นเรื่องหลอกลวงเซียนเอยเทพเอยอะไรกัน โลกนี้จะมีสิ่งเหล่านี้อยู่จริงได้อย่างไร?เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นเท่านั้นเองดังนั้นตั้งแต่แรกเริ่ม ทั้งสองต่างคิดไว้แล้วว่าไม่น่ามีความเป็นไปได้ที่จะหาเจอเพียงคิดว่าจะลองหาดูไปเรื่อย ๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีจริง ก็จะได้เริ่มสะสางเรื่องราวระหว่างพวกเขาเสียทีแต่ใครจะคิดว่า ที่แห่งนี้กลับมีอยู่จริง?ดังนั้นแผนที่สมบัติของสกุลหลานก็เป็นของจริงด้วยสินะ?หลังจากหลานซื่อได้รับคำตอบของคำถามแรกและนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เตรียมถามคำถามที่สองอีกแต่ครั้งนี้นางยังไม่ทันเอ่ยออกไป ก็มีคนชิงถามขึ้นก่อนว่า“เหล่าทวยเทพที่ท่านพูดถึงเมื่อครู่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? ยังอยู่ที่นั่นใช่ไหม?”เสียงพูดดังมาจากหน้าป
“ที่ไหนกันเล่า ท่านยายก็ไม่ได้ล่วงเกินพวกเราเลย ข้าจะไม่สนใจความยินยอมของท่านยายได้อย่างไรกัน?”หลานซื่อยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมแม่เฒ่าเสื้อป่านสีดำอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ “เช่นนั้นก็เข้ามาสิ แต่พวกเจ้าคนเยอะเกินไป อนุญาตให้เข้ามาได้แค่สามคนเท่านั้น”หลานซื่อพาผู้สื่อสารหลี่มาด้วย ส่วนเสี่ยวหานนั้นให้อยู่เฝ้าข้างนอกเวินเฉวียนเซิ่งย่อมตามเข้าไปอยู่แล้ว อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่ออกค่าใช้จ่ายล่วงหน้า แม้จะไม่ใช่เลือดของเขาก็ตามหลังจากเข้าไปในเรือนแล้ว หลานซื่อกำลังคิดจะก้าวเท้าเข้าไปในห้อง แม่เฒ่าเสื้อป่านสีดำในห้องก็พูดขึ้นว่า “เอาเจ้าตัวน้อยที่เจ้าวางไว้ข้างนอกนั่นออกไป มันเหยียบดอกไม้ของยายพังหมดแล้ว เดี๋ยวถ้าเจ้าไม่ให้ของอะไรไว้เป็นค่าชดเชย ยายจะถลกหนังของเจ้าเอาไปทำปุ๋ยใส่ดอกไม้”เมื่อได้ยินคำพูดที่น่าสะพรึงกลัวนี้ นอกจากหลานซื่อจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยนางรู้ว่าอีกฝ่ายสังเกตเห็นงูเขียวน้อยตัวนั้นแล้ว จึงโบกมือเรียกงูเขียวน้อยให้ออกมาจากพุ่มดอกไม้ทันทีที่เห็นงูตัวนั้น สีหน้าของผู้สื่อสารหลี่ก็ซีดเผือดเล็กน้อย “นี่…นี่มันงูพิษ!”ส่วนเวินเฉวียนเซิ