共有

บทที่ 502

作者: จิ้งซิง
“ใครกัน? เมื่อครู่มีคนมาส่งเสียงดังเอะอะโวยวายที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเรา!”

“ไปๆๆ รีบไสหัวไปเสีย มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”

หนึ่งในยามเฝ้าประตูถือกระบองจะเข้าไปไล่คน แต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมา องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังหลินเนี่ยนฉือก็ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นคมดาบสีขาวราวหิมะ

ทหารยามที่เดิมทีท่าทางโกรธเกรี้ยวก็ตกใจ ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว กลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน? กล้าดีอย่างไรมาชักดาบที่หน้าประตูจวนเจิ้นกั๋วกง?!”

“ข้าเห็นว่าบ่าวโง่อย่างพวกเจ้าหูหนวกตาบอด ฟังคำพูดของข้าไม่รู้เรื่อง หรือว่ายังจำหน้าข้าไม่ได้อีกหรือ?”

หลินเนี่ยนฉือก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สายตาเฉียบคมกวาดมองทหารยามผู้นั้น

ทหารยามอีกคนพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมาในหัว ในที่สุดก็นึกออก รีบเข้าไปกล่าวด้วยความนอบน้อม “ข้าน้อยคารวะคุณหนูใหญ่หลิน สหายคนนี้เพิ่งมาใหม่ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่เคยเห็นหน้าคุณหนูใหญ่หลิน คุณหนูใหญ่หลินโปรดอภัย ข้าน้อยจะรีบเข้าไปแจ้งให้ทราบเดี๋ยวนี้!”

เขารีบดึงสหายของตัวเองไปข้างหลัง แล้วบังคับให้คารวะพร้อมกัน

“ถือว่าบ่าวอย่างเจ้า
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
ロックされたチャプター

関連チャプター

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 503

    ขณะนี้หลินเนี่ยนฉือกำลังถือแส้ม้าไว้ในมือข้างหนึ่ง ด้านหนึ่งก็พิงตัวอยู่บนรถม้า เมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมอง“พี่ใหญ่เวิน? เหตุใดท่านถึง...ดูอ่อนแอเช่นนี้?”เมื่อเห็นเวินฉางอวิ้นออกมา หลินเนี่ยนฉือเกือบคิดว่าตัวเองจำคนผิดเสียแล้วสีหน้าซีดเผือดนั่น ก้าวเดินอย่างอ่อนแรง...หากมิใช่เพราะนางคุ้นเคยกับพี่น้องทั้งสี่ของสกุลเวินเป็นอย่างดี คงคิดว่าเขาไม่ใช่เวินฉางอวิ้น แต่เป็นพี่สี่สกุลเวินที่ป่วยออดๆ แอดๆ มาตลอดทั้งปีเสียอีก?เวินฉางอวิ้นสะอึกกับคำว่า “อ่อนแอ” ของนาง ไอสองครั้ง หลังจากปรับลมหายใจให้เป็นปกติแล้ว จึงฝืนยิ้มกล่าวว่า “ช่วงนี้ป่วยนิดหน่อย สีหน้าเลยไม่ค่อยดี ทำให้เนี่ยนฉือต้องขบขันแล้ว”เขาอธิบายอย่างไม่ใส่ใจ ไม่ได้บอกความจริงว่าตัวเองถูกวางยาพิษจากนั้นเขาก็ถามว่า “จริงสิ เนี่ยนฉือมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว เหตุใดถึงไม่ยอมเข้าไปข้างใน? ข้างนอกอากาศหนาว พี่ใหญ่สั่งให้คนเตรียมถ่านไฟไว้แล้ว มีเรื่องอะไรก็เข้าไปนั่งคุยกันข้างในดีหรือไม่?”เมื่อหลินเนี่ยนฉือเห็นท่าทางน่าสงสารของเขา ความโกรธที่สะสมมาก็อดไม่ได้ที่จะลดลงไปบ้างเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่อาจลดความรู้สึกไม่เป็นธร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 504

    “อ๊าก!”เวินจื่อเยวี่ยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงรู้สึกตัวและรีบหลบแส้ที่ฟาดลงมาอีกครั้ง“ไอ้คนตาบอดคนไหนกล้ามาตีข้า?!”เวินจื่อเยวี่ยจ้องมองไปยังคนที่ถือแส้ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมในทันทีแต่เมื่อได้เห็นว่าเป็นใคร เวินจื่อเยวี่ยก็ยืนตกตะลึงอยู่กับที่ทันที“หลินเนี่ยนฉือ? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”หลินเนี่ยนฉือถือแส้ม้าไว้ในมือ แค่นเสียงเย็นพลางเอ่ยขึ้น “ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วไอ้หมาตาบอดอย่างท่านยังคิดจะช่วยบุตรนอกสมรสนั่นรังแกอาซื่อของข้าไปถึงเมื่อไรกัน?!”ตอนแรกที่เวินจื่อเยวี่ยเห็นหลินเนี่ยนฉือกลับมา ก็ยังรู้สึกยินดีอยู่บ้างถึงอย่างไรหลินเนี่ยนฉือก็เป็นคู่หมั้นของเขา ทั้งสองคนก็นับว่าเติบโตมาด้วยกันแต่เด็ก เป็นเพื่อนเล่นที่สนิทสนมกันตอนที่พวกเขาหมั้นหมายกันนั้น ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ดังนั้น พอได้เห็นหลินเนี่ยนฉือที่ไม่ได้พบกันนาน ปฏิกิริยาแรกของเวินจื่อเยวี่ยก็ย่อมยินดีเป็นธรรมดาแต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมาก็ได้ยินหลินเนี่ยนฉือที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ด่าทอเขาและน้องหกเวินจื่อเยวี่ยขมวดคิ้วทันที “ไม่ได้เจอกันมาครึ่ง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 505

    “ข้าเคยกลัวท่านตั้งแต่เมื่อใดกัน!”หลินเนี่ยนฉือเตะเขากระเด็นออกไปหลายเมตร จากนั้นก็ยืนอยู่ที่เดิม เชิดคางขึ้นแล้วแค่นเสียงเย็น “หากมีปัญญาก็ลองดูสิ มาดูกันว่าวันนี้ท่านจะล้มข้าลงได้ หรือจะเป็นข้าที่เล่นงานไอ้คนสารเลวอย่างท่าน!”“นังบ้า!”เวินจื่อเยวี่ยด่าทอด้วยความโมโห “เจ้ายังจะช่วยเวินซื่อนั่นอาละวาดไปถึงเมื่อไรกัน?!”“เพียะ!”หลินเนี่ยนฉือตอบโต้เขาด้วยการฟาดแส้อย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง “ใครกันที่อาละวาด? ข้ากลับมาคราวนี้ก็เพื่อคิดบัญชีกับพวกท่าน วันนี้ไม่ท่านตาย ก็ต้องเป็นบุตรนอกสมรสที่ท่านปกป้องนั่นตาย!”“ดี! เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”เวินจื่อเยวี่ยสบถด่าในใจทันที จากนั้นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ตอบโต้โดยตรง“ปัง! เพียะ! ...”เวินจื่อเยวี่ยมีความคล่องแคล่วว่องไว แต่หลินเนี่ยนฉือเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแม้ว่าสกุลหลินจะเป็นตระกูลนักปราชญ์ แต่เมื่อหลายปีก่อนก็ได้เห็นจุดจบของสกุลหลานแล้ว และแตกต่างจากสกุลเวินที่นิ่งดูดาย พอท่านปู่หลินทราบข่าวก็รีบส่งคนไปช่วยเหลือทันที แต่น่าเสียดายที่ยังคงช้าไปก้าวหนึ่ง ไปไม่ทันแต่กลับได้เห็นสภาพศพเกลื่อนกลาด เลือดไหลนองจนเป็นสายธารของสกุลห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 506

    ประโยค “เข้าข้างพวกพ้องไม่สนเหตุผล” ของหลินเนี่ยนฉือ ทำเอาเวินจื่อเยวี่ยถึงกับพูดไม่ออกหลังจากนั้นครู่หนึ่งก็เค้นคำพูดออกมาได้ประโยคหนึ่ง “เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร?”หลินเนี่ยนฉือหัวเราะเยาะ “แล้วทำไมจะทำไม่ได้? เมื่อก่อนตอนที่ข้าช่วยท่านต่อยตีมันน้อยครั้งหรือไร? ไฉนเมื่อก่อนไม่เห็นท่านพูดเช่นนี้ ตอนนี้กลับมีหน้ามาพูดแล้วหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยถูกนางตอกกลับจนพูดไม่ออกอีกครั้งพูดกับเขามามากมายเช่นนี้แล้ว หลินเนี่ยนฉือก็เริ่มจะหมดความอดทน อีกประเดี๋ยวอาซื่ออาจจะมารับนางแล้ว นางคงต้องรีบจัดการให้เร็วขึ้นหน่อยดังนั้นนางจึงโบกมือด้วยความรำคาญ “เอาละ หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว ข้ารู้ว่าท่านก็แค่อยากจะพูดแทนบุตรนอกสมรสนั่น กลัวว่าข้าจะสั่งสอนนางล่ะสิ ก็ได้ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้มาเพื่อพูดคุยกับพวกท่านด้วยเหตุผลอยู่แล้ว ก็ทำให้มันง่ายๆ ไปเลย วันนี้ท่านอยากจะถูกตีแทนนางสักครั้ง หรืออยากจะถูกตีแทนนางสักสองครั้ง?”รับวันนี้เสร็จ พรุ่งนี้ก็ยังมีอีกอย่างไรเสีย ทุกวันที่นางอยู่ในเมืองหลวงก็จะมาตีนังบุตรนอกสมรสนั่นเวินจื่อเยวี่ยโกรธจนหน้าแดงก่ำ “ข้าบอกแล้วว่าอย่าพูดสามคำนั้นอีก หลินเนี่ยนฉือ เจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 507

    “เพียะ!”หลินเนี่ยนฉือฟาดแส้ใส่เขาโดยตรงเวินจื่อเยวี่ยเกือบจะถูกแส้ม้าของนางฟาดเข้าที่ใบหน้าอีกครั้ง โชคดีที่ครั้งนี้เขาตอบสนองได้เร็ว จึงหลบได้ทันท่วงทีหลังจากหลบได้เขาก็กล่าวด้วยความโมโห “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ยังอยากจะตีอีกใช่หรือไม่?!”หลินเนี่ยนฉือถือแส้ม้าของนางไว้ พลางหรี่ดวงตาทั้งสองลง กล่าวเสียงเย็นชา “ใช่ ท่านพูดถูก เรื่องของจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่าน ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะเข้ามายุ่งจริงๆ ดังนั้น วันนี้นอกจากข้าจะมาตีท่านแล้ว ก็ยังมาเพื่อจัดการอีกเรื่องหนึ่งด้วย”“เหอะ เจ้าก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องมายุ่ง แล้วยังมีเรื่องอะไรอีกที่ต้องให้เจ้ามาจัดการ?”เวินจื่อเยวี่ยในขณะนี้ยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ดังนั้น เมื่อหลินเนี่ยนฉือเอ่ยปากในวินาทีต่อมา เขาจึงเพิ่งจะรู้ตัวและเสียใจกับคำพูดเหล่านั้นหลินเนี่ยนฉือยกมือขึ้น ผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังก็ยื่นของสองอย่างให้หลังจากนางรับของมาแล้วก็ไม่แม้แต่จะมอง ก็โยนให้เวินจื่อเยวี่ยโดยตรง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เรื่องนี้จำเป็นต้องให้ข้ามาจัดการจริงๆ นั่นแหละ เพราะอย่างไรเสีย ข้าก็มาเพื่อถอนหมั้นกับท่าน”เมื่อเอ่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 508

    “ท่านไม่เห็นด้วยก็ช่วยไม่ได้”หลินเนี่ยนฉือแค่นเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ “ข้าไม่ได้มาเพื่อแจ้งให้ท่านทราบ เวินจื่อเยวี่ย”“ด้านล่างของหนังสือสัญญาหมั้นหมายคือหนังสือถอนหมั้น รอยนิ้วมือของข้าอยู่บนนั้น ถ้าเจ้าฉลาดพอ ก็ประทับรอยนิ้วมือลงไปเสีย นับจากนี้ไปเราสองคนต่างคนต่างอยู่ ข้าจะไปหาน้องหญิงอาซื่อของข้า ส่วนท่านก็ปกป้องน้องสาวบุตรนอกสมรสของท่านต่อไปเถอะ”“หลินเนี่ยนฉือ!”เวินจื่อเยวี่ยเดือดดาลอย่างยิ่ง เขาขยับเท้าหมายจะพุ่งเข้าไปหาหลินเนี่ยนฉือพรึ่บ!องครักษ์สองคนที่ถือดาบตรงเข้ามาขวางหน้าเวินจื่อเยวี่ย“ไสหัวออกไปเสีย!”เวินจื่อเยวี่ยถลึงตาใส่องครักษ์ทั้งสองอย่างดุร้าย “หากยังกล้าขวางข้าอีก ระวังข้าจะตัดหัวพวกเจ้าเสีย!”“ท่านกล้า!”สายตาของหลินเนี่ยนฉือเฉียบคม “องครักษ์สกุลหลินของข้าจงรักภักดีปกป้องนาย ไม่ถึงคราวที่คนนอกอย่างท่านจะมาจัดการพวกเขา!”“คนนอก?!”เวินจื่อเยวี่ยโมโหอย่างยิ่ง “เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนนอกหรือ?!”“หรือว่าไม่ใช่?”หลินเนี่ยนฉือตอบโต้คำพูดของเขาอย่างไม่ปรานี “คนนอกอย่างข้าไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องภายในของจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่าน แล้วคนนอกอย่างท่านจะมีสิทธิ์อะ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 509

    เมื่อก่อนมักจะมีคนพูดว่าเวินจื่อเยวี่ยนิสัยไม่ดี เป็นเพราะเขาและพี่รองซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดของเขาถึงแม้จะหน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงคนหนึ่งอารมณ์ร้อน ส่วนอีกคนกลับดูเศร้าหมองอยู่บ้างเมื่อก่อนนางแค่คิดว่าอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ภายนอก อย่างไรเสีย ระหว่างเขากับเวินจื่อเฉินสองคนนั้น ก็มีดวงตาคู่หนึ่งที่แตกต่างกันดวงตาคู่นั้นเวลาที่มองไปยังผู้อื่น มักจะมีความรู้สึกมืดมนอย่างอธิบายไม่ถูกออกมาเสมอ เมื่อก่อนนางยังไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแต่ตอนนี้ เมื่อดวงตาอันมืดมนคู่นั้นมองมาที่นาง หลินเนี่ยนฉือก็พลันบังเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้รู้ว่าเวินจื่อเยวี่ยทำเรื่องเหลวไหลมากมายถึงเพียงนั้น ทั้งยังคงมีท่าทีเชื่อมั่นว่าตนเองถูกต้อง หลินเนี่ยนฉือมีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกราวกับว่าตนเองแทบจะไม่รู้จักเวินจื่อเยวี่ยแล้ว“พอแล้ว ข้าไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับท่านอีกต่อไปแล้วจริงๆ เวินจื่อเยวี่ย”หลินเนี่ยนฉือข่มความรู้สึกไม่สบายใจนั้นไว้ ขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น “ท่านทำตัวให้มันเด็ดขาดสมเป็นลูกผู้ชายหน่อยได้หรือไม่? หากไม่อยากถอนหมั้นกับข้า ก็ให้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 510

    “อาซื่อ!”ดวงตาของหลินเนี่ยนฉือเป็นประกายขึ้นมาทันที พุ่งตัวเข้าไปหาเวินซื่อซึ่งกำลังก้าวเท้าเดินเข้ามาด้วยความดีใจ“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน!”พอเวินซื่อเห็นท่าทางยกมือของนาง ก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปวินาทีต่อมา นางยังไม่ทันได้ห้าม ก็ถูกหลินเนี่ยนฉือคว้าเอวแล้วยกตัวขึ้นกอด จากนั้นก็หมุนตัวอยู่กับที่หลายรอบ จนเวินซื่อตาลาย“ฮ่าๆ ฮ่าๆ อาซื่อ ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าแล้ว! แยกกันนานขนาดนี้ข้าคิดถึงเจ้าใจจะขาดแล้ว เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่ รีบพูดเร็วเข้า ถ้าไม่พูดข้าจะไม่ปล่อยเจ้าลง!”ความรู้สึกที่คุ้นเคย คนที่คุ้นเคยเวินซื่อโอบคอของหลินเนี่ยนฉือไว้ รีบเอ่ยขึ้น “คิดถึง คิดถึงสิ ต้องคิดถึงเจ้าอยู่แล้ว ดังนั้นรีบปล่อยข้าลงเถอะ หากเจ้าหมุนอีกสักสองรอบ ข้าได้อาเจียนออกมาจริงๆ แน่!”ปรากฏว่าหลินเนี่ยนฉือกลับหัวเราะเสียงดังพลางกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นก็หมุนอีกรอบ!”จากนั้นก็ยกเวินซื่อขึ้นหมุนอีกรอบหนึ่งด้วยความตื่นเต้น ไม่มากไม่น้อย กำลังพอดีทำให้นางพอใจ หมุนจนนางเวียนหัวตอนที่เท้าของเวินซื่อเหยียบลงถึงพื้น ขาก็อ่อนแรงไปหมดไม่ได้ถูกหลินเนี่ยนฉือจับหมุนเช่นนี้มานานแล้ว พอจู่ๆ ต

最新チャプター

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status