แชร์

บทที่ 630

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“ตอนนี้สิ่งที่พี่ใหญ่กังวลมากที่สุดก็คือเจ้า หลังจากเจ้าออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงไป ก็ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด ต่อให้ฝีมือของเจ้าจะดีเพียงใด แต่คนเดียวย่อมสู้หลายคนไม่ได้ ดังนั้นจงฟังคำของพี่ใหญ่ เจ้าจงออกจากเมืองหลวง ไปเข้าร่วมกองทัพ”

พอได้ยินห้าคำสุดท้ายนั้น เวินจื่อเฉินก็เบิกตากว้างขึ้นทันที “พี่ใหญ่หมายความว่า ให้ข้าไปเข้าร่วมกองทัพหรือ?”

“ถูกต้อง”

เวินฉางอวิ้นโน้มตัวไปกระซิบข้างหูเขา กดเสียงให้ต่ำลง ไม่ทราบว่ากล่าวอะไรออกไป แต่แววตาลังเลของเวินจื่อเฉินพลันเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวในทันที

“ข้าเข้าใจแล้ว พี่ใหญ่ ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดีอย่างแน่นอน”

“อืม ไปเถอะ”

เวินฉางอวิ้นพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าจะให้อันเซิ่งไปส่งเจ้าออกนอกเมือง เจ้าต้องไปภายในวันนี้เท่านั้น ชักช้าไม่ได้”

เมื่อมีอันเซิ่งบ่าวคนสนิทของเขาอยู่ ท่านพ่อจะเกิดความเกรงใจอยู่บ้าง อย่างน้อยคงไม่ลงมือรวดเร็วนัก

เวินจื่อเฉินมองพี่ใหญ่ที่วางแผนการให้เขาอย่างรอบคอบ ขอบตาก็พลันร้อนผ่าวขึ้นมา “พี่ใหญ่ รอข้ากลับมานะ!”

“ได้”

“ดูแลน้องห้าให้ดีด้วย”

“ได้”

“รักษาสุขภาพด้วย”

“ได้”

แต่ละประโยค เวินฉางอวิ้นล้วนตอบรับเขา
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 630

    “ตอนนี้สิ่งที่พี่ใหญ่กังวลมากที่สุดก็คือเจ้า หลังจากเจ้าออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงไป ก็ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด ต่อให้ฝีมือของเจ้าจะดีเพียงใด แต่คนเดียวย่อมสู้หลายคนไม่ได้ ดังนั้นจงฟังคำของพี่ใหญ่ เจ้าจงออกจากเมืองหลวง ไปเข้าร่วมกองทัพ”พอได้ยินห้าคำสุดท้ายนั้น เวินจื่อเฉินก็เบิกตากว้างขึ้นทันที “พี่ใหญ่หมายความว่า ให้ข้าไปเข้าร่วมกองทัพหรือ?”“ถูกต้อง”เวินฉางอวิ้นโน้มตัวไปกระซิบข้างหูเขา กดเสียงให้ต่ำลง ไม่ทราบว่ากล่าวอะไรออกไป แต่แววตาลังเลของเวินจื่อเฉินพลันเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว พี่ใหญ่ ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดีอย่างแน่นอน”“อืม ไปเถอะ”เวินฉางอวิ้นพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าจะให้อันเซิ่งไปส่งเจ้าออกนอกเมือง เจ้าต้องไปภายในวันนี้เท่านั้น ชักช้าไม่ได้”เมื่อมีอันเซิ่งบ่าวคนสนิทของเขาอยู่ ท่านพ่อจะเกิดความเกรงใจอยู่บ้าง อย่างน้อยคงไม่ลงมือรวดเร็วนักเวินจื่อเฉินมองพี่ใหญ่ที่วางแผนการให้เขาอย่างรอบคอบ ขอบตาก็พลันร้อนผ่าวขึ้นมา “พี่ใหญ่ รอข้ากลับมานะ!”“ได้”“ดูแลน้องห้าให้ดีด้วย”“ได้”“รักษาสุขภาพด้วย”“ได้”แต่ละประโยค เวินฉางอวิ้นล้วนตอบรับเขา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 629

    เวินฉางอวิ้นคาดไม่ถึงเลยว่า บิดาของพวกเขาจะยังมีส่วนพัวพันกับเรื่องที่สกุลของท่านตาถูกลอบสังหารล้างตระกูลเมื่อครั้งนั้น!ทันใดนั้น เขาก็หายใจหอบถี่ ความรู้สึกอึดอัดราวกับขาดอากาศหายใจอย่างรุนแรงก็ถาโถมเข้ามาทันที“พี่ใหญ่? พี่ใหญ่! ท่านเป็นอะไรไป? ท่านใจเย็นๆ ก่อน อย่าตื่นตกใจ ค่อยๆ หายใจเข้าออกช้าๆ !” เวินจื่อเฉินสังเกตเห็นความผิดปกติของเวินฉางอวิ้นในทันที รีบเข้าไปประคองคนให้ค่อยๆ นั่งลงรอจนกระทั่งเวินฉางอวิ้นพอทุเลาลงแล้ว เขาก็คว้ามือของเวินจื่อเฉินไว้แน่นทันที“ไป เจ้าไปเดี๋ยวนี้!”“น้องรอง จำคำพูดของพี่ใหญ่ไว้ ต่อไปนี้หากข้าไม่ได้เรียกเจ้ากลับมา เจ้าก็ห้ามกลับมาที่จวนนี้อีกเป็นอันขาด!”เวินฉางอวิ้นจับมือเขาไว้แน่น “รวมถึงน้องห้าด้วย ไม่ว่าเจ้าหรือนาง จงอยู่ให้ห่างจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ไกลที่สุด ห้ามผู้ใดกลับมาอีกเป็นอันขาด!”“แต่ว่าพี่ใหญ่ สมุดบัญชีเล่มนั้น...”เวินจื่อเฉินลังเลเวินฉางอวิ้นส่ายหน้า “ครั้งก่อนหลังจากที่เจ้าลอบเข้าไปในห้องหนังสือของท่านพ่อ ก็กระตุ้นให้เขาเกิดความระแวดระวังแล้ว ตอนนี้การป้องกันที่ห้องหนังสือเข้มงวดอย่างยิ่ง เจ้าคิดจะเข้าใกล้อีกครั้งย่อมเป็

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 628

    เวินจื่อเฉินอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกเวินฉางอวิ้นยกมือขึ้นห้ามไว้เวินฉางอวิ้นส่ายหน้าให้เขาเล็กน้อย แล้วส่งสัญญาณว่าตนจะเป็นผู้จัดการเอง“ท่านพ่อ การตัดสินใจของท่าน พวกเราไม่เคยเข้าใจได้เลย เหมือนกับตอนที่น้องห้าออกบวชเป็นชี ทั้งๆ ที่ท่านสามารถเหลือทางให้นางได้แท้ๆ แต่กลับยังขีดชื่อนางออกจากบันทึกลำดับญาติได้”เวินฉางอวิ้นเอ่ยถึงเวินซื่อต่อหน้าเขาโดยตรง ถ้อยคำอันแสนเรียบเฉยนั้น ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะเขานิ่งเงียบไปเพราะตอนนั้นเขามัวแต่ตามอกตามใจเวินเยวี่ยมากเกินไปจริงๆ จนถึงขั้นหลงเชื่อคำพูดบางอย่างของนาง ทำให้การจัดการเรื่องของเวินซื่อนั้นออกจะไร้เยื่อใยเกินไปอยู่บ้างแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยก็ตามแต่ใครจะไปรู้ว่า ชะตาฟ้าพลิกผัน วันนี้กลับมาถึงคราวของเวินเยวี่ยเสียเองจนกระทั่งเมื่อเวินฉางอวิ้นรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมา เขาก็ถึงกับไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้อีก“ท่านพ่อ ท่านก็ไม่ต้องกังวลถึงเพียงนั้น อย่างไรเสีย ลูกก็ได้บอกไปแล้วว่า จะเห็นแก่หน้าท่านพ่อ ยอมให้เวินเยวี่ยได้ใช้สกุลต่อไปได้”“แต่ในทางกลับกัน ลูกก็หวังว่าพิธีเปลี่ยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 627

    “ดูตัวเลือกคู่ครอง? ดูตัวอะไรกัน ข้าไม่ดู ข้าไม่ดู!”เวินเยวี่ยปฏิเสธอย่างไม่ลังเลท่านพ่อกำลังจะเพิกถอนสถานะบุตรบุญธรรมของนางแล้ว หากนางต้องดูตัวเลือกคู่ครองในตอนนี้ เช่นนั้นมิเท่ากับว่านางจะได้แต่งออกไปในฐานะบุตรนอกสมรสเท่านั้นหรือ!ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!“ท่านพ่อ อย่าทำเช่นนี้! ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้วจริงๆ ท่านจะทุบตีหรือด่าทอข้าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ข้าจะไม่ก่อเรื่องอีกแล้ว จะไม่ขัดคำสั่งของท่านอีกต่อไป ขอร้องท่านอย่าขับไล่ข้าไปเลยนะเจ้าคะ!”“พี่ใหญ่! ข้าขอร้องท่าน! ต่อให้เยวี่ยเอ๋อร์จะผิดมากมายนับพันนับหมื่นครั้ง เยวี่ยเอ๋อร์ยินดีรับโทษ ไม่ว่าพวกท่านจะลงโทษอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ขอร้องพวกท่าน โปรดเหลือทางรอดให้เยวี่ยเอ๋อร์ด้วยเถิด! เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อยากแต่งงานจริงๆ ”“ไม่อยากแต่งงาน หรือไม่อยากแต่งออกไปในฐานะบุตรนอกสมรสกันแน่?”เวินจื่อเฉินแค่นเสียงหัวเราะเวินฉางอวิ้นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “เวินเยวี่ย เจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนเองมีสถานะเช่นไร กว่าจะได้กลับมายังจวนเจิ้นกั๋วกงก็ยากเย็น ทั้งยังได้รับความเอ็นดูจากท่านพ่อ ท่านพี่ หรือแม้กระทั่งน้องห้า แต่เจ้ากลับโลภมากไม่รู้จักพอ ยังคิดเพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 626

    เวินจื่อเยวี่ยอ้าปาก แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่รองเมื่อครู่ เรื่องที่ว่า “เฆี่ยนตีศพเพื่อระบายแค้น” อะไรนั่น...น้องหกนาง ตอนนั้นนางคิดจะทำเช่นนั้นกับท่านแม่ของพวกเขาจริงๆ หรือ?“ฮือๆๆ พี่สาม...”เวินเยวี่ยมองไปที่เขาด้วยท่าทางน่าสงสารอย่างยิ่ง หยาดน้ำตาผสมปนเปกับเลือดไหลอาบแก้ม สภาพทั่วทั้งร่างนั้น ดูน่าสังเวชจนแทบไม่อาจทนมองแต่เวลานี้ เวินจื่อเฉินกำหมัดแน่น ทั่วร่างแผ่ไอเย็นเยียบกดดันพลางเอ่ยขึ้นว่า “น้องสาม หากเจ้ากล้าเอ่ยปากแทนนางแม้แต่คำเดียว วันนี้ไม่เจ้าก็ข้าที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”ในท้ายที่สุด เวินจื่อเยวี่ยก็หลับตาลงแล้วหันหน้าหนีไปดับความหวังสุดท้ายของเวินเยวี่ยลงอย่างสิ้นเชิง“น้องหก เจ้าไม่ควรทำเช่นนั้นเลย”ต่อให้น้องหกจะเป็นคนวางยาเขา เขาก็ยังสามารถให้อภัยได้เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เขาติดค้างน้องหกแต่นางไม่ควรแตะต้องร่างไร้วิญญาณของท่านแม่!เวินจื่อเยวี่ยในตอนนั้นใช่ว่าจะไม่ระแคะระคายสิ่งใดเลย เพียงแต่ในเวลานั้นเขายังสามารถหลอกตัวเองได้อยู่อย่างไรเสีย ร่างไร้วิญญาณของท่านแม่ก็ถูกเวินซื่อชิงไปแล้วมิใช่หรือ?แต่ตอนนี้ เวินจื่อเฉินได้เปิดโปงความจริงออกมาต่อหน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 625

    เวินเยวี่ยร่ำไห้คร่ำครวญอยู่ตรงนั้น ราวกับได้รับความอยุติธรรมอย่างใหญ่หลวงนางคิดว่าการทำเช่นนี้จะยังสามารถทำให้ท่านพ่อใจอ่อน ทำให้พี่สามเวทนาสงสาร ร้องไห้จนทำให้ทุกคนต่างจนปัญญาที่จะจัดการกับนางเหมือนเช่นเคยแต่นางคาดไม่ถึงว่าคราวนี้ คนแรกที่ลงมือตบนางกลับเป็นบิดาของนางเอง“เพียะ!”เวินเฉวียนเซิ่งฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าอีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้บาดเจ็บของเวินเยวี่ยใบหน้าซึ่งเดิมทีก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจากบาดแผลที่ปริแตกอยู่แล้ว ก็บวมเป่งขึ้นมาอีกครั้ง“ทะ...ท่านพ่อ?”เวินเยวี่ยหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาแต่กลับพบว่าในเวลานี้เวินเฉวียนเซิ่งกำลังยืนหันหลังให้นาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พ่อเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า เจ้าจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้กับท่านแม่ของเจ้าได้ลงคอ”“ฉางอวิ้น เรื่องนี้เป็นความผิดของพ่อเอง ก่อนหน้านี้พ่อหลงเชื่อคำพูดของเยวี่ยเอ๋อร์ง่ายเกินไปจริงๆ ตอนนี้เมื่อเรื่องราวกระจ่างแล้ว พ่อจะจัดการเรื่องนี้ให้พวกเจ้าเอง”เวินเยวี่ยมองไม่เห็นว่าฝั่งตรงข้ามกับเวินเฉวียนเซิ่งนั้น ในเวลานี้ เวินฉางอวิ้นกำลังมองมายังพวกเขาด้วยสีหน้าผิดหวังและชิงชังอย่างยิ่งด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 624

    เมื่อถึงตรงนี้ คำตอบก็ชัดเจนอย่างยิ่งแล้วเวินฉางอวิ้นเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “น้องหก เงินอยู่ที่ไหน?”เวินเยวี่ยพลันเบิกตากลมโตราวกับลูกกวางคู่นั้น ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรุนแรง “ไม่ใช่ข้า พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ขโมยไปจริงๆ นะเจ้าคะ!”เวินเยวี่ยบีบน้ำตาออกมาทันที พลางร้องไห้กล่าวว่า “ท่านพ่อ พี่สาม พวกท่านโปรดเชื่อเยวี่ยเอ๋อร์ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ขโมยเงินของพี่รองไปจริงๆ เจ้าค่ะ!”“อย่ามาเรียกข้าว่าพี่รอง!”เวินจื่อเฉินกำหมัดแน่น กล่าวอย่างเดือดดาล “เมื่อก่อนเป็นเพราะข้าตาบอด ถึงได้รักและเอ็นดูเจ้าประหนึ่งน้องสาวแท้ๆ แต่ดูสิว่าเจ้าปฏิบัติต่อข้าอย่างไร?”“เจ้ารังแกน้องห้า โกหกข้า ขโมยเงินของข้า กระทั่งเมื่อก่อนยังให้คนไปขุดร่างไร้วิญญาณของท่านแม่ข้าขึ้นมา นั่นคือแม่แท้ๆ ของข้านะ! หากเจ้ามีเศษเสี้ยวของความเป็นคนอยู่บ้าง เจ้าก็ไม่ควรทำเรื่องเช่นนี้เลย!”“พี่รอง ท่านพูดจาเหลวไหลอะไร!”เวินจื่อเยวี่ยรีบเอ่ยปากแก้ต่างให้เวินเยวี่ยทันที “น้องหกอธิบายไปนานแล้ว เรื่องของท่านแม่นั้น น้องหกไม่ได้เป็นคนทำ แต่เป็นลูกน้องของนาง...”“ข้าได้ยินกับหูตัวเอง นางเป็นคนยอมรับจากปากของนางเอง!”เวินจื่อเฉิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 623

    “ใครขโมยเงินของเจ้าไป?”เวินฉางอวิ้นได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเวินจื่อเฉินพลันยกมือขึ้นชี้ไปข้างใน “นาง!”“นางเป็นคนขโมยเงินหนึ่งหีบที่ข้าเก็บไว้ใต้เตียงไป”เวินเยวี่ยซึ่งถูกชี้ตัวในเวลานี้ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด นางเอ่ยปากออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พวกท่านอย่าไปฟังพี่รองพูดจาเหลวไหล ข้าไม่ได้ขโมยเงินของพี่รองไปเลยแม้แต่น้อย หากพวกท่านไม่เชื่อก็ไปถามพี่สามได้ พี่สามเป็นพยานให้ข้าได้เจ้าค่ะ”“เจ้าสามล่ะ?”“อยู่นี่! ข้าอยู่นี่!”เวินจื่อเยวี่ยมาได้จังหวะพอดีเวินเฉวียนเซิ่งเพิ่งเอ่ยปากเรียกหาเขา เวินจื่อเยวี่ยก็กลับมาจากข้างนอกพอดีเขาขานรับ หลังจากเข้ามาในเรือนเล็กแล้ว ก็ยืนหอบหายใจอยู่ตรงนั้น พักอยู่ครู่ใหญ่ จึงเอ่ยขึ้น “ข้า...ข้าเป็นพยานให้น้องหกได้ นางไม่ได้เป็นคนขโมยไปจริงๆ ”“ในเมื่อเยวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้เป็นคนขโมย เช่นนั้นหรือว่าเจ้าสองโกหก?”สายตาเย็นชาของเวินเฉวียนเซิ่งมองไปยังเวินจื่อเฉินอีกครั้งแต่ในเวลานี้ เวินจื่อเยวี่ยก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ไม่ เงินของพี่รองน่าจะถูกขโมยไปจริงๆ ”มิฉะนั้นพี่รองคงไม่อารมณ์พลุ่งพล่านเช่นนั้นยิ่งไปกว่านั้น เดิมที

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 622

    ฝ่ายหนึ่งเป็นเพราะเรื่องเงินของตน อีกฝ่ายเป็นเพราะใบหน้าของตนแต่เมื่อครึ่งปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นเวินเยวี่ยหรือเวินจื่อเฉินก็ตาม ใครจะคาดคิดได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะมีวันมาถึงจุดนี้ได้พวกบ่าวรับใช้ที่อยู่รอบๆ ต่างก็ถูกพวกเขาสองคนทำให้ตกใจกลัวจนตัวสั่นในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังมาจากด้านนอกประตูที่เวินจื่อเฉินใช้หลังพิงอยู่“ก๊อก ก๊อก!”“เจ้าสอง เช้าตรู่เช่นนี้ เจ้ามาก่อเรื่องวุ่นวายอะไรในเรือนของน้องสาวเจ้า? ยังไม่รีบเปิดประตูอีก!”เมื่อได้ยินเสียงนี้ ดวงตาของเวินเยวี่ยก็พลันเป็นประกาย ร้องตะโกนด้วยความยินดี “ท่านพ่อ! ช่วยข้าด้วย! พี่รองเขาบ้าไปแล้ว เขาจะทำร้ายข้า!”ผู้ที่มาเยือนด้านนอกประตูก็คือเวินเฉวียนเซิ่งตรงกันข้ามกับความยินดีของเวินเยวี่ย คือใบหน้าที่พลันเคร่งขรึมลงของเวินจื่อเฉิน เขายังคงใช้แรงยันประตูไว้แน่น ไม่พูดจาและไม่คิดจะเปิดประตู“ปัง ปัง!”คนที่อยู่ด้านนอกราวกับจะรับรู้ความคิดของเวินจื่อเฉินได้ เสียงเคาะประตูในตอนแรกจึงเปลี่ยนเป็นการทุบประตูอย่างแรงในเวลาอันรวดเร็วเวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าสอง เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”เวินเยวี่ย

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status