ขณะที่ในเมืองหลวงคลื่นใต้น้ำกำลังปั่นป่วน ราวกับพายุฝนกำลังจะมาเยือน รถม้าของจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนกลับกำลังมุ่งหน้าไปยังภูเขาหนานอย่างสบายอารมณ์“ข้าว่านะท่านอ๋อง คราวหน้าเวลาท่านทำเรื่องพวกนั้น พาข้าน้อยไปด้วยได้หรือไม่? หรืออย่างน้อยก็บอกข้าน้อยสักคำก็ยังดีนะขอรับ พวกเรากำลังทำธุระกันอยู่แท้ๆ พอหันกลับมาอีกที ท่านก็หายไปเสียแล้ว ข้าน้อยพาคนกลุ่มหนึ่งตามหาแทบจะพลิกเมืองหลวงหาแล้ว ผลปรากฏว่า ท่านกลับหนีไปเป็นองครักษ์ให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์เสียกลางคัน!”ครั้งนี้ผู้ที่ติดตามเป่ยเฉินหยวนมาด้วย ยังมีเกาเย่าที่หน้าด้านหน้าทนยืนกรานว่าจะมาด้วยให้ได้เกาเย่าสะบัดแส้ม้าในมือ นั่งอยู่ด้านนอกพูดบ่นไม่หยุด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคับข้องใจ “หรือว่าท่านจะรังเกียจว่ากองทัพธงดำของเราเป็นองครักษ์ไม่สง่างามพอหรือ ถึงกับต้องลงสนามด้วยตัวเอง อย่างไรเสีย ท่านก็เป็นถึงท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สูงศักดิ์แท้ๆ เหตุใด...”เหตุใดถึงยังทำเรื่องที่ไม่เห็นจะเข้าท่าแบบนี้ออกมาได้?เป่ยเฉินหยวนที่อยู่ในรถม้าขี้เกียจจะสนใจเขา“คนหยาบกระด้างเช่นเจ้าจะไปเข้าใจอะไร”เกาเย่าที่ตั้งแต่เล็กจนโตเคยจับแต่ดาบทหาร แ
หลินเนี่ยนฉือจะเป็นฮองเฮาหรือไม่ก็ช่างเถิด นางอยากตายก็ไปตายเสีย!แต่อาซื่อจะสนับสนุนหลินเนี่ยนฉือไม่ได้ จะช่วยหลินเนี่ยนฉือไม่ได้!หากอาซื่อยืนอยู่ข้างหลินเนี่ยนฉือ แล้วนางเล่า?สายตาของอันหลันซินฉายแววอำมหิตออกมาทว่าบนใบหน้าของนางยังคงเก็บซ่อนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี “หลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อต่างมีความแค้นกับข้า หากปล่อยให้พวกนางสมปรารถนา ภายหน้าลูกไม่มีทางเจอเรื่องดีๆ เป็นแน่”อันปี่เค่อจึงได้เผยสีหน้ายินดีออกมา “ดีมาก ๆ ลูกสาวผู้แสนดีของพ่อ ขอเพียงเจ้าเชื่อฟังคำพูดของพ่อ พ่อย่อมสามารถทำให้เจ้าได้เป็นฮองเฮาอย่างแน่นอน”“แต่เจ้าก็ต้องจำไว้ด้วยว่า การได้เป็นฮองเฮามิใช่เป้าหมายที่แท้จริงของเจ้า การใหญ่ของเรามิใช่ตำแหน่งฮองเฮาเล็กๆ นี่จะมาเทียบได้ ลูกสาวที่ดีของพ่อ เจ้าอย่าได้เห็นแก่ของเล็กน้อยแล้วทิ้งของล้ำค่าไปเล่า”เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย ในน้ำเสียงยินดีของอันปี่เค่อ มีเจตนาที่จะเตือนเจือปนอยู่เล็กน้อยแต่เขากลับไม่รู้ว่า ทั้งสองสิ่งที่เขาพูดมานั้น อันหลันซินล้วนไม่เห็นอยู่ในสายตาตำแหน่งฮองเฮาอะไร การใหญ่ก่อกบฏอะไรกัน ก็แค่เท่านั้นเองอันหลันซินแค่นเสียงเยาะเย้ยในใจ กล่าวอย่
“แต่ว่าท่านพ่อ หากวันหน้าฝ่าบาทและไทเฮาทรงทราบถึงฐานะที่แท้จริงของข้า นั่นคือโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงเชียวนะ”อันหลันซินระงับความโกรธเอาไว้ พยายามที่จะพูดโน้มน้าวคนผู้นี้แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอันปี่เค่อกลับมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด ใบหน้าแสดงความเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย “พ่อถึงกับลอบวางแผนก่อกบฏแล้ว เจ้าคิดว่าพ่อยังจะสนใจโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงเล็กน้อยนั่นอีกหรือ?”แต่นางสนใจ!หากถูกจับได้ คนแรกที่จะตายก็คือนาง!อันหลันซินโกรธจนมุมปากกระตุก“เจ้าไม่ยินยอมหรือ?”อันปี่เค่อพลันขมวดคิ้วแน่นอนว่านางไม่ยินยอม!อันหลันซินแสดงสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่อยากจะพูดคุยกับเขาอีกทว่าอันปี่เค่อกลับหันหลังแล้วถอนหายใจ “ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่รู้กระมัง?”รู้อะไร?เมื่อเห็นอันปี่เค่อทำลับลมคมในอยู่ที่นี่ อันหลันซินก็ชักจะหมดความอดทนแล้วแต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนผู้นี้ นางกลับยังมิอาจฉีกหน้าได้ “ท่านพ่ออยากจะพูดอะไรก็พูดตรงๆ เถิด ข่าวสารของลูกไหนเลยจะรวดเร็วทันการณ์เท่าท่านพ่อ”“นี่มิใช่เรื่องข่าวสารรวดเร็วหรือไม่รวดเร็ว แต่เป็นเด็กอย่างเจ้าที่มองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ยังมองไม่ออกว่า ตอนนี้หลินเนี่ยนฉือผู้นั
อันปี่เค่อกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่เวินเยวี่ย คนส่งข่าวคือพ่อบ้านของจวนเจิ้นกั๋วกง ตอนมายังถือป้ายชื่อของเจิ้นกั๋วกงมาด้วย”“ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเจิ้นกั๋วกงผู้นั้นตามใจบุตรสาวจนเสียคน ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเวินเยวี่ยถึงได้ทำเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ เวินเยวี่ยผู้นั้นเคยก่อความผิดใหญ่หลวงถึงขนาดนั้น เกือบจะวางยาพิษฆ่าพี่ชายตนเอง แต่เจิ้นกั๋วกงก็ยังคงปกป้องมิใช่หรือ?”กระทั่งเพื่อเก็บกวาดเรื่องที่เวินเยวี่ยก่อไว้ ยังให้ลูกชายของตนเองถอนหมั้นกับหลินเนี่ยนฉือเรื่องที่หลินเนี่ยนฉือกับเวินจื่อเยวี่ยถอนหมั้นกัน อันหลันซินดีใจเป็นอย่างมากเพราะหากเป็นเช่นนี้ หลินเนี่ยนฉือก็ย่อมไม่มีทางกลายเป็นพี่สะใภ้ของอาซื่อ และได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับอาซื่อมากขึ้นอีกแล้วดังนั้น อันหลันซินถึงได้ดีใจเช่นนั้นแต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้บิดากลับมาบอกนางว่า หลินเนี่ยนฉือสตรีปากร้ายผู้นั้นกำลังจะได้ดิบได้ดีกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ อันหลันซินจะเชื่อได้อย่างไร?“ไม่ว่าเจิ้นกั๋วกงผู้นั้นจะเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขาส่งข่าวนี้มา เช่นนั้นก็ย่อมมีความเป็นไปได้”อันปี่เค่อหรี่ตาทั้งสองข้างลงอันหลันซินมองไปที่เขา “ท่านพ่อคิดจะทำอย่างไรเจ้า
“หายไปทั้งหมด?”ภายในจวนเจิ้นกั๋วกงเวินเฉวียนเซิ่งเฝ้ารอข่าวจากองครักษ์ลับมาตลอด ตั้งแต่เวินเยวี่ยหนีออกไปจากจวนเจิ้นกั๋วกงในรุ่งเช้าแต่เขานึกไม่ถึง หลังจากรอมาหนึ่งวันหนึ่งคืน ข่าวที่มาถึงก่อนกลับเป็นข่าวขององครักษ์ลับทั้งสามสิบคนที่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเวินเฉวียนเซิ่งขมวดคิ้วทันที “เวินเยวี่ยออกจากเมืองทิศทางใด?”ตอนเขาสั่งให้คนไปจัดการได้ครอบคลุมทั้งสี่ทิศ รวมถึงรถม้าที่เตรียมไว้ก็มีทั้งสี่ทิศเช่นกันดังนั้นหากอยากรู้ว่าเวินเยวี่ยออกจากเมืองทิศทางใดเป็นเรื่องง่ายมาก แค่ถามทหารยามเฝ้าประตูเมืองที่รับสินบนก็พอแล้วหลังถามออกไป ในหัวเวินเฉวียนเซิ่งมีบางอย่างแวบผ่าน เขาถามต่อทันที “ใช่ประตูเมืองทิศใต้ที่มุ่งหน้าไปภูเขาหนานหรือไม่?”พ่อบ้านพยักหน้า “ถูกต้องขอรับ คุณหนูเวินเยวี่ยออกไปจากประตูทิศใต้ รถม้าที่บ่าวสั่งให้คนเตรียมไว้ตรงประตูทิศใต้ก็หายไปด้วยขอรับ”สิ่งที่น่าแปลกที่สุด คือองครักษ์ลับกับรถม้าหายไป แต่คุณหนูเวินเยวี่ยกลับมาแล้วแม้ไม่ได้กลับมาจวนเจิ้นกั๋วกง แต่นางกลับไปจวนจงหย่งโหวอีกอย่างจากรายงานของคนในจวนจงหย่งโหว คุณหนูเวินเยวี่ยกลับไปตั้งแต่หนึ่งวันก่อนพ่อบ้า
สายตาของเขากวาดมองแผลฉกรรจ์ตรงท้องเวินเยวี่ย เหมือนกับดาบในมือของศพที่พวกเขาถีบจนกระเด็นอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่คราบเลือดยังหลงเหลือไว้บนนั้น“ผู้อาวุโสรอง ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี หากไม่สามารถพาธิดากู่กลับไปได้ เกรงว่าหนอนกู่ในเผ่าของพวกเราต้องวุ่นวายแน่”ผู้อาวุโสรองครุ่นคิดอยู่สักครู่พลันตัดสินใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็สร้างร่างกู่ของธิดากู่ที่นี่เลย การสร้างร่างกู่คือการตายแล้วเกิดใหม่ ยามนี้กลับเป็นเวลาดี หากธิดากู่สามารถฟื้นคืนชีพด้วยร่างกู่ ถ้าอย่างนั้นเผ่ากู่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราจะมีธิดากู่ที่ไร้เทียมทานถือกำเนิดขึ้นอีกครั้ง!”เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสรอง บุคคลลึกลับคนอื่นๆ ต่างพากันดีใจจากนั้นรีบนำหนอนกู่ที่พวกเขานำมาด้วยออกมา ขนย้ายศพทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นมารวมกัน จากนั้นให้หนอนกู่กัดกินเลือดเนื้อของศพเหล่านั้น ต่อมานำพวกมันทั้งหมดวางไว้ข้างศพเวินเยวี่ยหลังจากคำสั่งของผู้อาวุโสรอง หนอนกู่กลุ่มใหญ่คลานไปบนศพของเวินเยวี่ย จากนั้นปกคลุมนางในชั่วพริบตา ต่อมากัดลงไปบนเลือดเนื้อนางทีละคำเมื่อเห็นฉากที่สุดแสนจะประหลาด ในใจจินซือถูอดสั่นคลอนไม่ได้ไม่สิ เรื่องนี้ทำ