เมื่อในห้องเหลือเพียงหลินชิงชิงอยู่คนเดียว ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางยังไม่ทำให้เธออยากนอน เธอจึงลุกขึ้นสำรวจบ้านใหม่ มองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้กลายเป็นของเธอ ทันใดนั้นเธอเหลือบไปเห็นกำไลข้อมือสีเงินประดับหยกชิ้นเล็ก ๆ ที่เธอซื้อมาจากร้านค้าหน้ามหาวิทยาลัยก่อนที่จะมาโผล่ยังที่แห่งนี้
"นี่มัน..." หลินชิงชิงเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ กำไลเส้นนี้ติดตัวเธอมาด้วยอย่างนั้นหรือ?
ด้วยความสงสัย หลินชิงชิงจึงเอื้อมมือไปสัมผัสกำไลข้อมือเบาๆ ทันใดนั้น แสงสว่างวาบขึ้น เธอรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในอากาศ ร่างกายของเธอหมุนคว้างไปมา
สติของหลินชิงชิงกลับมาอีกครั้ง เธอพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด อากาศบริสุทธิ์สดชื่น มีลำธารใสไหลผ่านกลางทุ่งหญ้า หลินชิงชิงเบิกกว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
"ที่นี่มันที่ไหนกัน?" ร่างบางอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เธอเริ่มสำรวจพื้นที่โดยรอบ และพบว่าสถานที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่ เป็นป่ามีความอุดมสมบูรณ์อย่างน่าเหลือเชื่อ ผลไม้สุกงอมห้อยระย้าอยู่บนต้นไม้ ปลาตัวโตแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ และผักนานาชนิดเติบโตอย่างงดงาม เธอเดินสำรวจไปเรื่อยๆ
"ที่นี่ช่างสวยงามราวกับภาพวาด" หลินชิงชิงพึมพำกับตัวเอง เธอหยุดเดินและทอดสายตามองไปรอบๆ อีกครั้ง มองเห็นต้นไม้ใหญ่ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่วบริเวณ มีดอกไม้ป่าสีสันสดใสเบ่งบานอยู่ริมทางเดิน และมองเห็นลำธารเล็กๆ ที่น้ำใสราวกับกระจก
เสียงน้ำไหลกระทบโขดหินดังแผ่วเบา หลินชิงชิงเดินเข้าไปใกล้ลำธารนั้น ย่อตัวลงวักน้ำขึ้นมาดื่ม ความเย็นสดชื่นของน้ำทำให้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ร่างกายของหลินชิงชิงเริ่มเปลี่ยนแปลง ผิวที่เคยหยาบกร้านกลับเนียนนุ่ม รอยแผลเป็นจางหายไป มือที่เคยหยาบกระด้างกลับเรียวสวย และเรี่ยวแรงที่เคยถดถอยกลับมาเต็มเปี่ยม
"นี่มันอะไรกัน" หลินชิงชิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ เธอสำรวจร่างกายตัวเองอย่างละเอียด พบว่าทุกอย่างดูดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
"หรือว่า... นี่คือน้ำวิเศษ" หลินชิงชิงนึกถึงนิยายที่เธอเคยอ่าน น้ำวิเศษที่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บและทำให้ผู้ดื่มมีสุขภาพแข็งแรง
"นี้มันคงน้ำวิเศษ เหมือนในนิยายที่ฉันเคยอ่านมาแน่ๆ " หลินชิงชิงอุทานออกมาอย่างดีใจ ดวงตาของเธอเป็นประกาย
"ถ้านำน้ำวิเศษนำไปผสมเจือจางทำเครื่องสำอาง หรือสบู่แล้วนำไปขายที่ตลาดมืด ฉันคงรวยเละแน่ๆ เครื่องสำอางค์ในยุคปัจจุบันยังไม่ทำให้ผิวเนียนนุ่มได้เท่านี้เลย" หลินชิงชิงคิดแผนการหาเงินอยู่ในใจในใจอย่างเงียบ ๆ
หลังจากสำรวจมิติวิเศษจนทั่ว เธอพบว่าในมิติของเธอมีบ้านไม้โบราณตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งหญ้าเขียวขจี บ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่เธอพบหลังจากที่เธอได้สำรวจมิติ กลิ่นอายโบราณที่หอมจางๆ ลอยมาแตะจมูก เธอรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากบ้านหลังนี้ มันทั้งน่าพิศวงและน่าค้นหา
เมื่อผลักประตูบานใหญ่เข้าไป หลินชิงชิงก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น ภายในบ้านตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง มีภาพวาดที่คล้ายกับเซียนหญิงยุคโบราณประดับอยู่บนผนัง เสาไม้ขนาดใหญ่ค้ำยันเพดานสูง กลิ่นกำยานหอมอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน
"ที่นี่มัน...เหมือนบ้านของเทพเซียนในนิยายเลย" หลินชิงชิงพึมพำกับตัวเอง
เธอเดินสำรวจไปทั่วบ้านอย่างตื่นเต้น แต่ละห้องล้วนเต็มไปด้วยของประหลาดและน่าสนใจ ห้องปรุงยามีเตาไฟโบราณขนาดใหญ่ อุปกรณ์ทำยาทำจากทองเหลืองและหยกวางเรียงรายอยู่บนชั้น ห้องนอนปูด้วยผ้าไหมเนื้อดี หมอนอิงปักลายดอกไม้สวยงาม
แต่ที่ดึงดูดความสนใจของหลินชิงชิงมากที่สุดคือห้องเก็บอาวุธ เมื่อเธอเปิดประตูห้องนี้เข้าไป เธอก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง อาวุธนานาชนิดเรียงรายอยู่บนชั้นวางและแขวนไว้บนผนัง ดาบยาว ดาบสั้น กระบี่ หอก ง้าว ธนู หน้าไม้ แต่ละชิ้นล้วนทำจากวัสดุชั้นดีและประดับประดาอย่างงดงาม
หลินชิงชิงหยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง ด้ามดาบทำจากงาช้างแกะสลักเป็นรูปมังกร ใบดาบทำจากเหล็กกล้าคมกริบ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใด อาวุธเหล่านี้ก็ยังคงความงดงามและทรงพลัง
"อาวุธพวกนี้...มันต้องมีค่ามากแน่ๆ" หลินชิงชิงคิดในใจ
เธอยังคงสำรวจห้องต่อไปอย่างตื่นเต้น หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและความอยากรู้ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้ก้าวเข้ามาสู่โลกลมปราณ ราวกับเธอเป็นเทพเซียนไม่ปาน
หลินชิงชิงก้าวเข้าไปในห้องที่ใหญ่ที่สุด สายตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นตำราโบราณนับร้อย ๆ เล่มเรียงรายอยู่บนชั้นวาง มือเรียวบางเอื้อมไปหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมา ปัดฝุ่นออกอย่างเบามือ ปกหนังเก่าซีดเผยให้เห็นตัวหนังสือหวัดๆ ที่เขียนด้วยหมึกดำจางๆ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเมื่ออ่านชื่อเรื่อง "ตำราแพทย์แผนโบราณ"
เธอพลิกหน้ากระดาษอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นตัวหนังสือโบราณแต่แปลกที่เธอกับอ่านมันออก ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ นอกจากสูตรยาโบราณแล้ว ยังมีเคล็ดลับความงามที่สาบสูญไปนานแสนนาน ความรู้ที่ไม่มีใครค้นพบมานานหลายศตวรรษปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
"นี่มัน..." หลินชิงชิงกระซิบแผ่วเบา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝัน
ทันใดนั้น เธอหวนนึกถึงน้ำวิเศษจากมิติลึกลับ น้ำที่มีพลังในการรักษาและฟื้นฟูผิวอย่างน่าอัศจรรย์
"นี่แหละ เส้นทางรวยของเรา" หลินชิงชิงอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัว เธอจะนำความรู้จากตำราโบราณและน้ำวิเศษมาสร้างผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่มีใครเหมือนให้ได้
หลังจากสำรวจมิติจนพอใจหลินชิงชิงก็จัดการเก็บผลไม้ที่สุกที่อยู่ในมิติ มีทั้งกล้วย แอปเปิล และอื่นๆ อีกมากมาย เธอลองนำออกไปด้านนอกมิติ เมื่อเธอเพ่งกระแสจิตไปด้านนอกมิติ ทันใดนั้นตัวเธอก็กลับมาในห้องจุดเดิมที่เธอเคยอยู่
หลินชิงชิงมองผลไม้ในมือด้วยความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
"กรี๊ด...ฉันไม่อดตายแล้ว ฉันสามารถนำข้าวของจากในมิตินำออกมาข้างนอกได้"
หลินชิงชิงหยิบแอปเปิลสีแดงสดขึ้นมากัด รสชาติของมันหวานฉ่ำชื่นใจ ช่างแตกต่างจากแอปเปิลที่เธอเคยกินในยุคปัจจุบันมากนัก
"อร่อยมาก...อร่อยที่สุดเลย" เธอพูดพลางเคี้ยวแอปเปิลอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวในคืนเดือนมืด
"ต่อไปนี้... ต่อไปนี้ครอบครัวของเราจะไม่ต้องอดอยากอีกต่อไปแล้ว"
หลินชิงชิงกำผลไม้นั้นแน่นในอ้อมกอด ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลก ใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
"พ่อ แม่ น้องเล็ก... รอฉันก่อนนะ อีกไม่นานฉันจะนำของดีๆ ที่อยู่ในมิติออกมาบำรุงทุกคน"
หลินชิงชิงบ่นพึมพำกับตัวเอง เสียงแผ่วเบา เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้อง ที่มีรูโหว่ขนาดใหญ่พอให้แสงแดดส่องผ่าน และมองทะลุไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่เบื้องบน
เธอหลับตาลง นึกถึงภาพยายแก่ๆ ที่ขายกำไลข้อมือให้เธอเมื่อวาน
"ขอบคุณนะคะคุณยาย... ที่มอบมิติวิเศษนี้ให้หนู หนูจะใช้มันเป็นอย่างดีเลยค่ะ" หลินชิงชิงพึมพำอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมา คราวนี้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข เมื่อรู้ว่าชีวิตของเธอและครอบครัวกำลังจะเปลี่ยนไป
"รอหนูอีกหน่อยนะ" หลินชิงชิงกระซิบกับผลไม้ในมือ "หนูจะทำให้ทุกคนไม่ต้องอดอยากอีกต่อไป"
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท