ตอนนี้ใกล้จะถึงยามเย็นแล้ว หลินชิงชิงเงยหน้ามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย เธอยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ แต่ตอนนี้ เธอเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้แล้วว่าเธอได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายที่เธอเคยอ่าน ในขณะที่เธอเหม่อลอยครุ่นคิดเรื่องมิติที่เธอได้มา
ไม่นานนัก พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็กลับมาจากป่า เสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกดีใจ เธอรีบลุกขึ้นไปต้อนรับพวกเขา
"ทุกคนเข้าไปในป่ากันมาเหรอคะ" เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ใช่แล้วละ" หลินเจิ้งเทียน ตอบพลางยกตะกร้าขึ้นโชว์ "พ่อได้ปลากับผักป่ามาด้วย แล้วก็มีใบจากสำหรับนำมาซ่อมแซมหลังคาบ้านของเรา" หลินเจิ้งเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" เธอเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้คนเป็นพ่อ
"เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะลูก ชิงชิงหนูหิวหรือยัง" หวังจื้อเหยาเอ่ยถามลูกสาวด้วยความห่วงใย
"หนูยังไม่หิวค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "พอดีหนูกินผลไม้ป่าที่หนูเก็บมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวันนี้มาแล้วค่ะ"
" ตอนนี้หนูยังไม่ค่อยหายดี หนูไปนั่งพักก่อนเถอะ" หวังจื้อเหยาเอ่ยกับลูกสาว
"ไม่เป็นไรค่ะแม่ ตอนนี้อาการหนูดีมากขึ้นแล้วหลังจากนอนพักผ่อนไปค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยอย่างดื้อดึง
"งั้นก็ตามใจแล้วกัน เสี่ยวหลง เดี๋ยวลูกลงวางฟืนที่เก็บมาไว้ในห้องครัวก่อนนะ" เธอหันไปบอกลูกชาย "แล้วมาช่วยแม่ทำกับข้าวด้วยนะ"
"ครับแม่" หลินเสี่ยวหลงตอบรับอย่างว่าง่าย
โชคดีที่บ้านหลังนี้ยังมีเตาเก่า ๆ หลงเหลืออยู่ หวังจื้อเหยาจึงเริ่มก่อไฟเตรียมทำอาหารเย็นมื้อง่าย ๆ สำหรับครอบครัว หลังจากแยกบ้านมาเธอได้เพียงหม้อเก่าๆ มาเพียงแค่ใบเดียว แล้วก็ถ้วยชามเก่าๆ เพียงเท่านั้น
หลินชิงชิงเมื่อไม่มีอะไรทำเธอเลยเดินไปหา พ่อของเธอที่กำลังสานใบจากอยู่
หลินเจิ้งเทียนเริ่มนำใบจากมาจัดวางเรียงเป็นตับสำหรับซ่อมแซมหลังคาบ้าน หลินชิงชิงนั่งดูพ่อทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ เธอสังเกตเห็นทักษะและความชำนาญของท่านในการสานใบจากแต่ละใบเข้าด้วยกันอย่างประณีต
"พ่อคะ หนูช่วยอะไรได้บ้างไหมคะ" เสียงใสของหลินชิงชิงดังขึ้น เมื่อเธอเห็นผู้เป็นพ่อที่กำลังปีนบันไดขึ้นไปซ่อมหลังคาบ้าน
หลินเจิ้งเทียนอมยิ้มให้ลูกสาวคนโต "ได้สิลูก หนูช่วยพ่อส่งใบจากที่พ่อสานไว้ส่งให้พ่อที" เขาพูดพลางยื่นมือลงมารับใบจากที่หลินชิงชิงส่งให้
ใบหน้า ของหลินชิงชิงฉายแววตื่นเต้น เธอรู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการซ่อมแซมบ้าน แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่เธอก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือครอบครัว หลินชิงชิงเงยหน้ามองหลังคาบ้านที่ค่อย ๆ ถูกซ่อมแซมจนสมบูรณ์
"พ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยชมพ่อของเธอด้วยความจริงใจ หลังจากที่หลินเจิ้งเทียนซ่อมแซมหลังคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่และน้องชายของเธอก็ทำกับข้าวเสร็จพอดี
"อาหารพร้อมแล้วจ้ะ" เสียงหวานของหวังจื้อเหยา ดังมาจากในห้องครัว ทำให้ทุกคนในบ้านต่างพากันเดินมุ่งหน้าไปยังโต๊ะอาหารเก่าๆ ที่อยู่ลานตรงหน้าบ้าน มีโต๊ะและเก้าอี้ใกล้จะผุพัง 4 ตัว บนโต๊ะมีชามที่ทำจากดินเผาเก่า ๆ หลินเสี่ยวหลง จูงมือพี่สาวมานั่งที่โต๊ะ
"พี่สาวนั่งตรงนี้นะครับเดี๋ยวผมไปช่วยแม่ยกกับข้าวก่อน"เด็กน้อยกล่าวอย่างกระตือรือร้นก่อนจะวิ่งไปห้องครัวเพื่อช่วยแม่หวัง
แม่หวังเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมวางกับข้าว ลงบนโต๊ะอย่างเบามือ ส่วนหลินเสี่ยวหลงถือแผ่นแป้งข้าวโพดตามมา
"ว้าว! วันนี้มีอะไรทานบ้างเนี่ย" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้น ดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นอาหารตรงหน้า นี้เป็นอาหารมื้อแรกตั้งแต่เธอทะลุมิติเข้ามา
"วันนี้แม่ทำซุปปลาใส่ผักป่า กับผัดเห็ดหอมที่ไปเก็บมาเมื่อวานจ้ะ" หวังจื้อเหยาตอบพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น
"น่าทานจังเลยค่ะแม่" หลินชิงชิงพูดพร้อมกับตักซุปใส่ถ้วยของตัวเองอย่างตื่นเต้น กลิ่นหอมของซุปปลาและผักป่าโชยขึ้นมาแตะจมูก ทำให้ท้องของเธอส่งเสียงร้องประท้วง
หลินเสี่ยวหลงมองพี่สาวด้วยสายตาขบขัน ก่อนจะตักซุปปลาใส่จานของตัวเองและของพี่สาว "พี่สาวครับ กินเยอะๆ นะครับจะได้หายเร็ว" เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หวังจื้อเหยามองลูกๆ ทั้งสองด้วยความรัก "กินให้อร่อยนะลูก" เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้
หลังจากทานข้าวเสร็จ ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อนในห้องของแต่ละคน หลินชิงชิงล้มตัวลงนอนบนเตียงหลังเก่าที่ใกล้จะจะพังแหล่มิพังแหล่ เธอพลิกตัวไปมาบนเตียงไม้ ลั่นเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นทุกครั้งที่เธอขยับตัว
"เฮ้อ..." ร่างบางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง "นอนไม่หลับเลยแฮะ อีกนานเลยกว่าจะเช้า"
ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว เธอตัดสินใจเข้าไปสำรวจมิติที่อยู่ในกำไลข้อมือ
ทันใดนั้น ร่างของเธอก็หายวับไปจากห้องนอน ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า
ภายในมิติ ลมเย็นพัดผ่านใบหน้า หลินชิงชิงลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี สายลมพัดพาเอากลิ่นหอมของดอกไม้ป่ามาแตะจมูก เหมือนว่าเธออยู่ในช่วงเวลากลางวัน
"สดชื่นจัง" เธอพึมพำ
หลินชิงชิงกวาดสายตาสำรวจไปทั่วบริเวณ ป่าแห่งนี้ช่างอุดมสมบูรณ์เกินกว่าที่เธอจะจินตนาการ สมุนไพรล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งในโลกภายนอก กลับขึ้นอยู่ทั่วไปราวกับวัชพืชไร้ค่า
"ที่นี่มัน... สวรรค์ของหมอแผนโบราณชัดๆ " หลินชิงชิงร้องออกมาด้วยความดีใจ
มือบางค่อยๆ ลูบไล้ไปตามใบของโสมร้อยปีอย่างทะนุถนอม รากของมันอวบอิ่ม เต็มไปด้วยพลังชีวิต ข้างๆ กัน เห็ดหลินจือสีแดงสด กำลังแผ่สปอร์สีทองระยิบระยับราวกับฝุ่นผงวิเศษ
"ถ้าเอาสมุนไพรพวกนี้ไปขาย คงทำเงินได้มากโขอยู่..." หลินชิงชิงนึกถึงราคาสมุนไพรหายากพวกนี้ในตลาดมืด
"ถ้าเอาสมุนไพรพวกนี้ออกไปขาย คงจะได้เงินมาซ่อมแซมบ้านได้ไม่น้อยเลย" เธอครุ่นคิดแผนการหาเงินเข้าบ้านอยู่ในใจ
หลังจากเก็บสมุนไพรจนพอใจแล้ว หลินชิงชิงก็เดินกลับมายังบ้านใจกลางมิติ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ หลับตาลง
"ขอบคุณนะ ท่านเซียน ที่ได้สร้างมิตินี้มา ฉันจะดูแลข้าวของของท่านเป็นอย่างดี" เธอพึมพำเบาๆ
จากนั้น หลินชิงชิงก็ลืมตาขึ้น ออกก็กลับออกมาอยู่ด้านนอกมิติ หญิงสาวล้มตัวลงบนเตียง หลับตาลง
"ขอพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีด้วยเถิด" เธอคิดอยู่ในใจ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเช้าเสร็จ หลินเจิ้งเทียน ก็เตรียมตัวจะเข้าป่า เขาลับคมมีด พร้า และเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว
หลินชิงชิงครุ่นคิดในใจ ในมิติของเธอ พืชผักนานาชนิดกำลังเจริญเติบโตอย่างงดงาม แม้แต่สมุนไพรที่เธอขุดมาเมื่อคืน แต่เธอไม่สามารถนำมันออกมาได้โดยง่าย มันจะทำให้ทุกคนในครอบครัวสงสัยเอาได้ เธอรู้ว่าครอบครัวกำลังลำบาก และเธออยากช่วยเหลือพวกท่าน
"พ่อคะ เดี๋ยวหนูขอเข้าป่าไปด้วยคนนะคะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบ
หลินเจิ้งเทียนเงยหน้าขึ้นจากอุปกรณ์ของเขา "ชิงชิง ลูกจะไปทำไม ในป่ามันอันตรายนะ"
"เผื่อหนูได้ของกินติดไม้ติดมือมาด้วยค่ะ" หลินชิงชิงอ้อนขอคนเป็นพ่อ
"คือว่า... เมื่อคืนหนูฝันว่าวันนี้หนูได้ของดีจากในป่าค่ะ เป็น... เป็นพืชสมุนไพรหายาก ถ้าพวกเราได้มาจะทำให้พวกเรามีเงินพอจะนำมาซ่อมแซมบ้านนี้ได้"
หลินเจิ้งเทียน หัวเราะเบา ๆ
"ฝันเหรอลูก พ่อก็หวังว่ามันจะเป็นจริงนะ แต่ของแบบนั้นหายาก พ่อว่าพวกเราคงไม่โชคดีขนาดนั้นหรอก"
หลินชิงชิงมองพ่อด้วยสายตาที่แน่วแน่
"หนูว่ามันต้องเป็นจริงแน่ ๆ ค่ะพ่อ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
คนเป็นพ่อมองหน้าลูกสาวอย่างลังเลใจ ก่อนจะหันไปหาภรรยาของเขาที่กำลังจัดเก็บข้าวของอยู่
"ชิงชิง พ่อกับแม่จะไปหาไม้มาซ่อมแซมบ้านและนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ ตอนนี้บ้านเราขาดของหลายอย่าง พ่อคงไม่ได้อยู่ดูแลลูก"
"ไม่เป็นไรค่ะ" หลินชิงชิงตอบ "เดี๋ยวหนูไปกับเสี่ยวหลงก็ได้ค่ะ เสี่ยวหลงต้องไปเก็บฟืน อยู่แล้ว หนูจะไปเก็บของป่าอยู่ใกล้ๆ นี้ละคะ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง"
หลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ "ก็ได้ แต่ลูกต้องระวังตัวนะ อย่าออกไปไกลจากเสี่ยวหลง เข้าใจไหม"
"ค่ะพ่อ" หลินชิงชิงตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง เธอรู้สึกโล่งใจที่พ่อของเธออนุญาตให้เธอไปด้วย
"แล้วก็อย่าลืมกลับมาก่อนมืดนะ" แม่ของเธอเสริม
"ค่ะแม่" หลินชิงชิงรับคำอีกครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งไปเตรียมตัว
เสียงประทัดดังกึกก้องทั่วลานบ้านตระกูลหลิว บ่งบอกถึงความยินดีปรีดาของงานมงคลสมรสระหว่างหลิวชิงชิงและหลี่เหว่ยบ้านของเธอประดับประดาไปด้วยโคมแดงสด ตัดกับผ้าแพรสีทองอร่ามระยิบระยับ บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ญาติมิตรต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างเนืองแน่น เสียงพูดคุยจอแจ เสียงหัวเราะร่าเริงดังแทรกกับเสียงดนตรีบรรเลงเพลงมงคลภายในบ้านเจ้าสาว หลิวชิงชิงในชุดแต่งงานสีแดงสดปักลวดลายด้วยดิ้นเงินวิจิตรงดงาม จากช่างตัดเย็บฝีมือดี ที่คนรักของเธอพาไปตัดเย็บ ใบหน้าหวานละมุนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา เผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หลิวชิงชิงนั่งก้มหน้ามองปลายเท้าอย่างประหม่า ขณะรอเจ้าบ่าวเข้ามาในบ้าน"ชิงชิง ลูกสาวของพ่อ" เสียงทุ้มของหลิวเหวินเจิ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน "วันนี้ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลย"หลิวชิงชิงเงยหน้าขึ้นมองบิดาด้วยแววตาสั่นไหว "คุณพ่อ...""ไม่ต้องกังวลนะลูก" หลิวเหวินเจิ้งกล่าวปลอบ "เดี๋ยวลูกเหว่ยก็จะมารับเจ้าสาวไปงานแต่งที่โรงแรมแกรนด์""ค่ะคุณพ่อ" หลิวชิงชิงพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วยด้วยความต
หลิวเหวินชางจ้องมองหลี่อ้ายเจียเย็นชา"เรื่องที่หล่อนขโมยลูกของฉัน ฉันจะให้เจ้าหน้าที่มาจัดการกับหล่อน"หลี่อ้ายเจียทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเว้าวอน"ท่านจอมพลหลิว...ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันผิด ฉันมันเลว ฉัน...""เลว ใช่ เธอมันเลว" หลิวเหวินชางคำรามเสียงดังจนสนั่น "หลี่อ้ายเจีย เธอขโมยลูกของฉันไป เธอพรากลูกของฉันไปจากอกฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน""ฉันเลอะเลือนไปแล้วถึงได้เชื่อฟังคำพี่สาว ฉันแค่ไม่อยากให้ทางบ้านสามีรู้เรื่องลูกที่เสียไปก็เท่านั้นเอง หลี่อ้ายเจียได้แต่สะอื้นไห้"แกเลยต้องมาพรากลูกคนอื่นไป แล้วลูกของคนอื่นไม่ใช่ลูกคนหรือไง " หลิวเหวินชางกัดฟันกรอด "สิ่งที่หล่อนทำมันโหดร้ายเกินไป หลี่อ้ายเจีย เธอทำลายชีวิตฉันมายาวนานหลายสิบปี""ท่านจอมพลฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ..." หลี่อ้ายเจียได้แต่พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาหลิวเหวินชางไม่ฟังคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น เขาหันไปสั่งลูกน้องเสียงเย็นชา "พาตัวหลี่อ้ายเจียไปให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองลงโทษตามกฎหมาย""ไม่...ท่านจอมพลหลิว อย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงชิงลืมตาขึ้นพร้อมกับความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทันที เรื่องราวเมื่อวานยังคงวนเวียนอยู่ในใจ กับคำพูดของท่านเจิ้ง ที่บอกว่าพ่อของเธออย่างจะไม่ใช่ลูกชายของคุณย่าหลินชิงชิงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วตรงไปยังห้องของบิดา หลินเจิ้งเทียนยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าราวกับแบกปัญหาหนักอึ้งเอาไว้ หลินชิงชิงยืนมองบิดาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากปลุก"พ่อคะ"หลินเจิ้งเทียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยความงุนงง "ชิงชิง มีอะไรรึ? ""พ่อคะ หนูว่าพวกเราไปบ้านใหญ่ตระกูลหลินกันเถอะค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "หนูอยากให้พ่อไปถามคุณย่าให้แน่ใจว่าพ่อใช่ลูกชายของท่านใช่หรือเปล่า"หลินเจิ้งเทียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาหลับตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่แน่วแน่"ก็ได้" เขาเองก็อยากรู้ความจริงเช่นกันหลังจากนั้นไม่นาน คนบ้านสาม ประกอบด้วยหลินเจิ้งเทียน หวังจื้อเหยา และหลินชิงชิง ต่างก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่ตระกูลหลิน ระหว่างทาง หลินชิงชิงสังเกตเห็นสีหน้าเคร่
ท่านเจิ้งเมื่อเห็นทุกคนอยู่ในความตกตะลึง จึงเอ่ยเตือนสติขึ้นมา"เอาละๆ ทุกคน อย่ามัวแต่คุยกันเลย มาทานข้าวกันได้แล้ว ฉันชักจะเริ่มหิวแล้วสิ"หวังจื้อเหยา ได้สติก่อนใคร รีบเชื้อเชิญทุกคนให้เริ่มทานอาหาร หลินชิงชิง ตักข้าวใส่จานให้ทุกคนอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารน่ารับประทาน ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนน้ำลายสอ"อืม... อร่อยมาก" เฉินเหม่ยหลิงเอ่ยชม "ฉันไม่เคยทานอาหารที่ไหนอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย""ใช่ๆ " หลี่หย่ง พยักหน้าเห็นด้วย "รสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องเทศกำลังดี"ท่านเจิ้งตักซุปเยื่อไผ่เข้าปากอีกคำ ซดน้ำซุปจนหมดชามแล้ววางช้อนลง พลางพยักหน้าชมด้วยสีหน้าพึงพอใจ "รสชาติดีจริงๆ กลมกล่อม หอมหวาน ซดคล่องคอ ใครเป็นคนทำอาหารมื้อนี้หรือ? "หลินชิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินคำชมก็ยิ้มแก้มปริ "หนูกับแม่ช่วยกันทำค่ะ หนูเป็นเพียงแค่ลูกมือเท่านั้นค่ะ" หลินชิงชิงตอบเสียงใส ความจริงแล้วที่อาหารอร่อยเป็นเพราะวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารล้วนมาจากมิติของเธอทั้งสิ้น ทั้งเยื่อไผ่อ่อนๆ เห็ดหอมชั้นดี และเครื่อง
แสงตะวันโพล้เพล้ทาบทาขอบฟ้า สาดสีส้มแดงระเรื่อทั่วลานบ้าน กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยยั่วน้ำลาย หลินชิงชิงและผู้เป็นมารดาต่างก็จัดเตรียมสำรับกับข้าวหลายอย่างจนเต็มโต๊ะอาหาร ทั้งไก่ตุ๋นโสม หมูแดงอบน้ำผึ้ง ผัดผักรวมมิตร และซุปเยื่อไผ่ ส่วนของหวานและผลไม้ล้วนแต่ตัดวางอย่างสวยงาม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเลิศรสที่แม่ของเธอตั้งใจปรุงขึ้นด้วยความพิถีพิถันกับข้าวพร้อมแล้วค่ะ" หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวังจื้อเหยาหันมายิ้มให้ลูกสาว "ชิงชิงไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ใกล้เวลาที่พ่อแม่สามีของหนูจะมาแล้ว"หลินชิงชิงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ "แม่.. " เสียงของเธอเอ่ยแผ่วลง "หนู.. หนูตื่นเต้นจังเลยค่ะ ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะเป็นอย่างไรบ้าง" มือบางบิดชายเสื้อไปมาอย่างประหม่า"ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูก" หวังจื้อเหยาตบบ่าลูกสาวเบาๆ อย่างให้กำลังใจ "แม่ได้ยินมาว่าครอบครัวของท่านนายพลหลี่เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ มีชื่อเสียงเรื่องความใจดี แม่เชื่อว่าพวกท่านต้องเอ็นดูหนูเหมือนลูกสาวคนหนึ่งแน่ๆ ""แต่.. หนูยังไม่เคยพบพวกท่านเลยนี่คะ" หลินชิงชิงยังคงกังวล "แล้ว.. แล้วถ้าหนูทำ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป นับตั้งแต่หลินชิงชิงพาครอบครัวเข้ามาในมิติแห่งนี้หลินเสี่ยวหลง เด็กน้อยวัย10ขวบ กลับมิได้วิ่งเล่นซุกซนตามประสาเด็ก แต่กลับขะมักเขม้นฝึกฝนวิชายุทธ ร่างน้อยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว กระบี่ไม้ในมือฟาดฟันไปตามกระบวนท่าที่หลินชิงชิงถ่ายทอดให้ เหงื่อไหลไคลย้อยอาบใบหน้า แต่เด็กน้อยก็ยังคงมุ่งมั่น มิย่อท้อ"ฮึบ...ฮ่า" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเป็นระยะหลินเจิ้งเทียน ผู้เป็นบิดา นั่งมองลูกชายอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ ในใจรู้สึกทั้งภาคภูมิใจและเป็นห่วง เสี่ยวหลงเป็นเด็กดี ขยันหมั่นเพียร แต่บางครั้งก็ดื้อรั้นเกินไป"เสี่ยวหลง พักสักครู่ ลูกฝึกมาตั้งแต่เช้าแล้ว" หลินเจิ้งเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใยหลินเสี่ยวหลงหยุดฝึกซ้อม เช็ดเหงื่อที่ไหลอาบหน้า "พ่อครับ ผมยังไม่เหนื่อยครับ ผมอยากเก่งๆ จะได้ปกป้องทุกคน จะไม่ให้คุณย่ามารังแกบ้านเราได้" เด็กชายตอบเสียงใส แววตามุ่งมั่นหลินเจิ้งเทียนถอนหายใจ เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับมารดาเป็นเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจที่สุด เขาไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้เกลียดชังเขามากนัก ตั้งแต่เด็กเขาไม่เคยได้รับความรักจากท