สามเดือนต่อมา
หลังจากที่พิธีแต่งงานของกู้จงกับอี้เหลียนผ่านพ้นไป คุณชายน้อยหลัวก็ได้กลับมาจากสำนักศึกษาตระกูลหลี่ เพื่อเยี่ยมตระกูลเดิมเสียที เขาอาลัยหามารดายิ่งนัก ครั้นมาถึงสองแม่ลูกก็สวมกอดกันด้วยความโหยหายามนี้หลี่ชิงเหมียวมีรูปร่างเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว นางดูอวบอิ่มขึ้น ใบหน้างามก็ไม่ซูบผอมเช่นแต่ก่อน แม่นมซิ่วที่กลับมาพร้อมกับคุณชายน้อย เห็นแล้วก็พลอยรู้สึกอิ่มเอมไปด้วย“อี้เหลียน… เด็กคนนี้ทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ ดูฮูหยินน้อยยามนี้เถิด รูปร่างอิ่มเอิบ มีน้ำมีนวลกว่าสามเดือนที่แล้ว ดูน่ามองยิ่งนัก” แม่นมซิ่วหันไปเอ่ยปากชมสาวรับใช้คนสนิทของฮูหยินน้อย ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับความดีความชอบ ว่าเป็นของตน“ไม่ใช่เลยเจ้าค่ะแม่นม… เป็นท่านเขยต่างหาก” อี้เหลียนกล่าวพลางกลั้นยิ้ม แม่นมซิ่วได้ยินเช่นนั้นก็พอจะเดาได้ ที่แท้เป็นท่านเขย ที่คอยดูแลฮูหยินน้อย เป็นอย่างดีนี่เอง“เห็นท่านเขยรัก และทะนุถนอมฮูหยินน้อยเช่นนี้ ข้าน้อยอยู่ไกลก็วางใจแล้ว”“คุยกันแต่เรื่องของข้า… เจ๋อเอ๋อร์ไปอยู่ที่โน่น เป็นอย่างไรเพราะเหตุผลใดน่ะหรือ นั่นก็เป็นเพราะหลูชิงเหลียน ได้ยอมแพ้ให้กับความรู้สึกของหลัวอี้เฉินในชาติภพนี้แล้วนั่นเอง นางคิดว่าจะอย่างไรก็ได้ ขอเพียงแค่เขา ไม่คิดที่จะเลิกรากับหลี่ชิงเหมียวก็พอ นางเพียงแค่ต้องการ ที่จะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างกายเขา เพื่อที่จะได้อยู่ข้างกายของหลัวอี้เจ๋อเท่านั้นแต่แล้วสิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็ได้เกิดขึ้น เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ ที่นางได้ปะทะฝีมือกับพวกนักเลงร่างโตสองคน หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงน้ำชาของจวนนายอำเภอนางเผลอใช้วรยุทธ์ จัดการพวกนักเลงทั้งสอง จนพวกมันพ่ายแพ้ให้กับนาง ทว่าทุกการกระทำของนาง กลับตกอยู่ในสายตาของหลัวอี้เฉินเข้าพอดีในยามนั้นนางพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเขา เขาดูเหมือนว่า อยากจะเอ่ยปากถามนาง เกี่ยวกับเรื่องวรยุทธ์ที่นางใช้ ทว่านางกลับหาทางบ่ายเบี่ยง จนกลับไปยังจวนคืนนั้นเขาทำตัวแปลกไป นั่นก็คือถือหมอนกับผ้าห่ม มาขอนอนเตียงเดียวกันกับนาง ทำให้นางรู้สึกขบขัน กับบุรุษที่กำลังกลืนน้ำลายตัวเองยิ่งนักนางถามเขาว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้มานอนร่วมเตียงกับนาง และนางยังเอ่ยปากหยอกเย้าเขา ว่าคงมิใช่เป็นเพราะอากาศหนาวกระมัง ทว่าประโยคที่เขาสวนกลับมา
หลังจากที่พยายามเปลี่ยนแปลงตนเอง รับมือกับแม่ใหญ่ และพี่สาวต่างมารดาอยู่นานเกือบสองปี หลูชิงเหลียน ที่ได้มาเกิดใหม่ในร่างของหลี่ชิงเหมียว ก็สามารถแต่งเข้ามายังจวนตระกูลหลัว ได้สมปรารถนา ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสามีนั้น ช่างห่างเหินเย็นชายิ่งนักอีกทั้งเขาก็ยังขีดเส้นกับนางอย่างชัดเจน ตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานกัน ไม่รู้ว่ายามที่ได้ยินเขากล่าวออกมาเช่นนั้น ภายในใจของนางนั้นมีความรู้สึกเช่นไรจะบอกว่าดีใจ ที่สามีรักมั่นในภรรยาเดิมนั้นก็ไม่ผิด แต่ก็อดที่จะรู้สึกผิด ต่อภรรยาคนใหม่ของเขาไม่ได้ เพราะถ้าหากสตรีที่แต่งกับเขา ไม่ใช่นางที่เคยเป็นภรรยาเขามาก่อน ก็คงต้องพบเจอกับความเจ็บช้ำใจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่สิ่งที่นางนึกขันในคำพูดของเขา คือภายภาคหน้า หากนางได้พบเจอกับคนที่นางถูกใจ เขาก็พร้อมที่จะปล่อยให้นางได้เป็นอิสระ และระหว่างนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะแตะต้องนาง“ฮูหยินน้อย... ท่านเขยจะกลับมานอน ที่เรือนนี้หรือไม่เจ้าคะ” อี้เหลียนเอ่ยถามนายหญิงของตนออกมา ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเพราะถึงแม้นายท่าน และฮูหยินใหญ่ตระกูลหลัว จะดีต่อคุณหนูของนาง ที่เพิ่งเป็นสะใภ้หมาดๆ ทว่าสามีอย่างท่านใต้เท้าหลัว
มีเพียงอี้เหลียน สาวรับใช้คนสนิท ที่ดีต่อนาง พี่สาวต่างมารดารังเกียจ และกลั่นแกล้งรังแกนาง พวกบ่าวไม่ให้ความเคารพหลูชิงเหลียนได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกปวดใจ จึงรับปากคำขอของหลี่ชิงเหมียว ว่านางจะใช้ชีวิตอยู่ในร่างนี้ต่อไปให้ดี จะคอยปกป้องมารดา และพี่ชายเป็นอย่างดีหลี่ชิงเหมียวทิ้งท้ายว่า ตระกูลหลี่นั้นไม่ได้สงบสุขอย่างที่คิด ขอให้นางระมัดระวังตัวให้ดี เพราะคนที่แสดงสีหน้าออกมาดีมีเมตตานั้น ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดียมทูตดำพาวิญญาณของหลี่ชิงเหมียวจากไป หลังจากที่อีกฝ่ายฝากฝัง เรื่องที่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ไว้กับเจ้าของร่างคนใหม่แล้ว“ผู้ศรัทธา... รีบเข้าร่างเถิด ชีพจรนางเต้นช้าลงแล้ว” เสียงของแสงสีทอง ที่ถูกเรียกขานว่าท่านปรมาจารย์ดังขึ้น“ท่านปรมาจารย์ ท่านมีนามว่าเช่นไรหรือ แล้วเพราะเหตุใดกัน ข้าถึงต้องมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวนางนี้”หลูชิงเหลียนเอ่ยถามร่างแสงสีทองออกมาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม“ได้พบกันคือโชคชะตา สักวันท่านผู้ศรัทธาก็จะรู้เอง” สิ้นเสียงเมตตาของร่างแสงสีทอง สติของหลูชิงเหลียนก็ดับวูบไปหลี่ชิงเหมียวลืมตาตื่น ผุดลุกขึ้นนั่ง เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก นางเหลียวมองไปรอบๆ ก
“ยมทูตดำ... ท่านเกรงใจแล้ว ข้าเพียงแค่อยากจะพูดคุยกับดวงวิญญาณ ที่ท่านกำลังจะพาไปสักหน่อย แล้วก็ช่วยตรวจสอบ ดวงชะตาของร่างนี้ด้วย”แสงสีทองกล่าวออกมายิ้มๆ พลางชี้ไปยังร่างเล็ก ที่ยังมีลมหายใจ แผ่วเบาลงเรื่อย ๆ“เอ่อ... นางสิ้นอายุขัยแล้วขอรับ ข้าน้อยกำลังจะพานางไป” ยมทูตดำอ้ำอึ้งเขาว่าตนตรวจสอบมาดีแล้ว ว่าวิญญาณที่ตนจะต้องมารับในยามนี้ คือหลี่ชิงเหมียว คุณหนูสามตระกูลบัณฑิตหลี่นางนี้แน่นอน“ท่านลองเปิดดูบันทึกก่อนเถิด ที่ข้าอยากรู้ก็คือร่างนี้ต่างหาก ว่าสิ้นอายุขัยหรือยัง” ยมทูตดำรู้สึกฉงนใจ แต่ก็ยอมเปิดดูบันทึกในมือ นัยน์ตาของยมทูตดำเบิกโพลง“น่ะ... นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” สิ้นอายุขัยเกิดใหม่ในร่างนี้อย่างนั้นหรือ“ว่าอย่างไร” แสงสีทองเอ่ยถามออกมา“ในบันทึกกล่าวว่า จะมีวิญญาณของผู้มีบุญ มาเกิดใหม่ในร่างนี้ ซึ่งจะมีชะตาชีวิตต่อไปอีกเจ็ดสิบปี” ยมทูตดำกล่าวออกมาอย่างไม่ปิดบัง“ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว”ฝาน้ำเต้าถูกเปิดออก วิญญาณของสตรีอีกคน ลอยออกมาจากในน้ำเต้า หลูชิงเหลียนรู้สึกงุนงง มองไปรอบๆ สถานที่แปลกตา ยิ่งรู้สึกไม่คุ้นเคย“น่ะ...นี่คือ”ยมทูตดำเอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นตะลึง ก่อนที่
วิญญาณของหญิงสาว ล่องลอยไปตามสายธารแห่งวิญญาณ ที่กำลังเดินเข้าสู่ประตูนรก เพื่อไปรอรับการตัดสินความดีความชั่ว จากท่านยมทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้ก้าวข้ามสะพาน เสียงบริสุทธิ์เสียงหนึ่ง ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง“ผู้ศรัทธา... โปรดตามข้ามาเถิด เจ้ายังไม่ถึงเวลา ที่จะจากโลกนี้ไป”“ยังไม่ถึงเวลา ที่จะจากโลกนี้ไปหรือเจ้าคะ หมายความว่าเช่นไรหรือ” ดวงวิญญาณของหญิงสาวถามแสงสีทองตรงหน้า ด้วยความฉงนใจ“ตามมาเถิด แล้วแม่นางจะเข้าใจเอง” น้ำเสียงเมตตา ดังออกมาจากร่างแสงสีทองนั้นหลูชิงเหลียนจึงลอยตามแสงสีทองนั้นไป โดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางคือที่ใด วิญญาณของนางตามแสงสีทองกลับไปยังโลกภูมิ ล่องลอยไปยังจวนหลังหนึ่ง ที่มีเสียงผู้คนกำลังร่ำไห้ ชวนให้ปวดใจยิ่งนัก“นั่นคือร่างของผู้ศรัทธา ที่สิ้นอายุขัยจากชาติภพนี้ไปแล้ว” เจ้าของแสงสีทองชี้แจงออกมา หลังจากที่ได้เห็นดวงวิญญาณของหญิงสาว แสดงสีหน้างุนงง“นั่นคือข้าหรือเจ้าคะ”ดวงวิญญาณที่เพิ่งจะออกจากร่างย่อมมึนงง จดจำเรื่องราวในยามที่มีชีวิตอยู่ไม่ได้ในทันที จึงไม่แปลก ที่หลูชิงเหลียนจะจดจำร่างของตนไม่ได้“ใช่แล้ว... เจ้าลองหลับตาลง แล้วเพ่งสมาธิไปยังจุดตันเถี
“เหมียวเอ๋อร์… เจ้ามั่นใจรึ ที่จะให้เซียนเอ๋อร์ประลองฝีมือ ถึงอย่างไรนางก็เพิ่งจะฝึกวรยุทธ์มาได้ไม่นาน แต่หลิวซีที่อายุมากกว่า นางฝึกวรยุทธ์กับเหล่าจ้ง บิดาของนางมาราวๆ หนึ่งปีได้แล้วกระมัง” ท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยถามบุตรสาวออกมาด้วยความเป็นกังวล หลานสาวยังเยาว์วัยนัก“ข้าเชื่อใจนางเจ้าค่ะ นางมีความสามารถมากกว่าข้า ในยามที่อายุเท่านี้เยอะ” หลี่ชิงเหมียวหันไปบอกบิดาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ“ก็จริง… แต่พ่อไม่อยากให้นางได้รับบาดเจ็บ เหตุใดนางถึงได้นิสัยเจ้ามาเต็มๆ เช่นนี้นะ” นายท่านหลูกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจหลานสาวคนนี้ เอานิสัยในวัยเยาว์ของหลูชิงเหลียนมาจนหมด ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน หากเขาไม่รู้ว่า หลูชิงเหลียนได้มาเกิดใหม่ ในร่างของหลี่ชิงเหมียวแล้ว เขาคงจะเผลอเข้าใจผิด คิดว่าหลานสาวผู้นี้ต่างหาก คือบุตรสาวของเขาที่มาเกิดผู้คุมการประลองให้สัญญาณ เรียกผู้ประลองทั้งสอง ให้มาเผชิญหน้ากัน ก่อนที่จะประกาศให้เริ่มประลองได้ ทุกคนที่มารอชม ต่างพากันมองไปยังสองร่างเล็ก ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นหลัวลี่เซียนคล่องตัวกว่าหลิวซ