เช้านี้บรรยากาศภายในจวนตระกูลหลัว ดูครึกครื้นยิ่งนัก นั่นก็เป็นเพราะพี่ชาย กับพี่สะใภ้ของฮูหยินน้อย พากันมาเยือนที่จวน เพื่อมาแสดงความยินดีกับนาง ที่กำลังมีครรภ์ และมารับคุณชายน้อยหลัว ไปศึกษาต่อที่สำนักศึกษาตระกูลหลี่ ตามความตั้งใจของหลี่ชิงเหมียว
“ท่านแม่สบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ท่านแม่ฝากพี่รองมาบอกเจ้าว่า ให้เจ้าดูแลตัวเองกับหลานในครรภ์ให้ดี ส่วนคุณชายน้อยหลัว พวกเราจะช่วยกันดูแลเขา เหมือนเขาเป็นหลานชายแท้ๆ อีกคน” หลี่ต้าหลุนบอกน้องสาวของตนหลังจากที่พวกเขา ไปคำนับทักทายนายท่านหลัว และหลัวฮูหยินเรียบร้อยแล้ว หลี่ชิงเหมียวจึงได้พาพวกเขามาพักที่เรือนหนิงหลัน ซึ่งอยู่ข้างๆ กับเรือนหนิงอันของนาง“ถ้าหากข้ายังไม่มีครรภ์ ก็คงจะเดินทางไปส่งเจ๋อเอ๋อร์ด้วยตัวเอง ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”“เจ้าไม่ต้องคิดมาก เขาไปอยู่ที่ตระกูลหลี่ย่อมไม่เหงา นอกจากมีหลานชายคนโตของเจ้าแล้ว ที่จวนยังมีหลานสาวคนรองของเจ้าอยู่ด้วย ข้าจะสอนให้เด็ก ๆ รักและให้เกียรติกันอย่างแน่นอน” หลี่ต้าหลุนบอกน้องสาวยิ้มๆหลานชายคนโตที่หลี่ต้าหลุนกล่าวถึง ก็คือทายาทขหลี่ชิงเหมียวนั่งอยู่ในศาลาพักผ่อนกับบุตรสาว ที่เอาแต่ร้องตะโกนให้กำลังใจพี่ชายก็รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา“เซียนเอ๋อร์... เจ้าเองก็อยากลองขี่ม้าใช่หรือไม่” หลัวลี่เซียนหันขวับเดินเข้าไปออดอ้อนมารดา“เจ้าค่ะท่านแม่...”“ยามนี้เจ้ายังเยาว์วัยนัก ร่างกายก็ยังเติบโตไม่สมบูรณ์ ไม่อาจควบคุมอาชาตัวโตเช่นนั้นได้” สิ้นคำกล่าวของมารดา หลัวลี่เซียนก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาทว่าก่อนที่จะนางจะแสร้งหลั่งน้ำตาขอความเห็นใจจากมารดาออกมา หลี่ชิงเหมียวก็แอบโบกมือให้บ่าวในสนามบ่าวผู้นั้นจูงอาชาตัวเล็กสีนิลเข้ามา หลัวลี่เซียนมองไปยังอาชาตัวน้อย ก่อนที่จะหันหน้ากลับมามองมารดานัยน์ตาเป็นประกาย หลี่ชิงเหมียวแสร้งยกชาขึ้นมาจิบ“ท่านแม่... ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้ารักท่านแม่ที่สุด”หลัวลี่เซียนโผเข้าไปกอดมารดา พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน นางหอมแก้มของมารดาซ้ายทีขวาทีอย่างเอาใจ หลี่ชิงเหมียวรู้สึกใจอ่อนยวบ สุดท้ายแล้ว นางก็ต้องพ่ายแพ้ให้บุตรสาวขี้อ้อนผู้นี้อยู่ร่ำไปหลัวอี้เฉินกับหลัวอี้เจ๋อ สองพ่อลูกที่สังเกตเห็นนางฟ้าตัวน้อย กำลังจะขึ้นอาชา ต่างก็รีบควบอาชากลับมา หลัวอี้เจ๋อเสนอตัวดูแลน้องสาวเอง เพราะอาชาที่หลัวลี
หลังจากที่หลี่ชิงเหมียวให้กำเนิดหลัวลี่เซียนได้ห้าปี เด็กหญิงก็เริ่มเดินตามรอยเท้าของบิดามารดา แม้เกิดเป็นหญิง แต่ผู้ใดกันที่บอกว่าสตรีอ่อนแอ แล้วนางจะต้องอ่อนแอ นางเองก็มีคนที่อยากจะปกป้องเช่นกัน“คุณหนูหลัว... ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าอยากจะฝึกวรยุทธ์จริงๆ” สตรีที่ดูมีความรู้ตรงหน้าเอ่ยถามลูกศิษย์ตัวน้อยออกมาด้วยความตกใจอาจารย์อี้ นางเป็นอาจารย์ที่หลี่ชิงเหมียว เชิญให้มาสอนบุตรีที่จวน โดยอาจารย์อี้ ได้จัดตารางการเรียนให้เด็กหญิงได้เรียนรู้ตัวอักษร และการฝึกคัดอักษรหลายวันที่ผ่านมาคุณหนูหลัวก็ดูตื่นเต้นดี ทว่าพอเวลาผ่านไปได้สิบวัน คุณหนูน้อยกลับกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ ว่าสิ่งที่อาจารย์เช่นนางสอนมานั้น นางรู้ทั้งหมดแล้ว เป็นท่านแม่ของนาง ที่เคยจับมือสอนนาง ให้เขียนพู่กัน ในยามที่นางยังวัยเพียงแค่สี่ขวบอาจารย์อี้ไม่อยากจะเชื่อ ในคำพูดของเด็กวัยห้าขวบ นางจึงได้ทำการทดสอบเด็กน้อย ทว่าคุณหนูหลัว ราวกับเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก นางสามารถเรียนรู้สิ่งใดได้อย่างรวดเร็ว จะเรียกได้ว่า รู้ความไวกว่าเด็กวัยเดียวกันก็ไม่ผิดและการที่นางได้พบกับอัจฉริยะตัวน้อยเช่นนี้ ทำให้อาจารย์อี้ รู้สึ
หลังจากมื้ออาหารเย็นพ้นผ่าน หลัวอี้เฉินก็ได้ติดตามภรรยา ไปยังห้องนอนของบุตรี เพื่อดูหลัวลี่เซียน นางฟ้าตัวน้อยซึ่งยามนี้ตื่นมาเล่นพอดี ในขณะที่บิดามารดา ก้าวเข้ามาภายในห้อง คุณหนูน้อยเห็นเข้า ก็รีบเดินแกมวิ่งเข้ามาหาทันที“เซียนเอ๋อร์... ค่อยๆ เดินสิลูก หากเจ้าล้มลงไปได้รับบาดเจ็บขึ้นมา แม่ก็คงปวดใจอีก” หลี่ชิงเหมียวย่อกายรับบุตรสาว อุ้มนางขึ้นมาในอ้อมแขน แล้วพาร่างเล็กไปนั่งลงบนตั่งตัวยาวหลัวอี้เจ๋อเดินตามสองแม่ลูกไป นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบๆ ภายในห้องนอนของหลัวลี่เซียนค่อนข้างโล่ง เพราะตั้งแต่ที่นางเดินได้ หลี่ชิงเหมียวก็สั่งให้สาวรับใช้ เก็บห้องนี้ให้เรียบร้อย เพราะเกรงว่าบุตรสาวในวัยกำลังเดิน จะได้รับอันตรายจากของตกแต่งห้องเหล่านั้น“วันนี้เซียนเอ๋อร์ของพ่อเป็นเด็กดีจริงๆ” หลัวอี้เฉินเดินไปนั่งลงข้างกายภรรยา พลางยื่นมือไปลูบศีรษะของบุตรีหลัวลี่เซียนยังเด็ก ไม่รู้ความในสิ่งที่ผู้ใหญ่กล่าวมามากนัก นางจึงหันไปนั่งเล่นตุ๊กตาผ้าที่มารดาทำให้ เด็กหญิงติดตุ๊กตาตัวนี้มาก เพราะมันอยู่ข้างกายนางมานาน“ฮูหยิน... นี่ใช่ตุ๊กตาที่เจ้าเย็บให้นาง ในวันครบรอบหกเดือนของนางใช่หรือไม่” หลัวอี้เฉินเอ่ย
หลี่ชิงเหมียวมองดูร่างเล็ก ที่นอนอยู่ในเปล ด้วยแววตาอ่อนโยน ชีวิตนี้นางโชคดี ที่ได้มีโอกาส เฝ้ามองบุตรสาวเติบโต ยามที่ริมฝีปากเล็กนั้น คาบอยู่บนถันงามของนาง ให้ความรู้สึกทั้งจักจี้ และซึ้งใจการเป็นมารดานั้น แม้จะเริ่มต้นจากความยากลำบาก แต่ถ้าหากสามารถก้าวผ่าน การให้กำเนิดมาได้ ย่อมได้พบกับปลายทางที่มีความสุขหลังจากที่นางพักฟื้นร่างกายจนมีเรี่ยวแรง นางก็เลือกที่จะให้นมหลัวลี่เซียนด้วยตนเอง แม่นมที่เคยให้นมคุณหนูน้อยช่วงแรกเกิดจึงไม่ได้ทำหน้าที่ต่อ จนบัดนี้บุตรสาวถึงวัยปิดนมแล้ว“ซู่อิง... ท่านเขยใกล้จะกลับมาแล้ว เจ้าไปสั่งให้คนจัดอาหารขึ้นโต๊ะเถิด”หลี่ชิงเหมียวหันไปเอ่ยกับซู่อิง สาวรับใช้คนใหม่ของนาง เพราะหลังจากอี้เหลียนออกเรือน นางอยากให้เวลาส่วนตัวกับสาวรับใช้คนสนิทมากขึ้น จึงได้รับสาวรับใช้ข้างกายมาเพิ่มอีกสองคน คนหนึ่งนั้นคอยช่วยอี้เหลียนรับใช้นาง ส่วนอีกคนคอยช่วยดูแลหลัวลี่เซียน“เจ้าค่ะฮูหยินน้อย” ซู่อิงรับคำ จากนั้นจึงรีบออกจากห้องนอนของคุณหนูน้อย มุ่งหน้าไปยังโรงครัว เพื่อสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะ ก่อนที่นายท่านจะกลับมาถึงหลี่ชิงเหมียวเดินกลับไปนั่งอยู่ที่ตั่งตัวยาว
เพราะเหตุผลใดน่ะหรือ นั่นก็เป็นเพราะหลูชิงเหลียน ได้ยอมแพ้ให้กับความรู้สึกของหลัวอี้เฉินในชาติภพนี้แล้วนั่นเอง นางคิดว่าจะอย่างไรก็ได้ ขอเพียงแค่เขา ไม่คิดที่จะเลิกรากับหลี่ชิงเหมียวก็พอ นางเพียงแค่ต้องการ ที่จะอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างกายเขา เพื่อที่จะได้อยู่ข้างกายของหลัวอี้เจ๋อเท่านั้นแต่แล้วสิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็ได้เกิดขึ้น เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ ที่นางได้ปะทะฝีมือกับพวกนักเลงร่างโตสองคน หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงน้ำชาของจวนนายอำเภอนางเผลอใช้วรยุทธ์ จัดการพวกนักเลงทั้งสอง จนพวกมันพ่ายแพ้ให้กับนาง ทว่าทุกการกระทำของนาง กลับตกอยู่ในสายตาของหลัวอี้เฉินเข้าพอดีในยามนั้นนางพยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเขา เขาดูเหมือนว่า อยากจะเอ่ยปากถามนาง เกี่ยวกับเรื่องวรยุทธ์ที่นางใช้ ทว่านางกลับหาทางบ่ายเบี่ยง จนกลับไปยังจวนคืนนั้นเขาทำตัวแปลกไป นั่นก็คือถือหมอนกับผ้าห่ม มาขอนอนเตียงเดียวกันกับนาง ทำให้นางรู้สึกขบขัน กับบุรุษที่กำลังกลืนน้ำลายตัวเองยิ่งนักนางถามเขาว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้มานอนร่วมเตียงกับนาง และนางยังเอ่ยปากหยอกเย้าเขา ว่าคงมิใช่เป็นเพราะอากาศหนาวกระมัง ทว่าประโยคที่เขาสวนกลับมา
หลังจากที่พยายามเปลี่ยนแปลงตนเอง รับมือกับแม่ใหญ่ และพี่สาวต่างมารดาอยู่นานเกือบสองปี หลูชิงเหลียน ที่ได้มาเกิดใหม่ในร่างของหลี่ชิงเหมียว ก็สามารถแต่งเข้ามายังจวนตระกูลหลัว ได้สมปรารถนา ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับสามีนั้น ช่างห่างเหินเย็นชายิ่งนักอีกทั้งเขาก็ยังขีดเส้นกับนางอย่างชัดเจน ตั้งแต่วันแรกที่แต่งงานกัน ไม่รู้ว่ายามที่ได้ยินเขากล่าวออกมาเช่นนั้น ภายในใจของนางนั้นมีความรู้สึกเช่นไรจะบอกว่าดีใจ ที่สามีรักมั่นในภรรยาเดิมนั้นก็ไม่ผิด แต่ก็อดที่จะรู้สึกผิด ต่อภรรยาคนใหม่ของเขาไม่ได้ เพราะถ้าหากสตรีที่แต่งกับเขา ไม่ใช่นางที่เคยเป็นภรรยาเขามาก่อน ก็คงต้องพบเจอกับความเจ็บช้ำใจ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่สิ่งที่นางนึกขันในคำพูดของเขา คือภายภาคหน้า หากนางได้พบเจอกับคนที่นางถูกใจ เขาก็พร้อมที่จะปล่อยให้นางได้เป็นอิสระ และระหว่างนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะแตะต้องนาง“ฮูหยินน้อย... ท่านเขยจะกลับมานอน ที่เรือนนี้หรือไม่เจ้าคะ” อี้เหลียนเอ่ยถามนายหญิงของตนออกมา ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเพราะถึงแม้นายท่าน และฮูหยินใหญ่ตระกูลหลัว จะดีต่อคุณหนูของนาง ที่เพิ่งเป็นสะใภ้หมาดๆ ทว่าสามีอย่างท่านใต้เท้าหลัว