Masukปานระพีมายืนโบกแท็กซี่ได้ไม่กี่นาทีฟ้าก็เริ่มครึ้ม ฝนเริ่มลงเม็ด ไม่นานก็ตกหนักขึ้น เธอรีบวิ่งขึ้นรถแท็กซี่คันแรกที่จอดรับ ด้วยเกรงว่าตัวเองจะเผลอปล่อยโฮออกมาให้คนในมหา’ลัยได้เห็น ผู้หญิงตัวอวบๆ ยืนร้องไห้เป็นนางเอกมิวสิคเจ้าน้ำตาท่ามกลางสายฝนคงเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก
หลังจากบอกจุดหมายคนขับ หญิงสาวก็ยกมือขึ้นปิดหน้า แล้วหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ การเรียนแพทย์ทำให้ปานระพีควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ดีพอสมควร เพราะต้องฝึกทำจิตใจให้เข้มแข็งพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ และมีความอดทนอดกลั้น แต่ก็อย่างว่าล่ะ ถึงแม้จะเรียนเก่งมากแค่ไหน แต่ปานระพีก็ยังอ่อนต่อโลกอยู่ดี เธอยังทำตัวไม่ถูกกับความเจ็บปวดและผิดหวังที่เพิ่งพานพบ ต่อไปนี้เธอคงต้องเรียนรู้ที่จะโตขึ้น ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และที่สำคัญเธอควรจะถอยห่างจากมหรรณพตั้งแต่ตอนนี้
คิดมาถึงจุดนี้ปานระพีก็น้ำตาซึมอีกรอบ การถอยห่างจากเขามันไม่ง่ายเลย ก็เธอแอบรักเขามาตั้งนาน แล้วอยู่ๆ จะให้หักดิบอารมณ์มันเป็นไปได้ยากมาก ทุกอย่างคงต้องใช้เวลา
ทันใดนั้นคนที่คิดจะถอยห่างจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีก็เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตคันหรู ที่ตนเพิ่งมีโอกาสได้นั่งไม่ถึงยี่สิบนาที ก่อนจะถูกถีบหัวส่ง รถของมหรรณพกำลังถูกรถคันหนึ่งขับจี้ตามไม่ลดละ ดูลักษณะแล้วเหมือนจงใจ และเธอก็เริ่มแน่ใจว่ามันไม่ชอบมาพากล เมื่อรถคันดังกล่าวพยายามจะขับเบียดรถของมหรรณพท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว ทำเอารถของเขาเกือบเสียหลักหลายครั้ง
“ลุงคะ ช่วยขับตามรถคันนั้นให้หนูหน่อยค่ะ”
ปานระพีเอ่ยพร้อมชี้มือไปยังรถคันข้างหน้าด้วยความร้อนใจ
“มันจะดีเหรอหนู ดูท่าว่ารถสองคันนั้นคงมีเรื่องกันแหงๆ” คนขับเอ่ยเป็นเชิงค้านด้วยรักตัวกลัวตาย
“แต่สามีหนูอยู่ในรถคันข้างหน้า หนูเป็นห่วงเขาค่ะ ได้โปรดเถอะนะคะลุง”
หญิงสาวละล่ำละลักวิงวอน ขณะที่ตายังไม่ละจากภาพสุดระทึกตรงหน้า ส่วนคนขับแท็กซี่ก็ยอมที่จะหักเลี้ยวเข้าไปในซอยแคบๆ ตามหลังรถสองคันข้างหน้าไปอย่างห่างๆ เพราะห่วงความปลอดภัยของตัวเอง รถของมหรรณพกับคนร้ายวิ่งไล่บดอัดกันอยู่พักใหญ่ ปะทะและกระแทกกันก็หลายครั้ง กระทั่งมหรรณพเหยียบคันเร่งเพื่อทิ้งห่าง หากทว่าทางที่ทั้งแคบและขรุขระข้างหน้าก็ทำให้เขาไปได้ไม่ไกลมากนัก แถมยังต้องหลุดสบถหยาบคาย เมื่อมีรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่โผล่มาจากทางแยก มันจงใจพุ่งพรวดมาดักทาง จนต้องหักหลบ แต่ไม่พ้นเสาไฟ แล้วทันใดนั้นเสียงรถชนกันก็ดังสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วยเสียงปืนที่ยิงถล่มรถสปอร์ตหรูอีกหลายนัด
ตู้ม!!!
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
“คุณหวง!”
ปานระพีอุทานเสียงหลง ดวงตาเหลือกถลน ก่อนจะรีบบอกให้คนขับแท็กซี่หยุดรถ ลนลานควักเงินค่าโดยสารส่งให้อีกฝ่ายมือไม้สั่น แล้วรีบวิ่งลงจากรถไปยังจุดเกิดเหตุ
ทันทีที่ไปถึงปานระพีก็รีบพุ่งไปทางฝั่งคนขับ พร้อมตะโกนเรียกมหรรณพท่ามกลางสายฝน แต่สภาพรถที่พังยับเยินเพราะแรงอัดกระแทกกับเสาไฟจนเสาไฟขาดครึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลบไป
“คุณหวง! ได้ยินแพรไหม! คุณหวง…ตอบหน่อย...”
เสียงสั่นระริกยังคงตะโกนเรียกสติเขาอย่างบ้าคลั่ง ขณะงัดร่างโชกเลือดออกมาจากรถด้วยสภาพทุลักทุเล เพราะนอกจากเขาจะตัวใหญ่ยักษ์แล้ว ประตูด้านคนขับยังถูกกระแทกจนบุบเข้าไปแทบไม่เหลือสภาพ
หลังจากจัดให้ร่างใหญ่นอนราบไปกับพื้นถนนริมฟุตปาธ เธอก็รีบฟุบหัวลงไปเอาหูแนบหน้าอกกว้างเพื่อฟังเสียงหัวใจเขา ก่อนจะตัวแข็งทื่อ เมื่อรับรู้ได้ว่าหัวใจของมหรรณพหยุดเต้น วินาทีถัดมาปานระพีก็รีบทำ CPR ด้วยการปั๊มหัวใจ โดยใช้มือกดบริเวณหน้าอกใต้ลิ้นปี่ 30 ครั้ง สลับกับการเป่าปาก
“คุณหวง! ฟื้นสิ! ได้ยินไหม…ฟื้นสิ!”
เธอทำทั้งสองอย่างสลับกันอยู่อย่างนั้น ขณะที่น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย ส่วนปากก็ยังตะโกนอย่างบ้าคลั่งในจังหวะที่มือยังคงปั๊มหัวใจเขาไม่หยุดหย่อน
“ฟื้นสิ! คุณหวงฟื้น! แพรบอกให้ฟื้น!”
เวลาผ่านไปทุกวินาทีพร้อมกับสถานการณ์บีบคั้นหัวใจอย่างถึงที่สุด กระทั่งทนแรงกดดันไม่ไหวเธอก็แหงนหน้าปะทะสายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำ แล้วร้องไห้เสียงดังสนั่น ส่วนมือนั้นก็ยังคงกดหน้าอกกว้างปั๊มหัวใจ ครั้นเห็นว่าความพยายามไม่เป็นผล และตนก็กำลังจะหมดแรง มือสั่นเทาก็เขย่าร่างไร้สติพร้อมกรีดร้องประหนึ่งคนเสียสติ แล้วฟุบหน้าลงกับอกแกร่ง ร้องไห้สะอึกสะอื้นปานปิ่มจะขาดใจ
ทันใดนั้นปานระพีก็เบิกตาโพลง เมื่อหูแว่วได้ยินเสียงหัวใจอันแผ่วเบาของเขา ที่สุดมหรรณพก็กลับมาหายใจเองได้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่มีสติแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
จากนั้นปานระพีก็เช็กสภาพร่างกายคนเจ็บ เขาเสียเลือดมากจากแรงกระแทก และมีบาดแผลในช่วงล่างหลายจุด ซึ่งโดนชิ้นส่วนของรถยนต์ทิ่มเข้า เธอรีบโทรเรียกรถหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน เพราะถึงแม้จะเป็นหมอแต่นอกจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ปานระพีก็ไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรมากไปกว่านั้น เนื่องจากไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือในเวลานี้ จึงไม่กล้าผลีผลามทำอะไรที่อาจจะเสี่ยงอันตราย เพราะดูจากสภาพแล้วกระดูกซี่โครงของคนเจ็บน่าจะหักหลายซี่ และอวัยวะภายในน่าจะได้รับความเสียหายหลายจุด จากนั้นจึงโทรแจ้งตำรวจ
“คะ…คุณหวง อย่าทิ้งแพรไปนะคะ ได้โปรดเถอะ…”
คนเสียขวัญเพราะหวาดกลัวการสูญเสียเอ่ยวิงวอนทั้งน้ำตา จากนั้นก็หันซ้ายแลขวาเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือจากรถที่สัญจรไปมา แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้าง เพราะฝนที่เอาแต่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา แล้วไหนจะยังเสาไฟส่องสว่างข้างทางที่ดับไปเพราะถูกรถสปอร์ตชนเข้าอย่างจัง
แต่แล้วความหวังของเธอก็เรืองรองขึ้นมา เมื่อหูแว่วได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งตรงมาทางนี้ ปานระพีกำลังจะอ้าปากตะโกนขอความช่วยเหลือ หากว่าน้ำเสียงห้วนจัดจะไม่ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายฉกรรจ์สองคนที่ใส่หมวกบิดบังใบหน้า และสวมชุดสีดำอำพราง
“เวรล่ะ มีคนมาช่วยมันว่ะ”
ให้ตาย! เขาโทรหายัยเด็กดื้อเงียบนั่นตั้งเกือบห้าสิบสาย คนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์สบถในใจด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน และเพราะมัวแต่สนใจเครื่องมือสื่อสารที่ว่า เขาจึงไม่รับรู้ถึงการมาของลูกน้องคนสนิท “ผมไม่เคยเห็นนายหมกมุ่นกับเรื่องของผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน”น้ำคำเหมือนชวนคุยแต่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างมากล้น ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาต่อสายโทรศัพท์ชะงัก เงยขึ้น สีหน้าไม่สบอารมณ์พลันเฉยชาในบัดดล “ฉันให้แกมารายงานเรื่องที่ให้ไปสืบ ไม่ใช่ให้มาตั้งคำถาม” เสียงห้วนจัดรวนกลับ “คนนี้จริงจังใช่ไหมครับ”ร่างสง่าที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ยกมืนขึ้นกอดอกถ่วงเวลาด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย เล่นกับความรู้สึกคนรอท่าคำตอบ แล้วถึงขยับปากเอ่ยออกมา “นั่นเมียกูไหม”“ก็ไหนว่าไม่เต็มใจจดทะเบียนสมรสไงครับ”ไอ้ลูกน้องเวร! มันยังไม่เลิกเซ้าซี้อีก“มึงจะมาอยากรู้อะไรนักหนาวะ”“งั้นนายก็ตอบมาสิครับ ผมจะได้ไม่ถามให้รำคาญอีก”หึ! ได้คืบจะเอาศอก “ถ้ามึงไม่พูดเรื่องที่กูให้ไปจัดการ ก็ไสหัวไปไกลๆ ตีน”มหรรณพเอ่ยอย่างเฉียบขาด เขาไม่คิดจะอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ลูกน้องฟังอยู่แล
“เอ่อ…พี่แพรกับคุณหวงไม่ได้รักกันหรอกเหรอคะ”หลังจากอึ้งไปอึดใจปิยฉัตรก็เอ่ยถามอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก เพราะเกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทกับการละลาบละล้วง อีกอย่างก็กลัวจะไปกระทบจิตใจอีกฝ่ายเข้า “ถ้าจะรัก ก็คงมีแค่พี่ที่แอบรักสามีตัวเองข้างเดียวมาตั้งแต่เล็กจนโต รักทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ รักจนยอมสละไตข้างหนึ่งให้เขาในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุปางตาย”“การสละไตข้างหนึ่งที่ทำให้หมอคนที่เพิ่งไปกับคุณหวงเป็นข่าว และถูกยกย่องว่าเป็นนางฟ้าชุดกาวน์ใช่ไหมคะ”ปิยฉัตรละล่ำละลักอย่างตกใจ เริ่มเดาได้ว่าสาวสวยที่เพิ่งจากไปคือคนที่มาชุบมือเปิบเอาความดีความชอบที่ปานระพีสมควรจะได้รับไปอย่างหน้าตาเฉย “ฮื่อ…”“แล้วทำไมพี่แพรไม่บอกความจริงกับคุณหวงไปตรงๆ ล่ะคะ” ปิยฉัตรเริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนแทน รู้สึกสงสารคนที่ทำตัวปิดทองหลังพระเช่นปานระพีจับจิต “มันไม่มีประโยชน์หรอก เขาไม่ได้รักพี่ และเราสองคนก็กำลังจะหย่ากัน”ปานระพีส่ายหน้า แล้วยิ้มเศร้า จากนั้นก็ปรับทุกข์กับอีกฝ่ายอีกนิดหน่อย ส่วนปิยฉัตรก็เล่าถึงสาเหตุที่เธอต้องมาขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ตบท้ายด้วยการขอร้องให้ปานระพีช่วยบอกเธอ หากว่าเห็นอะไรไม่
บ่ายวันนั้น หลังจากตรวจคนไข้ที่โรงพยาบาลรักษ์เสร็จ ปานระพีก็ถูกมหรรณพลากติดมือไปขึ้นรถ ครั้นจะหาทางหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะพ่อคุณดันมานั่งเฝ้าหน้าห้องตรวจก่อนเวลาตั้งสองชั่วโมง ด้วยกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าดีเดือดตามที่ได้ข่มขู่ไว้ เธอจึงไม่กล้าโวยวายและขัดขืน แต่น่าแปลก!มหรรณพดูมึนตึง เย็นชา และหมางเมินจนน่าใจหาย มันเกิดอะไรขึ้น? ถ้าว่าเขาทำตามแผนที่คุณย่าโทรมาเล่าให้ฟังในตอนเที่ยง มันจะเวอร์ไปหน่อยไหม ในเมื่อคณิสราไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเสียหน่อย แล้วเขาจะเล่นละครไปเพื่ออะไร เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะโกรธเธอเรื่องหย่าที่ฝากคนเป็นย่าไปบอก โกรธแล้วยังไง?ต่อให้ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เธอก็จะหย่าอยู่ดี ตอนแรกนั้นปานระพีงงหนักมาก ที่อยู่ๆ มหรรณพก็พามาที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง กระทั่งได้พบและทำความรู้จักอย่างเป็นทางการกับจอมพล อาศิระ เจ้าพ่อมาเฟียแดนใต้ และแพทย์หญิงปิยฉัตร สิทธิประเสริฐ ซึ่งสาวห้าวที่ว่ามาสมทบทีหลัง จริงๆ ปานระพีพอจะรู้จักสองคนอยู่ก่อนแล้ว เธอได้มีโอกาสรู้จักจอมพลผ่านทางนลินนิภา ส่วนปิยฉัตรนั้นก็เป็นรุ่นน้องสมัยเรียน ทำงานที่โรงพยาบาลรักษ์เหมือนกัน แถมยังเคยอยู่ในเหตุการณ์
“มันหนาว ขอกอดหน่อย”ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ วงแขนแกร่งกระชับเอวคอดมากยิ่งขึ้น แล้วเอ่ยเหมือนชวนคุย “เมื่อกี้เกือบไม่เสร็จแน่ะ ต้องหลับตานึกถึงหน้าแดงๆ ของแพรตอนผมขึ้นขี่แบบเมื่อคืนแทบแย่”อึ๋ยยย ดูพูดเข้า! คนอะไรไร้ยางอายสิ้นดี! “ทุเรศ! น่าเกลียดที่สุด!”“น่าเกลียดตรงไหน ‘ช่วยตัวเอง’ เป็นเรื่องธรรมดาจะตาย โลกสวยด้วยมือเราน่ะเคยได้ยินไหม”ทนความไร้ยางอายของอีกฝ่ายไม่ไหว ปานระพีก็หลับตาลงเป็นเชิงยุติบทสนทนา ซึ่งเขาก็กอดกระชับเอวคอดมากยิ่งขึ้น แล้วพึมพำนัดหมาย ว่าจะพาเธอไปที่ไหนสักแห่งในวันพรุ่งนี้ ตบท้ายด้วยการจุมพิตหน้าผากมนอย่างแผ่วพลิ้ว ทำเอาคนแสร้งหลับตัวเกร็ง ใช้เวลาทำใจให้สงบอยู่นานกว่าจะหลับลง รุ่งเช้าลูกน้องของมหรรณพก็มาเคาะประตูห้อง เอาเสื้อผ้ามาให้เจ้านาย อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ เจ้าของร่างทรงพลังก็เดินผิวปากออกมาจากห้องน้ำ โดยมีผ้าขนหนูของเธอที่พอไปพันอยู่ตรงเอวสอบกลับดูสั้นจู๋ไปถนัดตา ส่วนมือก็ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมด้วยท่าทีสบายๆ ยืนอวดหุ่นทรมานใจอย่างหน้าตาเฉย “งายยยย…ชอบที่เห็นไหมพิกกี้” น้ำคำสัพยอกทำให้คนที่เอาแต่นอนจ้องเขาได้สติ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะอุบอิบออกมา “บ้
“เด็กดี”คนได้ดั่งใจเอ่ยชมอย่างยิ้มๆ ขณะเอื้อมมือมาโยกหัวน้อยเบาๆ คนตัวเล็กเงยหน้าถลึงตาใส่ ปัดมือใหญ่ออกจากหัวตัวเอง แต่กลับต้องหลุดสะดุ้ง เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนฝ่ามือกระด้างลงมาไล้ที่ลำคอระหง “ผู้ใหญ่ให้ของต้องทำยังไงครับ” คำว่า ‘ครับ’ ง่ายๆ ที่ใครๆ ก็พูดกัน แต่พอเป็นเขาพูดเธอกลับใจสั่นซะงั้น “ไม่ได้อยากได้สักหน่อย” คนหน้าตูมย่นจมูก หลุดอุทานหน้าตื่น เมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายก็รั้งลำคอระหงเข้าหา ในจังหวะที่เขายื่นหน้าข้ามโต๊ะเข้ามาใกล้ แล้วทำให้เธอตัวแข็งทื่อ แทบหยุดหายใจ ด้วยการประกบปากหยักเข้ากับปากอิ่ม ปานระพีอึกอักประท้วง แต่แทนที่จะหลุดพ้นกลับโดนล้วงชิมความหวานล้ำจนหนำใจ“คราวหน้าคราวหลังถ้าผมให้อะไร ต้องขอบคุณแบบเมื่อกี้นะลูกหมูน้อย” หลังจากถอนปากห่างอย่างอ้อยอิ่ง จอมเจ้าเล่ห์ก็เอ่ยบอกอย่างครึ้มอกครึ้มใจ พลางหลิ่วตาให้ จากนั้นคนโดนปล้นจูบจนปากเจ่อก็จัดการกับของกินตรงหน้าโดยไม่พูดไม่จา ไม่ยอมสบตากับคนที่นั่งอยู่ในฝั่งตรงข้าม ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนจนมหรรณพนึกอยากจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป “ขอชิมหน่อยสิ”เขาว่าพลางจ้องจานสลัดของเธอนิ่งๆ “คุณไม่ชอบกินผักไม่ใช่เหรอคะ”“รู้ได้ไง”
ไม่อยากจะเชื่อว่าเสาร์อาทิตย์นี้มหรรณพจะขลุกอยู่กับเธอตลอด ไล่ยังไงก็ไม่ไป แถมยังทำตัวน่าหมั่นไส้ เธอเดินไปไหนก็เดินตาม ถึงแม้จะอยู่ในห้องแคบๆ ที่แค่ปรายตามองก็รู้แล้ว ว่าเธอกำลังทำอะไร อยู่ตรงไหน แต่เขาก็ยังตามมาอยู่ใกล้ๆ นับวันยิ่งทำตัวประหลาดชวนให้ลากไปเช็กประสาทเข้าไปทุกที เมื่อเลี่ยงไม่ได้ หนีหน้าเขาก็ไม่ได้ เพราะนอกจากเธอจะทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์ เมื่อคืนยังถูกเขาสูบพลังจนแทบกระดิกนิ้วไม่ไหว ฉะนั้นที่ทำได้ก็คือหมกตัวอยู่แต่ในห้อง นอนกลางวันให้ร่างพังๆ ได้ชาร์ตพลังงาน และพยายามไม่สนใจแขกไม่ได้รับเชิญ ที่ชอบทำตัวมีปัญหาเรียกร้องความสนใจอยู่บ่อยครั้ง พอตกเย็นเธอก็ทำอาหารง่ายๆ โดยไม่ลืมเผื่อเขาด้วย ไม่ใช่ว่าเต็มใจแต่โดนคนบ้าอำนาจบังคับ “ทำอะไรกินหืม…”เสียงห้าวเจือแหบของคนที่ยืนซ้อนหลังกระซิบงึมงำชิดซีกแก้มนวลปลั่ง ก่อนจะขโมยจูบเร็วๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน ครั้นคนหน้าร้อนจี๋จะเอนตัวหนีเขาก็รวบเอวคอดเอาไว้ แล้วแถมจุ๊บให้อีกหลายหน “ว่างายยยย…ลูกหมูน้อย ถามทำไมไม่ตอบ” เธอเกลียดเสียงยานคางกวนประสาทนั่นชะมัด“ทำข้าวผัดแหนมคะ เอ่อ…คุณไปรอที่โต๊ะกินข้าวดีกว่านะคะ ทำแบบนี้ฉันไม่







