จื่อหนิงที่เพิ่งก้าวเท้าพ้นประตูคุกใต้ดิน ยังไม่ทันได้เอ่ยอันใดกับซื่อจื่อน้อย ร่างบางก็ต้องสะดุ้งตัวโยน เมื่อมีน้ำเสียงดุดันเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือหนาที่จับไหล่บางเอาไว้หมับ! “เจ้าเป็นอันใดหรือไม่จื่อหนิง เหตุใดถึงได้ลงไปด้านล่างกันเองโดยที่ไม่มีเปิ่นหวาง”เฮือก! ขวับ “ทะ ทะ ท่านอ๋อง”“เสด็จพ่อ!”หลี่อ๋องมิได้สนใจว่าบุตรชายหรือจื่อหนิงจะตกใจ เขาต้องการเพียงคำตอบที่ทั้งสองลงไปด้านล่างคุกใต้ดิน “ตอบเปิ่นหวางมาสิว่าเจ้าลงไปด้านล่างด้วยเหตุใด หากเจ้าถูกคนร้ายพวกนั้นล่อลวงให้ช่วย เจ้าอาจถูกฆ่าตายได้นะรู้หรือไม่”“เอ่อ หมะ หมะ หม่อมฉันแค่อยากเห็นสตรีจากเมืองหลวง ที่ถูกส่งมาเพื่อสร้างปัญหาให้ท่าน...”“เจ้าทำให้เปิ่นหวางเป็นห่วงมาก อากาศด้านล่างอาจทำให้เจ้ากับเสี่ยวอวี้เจ็บป่วยได้” หลี่อ๋องยังคงกล่าวต่อโดยไม่ฟังสิ่งที่จื่อหนิงจะพูด“แต่ตอนนี้หม่อมฉันกับเสี่ยวอวี้ก็ปลอดภัยดีนะเพคะ ถ้าท่านอ๋องเป็นห่วงเรื่องอาการเจ็บป่วยของพวกเราสองคน ประเดี๋ยวกลับถึงเรือนหยางชูหม่อมฉันจะต้มยาสมุนไพรดื่มทันทีเพคะ”แต่สำหรับหลี่อ๋องที่รู้สึกอึดอัดเพราะความเป็นห่วง อยากจะโกรธนางก็ทำไม่ลงเมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนนั่น จึง
แม้วิธีของเสี่ยวถังเป่าเป็นวิธีที่น่าหมั่นไส้ ถึงจื่อหนิงจะทำเป็นไม่สนใจก็ตาม แต่การยั่วยุให้คนเกิดความขุ่นเคือง บางคราก็ทำให้คนเราหลุดพูดความจริงในใจออกมาได้ จื่อหนิงเลิกสนใจผู้ช่วยอย่างเสี่ยวถังเป่า จากนั้นจึงหันมาหาซื่อจื่อน้อยที่ยืนรอนางอย่างเชื่อฟัง“ไปกันเถิดเสี่ยวอวี้ก่อนที่บิดาเจ้าจะกลับมา ประเดี๋ยวพวกเราแบ่งอาหารไปยั่วน้ำลายนางด้วยสักเล็กน้อยนะ ส่วนพี่ชางเซิ่ง...”ชางเซิ่งที่รับรู้สิ่งที่เจ้านายน้อยของตนกับญาติผู้พี่จะทำ ก็รีบเอ่ยห้ามทันทีเมื่อได้ยินจื่อหนิงเรียกชื่อของตน “ไม่ได้นะคุณหนูหวง! ท่านกับซื่อจื่ออย่าลงไปด้านล่างจะดีกว่า หากท่านอ๋องรู้เข้าจะทรงกริ้วเอาได้นะขอรับ”“ไอหยา พี่ชางเซิ่งท่านก็อยู่ดูต้นทางให้ข้ากับเสี่ยวอวี้สิ บอกบ่าวไพร่ให้มารายงานหากท่านอ๋องกลับมาถึงจวน ข้าสองคนจะได้รีบกลับขึ้นมาอย่างไรล่ะ”“แต่ว่าเรื่องนี้มะ...”จื่อหนิงไม่ยอมให้ชางเซิ่งได้เอ่ยคัดค้านอันใดอีก “ไม่มีแต่ หากท่านอ๋องทรงกริ้วข้าจะขอรับโทษแต่เพียงผู้เดียว ท่านวางใจได้ข้าหวงจื่อหนิงมีความรับผิดชอบมากพอ อ้อ อย่าลืมให้คนนำอาหารและน้ำแกงบำรุงไปส่งให้ท่านอ๋องด้วยล่ะ ข้ากับเสี่ยวอวี้จะรีบกลับขึ้นม
เมื่อหลี่อ๋องพาจื่อหนิงมาถึงหน้าจวน ก็ไม่ลืมกำชับนางเรื่องน้ำแกงบำรุงร่างกายที่นางได้สัญญาไว้ “ขอบใจเจ้าอีกครั้งนะจื่อหนิงที่ช่วยเหลือเรื่องในวันนี้ พักผ่อนอยู่ที่จวนกับเสี่ยวอวี้ไม่ต้องออกไปที่ร้าน หากจำเป็นต้องไปจริง ๆ ให้พ่อบ้านเรียกองรักษ์ออกมา เพื่อดูแลความปลอดภัยสักสองสามคนนะ”“ทราบแล้วเพคะ ท่านอ๋องกลับไปจัดการเรื่องที่ค่ายทหารอย่างสบายใจเถิด วันนี้หม่อมฉันจะอยู่ที่จวนเพื่อดูแลแปลงสมุนไพร และสอนการคิดคำนวณตัวเลขให้เสี่ยวอวี้ต่อเพคะ”“อืม แล้วเปิ่นหวางจะรีบกลับมา”“เพคะ” ‘ทำไมถึงพูดเหมือนสามีบอกลาภรรยาก่อนไปทำงานล่ะ?’‘เฮอะ อย่าทำเป็นไม่เข้าใจเลย ถึงมีปีกบินเจ้าก็หนีไม่พ้นหรอก’‘ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะจู่ ๆ มาพูดเช่นนี้ใครจะตั้งตัวได้ทันล่ะ เห็นเงียบ ๆ นิ่ง ๆ ไม่คิดว่าจะเกี้ยวพาสตรีได้ช่ำชองนัก ฮึ’‘เอาน่า อย่างน้อยกับเจ้าหลี่อ๋องให้ความสำคัญพอ ๆ กับเสี่ยวอวี้ แต่กับสตรีมากมายกลับไม่ใยดีแม้แต่จะชายตามอง’‘พอแล้วเลิกชมหลี่อ๋องให้ข้าฟังเสียที ถ้าหากเจ้ามิใช่เซียนฝึกหัด ข้าคงคิดว่าเจ้ามีอาชีพเป็นพ่อสื่อนะเสี่ยวถังเป่า ไม่คุยกับเจ้าแล้วไปเตรียมทำมื้อเย็นกับน้ำแกงบำรุงดีกว่า’‘เฮ้ จื่อหน
หลังจากฮูหยินปริศนารับการรักษา ด้วยการอบสมุนไพรจนเรื่องกลิ่นหายดี นางก็กลับมายิ้มแย้มอย่างมีความสุขอีกครั้ง เมื่อสามีของนางที่มีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพ ภายใต้บัญชาการของหลี่อ๋องที่ดูแลชายแดน เขาเคยห่างเหินราวกับนางเป็นเพียงเงาอันเลือนลาง เมื่อพบกลิ่นผิดปกติที่ยากจะเอ่ยแต่ในค่ำคืนหนึ่งนางกลับได้รับสัมผัสของมืออุ่น ที่วางลงบนไหล่ของนางในยามดึก เพียงแค่สามีกลับมานอนค้างกับนางก็ดีใจแล้ว แต่ไม่คิดว่าสามีของนางจะมาค้างกับนางบ่อยขึ้น นี่คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่ายาสมุนไพรจากร้านไป๋อวี้ถัง เป็นสมุนไพรชั้นดีอย่างแท้จริงในเช้าวันหนึ่งที่เรือนในของตระกูลเว่ย หลันฮูหยินนั่งดื่มน้ำชากับสหายสตรีสามคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นภรรยาของขุนนาง ในเมืองหลงเฉิง ที่ขณะนี้สหายของนางอยากรู้วิธีทำให้สามีกลับมาหาตน แต่หลันฮูหยินมิได้เอ่ยถึงชื่อร้านหรือเจ้าของร้านออกมาตรง ๆ นางกล่าวเพียงว่า…“หากพวกเจ้าอยากให้สามีรักสามีหลง ข้ามีสถานที่หนึ่งอยากแนะนำ เพราะที่นั่นสามารถช่วยให้ข้าได้สามีกลับมา ที่นั่นก็คือถนนฝั่งตะวันออกมีร้านอบไอน้ำสมุนไพร นอกจากช่วยรักษาอาการทั่วไป ยังช่วยรักษาโรคของสตรีที่มักจะไม่กล้าบอกผู้ใดได้อย่าง
จื่อหนิงที่ต้องจับจูงมือเล็ก ๆ ของซื่อจื่อน้อย ผู้อยากติดตามนางไปรับรองลูกค้าที่มารับการรักษา นอกจากนี้ยังช่วยพูดถึงความเก่งกาจของจื่อหนิง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของนางอีกทางหนึ่งด้วย‘ท่านลุงพี่จื่อหนิงของข้านางเก่งกาจเรื่องสมุนไพรมากนะ ถ้าท่านมารักษาที่ร้านไป๋อวี้ถังของเรารับรองว่า สุขภาพของท่านลุงจะดีวันดีคืนเลยล่ะ’‘โอ้ มีหลี่ซื่อจื่อรับรองความเก่งกาจของเถ้าแก่เนี้ยถึงเพียงนี้ เห็นทีข้าต้องมารักษาสุขภาพที่นี่อีกหลายครั้ง ๆ เสียแล้วนะ’‘แน่นอนอยู่แล้ว พวกท่านคงได้กลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยออกมาใช่หรือไม่ แค่กลิ่นหอมยังช่วยให้พวกท่านผ่อนคลายได้ถึงเพียงนี้ หากได้อยู่ในห้องอบสมุนไพรของร้านจะยิ่งดีกว่านี้หรือไม่เล่า ข้ามิได้โอ้อวดเกินจริงไปเองนะ พวกท่านย่อมเห็นลูกค้าที่เดินออกมากับตาใช่ไหม’‘หลี่ซื่อจื่อกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าคิดว่าหากได้อบสมุนไพรและดื่มยาร่วมด้วย อาการเจ็บป่วยย่อมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่ ๆ’‘ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจนะเจ้าคะ ข้ารับรองว่าการที่พวกท่านเปิดใจ และเดินเข้ามารักษากับร้านไป๋อวี้ถังของเรา สมุนไพรชั้นดีเหล่านี้จะช่วยให้อาการป่วยที่เป็นอยู่ดีขึ้นอย่างแน่นอนเจ
เมื่อถึงยามห้ายจื่อหนิงทำตามที่นางบอกไว้ นั่นก็คือนำน้ำแกงบำรุงมาส่งให้กับหลี่อ๋อง ด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ของน้ำแกง เพียงแค่จื่อหนิงเปิดประตูห้องตำราเข้ามา หลี่อ๋องก็พร้อมหยุดงานในมือของตนทันทีจื่อหนิงถือถาดที่มีถ้วยน้ำแกงที่ค่อนไปทางร้อนเล็กน้อย นางจึงวางลงบนโต๊ะทำงานของหลี่อ๋องอย่างช้า ๆ แม้จะเป็นเวลาพักผ่อนของทุกคนในจวน แต่จื่อหนิงกลับไม่มีท่าทีว่าจะง่วงนอนแต่อย่างใด“ท่านอ๋องหม่อมฉันนำน้ำแกงบำรุงมาส่งเพคะ พระองค์เสวยตอนที่มันยังอุ่น ๆ เถิด หากน้ำแกงเย็นแล้วนอกจากจะไม่อร่อย สรรพคุณของยาสมุนไพรยังลดลงด้วยนะเพคะ”“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ เปิ่นหวางไม่เคยได้ยินท่านหมอคนไหนพูดเช่นเจ้ามาก่อน แต่การกินดื่มอะไรขณะที่ยังอุ่น ๆ ย่อมดีต่อร่างกายข้อนี้เปิ่นหวางเห็นด้วยกับเจ้า” หลี่อ๋องมิได้โป้ปดเรื่องที่กล่าวออกไป เพราะตนผ่านการรักษาผ่านท่านหมอมาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยได้ยินใครพูดอย่างจื่อหนิงเลยสักคนจื่อหนิงย่อมขยายความให้หลี่อ๋องเข้าใจ เพราะนางศึกษาด้านนี้มาโดยตรงและผ่านการวิจัยจนได้ผล “มีสิเพคะ เพราะการดื่มน้ำแกงบำรุงขณะที่ยังอุ่น ๆ จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดี สรรพคุณของสมุนไพรสามารถ