ณ จวนหลี่อ๋อง (หลี่เจิ้งหาน)
ปัง! “เหตุใดยังไม่มีข่าวคราวของเสี่ยวอวี้ พวกเจ้าทำงานกันอย่างไรถึงปล่อยให้คนร้าย ลักพาตัวเสี่ยวอวี้ไปได้ หา!”
ผู้ที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มิใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลี่อ๋องหรือหลี่เจิ้งหาน ผู้สืบทอดตำแหน่งชินอ๋องจากบิดา คอยดูแลเมืองในเขตปกครองศักดินาที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้ ภายหลังบิดาได้เสียชีวิตในสนามรบ ทั้งยังรับตำแหน่งแม่ทัพคอยปกป้องชายแดนทิศบูรพาแห่งนี้
เมื่อสองปีก่อนหลี่อ๋องกลับต้องสูญเสียมารดา รวมถึงน้องชายและน้องสะใภ้ขณะเดินทางกลับจากเมืองไป๋สุ่ย ระหว่างทางพบเจอนักฆ่าที่ถูกส่งมาจากศัตรู ซึ่งยังไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัดว่าผู้ใดส่งมากันแน่ รถม้าจวนชินอ๋องถูกไล่ล่าจนถูกบีบให้จนมุมริมหน้าผาสูงชัน
ในยามนั้นน้องชายยังมีสตินึกถึงบุตรของตน จึงให้ชางเซิ่งพาคุณชายน้อยหลบหนีพวกนักฆ่า กว่าหลี่อ๋องจะตามไปถึงรถม้าของครอบครัว ก็ตกหน้าผาไปเพียงชั่วลมหายใจ เขาเพียรภาวนาระหว่างลงไปค้นหายังด้านล่าง หวังเพียงว่าจะมีใครสักคนที่รอดชีวิต
แต่นั่นก็เป็นแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ หลี่อ๋องจัดงานศพอย่างเรียบง่าย เมื่อหลานชายเพียงคนเดียวไร้บิดามารดา จึงได้รับเป็นบุตรของตนเพื่อสืบทอดตำแหน่งอ๋องในอนาคต
ชางเซิ่งรู้สึกผิดที่ติดตามกลุ่มคนร้ายไม่ทัน ปล่อยให้เจ้านายน้อยถูกลักพาตัวไป เขาคุกเข่าขอยอมรับโทษทัณฑ์จากหลี่อ๋อง “ท่านอ๋องเป็นเพราะกระหม่อมประมาทเกินไป ทำให้ซื่อจื่อถูกคนพวกนั้นพาตัวไปได้ ขอท่านอ๋องได้โปรดลงโทษกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ชางอวี่แม้จะหาข้อแก้ตัวให้สหายไม่ได้ แต่เขาพยายามพูดถึงความเฉลียวฉลาดของซื่อจื่อ “ท่านอ๋องกระหม่อมเชื่อว่าซื่อจื่อจะต้องปลอดภัย และสามารถหาทางหลบหนีเอาตัวรอดได้แน่ แม้ซื่อจื่อจะยังเด็กแต่ความเฉลียวฉลาดไม่เป็นรองใคร หรือหากสวรรค์ยังปราณีอาจมีคนช่วยซื่อจื่อไว้ก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่อ๋องที่ยังคงมีสีหน้าดุดันไม่จางหาย พยายามควบคุมสติอารมณ์ของตนให้กลับมา และคิดว่าที่ชางอวี่พูดก็มีความเป็นไปได้ “เปิ่นหวางก็ขอให้เป็นอย่างที่เจ้าพูดนะชางอวี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตามหาตัวซื่อจื่อจนกว่าจะเจอ ส่วนเจ้าชางเซิ่งไว้หาซื่อจื่อเจอเมื่อใดเจ้าค่อยมารับโทษกับเปิ่นหวางเข้าใจหรือไม่”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” แม้จะต้องถูกประหารชางเซิ่งล้วนยินดีรับโทษนี้อย่างเต็มใจ
“อย่าลืมกำชับหน่วยลับที่ส่งไปหัวเมืองต่าง ๆ แม้แต่ในเมืองหลวง ต้องจับตาดูทุกคนรวมถึงวังหลังและตำหนักองค์ชายทั้งหลาย” หลี่อ๋องยังไม่ตัดใครออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ทั้งเรื่องการลอบสังหารมารดากับน้องชาย หรือจะเป็นเรื่องลักพาตัวหลานชายในครั้งนี้ก็ตาม
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ /พ่ะย่ะค่ะ”
แต่ก่อนจะกลับออกไปชางอวี่ที่มีท่าทางกระอักกระอ่วน เนื่องจากเรื่องที่น้องสาวของหวงฮูหยิน มาอยู่ที่จวนโดยอ้างว่ารอฟังข่าวของหลานชาย แต่ในความเป็นจริงคนในจวนมีใครบ้างที่มองไม่ออกว่า การที่นางยังรั้นจะอยู่ที่นี่สาเหตุมาจากอะไร
หลี่อ๋องที่เห็นคนสนิทของตนแสดงท่าทีเช่นนั้น มีหรือจะไม่ถามให้หายสงสัย “เจ้าต้องการจะพูดอะไรกับเปิ่นหวางงั้นรึชางอวี่ อึก ๆ อัก ๆ แต่ไม่ยอมพูดแล้วเปิ่นหวางจะรู้ได้อย่างไร”
“เอ่อ ทูลท่านอ๋องตอนนี้คุณหนูสามหวง ยังอยู่ที่เรือนรับรองและยังใช้ข้ออ้างเดิมเรื่องซื่อจื่อ ไม่ว่าพ่อบ้านจะพูดอย่างไรนางก็ไม่ยอมกลับพ่ะย่ะค่ะ วัน ๆ เอาแต่ถามว่าท่านอ๋องจะกลับยามใด จนบ่าวไพร่แทบจะไม่เป็นอันทำงานกันแล้ว ท่านอ๋องจะลงมือจัดการเอง หรือว่าให้เป็นพวกกระหม่อมลงมือแทนพ่ะย่ะค่ะ”
ชางเซิ่งที่นึกถึงสตรีคนนี้ขึ้นมา ก็อยากให้หลี่อ๋องไล่นางไปโดยเร็ว “ท่านอ๋องสตรีเช่นคุณหนูสามหวงควรรีบไล่นางไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากว่านางยังอยู่ที่นี่เมื่อใดที่ซื่อจื่อกลับมา นางก็จะใช้ซื่อจื่อเป็นสะพานเพื่อเข้าหาพระองค์ มีหลายครั้งที่นางแสร้งมาเยี่ยมซื่อจื่อ จนทำให้การเรียนของซื่อจื่อต้องหยุดชะงักอยู่บ่อยครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
“ไล่นางกลับไป หากยังไม่ยอมไปแต่โดยดีก็ฆ่านางทิ้งซะ!” หลี่อ๋องย่อมรู้ดีว่าน้องสาวของน้องสะใภ้คิดสิ่งใดอยู่
ชางอวี่และชางเซิ่งได้ยินคำสั่งของเจ้านาย ก็มองหน้ากันด้วยความดีใจ ที่หลี่อ๋องเลือกใช้วิธีการรุนแรงให้จบ ๆ ไป นางจะได้ไม่ต้องมาที่จวนอ๋องอีก “รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
ณ เรือนรับรองจิ่นเซียง
หวงฉุนฟางบุตรสาวคนเล็กของตระกูลหวง ตระกูลคหบดีด้านการค้าขายข้าวสารอาหารแห้งและธัญพืช และยังเป็นน้องสาวของน้องสะใภ้ของหลี่อ๋อง ด้วยความที่นางพึงใจในตัวหลี่อ๋อง ตั้งแต่เมื่อคราวมาร่วมงานแต่งงานของพี่สาว
นับแต่นั้นหวงฉุนฟางมักจะหาเรื่องมาเยี่ยมพี่สาว นอกจากนี้ยังพยายามให้พี่สาวช่วยพานางไปพบหลี่อ๋อง เพื่อหาโอกาสสานสัมพันธ์เพราะหวังจะเป็นพระชายาอ๋อง แต่จนแล้วจนรอดหวงฉุนฟางก็ไม่เคยมีโอกาสนั้น เนื่องจากหลี่อ๋องจะอยู่ที่ค่ายทหารเสียมากกว่า ยามใดที่คนของตนส่งข่าวให้ทราบว่านางมาเยือนที่จวน
หวงฉุนฟางเดินไปมาชะเง้อมองหาหลี่อ๋อง ด้วยคิดว่าเขาจะมาบอกข่าวซื่อจื่อด้วยตนเอง ซึ่งนางก็ร้อนใจแต่มิใช่ร้อนใจ
เพราะเป็นห่วงหลาน แต่นางกลัวว่าคนที่นางใช้เงินหลายร้อยตำลึงจ้างมานั้น จะทำงานผิดพลาดจนถูกจับได้และโยงความผิดมาถึงนาง หากเป็นเช่นนั้นความหวังอยากเป็นพระชายาย่อมจบลงเช่นกัน“ฮึ่ย นี่ซูเจียวเหตุใดท่านท่านอ๋องถึงยังไม่มาเสียทีเล่า ข้าเบื่อที่จะต้องนั่งรออยู่ที่นี่แล้วนะ”
สาวใช้นามซูเจียวผู้ชอบประจบเอาใจเจ้านาย พยายามหาคำพูดที่จะทำให้เจ้านายเลิกอารมณ์เสีย “คุณหนูสามเจ้าคะเรื่องนี้ท่านต้องใจเย็นลงสักนิดจะดีกว่า คุณหนูก็รู้ว่าอย่างไรเสียซื่อจื่อก็เป็นญาติเพียงคนเดียว ที่ท่านอ๋องหลงเหลืออยู่ในตอนนี้นะเจ้าคะ”
“เหอะ ญาติเพียงคนเดียวแล้วอย่างไร หากท่านอ๋องรับข้าเข้าจวนจะมีลูกเป็นของตนเองกี่คนก็ย่อมได้ ข้าไม่มีทางให้ลูกของพี่หญิงรองได้สืบทอดตำแหน่งอ๋องแน่ แล้วนี่นังเหมยลี่กลับมาหรือยัง หวังว่าจะไม่ทำงานพลาดจนถูกจับได้หรอกนะ”
“โธ่ คุณหนูสามแผนการครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มากนะเจ้าคะ จะให้เหมยลี่ทำอย่างขอไปทีย่อมไม่ดีแน่ ที่สำคัญหากความลับนี้ถูกท่านอ๋องจับได้ มิได้มีเพียงคุณหนูที่เดือดร้อนแต่เป็นตระกูลหวงทุกคนนะเจ้าคะ” อย่างน้อยซูเจียวก็ยังกลัวตาย เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ ที่เจ้านายของตนตัดสินใจทำด้วยตนเอง
ขณะที่หวงฉุนฟางกำลังอารมณ์เสียสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก็เห็นชางอวี่กับชางเซิ่งเดินทางเรือนรับรองพอดี “เอ๊ะ! นั่นใช้คนสนิทของท่านอ๋องหรือไม่ซูเจียว หรือว่าท่านอ๋องให้คนมาตามข้าไปพบ”
ซูเจียวเห็นว่าเป็นชางอวี่กับชางเซิ่งจริง จึงรีบเตือนเจ้านายเรื่องสีหน้าและอารมณ์ “ใช่จริงๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนูสาม บ่าวว่ารอฟังพวกเขาสองคนก่อนเถิดว่ามีข่าวอันใดหรือไม่ ท่านรีบปรับอารมณ์และสีหน้าให้ดูเป็นห่วงซื่อจื่อไว้นะเจ้าคะ”
ชางอวี่กับชางเซิ่งเดินมาถึงด้านหน้าเรือนรับรอง ก็ทำความเคารพหวงฉุนฟางเล็กน้อยตามมารยาท แต่คำพูดที่ออกจากปากของทั้งสอง กลับสร้างความไม่พอใจให้นางอีกครั้ง “คุณหนูสามหวง ข้านำรับสั่งของท่านอ๋องมาบอกกล่าวกับท่าน โดยท่านอ๋องมีรับสั่งว่าขอให้ท่านออกจากจวนอ๋องเดี๋ยวนี้ ต่อไปอย่าได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกขอรับ”
“เจ้าว่าอะไรนะ! ท่านอ๋องจะพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อ! พวกเจ้าโกหกหลีกทางข้าจะไปพบท่านอะ...”
ชิ้ง! ชางเซิ่งชักกระบี่ออกจากฝักและชี้ไปหาหวงฉุนฟาง “นอกจากคำพูดที่สหายของข้าบอกไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งประโยคซึ่งทรงรับสั่งอย่างเด็ดขาดว่า หากคุณหนูสามหวงไม่ยอมกลับไปแต่โดยดี ก็ให้สังหารท่านเสียแล้วจัดการศพอย่าให้เหลือซาก”
“คุณหนูสามหวงท่านเองก็น่าจะรู้ว่า ท่านอ๋องเป็นบุรุษเช่นไร แม้จะมีสตรีมากมายหมายปองตำแหน่งพระชายา แต่พวกนางก็ได้แค่ฝันไม่กล้าวางแผนสกปรกกับท่านอ๋อง คงมีเพียงท่านที่อาศัยความเป็นญาติของซื่อจื่อ เพียรพยายามมาที่จวนอ๋องคนเดียวเท่านั้น ท่านคิดทบทวนให้ดีว่าจะรั้นอยู่ต่อเพื่อรับความตาย หรือจะออกจากจวนอ๋องไปแต่โดยดี หากยังอยากให้ตระกูลหวงยังอยู่อย่างมีความสุข อย่าได้คิดขัดรับสั่งของท่านอ๋องจะดีกว่านะคุณหนูสามหวง” ชางอวี่เกลียดการเสแสร้งของหวงฉุนฟางมานาน เมื่อเจ้านายมีคำสั่งเช่นนี้เขาย่อมไม่ลังเล ที่จะเพิ่มการข่มขู่ทั้งน้ำเสียงและสายตา
“นะ นะ นี่ท่านอ๋องถึงกับอยากฆ่าข้าให้ตายเชียวรึ เหตุใดถึงได้ใจร้ายนักข้าไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงไม่ยอมมองมาที่ข้าบ้าง” หวงฉุนฟางแม้อยากอาละวาด แต่นางก็กลัวจะถูกฆ่าทิ้งอยู่ที่นี่ เพราะชางอวี่กับชางเซิ่งทั้งสีหน้าและแววตา บอกนางหมดแล้วว่ามิได้ล้อเล่น
เหมยลี่ที่กลับมาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี นางจึงแสร้งเข้าไปพูดปลอบใจหวงฉุนฟาง “คุณหนูสามเจ้าคะท่านกลับจวนไปก่อนเถิด หากมีข่าวคราวของซื่อจื่อบ่าวจะไปแจ้งให้ท่านทราบนะเจ้าคะ”
ซูเจียวได้รับสัญญาณจากเหมยลี่ ก็ทำทีเห็นด้วยกับคำเตือนนี้ “คุณหนูสามที่เหมยลี่พูดมาก็ดีนะเจ้าคะ ตอนนี้ทั้งจวนอ๋องต่างวุ่นเรื่องของซื่อจื่อ เมื่อใดที่ช่วยซื่อจื่อกลับมาได้คุณหนูสามค่อยมาเยี่ยมก็ได้นี่เจ้าคะ”
“อืม เอาเช่นที่พวกเจ้าว่ามาก็ได้ รีบเก็บของเข้าล่ะข้าจะไปรอที่รถม้า” ถึงจะไม่เต็มใจจากไปแต่หวงฉุนฟางก็จำต้องไป ด้วยชื่อเสียงที่ผู้คนหวาดกลัวของหลี่อ๋อง นางย่อมรู้ดีว่าเขาเป็นคนพูดจริงทำจริง
ชางอวี่กับชางเซิ่งยืนดูสาวใช้อย่างซูเจียวเก็บสัมภาระ และเดินตามไปถึงรถม้าที่จอดอยู่หน้าจวน จนกระทั่งรถม้าจากตระกูลหวงเคลื่อนตัวออกไป พวกเขาถึงจะวางใจว่าทำตามคำสั่งสำเร็จ แต่เรื่องสำคัญกว่ายังต้องรีบจัดการโดยเร็วที่สุด
เมื่อจื่อหนิงรับปากหลี่อ๋องไว้แล้ว ว่าจะดูแลเรื่องอาหารบำรุงให้ ไม่ว่าจะเป็นยามอยู่ที่จวนหรือยามไปทำงานที่ค่ายทหาร ดังนั้นในวันที่สองกับการได้อยู่จวนอ๋องแห่งนี้ จื่อหนิงจึงตื่นตั้งแต่ยามเหม่าเพื่อเตรียมอาหาร และสิ่งที่นางทำในเช้าวันนี้ก็คือโจ๊กข้าวกล้องใส่พุทราแดง ที่ช่วยลดอาการจุกแน่นรวมถึงเสริมพลังให้ร่างกายแต่สิ่งที่ทำให้บ่าวไพร่ตกใจจนทำตัวไม่ถูก แม้แต่ชางอวี่ก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาของตน คือการที่หลี่อ๋องมานั่งรับสำรับเช้ากับซื่อจื่อน้อยที่เรือนหยางชู ซึ่งยามนี้ชางเซิ่งกำลังคุกเข่าขออภัยซื่อจื่อ และร้องไห้เพราะดีใจและเสียใจไปพร้อมกัน“ฮึก ซื่อจื่อเป็นบ่าวที่ไม่ดีปล่อยให้ท่านตกอยู่ในอันตราย โปรดอภัยให้บ่าวผู้นี้ด้วยขอรับ ต่อไปบ่าวจะไม่ยอมอยู่ห่างกายท่านอีกแล้ว ฮึก คนพวกนั้นทำร้ายซื่อจื่อหรือไม่ขอรับ”ซื่อจื่อน้อยมององครักษ์ของตนและกลั้นยิ้ม เพราะท่าทางของชางเซิ่งที่ร้องไห้เป็นเด็ก มันช่างขัดกับรูปร่างหน้าตาของเขายิ่งนักแต่จะหัวเราะออกมาซึ่งหน้าก็ไม่ได้“ชางเซิ่งเจ้าหยุดร้องไห้เถิด ข้าไม่โทษเจ้าหรอกที่ช่วยข้าไว้ไม่ทัน เป็นคนพวกนั้นที่วางแผนได้ดีเกินคาด จึงพาตัวข้าไปจากเจ้าได้แต่ตอนนี
หลังจากยืนรอให้หลี่อ๋องเสวยอาหารเสร็จ จื่อหนิงที่เอาแต่ยืนยิ้มด้วยความดีใจ ที่ขาทองคำยอมทานอาหารของนาง ซึ่งหลี่อ๋องยอมรับว่าอาหารที่จื่อหนิงทำนั้น ช่างเป็นรสชาติที่ถูกใจตนเองมาก ทำให้หลี่อ๋องจับตามองจื่อหนิงมากกว่าเดิม“อะ ฮึ่ม แม่นางจื่อหนิง”“หือ อ๊ะ ท่านอ๋องทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ”“ใช่ เปิ่นหวางแค่จะบอกเจ้าว่าฝีมือการทำอาหารของเจ้าใช้ได้ และสิ่งที่เจ้าพูดมานั้นก็ถูกต้องไม่น้อย ถ้าเช่นนั้นต่อไปอาหารทุกมื้อของเปิ่นหวาง รบกวนแม่นางจื่อหนิงช่วยดูแลด้วยก็แล้วกัน ยกเว้นวันที่ต้องไปค่ายทหารนอกเมืองเจ้าไม่ต้องทะ...”“ได้อย่างไรเพคะ! ถึงท่านอ๋องต้องออกไปที่ค่ายทหาร แต่ยังต้องมีอาหารติดไปเสวยระหว่างทางด้วยสิ จะขาดมื้อใดมื้อหนึ่งไม่ได้เด็ดขาดจนกว่าอาการปวดท้องจะหายดีเพคะ”หลี่อ๋องกำลังคิดว่าท่าทางที่จื่อหนิงกำลังทำอยู่ ช่างเหมือนกับมารดาบ่นด้วยความเป็นห่วงบุตร ซึ่งหลี่อ๋องก็เคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงทำให้หลี่อ๋องเผลอยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว“ในเมื่อแม่นางจื่อหนิงเป็นกังวลเรื่องสุขภาพของเปิ่นหวาง หากไม่ลำบากจนเกินไปนักเจ้าก็ทำตามความต้องการของเจ้าเถิด”“ท่านอ๋องพูดจริงหรือเพคะ! อย่าหลอกให
ทางด้านเรือนหยางชูของซื่อจื่อน้อยหลี่จื่อคัง ยามนี้จื่อหนิงที่ได้ชำระล้างร่างกายผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว กำลังนำวัตถุดิบที่ได้เอ่ยขอกับพ่อบ้าน นำมาปรุงเป็นอาหารมื้อกลางวัน สำหรับเจ้านายตัวน้อยที่ตนได้ช่วยชีวิตเอาไว้ โดยมีเจตนาแอบแฝงเพื่อเกาะขาทองคำอย่างหลี่อ๋องจื่อหนิงไม่รู้ว่าหลี่อ๋องจะกลับจวนมาเมื่อใด แต่นางมีใจทำอาหารมื้อกลางวันไว้เผื่อด้วยเช่นกัน ซึ่งอาหารที่นางทำย่อมเป็นอาหารบำรุงร่างกาย และถูกต้องตามหลักโภชนการที่นางทำอยู่เสมอ เนื่องจากจื่อหนิงสังเกตเห็นท่าทางยามที่หลี่อ๋องมีโทสะ เขาแอบใช้มือข้างหนึ่งกุมที่ท้องไว้แน่น‘เสี่ยวถังเป่าเจ้าว่าหลี่อ๋องจะมีอาการป่วยหรือไม่’‘เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าหลี่อ๋องมีอาการป่วย หรือเจ้าสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ’‘อืม ใช่แล้วล่ะข้าแอบเห็นหลี่อ๋องกุมท้อง ยิ่งตอนที่มีโทสะการหายใจก็ผิดปกติเช่นกัน’‘หากเป็นเช่นที่เจ้าว่ามา นี่เป็นโอกาสดีที่เจ้าจะช่วยรักษา เมื่อหลี่อ๋องเห็นถึงความสามารถของเจ้าย่อมรั้งเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไป เช่นนี้ยามหลี่อ๋องเสด็จไปเมืองหลวง เจ้าคงได้ติดตามไปพร้อมกับเสี่ยวอวี้ อย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ ให้หลุดมือไปเด็ดขาดนะจื่อหนิง’‘แน่นอนเสี่ยว
สิ่งที่หลี่อ๋องพูดกับหวงฉุนฟางนั้น สร้างความตกตะลึงให้กับคนในครอบครัวอย่างมาก พวกเขาแค่คิดว่านางมีนิสัยเอาแต่ใจ มิใช่คนใจร้ายถึงขั้นคิดฆ่าคนได้มาก่อนนายท่านหวงคิดว่าตนเองหูฝาด จึงได้เอ่ยถามกับหลี่อ๋องอีกครั้งให้แน่ใจ “ทะ ทะ ท่านอ๋องท่านบอกว่าผู้ใดคือคนร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้หูฝาดเพราะอายุมากใช่หรือไม่ท่านอ๋อง”“นะ นะ นี่นางใจกล้าคิดสังหารลูกของเจี๋ยเอ๋อร์งั้นหรือ แต่นั่นเป็นหลานชายของนางนะ ต่างก็มีสายเลือดเดียวกันเหตุใดถึงทำได้ลงคอ ฮึก” เฉินฮูหยินร้องไห้ด้วยนึกสงสารบุตรสาวและหลานชายของตนยิ่งนักหวงฉุนฟางละล่ำละลักแก้ตัวเป็นพัลวัน “มะ มะ ไม่จริงนะเพคะท่านอ๋อง ต้องมีคนอิจฉาที่หม่อมฉันเข้าออกจวนอ๋องบ่อย ๆ ถึงได้จ้างคนให้ทำการลักพาตัวซื่อจื่อและโยนความผิดมาให้หม่อมฉัน ท่านอ๋องเชื่อหม่อมฉันเถิดหม่อมฉันไม่ได้ทำจริง ๆ เพคะ”“หึ เจ้าไม่ยอมรับว่าเป็นคนสั่งการสินะ ได้ เปิ่นหวางจะทำให้เจ้ายอมรับแต่โดยดี ชางอวี่นำคนเข้ามา” ในเมื่อคนร้ายไม่ยอมรับสารภาพ การเบิกตัวพยานย่อมไม่ต้องรั้งรอกันอีก“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”ชางอวี่ออกไปเพียงชั่วอึดใจก็กลับเข้ามาพร้อมพยาน ซึ่งพยานคนนี้ยิ่งทำให้หวงฉุนฟางถึง
รถม้าคันใหญ่ที่หลี่อ๋องเคยใช้แทบนับครั้งได้ วันนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่หลี่อ๋องจะนั่งรถม้า เพื่อไปสะสางปัญหาความวุ่นวายที่หวงฉุนฟางได้ทำกับจวนอ๋องเอาไว้ชาวบ้านในเมืองหลงเฉิงเกิดความสงสัย เมื่อจวนอ๋องมีความเคลื่อนไหวโดยมีกำลังทหาร คอยเดินตามรถม้าจำนวนหลายสิบนาย มีหลายคนนึกถึงเรื่องที่ซื่อจื่อถูกลักพาตัว จึงชักชวนกันเดินตามรถม้าอยู่ห่าง ๆจนกระทั่งรถม้ามาหยุดอยู่หน้าจวนตระกูลหวง บ่าวไพร่ที่เห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร ถึงกับวิ่งเข้าไปรายงานเจ้าของจวน เพื่อออกมาต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ด้วยตนเอง นายท่านหวงเมื่อได้ยินบ่าวเข้ามารายงานว่าหลี่อ๋องเสด็จมาเยือนที่จวน จึงได้เร่งฝีเท้าของตนออกมาต้อนรับแฮ่ก ๆ ๆ “ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาขออภัยที่ออกมาต้อนรับล่าช้า”หลี่อ๋องปรายตามองมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ “นายท่านหวงอย่าได้กล่าวเช่นนั้น อย่างไรเสียพวกเราก็เกี่ยวดองเป็นญาติกัน เป็นฝ่ายเปิ่นหวางเสียมากกว่าที่มาโดยไม่บอกกล่าว”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะ เชิญท่านอ๋องเข้าไปด้านใน ดื่มน้ำชาก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ” หวงซวนถานนายท่านของจวน รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตั
ชางอวี่ติดตามเหมยลี่ไปจนถึงจวนตระกูลหวง จึงต้องใช้วิธีอื่นในการลอบเข้าจวนแห่งนี้ เพื่อต้องการสืบให้รู้ว่าผู้ที่เหมยลี่มาพบเป็นผู้ใด เมื่อมาถึงเรือนเล็กหลังหนึ่งก็พบว่า เหมยลี่หันมองซ้ายขวาก่อนจะหายเข้าไปด้านใน ตัวของชางอวี่จึงยืนแอบอยู่ด้านหลังหน้าต่างเงียบ ๆหวงฉุนฟางที่กำลังนั่งพักผ่อนกลับต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเหมยลี่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนคล้ายกับพบเจอเรื่องตกใจ จนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ “เหมยลี่เจ้ามาทำอันใดที่เรือนของข้า”“คุณหนูสามแย่แล้วเจ้าค่ะ แย่แล้ว!”“แย่อะไรของเจ้าพูดมาให้ชัดกว่านี้มิได้รึ เจ้าเอาแต่พูดว่าแย่ ๆ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันคือเรื่องอะไร” หวงฉุนฟางเริ่มไม่สบอารมณ์ เมื่อเหมยลี่เอาแต่พูดคำว่าแย่กับนาง“ที่บ่าวบอกว่าแย่แล้วเป็นเพราะวันนี้ซื่อจื่อถูกคนช่วยไว้ได้ และกลับมาที่จวนบ่าวถึงได้รีบหาวิธีออกมารายงานคุณหนูเจ้าค่ะ” เหมยลี่รีบพูดเพราะนางเกรงว่าโจรพวกนั้นจะถูกจับตัวได้แล้วพรึบ! “เจ้าว่าอะไรนะ! เด็กนั่นมีคนช่วยเอาไว้และกลับมาที่จวนแล้วเช่นนั้นรึ ไหนเจ้าบอกว่าไอ้พวกชั้นต่ำทำงานได้ดีมิใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ หา! เหมยลี่” หวงฉุนฟางลุกขึ้นตะคอกเหมย
เรื่องราวที่ออกจากปากของซื่อจื่อน้อย ทำเอาเจ้าของจวนรวมถึงพ่อบ้านห้าวและชางอวี่ เกิดอาการตกใจจนแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน คาดไม่ถึงว่าสาวใช้ของฮูหยินรองจะมีนิสัยร้ายกาจ ถึงกับกลั่นแกลังบุตรของเจ้านายเช่นนี้ได้แต่คนที่มีโทสะมากกว่าผู้ใดคงหนีไม่พ้นหลี่อ๋อง เขากำหมัดแน่นพยายามควบคุมอารมณ์โกรธของตน เพราะไม่อยากทำให้บุตรชายต้องตกใจ “ชางอวี่! ไปลากตัวสาวใช้ของน้องสะใภ้มาที่นี่ เดี๋ยวนี้! เปิ่นหวางจะไต่สวนนางด้วยตนเอง”ชางอวี่ที่รู้สึกโกรธเช่นกันรับคำสั่งไม่มีรีรอ “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”จื่อหนิงยังไม่อยากให้เรื่องมันจบเร็วเกินไป นางจึงรีบเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน “ประเดี๋ยวก่อนเพคะท่านอ๋อง”“แม่นางจื่อหนิงห้ามเปิ่นหวางด้วยเหตุใดรึ?”“หม่อมฉันมิได้คิดจะห้ามไม่ให้ท่านอ๋องไต่สวนเพคะ เพียงแต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของสาวใช้ผู้นั้นคนเดียว มิสู้ท่านอ๋องลองสังเกตท่าทีของนาง เมื่อได้เห็นว่าซื่อจื่อกลับมาอย่างปลอดภัย เผื่อว่าสาวใช้ผู้นั้นจะนำความไปบอกกล่าวใครบางคน คราวนี้จะได้รู้เสียทีว่าใครที่คิดทำร้ายซื่อจื่อเพคะ” จื่อหนิงย่อมอยากมีผลงานเพื่อแสดงความสามารถให้ขาทองคำได้เห็น ว่านางมิได้เก่งเพียงแค่เรื่อง
ภายในเรือนหย่งเจิงที่หลี่อ๋องใช้ทำงานเกี่ยวกับกองทัพ เจ้าของเรือนยังคงมีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดไม่จางหาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะยังไม่ได้รับข่าวจากคนของตน เกี่ยวกับหลานชายเพียงคนเดียวที่หายไป แต่ความกังวลใจของหลี่อ๋องกำลังจะถูกคลี่คลาย เมื่อเสียงเล็ก ๆ ที่คุ้นเคยเรียกตนเองอยู่ด้านหน้าประตู“เสด็จพ่อ ๆ เสี่ยวอวี้กลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หลี่อ๋องเริ่มขมวดคิ้วคมดุจกระบี่เข้าหากัน และเอ่ยถามชางอวี่ถึงที่มาของเสียงเล็ก ๆ นั่น “หือ ชางอวี่เจ้าได้ยินเสียงเด็กเหมือนข้าหรือไม่ เสียงนั่นคล้ายเสียงของเสี่ยวอวี้มาก หรือเพราะเปิ่นหวางเป็นห่วงเสี่ยวอวี้มากเกินไปจนหูฝาดงั้นหรือ”ซื่อจื่อน้อยยังคงส่งเสียงเรียกหลี่อ๋องอีกครั้ง “เสด็จพ่อออ! ท่านอยู่ด้านในหรือไม่เสี่ยวอวี้กลับมาหาท่านแล้ว”ชางอวี่ที่ตั้งใจฟังเสียงเล็ก ๆ เพื่อความแน่ใจ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนอยู่ด้านนอกจริง จึงรีบตอบคำถามของหลี่อ๋องทันที “ท่านอ๋องพระองค์มิได้หูฝาดพ่ะย่ะค่ะ มีคนอยู่ด้านหน้าประตูเรือนหย่งเจิงจริง ๆ หรือว่าเสียงที่พระองค์ได้ยินจะเป็นเสียงของซื่อจื่อพ่ะย่ะค่ะ”จื่อหนิงเห็นซื่อจื่อน้อยเริ่มมีสีหน้าไม่ดี นางจึงอาสาเคาะประตูให้แต่ช่างบัง
ส่วนจื่อหนิงนั้นเดินทางจากเมืองหลันเถียน โดยการจ้างรถม้าคันขนาดกลางที่ใช้นอนพักได้ยามกลางคืน นางพาซื่อจื่อน้อยนั่งรถม้าผ่านมาสามสี่วันแล้ว ในที่สุดก็มองเห็นกำแพงเมืองหลงเฉิงเสียทีเมื่อผ่านการตรวจป้ายประจำตัวจากทหาร จื่อหนิงก็ให้รถม้าไปส่งนางที่จวนของหลี่อ๋อง คราแรกคนบังคับรถม้าจะไม่ยอมไป นางจำเป็นต้องเพิ่มเงินอีกเล็กน้อย เพื่อให้คนงานคนนี้มีกำลังใจในการทำงาน ซึ่งมีซื่อจื่อน้อยคอยบอกทางเสร็จสรรพจนกระทั่งรถม้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าจวนขนาดใหญ่ ซึ่งมีบ่าวไพร่มายืนเฝ้าระวังเวรยามที่มองมายังรถม้าอย่างสนใจ ว่าด้านในจะใช่สตรีหน้าด้านคนใดอีกหรือไม่ พอเห็นว่าเป็นสตรีรูปร่างซูบผอมเล็กน้อย กลับกลายเป็นความแปลกใจว่านางมาทำอันใดที่นี่“แม่นางเจ้ามาทำอันใดที่จวนแห่งนี้หรือ”หลังจากจื่อหนิงลงมายืนด้านล่างได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงเงยหน้าตอบคำถามของบ่าวที่ยืนรอคำตอบอยู่ “อ้อ พี่ชายท่านนี้ข้ามีเรื่องสำคัญมากและมันเกี่ยวกับซื่อจื่อของจวนอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านอ๋องอยู่ด้านในจวนหรือไม่ รบกวนพี่ชายไปรายงานให้ข้าทีเถิด”“เจ้าว่าอะไรนะ! ที่เจ้านั่งรถม้ามาจวนของท่านอ๋อง เพราะเรื่องของซื่อจื่องั้นหรือ นี่แม่นางเจ้าอย่า