Share

ตอนที่ 5 บังเอิญเกินไปหรือไม่?

last update Last Updated: 2025-05-22 15:04:27

เมื่อจื่อหนิงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว อย่างแรกที่นางทำคือการเข้าไปนั่งในร้านน้ำชา เพื่อฟังเรื่องราวที่ผู้คนชอบนำมาเล่าสู่กันฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั่วไปจนถึงเรื่องของขุนนางล้วนมีให้ฟังอยู่เป็นประจำ ซึ่งวันแรกของการหลบหนีออกจากหมู่บ้าน จื่อหนิงก็ได้ฟังข่าวลือเรื่องใหญ่ทันที

“นี่สหายเจ้าว่าใครกันที่กินดีหมีหัวใจเสือ กล้าลักพาตัวซื่อจื่อจากจวนหลี่อ๋องได้”

“ฮ้าย ในความคิดข้านะในจวนของหลี่อ๋อง ต้องมีเกลือเป็นหนอนคบหาคนนอกจวน รอจังหวะที่ทุกคนไว้ใจถึงได้กล้าลงมือเช่นนี้”

“ข้าก็คิดคล้าย ๆ กับพี่ชายท่านนี้นะ แต่สาเหตุของการลักพาตัวซื่อจื่อมาจากอะไรกันแน่ล่ะ”

ขวับ! ขวับ! “ชู่ว์ เรื่องนี้ถ้าพวกเจ้ารู้แล้วต้องปิดปากให้สนิท อย่าได้เที่ยวไปพูดให้ใครฟังพร่ำเพรื่อเด็ดขาด”

“พวกข้ามิใช่คนปากสว่างเสียหน่อย รีบเล่ามาเร็วเข้าสิ”

“ที่จริงแล้วซื่อจื่อคนนี้เป็นบุตรของน้องชายหลี่อ๋อง ซึ่งถูกคนร้ายลอบสังหารพร้อมกับพระมารดาและฮูหยินของตน ผ่านมาหลายปีจนถึงตอนนี้ยังหาตัวผู้บงการไม่ได้ ไหนจะสูญเสียพระบิดาไปในสนามรบ หลี่อ๋องที่สืบทอดตำแหน่งจากพระบิดา จึงรับบุตรของน้องชายเป็นบุตรของตน หลังจากนั้นเป็นต้นมาหลี่อ๋องก็ไม่คิดแต่งพระชายาเข้าจวน”

“จริงรึ! ใครกันที่กล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ครอบครัวของหลี่อ๋องคอยปกป้องชายแดนมานาน ไม่เคยคิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแก่งแย่งในราชสำนัก ข้าว่าอาจจะเป็นคนจากวังหลวงที่ลงมือ ด้วยเกรงกลัวฝีมือและอำนาจทางทหารของหลี่อ๋องมากกว่า”

“ใช่ ๆ ๆ ข้าเห็นด้วย หลี่อ๋องช่างน่าสงสารจริง ๆ หน้าที่ปกป้องชายแดนก็ต้องทำ บุตรของน้องชายก็ต้องเลี้ยงดูให้ดี

แต่ยังมีมือมืดยื่นเข้ามาทำร้ายอีกครั้งจนได้ เฮ้อ สวรรค์ช่างไม่เห็นใจคนดีบ้างเลยรึ”

“เอาล่ะ ๆ เลิกพูดเรื่องนี้เถิด ข้ายังไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวตอนนี้”

บุรุษทั้งสามที่แต่งกายคล้ายนักเดินทาง เปลี่ยนเรื่องพูดคุยไปเรื่องอื่นแทน เนื่องจากกลัวว่าตนเองจะดวงซวยกับเรื่องนี้ แต่สตรีร่างบางที่ทำทีมิได้สนใจผู้ใด กลับนั่งนิ่งตั้งใจฟังทั้งสามคนพูดจนจบ และเป็นเสี่ยวถังเป่าที่คิดว่าตอนนี้มีขาทองคำมาเชิญจื่อหนิงถึงที่

‘จื่อหนิงข้าว่าขาทองคำที่เจ้าอยากได้ คงเป็นหลี่อ๋องผู้นี้อย่างแน่นอน’

‘หา! เสี่ยวถังเป่าเจ้าจะให้ข้าเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ เพื่อเกาะขาทองคำซึ่งก็คือหลี่อ๋องผู้นั้นงั้นรึ’

‘ใช่น่ะสิ หากเจ้าสามารถคว้าโอกาสนี้ได้ ในอนาคตย่อมมีสักวันที่หลี่อ๋องเดินทางไปเมืองหลวง อาจเป็นพิธีการสำคัญที่เชื้อพระวงศ์จะรวมตัวกัน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะได้แก้แค้นบิดาชั่วนั่นอย่างไรเล่า’

‘โอ้โฮ! เสี่ยวถังเป่าเจ้าช่างเชี่ยวชาญเรื่องนี้จริง ๆ พอคิดดี ๆ แล้วก็จริงอย่างที่เจ้าพูดมาเหมือนกัน ได้ ข้ายินดีทำสุดความสามารถในการช่วยเหลือซื่อจื่อ เพื่อขาทองคำที่มีอำนาจในมืออย่างหลี่อ๋อง อื้อ’

‘ส่วนเรื่องจะตามหาตัวซื่อจื่อได้อย่างไรนั้น ข้าว่าพวกเราคงต้องเดินทางไปเมืองชางอัน เพราะเมืองนี้เป็นเมืองการค้าระหว่างแคว้น คนที่ลักพาตัวซื่อจื่อหากไม่สังหารทิ้ง ก็ต้องนำตัวไปขายยังต่างแคว้นเท่านั้น’

‘เช่นนั้นจะรอช้าอยู่ไยพวกเรารีบไปเมืองชางอันเถิด หากชักช้าอาจไม่ทันการณ์เอาได้’

‘อืม แต่พวกเราต้องออกไปนอกเมืองเสียก่อนนะ ทำเหมือนตอนที่เดินทางมายังตำบลหลานฮวาน่ะ’

‘เข้าใจแล้ว’

จื่อหนิงจ่ายค่าน้ำชาและลุกออกจากร้านเงียบ ๆ เพื่อไปยังชายป่านอกตำบลตรงจุดที่นางให้มิติพามา หลังจากมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ นางก็หายตัวเข้าไปในมิติทันที ก่อนจะสั่งมิติวิเศษให้พาไปสถานที่ใกล้เขตเมืองชางอัน

ซึ่งเป็นความบังเอิญหรือนางดวงดีก็ไม่อาจทราบได้ เพราะสถานที่ที่จื่อหนิงโผล่ออกจากมิติ กลับเป็นอำเภอที่คนร้ายลักพาตัวเด็กน้อยเดินทางมาถึงพอดี

‘มิติวิเศษพาข้าไปบริเวณที่ใกล้เมืองชางอันมากที่สุด’

‘ถึงแล้วล่ะจื่อหนิงรีบออกไปกันเถิด ข้ารู้สึกว่าเด็กน้อยคนนั้นคงอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก’

“อืม รบกวนเจ้าใช้ความสามารถในการบำเพ็ญเพียร ช่วยเหลือเด็กน้อยเพื่อทำความดีด้วยก็แล้วกัน”

จื่อหนิงก็คิดเช่นเดียวกับเสี่ยวถังเป่า นางคิดว่าคนร้ายจะรีบร้อนเดินทางไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจเผยพิรุธจนถูกทหารจับได้ ดังนั้นการเดินทางและหยุดพักไปเรื่อย ๆ คล้ายคนกำลังย้ายเมือง ย่อมเป็นทางออกของคนร้ายกลุ่มนี้อย่างแน่นอน

จากที่จื่อหนิงเคยดูซีรี่ย์แนวโบราณมาบ้าง นางจึงฉุกคิดถึงสถานที่ที่คนร้ายชอบใช้ซ่อนตัว หากไม่เป็นอารามร้างนอกเมืองก็ต้องเป็นโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ที่เจ้าของไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากเงิน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ เมื่อเสี่ยวถังเป่าได้ยินเสียงบุรุษสองสามคน พูดถึงเรื่องการนำตัวเด็กน้อยออกจากแคว้นหลงอวิ๋น

‘จื่อหนิงข้าได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน เกี่ยวกับเรื่องของซื่อจื่อจวนหลี่อ๋อง ที่สำคัญคนเหล่านั้นยังอยู่ในอารามร้างด้านหน้า

ห่างจากที่เจ้ากับข้าอยู่ราว ๆ สามจั้ง’

“แต่ตอนนี้ยังสว่างอยู่มากหากจะลงมือช่วยคน คงต้องใช้ยาสลบกับพวกเขาเท่านั้น เอาเช่นนี้พวกเรากลับเข้าไปในมิติก่อน รอข้านำสมุนไพรมาทำยาสลบแล้ว เจ้าค่อยเอาไปใส่ในกองไฟนะเสี่ยวถังเป่า”

‘อืม ทำตามแผนของเจ้าน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้วล่ะ’

เมื่อตัดสินใจจะลงมือในยามพลบค่ำ ทั้งสองจึงกลับเข้าไปอยู่ในมิติอีกครั้ง และจื่อหนิงก็เริ่มทำยาสลบจากสมุนไพรทันที

จนกระทั่งเวลาผ่านไปเข้ายามซวี เสี่ยวถึงเป่ารับห่อยาสลบมาเก็บไว้ในมิติของตน เมื่อออกมาด้านนอกมิติจื่อหนิงจึงรออยู่หลังพุ่มไม้ โดยให้เสี่ยวถังเป่าจัดการตามที่คุยกันไว้

ไม่ถึงหนึ่งจิบชาเสี่ยวถังเป่าก็วิ่งกลับมา เพื่อตามจื่อหนิงให้เข้าไปช่วยเด็กน้อย ซึ่งนอนหมดสติจากการสูดควันยาสลบเข้าไป เช่นเดียวกับคนร้ายอีกสามคนที่ร่างกายกำยำ ที่หน้าตาก็สมกับเป็นผู้ร้ายจริง ๆ แต่ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับสูตรยาสลบของจื่อหนิง แม้จะเป็นผู้มีวรยุทธ์แข็งแกร่งยังไม่อาจต้านทานได้

หลังจากเข้ามาในอารามร้างและได้เห็นร่างเล็ก ๆ ที่นอนหมดสติอยู่ซูบผอมลงเล็กน้อย จื่อหนิงจึงรีบเข้าไปอุ้มไว้ในอ้อมแขนทันที “โธ่เอ้ย เด็กก็ตัวเท่านี้เหตุใดพวกผู้ใหญ่ถึงได้ใจร้ายกับเจ้านัก คงตกใจมากสินะที่จู่ ๆ ก็ถูกคนแปลกหน้าพาตัวมาเช่นนี้ รู้สึกว่าตัวจะเริ่มรุม ๆ เหมือนจะเป็นไข้ ไม่เป็นไรมีพี่สาวอยู่ทั้งคนเจ้าต้องมีสุขภาพแข็งแรงได้แน่”

‘จื่อหนิงรีบไปจากที่นี่กันเถิด จะได้เดินทางไปให้ไกลจากอำเภอหลันเถียนเสียก่อน เด็กคนนี้ก็โตพอจะพูดจาตอบโต้ได้แล้ว ไว้ฟื้นคืนสติค่อยถามไถ่เส้นทางไปจวนหลี่อ๋องทีหลัง’

“อืม”

จื่อหนิงยังคงใช้วิธีเดิมอีกครั้ง ด้วยการเคลื่อนย้ายผ่านมิติวิเศษ และครั้งนี้นางขอมายังอำเภอที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ที่นางสามารถไปหาร้านค้าเพื่อเช่ารถม้า ในการเดินทางพาเด็กน้อยกลับจวนหลี่อ๋อง

ซึ่งยามนี้เจ้าของจวนอย่างหลี่อ๋อง “หลี่เจิ้งหาน” กำลังมีโทสะหลังจากคนของตนถูกคนร้ายลวงไปผิดเส้นทาง ทำให้คลาดกันกับคนร้ายอีกกลุ่มหนึ่ง หลี่อ๋องแม้จะมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ต้องเกี่ยวข้องกับใครบางคนในวังหลวง แต่ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ก็ไม่อาจด่วนสรุปว่าใครเป็นคนร้ายตัวจริงได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 17 นางเป็นใครกันแน่?

    เมื่อจื่อหนิงรับปากหลี่อ๋องไว้แล้ว ว่าจะดูแลเรื่องอาหารบำรุงให้ ไม่ว่าจะเป็นยามอยู่ที่จวนหรือยามไปทำงานที่ค่ายทหาร ดังนั้นในวันที่สองกับการได้อยู่จวนอ๋องแห่งนี้ จื่อหนิงจึงตื่นตั้งแต่ยามเหม่าเพื่อเตรียมอาหาร และสิ่งที่นางทำในเช้าวันนี้ก็คือโจ๊กข้าวกล้องใส่พุทราแดง ที่ช่วยลดอาการจุกแน่นรวมถึงเสริมพลังให้ร่างกายแต่สิ่งที่ทำให้บ่าวไพร่ตกใจจนทำตัวไม่ถูก แม้แต่ชางอวี่ก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาของตน คือการที่หลี่อ๋องมานั่งรับสำรับเช้ากับซื่อจื่อน้อยที่เรือนหยางชู ซึ่งยามนี้ชางเซิ่งกำลังคุกเข่าขออภัยซื่อจื่อ และร้องไห้เพราะดีใจและเสียใจไปพร้อมกัน“ฮึก ซื่อจื่อเป็นบ่าวที่ไม่ดีปล่อยให้ท่านตกอยู่ในอันตราย โปรดอภัยให้บ่าวผู้นี้ด้วยขอรับ ต่อไปบ่าวจะไม่ยอมอยู่ห่างกายท่านอีกแล้ว ฮึก คนพวกนั้นทำร้ายซื่อจื่อหรือไม่ขอรับ”ซื่อจื่อน้อยมององครักษ์ของตนและกลั้นยิ้ม เพราะท่าทางของชางเซิ่งที่ร้องไห้เป็นเด็ก มันช่างขัดกับรูปร่างหน้าตาของเขายิ่งนักแต่จะหัวเราะออกมาซึ่งหน้าก็ไม่ได้“ชางเซิ่งเจ้าหยุดร้องไห้เถิด ข้าไม่โทษเจ้าหรอกที่ช่วยข้าไว้ไม่ทัน เป็นคนพวกนั้นที่วางแผนได้ดีเกินคาด จึงพาตัวข้าไปจากเจ้าได้แต่ตอนนี

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 16 เรื่องของนางต้องสืบให้รู้

    หลังจากยืนรอให้หลี่อ๋องเสวยอาหารเสร็จ จื่อหนิงที่เอาแต่ยืนยิ้มด้วยความดีใจ ที่ขาทองคำยอมทานอาหารของนาง ซึ่งหลี่อ๋องยอมรับว่าอาหารที่จื่อหนิงทำนั้น ช่างเป็นรสชาติที่ถูกใจตนเองมาก ทำให้หลี่อ๋องจับตามองจื่อหนิงมากกว่าเดิม“อะ ฮึ่ม แม่นางจื่อหนิง”“หือ อ๊ะ ท่านอ๋องทรงเรียกหม่อมฉันหรือเพคะ”“ใช่ เปิ่นหวางแค่จะบอกเจ้าว่าฝีมือการทำอาหารของเจ้าใช้ได้ และสิ่งที่เจ้าพูดมานั้นก็ถูกต้องไม่น้อย ถ้าเช่นนั้นต่อไปอาหารทุกมื้อของเปิ่นหวาง รบกวนแม่นางจื่อหนิงช่วยดูแลด้วยก็แล้วกัน ยกเว้นวันที่ต้องไปค่ายทหารนอกเมืองเจ้าไม่ต้องทะ...”“ได้อย่างไรเพคะ! ถึงท่านอ๋องต้องออกไปที่ค่ายทหาร แต่ยังต้องมีอาหารติดไปเสวยระหว่างทางด้วยสิ จะขาดมื้อใดมื้อหนึ่งไม่ได้เด็ดขาดจนกว่าอาการปวดท้องจะหายดีเพคะ”หลี่อ๋องกำลังคิดว่าท่าทางที่จื่อหนิงกำลังทำอยู่ ช่างเหมือนกับมารดาบ่นด้วยความเป็นห่วงบุตร ซึ่งหลี่อ๋องก็เคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงทำให้หลี่อ๋องเผลอยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว“ในเมื่อแม่นางจื่อหนิงเป็นกังวลเรื่องสุขภาพของเปิ่นหวาง หากไม่ลำบากจนเกินไปนักเจ้าก็ทำตามความต้องการของเจ้าเถิด”“ท่านอ๋องพูดจริงหรือเพคะ! อย่าหลอกให

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 15 เริ่มผูกมิตรกับขาทองคำ

    ทางด้านเรือนหยางชูของซื่อจื่อน้อยหลี่จื่อคัง ยามนี้จื่อหนิงที่ได้ชำระล้างร่างกายผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว กำลังนำวัตถุดิบที่ได้เอ่ยขอกับพ่อบ้าน นำมาปรุงเป็นอาหารมื้อกลางวัน สำหรับเจ้านายตัวน้อยที่ตนได้ช่วยชีวิตเอาไว้ โดยมีเจตนาแอบแฝงเพื่อเกาะขาทองคำอย่างหลี่อ๋องจื่อหนิงไม่รู้ว่าหลี่อ๋องจะกลับจวนมาเมื่อใด แต่นางมีใจทำอาหารมื้อกลางวันไว้เผื่อด้วยเช่นกัน ซึ่งอาหารที่นางทำย่อมเป็นอาหารบำรุงร่างกาย และถูกต้องตามหลักโภชนการที่นางทำอยู่เสมอ เนื่องจากจื่อหนิงสังเกตเห็นท่าทางยามที่หลี่อ๋องมีโทสะ เขาแอบใช้มือข้างหนึ่งกุมที่ท้องไว้แน่น‘เสี่ยวถังเป่าเจ้าว่าหลี่อ๋องจะมีอาการป่วยหรือไม่’‘เหตุใดเจ้าถึงคิดว่าหลี่อ๋องมีอาการป่วย หรือเจ้าสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ’‘อืม ใช่แล้วล่ะข้าแอบเห็นหลี่อ๋องกุมท้อง ยิ่งตอนที่มีโทสะการหายใจก็ผิดปกติเช่นกัน’‘หากเป็นเช่นที่เจ้าว่ามา นี่เป็นโอกาสดีที่เจ้าจะช่วยรักษา เมื่อหลี่อ๋องเห็นถึงความสามารถของเจ้าย่อมรั้งเจ้าอยู่ที่นี่ต่อไป เช่นนี้ยามหลี่อ๋องเสด็จไปเมืองหลวง เจ้าคงได้ติดตามไปพร้อมกับเสี่ยวอวี้ อย่าปล่อยให้โอกาสดี ๆ ให้หลุดมือไปเด็ดขาดนะจื่อหนิง’‘แน่นอนเสี่ยว

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 14 หวงฉุนฟางต้องถูกประหาร

    สิ่งที่หลี่อ๋องพูดกับหวงฉุนฟางนั้น สร้างความตกตะลึงให้กับคนในครอบครัวอย่างมาก พวกเขาแค่คิดว่านางมีนิสัยเอาแต่ใจ มิใช่คนใจร้ายถึงขั้นคิดฆ่าคนได้มาก่อนนายท่านหวงคิดว่าตนเองหูฝาด จึงได้เอ่ยถามกับหลี่อ๋องอีกครั้งให้แน่ใจ “ทะ ทะ ท่านอ๋องท่านบอกว่าผู้ใดคือคนร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้หูฝาดเพราะอายุมากใช่หรือไม่ท่านอ๋อง”“นะ นะ นี่นางใจกล้าคิดสังหารลูกของเจี๋ยเอ๋อร์งั้นหรือ แต่นั่นเป็นหลานชายของนางนะ ต่างก็มีสายเลือดเดียวกันเหตุใดถึงทำได้ลงคอ ฮึก” เฉินฮูหยินร้องไห้ด้วยนึกสงสารบุตรสาวและหลานชายของตนยิ่งนักหวงฉุนฟางละล่ำละลักแก้ตัวเป็นพัลวัน “มะ มะ ไม่จริงนะเพคะท่านอ๋อง ต้องมีคนอิจฉาที่หม่อมฉันเข้าออกจวนอ๋องบ่อย ๆ ถึงได้จ้างคนให้ทำการลักพาตัวซื่อจื่อและโยนความผิดมาให้หม่อมฉัน ท่านอ๋องเชื่อหม่อมฉันเถิดหม่อมฉันไม่ได้ทำจริง ๆ เพคะ”“หึ เจ้าไม่ยอมรับว่าเป็นคนสั่งการสินะ ได้ เปิ่นหวางจะทำให้เจ้ายอมรับแต่โดยดี ชางอวี่นำคนเข้ามา” ในเมื่อคนร้ายไม่ยอมรับสารภาพ การเบิกตัวพยานย่อมไม่ต้องรั้งรอกันอีก“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”ชางอวี่ออกไปเพียงชั่วอึดใจก็กลับเข้ามาพร้อมพยาน ซึ่งพยานคนนี้ยิ่งทำให้หวงฉุนฟางถึง

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 13 จับตัวคนร้ายที่จวนตระกูลหวง

    รถม้าคันใหญ่ที่หลี่อ๋องเคยใช้แทบนับครั้งได้ วันนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่หลี่อ๋องจะนั่งรถม้า เพื่อไปสะสางปัญหาความวุ่นวายที่หวงฉุนฟางได้ทำกับจวนอ๋องเอาไว้ชาวบ้านในเมืองหลงเฉิงเกิดความสงสัย เมื่อจวนอ๋องมีความเคลื่อนไหวโดยมีกำลังทหาร คอยเดินตามรถม้าจำนวนหลายสิบนาย มีหลายคนนึกถึงเรื่องที่ซื่อจื่อถูกลักพาตัว จึงชักชวนกันเดินตามรถม้าอยู่ห่าง ๆจนกระทั่งรถม้ามาหยุดอยู่หน้าจวนตระกูลหวง บ่าวไพร่ที่เห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร ถึงกับวิ่งเข้าไปรายงานเจ้าของจวน เพื่อออกมาต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ด้วยตนเอง นายท่านหวงเมื่อได้ยินบ่าวเข้ามารายงานว่าหลี่อ๋องเสด็จมาเยือนที่จวน จึงได้เร่งฝีเท้าของตนออกมาต้อนรับแฮ่ก ๆ ๆ “ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะเสด็จมาขออภัยที่ออกมาต้อนรับล่าช้า”หลี่อ๋องปรายตามองมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ “นายท่านหวงอย่าได้กล่าวเช่นนั้น อย่างไรเสียพวกเราก็เกี่ยวดองเป็นญาติกัน เป็นฝ่ายเปิ่นหวางเสียมากกว่าที่มาโดยไม่บอกกล่าว”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะ เชิญท่านอ๋องเข้าไปด้านใน ดื่มน้ำชาก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ” หวงซวนถานนายท่านของจวน รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตั

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 12 สืบสาวราวเรื่อง

    ชางอวี่ติดตามเหมยลี่ไปจนถึงจวนตระกูลหวง จึงต้องใช้วิธีอื่นในการลอบเข้าจวนแห่งนี้ เพื่อต้องการสืบให้รู้ว่าผู้ที่เหมยลี่มาพบเป็นผู้ใด เมื่อมาถึงเรือนเล็กหลังหนึ่งก็พบว่า เหมยลี่หันมองซ้ายขวาก่อนจะหายเข้าไปด้านใน ตัวของชางอวี่จึงยืนแอบอยู่ด้านหลังหน้าต่างเงียบ ๆหวงฉุนฟางที่กำลังนั่งพักผ่อนกลับต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเหมยลี่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนคล้ายกับพบเจอเรื่องตกใจ จนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ “เหมยลี่เจ้ามาทำอันใดที่เรือนของข้า”“คุณหนูสามแย่แล้วเจ้าค่ะ แย่แล้ว!”“แย่อะไรของเจ้าพูดมาให้ชัดกว่านี้มิได้รึ เจ้าเอาแต่พูดว่าแย่ ๆ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันคือเรื่องอะไร” หวงฉุนฟางเริ่มไม่สบอารมณ์ เมื่อเหมยลี่เอาแต่พูดคำว่าแย่กับนาง“ที่บ่าวบอกว่าแย่แล้วเป็นเพราะวันนี้ซื่อจื่อถูกคนช่วยไว้ได้ และกลับมาที่จวนบ่าวถึงได้รีบหาวิธีออกมารายงานคุณหนูเจ้าค่ะ” เหมยลี่รีบพูดเพราะนางเกรงว่าโจรพวกนั้นจะถูกจับตัวได้แล้วพรึบ! “เจ้าว่าอะไรนะ! เด็กนั่นมีคนช่วยเอาไว้และกลับมาที่จวนแล้วเช่นนั้นรึ ไหนเจ้าบอกว่าไอ้พวกชั้นต่ำทำงานได้ดีมิใช่หรือ แล้วเหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ หา! เหมยลี่” หวงฉุนฟางลุกขึ้นตะคอกเหมย

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 11 หนอนตัวร้าย

    เรื่องราวที่ออกจากปากของซื่อจื่อน้อย ทำเอาเจ้าของจวนรวมถึงพ่อบ้านห้าวและชางอวี่ เกิดอาการตกใจจนแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน คาดไม่ถึงว่าสาวใช้ของฮูหยินรองจะมีนิสัยร้ายกาจ ถึงกับกลั่นแกลังบุตรของเจ้านายเช่นนี้ได้แต่คนที่มีโทสะมากกว่าผู้ใดคงหนีไม่พ้นหลี่อ๋อง เขากำหมัดแน่นพยายามควบคุมอารมณ์โกรธของตน เพราะไม่อยากทำให้บุตรชายต้องตกใจ “ชางอวี่! ไปลากตัวสาวใช้ของน้องสะใภ้มาที่นี่ เดี๋ยวนี้! เปิ่นหวางจะไต่สวนนางด้วยตนเอง”ชางอวี่ที่รู้สึกโกรธเช่นกันรับคำสั่งไม่มีรีรอ “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”จื่อหนิงยังไม่อยากให้เรื่องมันจบเร็วเกินไป นางจึงรีบเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน “ประเดี๋ยวก่อนเพคะท่านอ๋อง”“แม่นางจื่อหนิงห้ามเปิ่นหวางด้วยเหตุใดรึ?”“หม่อมฉันมิได้คิดจะห้ามไม่ให้ท่านอ๋องไต่สวนเพคะ เพียงแต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของสาวใช้ผู้นั้นคนเดียว มิสู้ท่านอ๋องลองสังเกตท่าทีของนาง เมื่อได้เห็นว่าซื่อจื่อกลับมาอย่างปลอดภัย เผื่อว่าสาวใช้ผู้นั้นจะนำความไปบอกกล่าวใครบางคน คราวนี้จะได้รู้เสียทีว่าใครที่คิดทำร้ายซื่อจื่อเพคะ” จื่อหนิงย่อมอยากมีผลงานเพื่อแสดงความสามารถให้ขาทองคำได้เห็น ว่านางมิได้เก่งเพียงแค่เรื่อง

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 10 ไม่ใช่น้องสะใภ้แต่ทำไมหน้าคล้ายกัน

    ภายในเรือนหย่งเจิงที่หลี่อ๋องใช้ทำงานเกี่ยวกับกองทัพ เจ้าของเรือนยังคงมีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดไม่จางหาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะยังไม่ได้รับข่าวจากคนของตน เกี่ยวกับหลานชายเพียงคนเดียวที่หายไป แต่ความกังวลใจของหลี่อ๋องกำลังจะถูกคลี่คลาย เมื่อเสียงเล็ก ๆ ที่คุ้นเคยเรียกตนเองอยู่ด้านหน้าประตู“เสด็จพ่อ ๆ เสี่ยวอวี้กลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หลี่อ๋องเริ่มขมวดคิ้วคมดุจกระบี่เข้าหากัน และเอ่ยถามชางอวี่ถึงที่มาของเสียงเล็ก ๆ นั่น “หือ ชางอวี่เจ้าได้ยินเสียงเด็กเหมือนข้าหรือไม่ เสียงนั่นคล้ายเสียงของเสี่ยวอวี้มาก หรือเพราะเปิ่นหวางเป็นห่วงเสี่ยวอวี้มากเกินไปจนหูฝาดงั้นหรือ”ซื่อจื่อน้อยยังคงส่งเสียงเรียกหลี่อ๋องอีกครั้ง “เสด็จพ่อออ! ท่านอยู่ด้านในหรือไม่เสี่ยวอวี้กลับมาหาท่านแล้ว”ชางอวี่ที่ตั้งใจฟังเสียงเล็ก ๆ เพื่อความแน่ใจ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนอยู่ด้านนอกจริง จึงรีบตอบคำถามของหลี่อ๋องทันที “ท่านอ๋องพระองค์มิได้หูฝาดพ่ะย่ะค่ะ มีคนอยู่ด้านหน้าประตูเรือนหย่งเจิงจริง ๆ หรือว่าเสียงที่พระองค์ได้ยินจะเป็นเสียงของซื่อจื่อพ่ะย่ะค่ะ”จื่อหนิงเห็นซื่อจื่อน้อยเริ่มมีสีหน้าไม่ดี นางจึงอาสาเคาะประตูให้แต่ช่างบัง

  • หวงจื่อหนิงเกิดใหม่เป็นพี่เลี้ยงบุตรชายท่านอ๋องอำมหิต   ตอนที่ 9 ข้าคือซื่อจื่อหลี่จื้อคัง

    ส่วนจื่อหนิงนั้นเดินทางจากเมืองหลันเถียน โดยการจ้างรถม้าคันขนาดกลางที่ใช้นอนพักได้ยามกลางคืน นางพาซื่อจื่อน้อยนั่งรถม้าผ่านมาสามสี่วันแล้ว ในที่สุดก็มองเห็นกำแพงเมืองหลงเฉิงเสียทีเมื่อผ่านการตรวจป้ายประจำตัวจากทหาร จื่อหนิงก็ให้รถม้าไปส่งนางที่จวนของหลี่อ๋อง คราแรกคนบังคับรถม้าจะไม่ยอมไป นางจำเป็นต้องเพิ่มเงินอีกเล็กน้อย เพื่อให้คนงานคนนี้มีกำลังใจในการทำงาน ซึ่งมีซื่อจื่อน้อยคอยบอกทางเสร็จสรรพจนกระทั่งรถม้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าจวนขนาดใหญ่ ซึ่งมีบ่าวไพร่มายืนเฝ้าระวังเวรยามที่มองมายังรถม้าอย่างสนใจ ว่าด้านในจะใช่สตรีหน้าด้านคนใดอีกหรือไม่ พอเห็นว่าเป็นสตรีรูปร่างซูบผอมเล็กน้อย กลับกลายเป็นความแปลกใจว่านางมาทำอันใดที่นี่“แม่นางเจ้ามาทำอันใดที่จวนแห่งนี้หรือ”หลังจากจื่อหนิงลงมายืนด้านล่างได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงเงยหน้าตอบคำถามของบ่าวที่ยืนรอคำตอบอยู่ “อ้อ พี่ชายท่านนี้ข้ามีเรื่องสำคัญมากและมันเกี่ยวกับซื่อจื่อของจวนอ๋อง ไม่ทราบว่าท่านอ๋องอยู่ด้านในจวนหรือไม่ รบกวนพี่ชายไปรายงานให้ข้าทีเถิด”“เจ้าว่าอะไรนะ! ที่เจ้านั่งรถม้ามาจวนของท่านอ๋อง เพราะเรื่องของซื่อจื่องั้นหรือ นี่แม่นางเจ้าอย่า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status