“ไปเตรียมตัว อีกสิบนาทีนายจะส่งรถมารับ”
เออร์วานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเย็นชากับหญิงสาวที่เพิ่งจะได้นั่งพักหลังจากเก็บกวาดบ้านทั้งหลังที่มีถึงสองชั้นเพิ่งจะเสร็จเรียบร้อยภายในเวลาหลายชั่วโมงที่มีเขาเป็นคนคอยคุม ไม่ใช่แค่ชั่วโมงเดียวตามที่เจ้านายสั่งเอาไว้
เขาไม่จำเป็นจะต้องแสดงความใจดีหรือมีน้ำใจมอบให้เธอเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ของนาย ด้วยเจ้านายไม่ได้สั่งเอาไว้ เขาก็เลยปฏิบัติตัวกับเธอไม่ต่างจากผู้คุมและก็นักโทษ
เข็มขาวหันไปมองหน้าคนที่สั่งออกมาเพียงชั่วครู่ด้วยความสงสัยอยากจะตั้งคำถามกลับไปว่าพวกเขาจะพาเธอไปยังที่แห่งใดอีก
แต่ทว่าพอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ควรถามเพราะนั้นอาจหมายถึงอันตราย เธอก็รีบหันหน้ากลับมามองไปยังพื้นตามเดิม
“ไม่ต้องเสือกมามองหน้ากู สั่งอะไรก็ไปทำสิวะ”
เออร์วานตวาดไล่หญิงสาวเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมทำตามที่สั่งออกไป เขาค่อนข้างหงุดหงิดง่ายกว่าไอ้เลนินมากนัก เมื่ออะไรๆ มันไม่ได้ดั่งใจ
“ฉันไม่ไปไหนกับพวกคุณทั้งนั้น”
หญิงสาวออกอาการขัดขืนต่อคำสั่งไม่ก้าวเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง เพราะเกรงว่าถ้าออกไปข้างนอกบ้านนั้น เธออาจเจ็บปางตายกลับมาอีกเหมือนตอนที่ไปสนามขี่ม้า
“เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”
จับแขนเล็กของหญิงสาวเอาไว้มั่นแล้วฉุดกระชากอย่างแรงให้เดินตามเขาไปยังห้องนอนของเธอ
เปิดประตูห้องนอนเล็กๆ นั้นออก แล้วเหวี่ยงร่างบางๆ นั้นเข้าไปภายในห้องนั้นอย่างไม่มีความปรานีหรือเมตตาอะไรกับหญิงสาวคนนั้นเลย
“โอ๊ย”
ร่างเล็กล้มกลิ้งไม่เป็นท่าไปกับพื้นแข็งๆ กลางห้องนอน ความเจ็บปวดแล่นเข้าบาดแผลเขียวช้ำต่างๆ ที่ยังไม่หายดีในทันที
แต่ก็ยังนับว่าโชคดีนักที่เธอนั้นไม่ล้มลงแล้วหัวไปฟาดกับขาเตียงให้ต้องหัวแตกหรือบาดเจ็บสาหัสมากไปกว่านี้
ความเจ็บนั้นทำให้เธอนอนนิ่งอยู่กับพื้นสักพักใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นมาได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ทันได้อาบน้ำแต่งตัวใหม่ เขาก็ส่งคนมารับเธอถึงหน้าห้องนอน และควบคุมตัวเธอไปขึ้นรถราวกับเป็นนักโทษของเขา
“ทำหน้าทำตาให้มันดีๆ หน่อย นานๆ ฉันจะใจดีให้เธอออกมาสูดอากาศข้างนอกแบบนี้”
ฟีนิกส์ที่ยืนรอหญิงสาวมาได้สักพักแล้วเอ่ยอยากทวงในน้ำใจที่เขาเจียดมันให้กับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอที่ควรถูกขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอยู่ภายในบ้านแบบนั้น
เมื่อสายตาของเขาตวัดมองไปแล้วเห็นว่าเธอทำหน้าบูดบึ้งใส่เขา ทั้งที่ควรจะยิ้มดีใจที่เขาให้โอกาสเธอออกมานอกบ้านแบบนี้
“ฉันอยากกลับบ้าน ขอร้องล่ะคะ คุณได้โปรดส่งฉันกลับบ้านไปเถอะนะคะ ฉันรับปากว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนและจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”
ก่อนหน้านี้เธอไม่เห็นว่าเขายืนอยู่ตรงไหน เพราะสถานที่ที่เขาให้คนพาเธอมานั้นมันมืดเอาเสียมากๆ จุดไหนไม่มืดก็มีไฟสว่างวาบวับจนเธอลายตาไปหมด
และพอได้ยินเสียงของเขาพร้อมกับเขาปรากฏตัวขึ้นออกจากที่มืด เธอก็ยกมือไหว้ขอร้องเขาในทันที
“อีกเดี๋ยวเธอได้กลับแน่ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้ ฉันไม่ใจดีปล่อยเธอมาสูดอากาศด้านนอกนานหรอกหรอก”
เขาปัดมือบางๆ ที่ไหว้เขารอบแล้วรอบเหล่านั้นทิ้งไปอย่างไม่ไยดี เขาเกลียดนักพวกที่ชอบร้องขอโอกาสอะไรแบบนี้ทั้งที่ไม่ควรได้รับมัน
“เดินเข้าไปข้างใน”
แล้วก็กระชากร่างเล็กนั้นอย่างแรงให้เดินตามเข้าไปข้างในผับพร้อมกับเขา เพราะในนั้นคนของเขาที่นัดเอาไว้คงมารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว และเขาก็ไม่อยากให้เธอรอนานก็ต้องดูรีบร้อนเป็นธรรมดา
“ค่ะ”
ร่างเล็กเดินตามอย่างไม่อาจขัดขืนแรงมหาศาลจากมือของเขานั้นได้
ระหว่างทางที่ต้องเดินตามเขา เธอนั้นใช้สายตาที่หวาดหวั่นกวาดมองไปรอบๆ ว่ามันคือสถานที่ใดกันแน่
พอได้สำรวจด้วยสายตาสักพักจึงพอเข้าใจว่าที่นี่คงเป็นผับ ที่ซึ่งนักเที่ยวกลางคืนเขามาเที่ยวกัน และคนอย่างเธอไม่เคยมาที่แห่งนี้มาก่อน
“ดูแลคุณโบนิตาให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ไม่อย่างนั้นฉันจะเธอโยนลงไปข้างล่างให้ไอ้พวกนั้นมันขย้ำเธอเล่น”
ฟีนิกส์พาตัวเธอเดินขึ้นมายังชั้นสองของผับตรงที่โซนวีไอพีที่ค่ำคืนนี้เขาในฐานะเจ้าของผับร่วมกับไอ้เอดิกได้จองเอาไว้
เขาเหวี่ยงร่างบางนั้นให้นั่งลงไปกับพื้นข้างๆ กับเก้าอี้ของโบนิตาหญิงสาวที่เขากำลังเข้าใกล้คำว่าคบหากับเธออยู่
“ค่ะๆ”
หญิงสาวก้มหน้าก้มตานั่งลงไปกับพื้นด้วยความอายจนไม่กล้าซบตากับใคร และหวาดกลัวว่าเขาจะทำอันตรายอะไรกับเธอไหมเมื่อเธอต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ก็คงเป็นถิ่นของเขา เพราะเธอรู้ว่าเขาเป็นมาเฟียไม่ใช่เพียงคนธรรมดาไร้ค่าอย่างเธอ
“พาคนใช้ส่วนตัวมาด้วยเหรอวะ”
เอดิกหนึ่งในเพื่อนร่วมโต๊ะสังสรรค์ในวันนี้แหละ และก็หนึ่งในหุ้นส่วนของธุรกิจผับในวันนี้เอ่ยทักทายเพื่อนอย่างเป็นกันเอง
พวกเขาสนิทกันมากพอที่จะไม่ได้ต้องกล่าวคำว่าสวัสดี และหันไปสนใจเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายในทันทีที่เจอหน้ากัน
ครั้งก่อนที่สนามม้าเขาคิดว่าเขาประทับใจไอ้เพื่อนรักคนนี้มากพอแล้วนะที่มันพาผู้หญิงคนนี้ไปทรมานอะไรแบบนั้น แต่ครั้งนี้ประทับใจยิ่งกว่าเพราะมันพาผู้หญิงคนนี้หนีบติดตัวมาด้วยอีกแล้วแถมให้นั่งใกล้ๆ มัน เรียกได้ว่าเกือบจะใกล้กว่าคนเป็นแฟนด้วยซ้ำไปเสียอีก
“อืม”
ฟีนิกส์พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบคำถามที่ไร้ประโยชน์นั้น
“รู้จักเอาใจสาวซะด้วย แบบนี้คุณโบหลงมึงหัวปักหัวปำแน่เลย ใช่ไหมครับคุณโบ”
เอดิกเห็นท่าไม่ค่อยจะดีเมื่อเขานั้นไปทักทายหญิงสาวที่ดูเหมือนจะกำลังเป็นของเล่นชิ้นโปรดของไอ้ฟีนิกส์มันเข้า เขาก็เลยเปลี่ยนเรื่องก่อนดีกว่าเพื่อเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของไอ้ฟีนิกส์เอาไว้ก่อนจะเป็นการดี เพราะถ้ามีเรื่องกับมันต้องไม่จบแบบสวยๆ แน่นอนถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนสนิทและญาติของมันก็ตาม
“คราวหน้าไม่ต้องพาใครมาดูแลโบแล้วนะคะ โบเกรงใจ แค่คุณพาโบมาเที่ยวแค่นี้โบก็มีความสุขมากๆ แล้วค่ะ”
โบนิตาดีไซเนอร์ชื่อดังสาวสวยที่ค่อนข้างมีหน้ามีหน้าในแวดวงสังคมไฮโซ และพ่วงด้วยตำแหน่งลูกสาวนักการเมืองใหญ่ที่มีอิทธิพลคุมไปหลายจังหวัดทางภาคกลาง หันมาพูดกับคนที่มักพาเธอมาออกเดตบ่อยด้วยรอยยิ้มหวาน ที่แสดงถึงความเกรงอกเกรงใจเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายพาทาสในบ้านมาปรนนิบัติเธอถึงผับแห่งนี้
“ถ้าคุณอยากได้อะไรที่มันมากกว่านี้ก็บอกผมก็แล้วกัน ผมจะจัดหามาให้คุณเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
ฟีนิกส์ที่ได้ขึ้นชื่อว่ายิ้มยากไม่ได้ยิ้มตอบหญิงสาวที่เขาหมายปองจะให้มาเป็นแม่ของลูกเขาไปหรอก เพราะดูเป็นการเสียเวลาที่จะยิ้มตอบกันไปมา
เขาเพียงแต่พูดกลับไปเท่านั้นเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกเกรงใจ เพราะอีกหน่อยเธอจะได้รับอะไรมากกว่านี้ถ้าได้มาเป็นผู้หญิงข้างกายเขา
“เดี๋ยวๆ จะมาจีบกันต่อหน้าเพื่อนไม่ได้นะโว้ย ไหนมึงบอกจะมาตรวจงานไง”
เอดิกเอ่ยขัดขึ้นกลางวงด้วยความหมั่นไส้
“กูก็เห็นแล้วไง ผับก็มีคนเข้าออกเยอะดี กำไรก็น่าจะเยอะถ้ามึงไม่คิดอมไว้ในปาก”
การขัดคอเองเอดิกไม่ได้ทำให้มาเฟียเลือดร้อนอย่างฟีนิกส์อารมณ์เสีย เพราะเขาชินกับคนอย่างมันแล้ว
แต่สายตาดุๆ ของเขากลับจ้องมองไปที่หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่นั่งอยู่กับพื้นไม่วางตาและเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อเธอเอาแต่ก้มหน้า ไม่เงยหน้ามาสบตาเขา
ผู้หญิงอะไรไร้มารยาทเป็นที่สุดเหมือนแม่ของเธอไม่มีผิดเลย ขนาดเขาลดตัวลงไปมองหน้าด้วยแล้วยังไม่คิดจะมองกลับมาอีก
“ใครโทรมาวะ”ฟีนิกส์ที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างออกรสจนเริ่มออกอาการเมามายเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองหน้าลูกน้องที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเขานักด้วยความหงุดหงิดเมื่อหูของเขาได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามารบกวนในช่วงที่กำลังกินเหล้าอย่างเพลิดเพลินนี้“นายใหญ่ครับ”เลนินรีบหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของเจ้านายที่ถูกวางคว่ำหน้าอยู่ไม่ไกลจากมือเขานักขึ้นมาดูว่ามีใครโทรเข้ามา แล้วก็รีบรายงานออกไป“โทรมาจนได้สินะ”สายตาคมทอดมองไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของตัวเองที่แทบไม่เคยใช้งานมันเลย นอกเสียจากสั่งงานลูกน้องแววตาแห่งความคิดถึงถูกฉายออกมาเล็กน้อยก่อนจะถูกเก็บซ่อนไปด้วยแววตาเย็นชาของคนไร้ความรู้สึกอย่างเขา“โทรมาแบบนี้คงอยากเห็นหน้าลูกเลี้ยงสุดที่รักนั้นสินะ”แล้วเขาก็กลบเกลื่อนความรู้สึกของคนเป็นลูกอย่างเขาด้วยคำพูดที่มันแสนประชดประชันนั้น“นายใหญ่วางสายไปแล้วครับ”ลูกก็ทำได้แค่รายงานสถานการณ์ทุกอย่างออกไป ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆ เพราะต่างร่วงรู้กันดีว่าเจ้านายนั้นแท้จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่“มึงไปลากคุณหนูนั้นมา แล้วตามกูไปที่ห้องนั่งเล่น”มาเฟียหนุ่มลุกเดินออกจากตรงที่เขาใช้นั่งกินเหล้าไปอย่างรวดเร็
“เธอหมดลมหายใจแล้วครับนาย”เลนินเห็นร่างนั้นแน่นิ่งไปก็เข้ามาตรวจดูลมหายใจ เพราะเขาก็เห็นกับตามาโดนตลอดว่าเจ้านายเขาจับเธอกดน้ำไปก็ตั้งหลายรอบ รอบละนานสองนาน“มึงว่าอะไรนะ ตายแล้วงั้นเหรอวะ”หันไปมองร่างเล็กๆที่นอนแน่นิ่งอยู่ขอบสระในทันที มองดูไม่วางตาและไม่เชื่อว่าเธอจะตายง่ายขนาดนั้น“ครับนาย”เลนินยืนยันคำตอบของเขาอีกครั้งด้วยการพยักหน้าเบาๆ“ปั๊มหัวใจมันขึ้นมาสิวะ”เสียงหนาสั่งดังลั่นส่วนทางกับท่าทีนิ่งสงบของลูกน้องตรงหน้า“ผมไม่กล้าเตะเธอครับ”แต่ลูกน้องกลับไม่รับคำสั่งนั้น เพราะผู้หญิงที่นอนกับเจ้านายแล้วเขาไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวเธอ ลูกน้องอย่างเขาไม่ควรใช้ผู้หญิงร่วมกับเจ้านาย ของเจ้านายก็คือของเจ้านาย ลูกน้องไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว“ไอ้พวกเวร”ฟีนิกส์ด่ากราดลูกน้องหลายคนที่ยืนเรียงหน้ากันอยู่แถวๆนั้นด้วยความโมโห พร้อมกับรีบขยับตัวเข้าไปหาร่างเล็กๆนั้นด้วยความว่องไว “ฟื้นสิวะ ฟื้นขึ้นมาสิ”แล้วเป่าลมจากปากของเขาเข้าไปในปากของเธอ สลับกับปั๊มไปที่หน้าอกของเธอตรงจุดที่มีไว้ช่วยชีวิตทำวนเวียนไปมาด้วยความร้อนรนท่ามกลางสายตาของลูกน้องที่ยืนจ้องเจ้านายอย่างเขาตาไม่กะพริบกันเลยทีเดียว
“ไปได้ไกลหรือยัง”ถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ กับหน้าตาเรียบเฉยแทบไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเลย ก็เพราะพอจะเดาทางผู้หญิงแพศยานั้นออก“ยังครับ อยู่แค่ปากซอยแค่นี้เองครับ”“ส่งคนออกไปวิ่งไล่สักคนสองคน แต่ไม่ต้องจับกลับมา ให้วิ่งจนเหนื่อย”และเขาก็มีแผนสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้วกับคนที่กล้ามาลองดีกับมาเฟียอย่างเขา เธอจะได้สนุกกับการหนีอย่างเต็มที่แน่นอน“ไอ้เออร์วาน ไปตามคุณหนูกลับบ้านมาสิ”ฟีนิกส์ปล่อยให้คนอยากหนีวิ่งเล่นไปได้สักพัก ก็เรียกหาลูกน้องผู้เป็นมือซ้ายที่หน้าโหดกว่าเลนินไปจัดการกับเธอ“เลนินมึงไปยกเหล้ามา”ส่วนเขานั้นก็เรียกหาเหล้ามาดื่มฆ่าเวลาที่ลูกน้องจะไปพาตัวเธอกลับมารับโทษที่กล้าดีวิ่งหนีคนอย่างเขาไป ทั้งที่เขาสั่งเธอแล้วว่าอย่าคิดทำอะไรแบบนั้นไม่เชื่อฟังก็ต้องเจอดีกลับไปบ้าง ครั้งต่อไปจะได้ไม่คิดลองดีกับมาเฟียอย่างเขาอีก“ครับนาย”ลูกน้องทั้งสองแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ไม่มีใครเกี่ยงงานกับใคร เพราะถ้าใครกล้าทำแบบนั้นต่อหน้าเจ้านายเท่ากับพร้อมตายไม่พร้อมจะทำงานแล้วเลนินหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเหล้าตามที่เจ้านายสั่ง จัดเสิร์ฟในทันทีเพื่อไม่ให้เจ้านายต้องร
“กินซะ”เสียงเลนินเอ่ยดังมาแต่ไกลพร้อมกับมือข้างที่ว่างเอื้อมมาเปิดประตูออก โดยที่มืออีกข้างถือของกินที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อถุงใหญ่ที่สามารถทำให้คนตัวเล็กอิ่มท้องได้ทั้งวันพอเปิดประตูห้องออกจนกว้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็กวาดสายตามองดูไปรอบๆห้องตามประสามือขวาของมาเฟียที่มีนิสัยชอบสังเกต ว่ามีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่ก่อนจะโยนถุงใบนั้นใส่หน้าคนตัวเล็กที่ถูกขังเอาไว้ภายในห้องนอนของเธอแล้วปิดประตูลง กักขังเธอไว้ตามคำสั่งของเจ้านายตามเดิม“คุณคนส่งข้าวยังอยู่ไหมคะ”เข็มขาวเอ่ยเรียกคนด้านนอกที่เพิ่งจะปิดประตูใส่หน้าของเธออย่างไม่รู้จักชื่อแซ่ของเขา เธอไม่เคยกล้าเอ่ยถามชื่อของพวกเขาเลย ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือว่าในตอนนี้ ด้วยเกรงว่าพวกเขาอาจไม่พอใจและคิดทำร้ายเธอกลับก็เป็นได้“มีอะไร”เลนินที่มักจะอยู่ตรงบริเวณแถวๆหน้าห้องของหญิงสาวอยู่แล้วเอ่ยถามกลับไป ไม่ใช่เพราะความหวังดีเพราะเขาไม่มีนิสัยข้อนั้นอยู่แล้ว แต่เพราะเป็นหน้าที่ของเขาก็มันไม่ได้มีใครหน้าไหนในบ้านหลังนี้หนิ่ มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของเขานั่นแหละถูกแล้ว และมันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด“หนูขอออกไปข้างนอกสักสิบนาทีได้ไหม หรือแค่ห
“ครับนาย”ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปเพราะไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับคนที่มีส่วนทำให้แม่ของเขาต้องตายเลนินลูกน้องผู้เป็นมือขวาของมาเฟียอย่างฟีนิกส์พอได้รับคำสั่งของเจ้านายมาแล้วทุกข้อ ก็พาตัวหญิงสาวเข้าไปขังเอาไว้ในห้องนอนของแขก ปิดประตูลงกลอนล็อกอย่างแน่นหนา มีคนเฝ้าทั้งด้านในด้านนอก“หนูคิดถึงแม่กับคุณลุงจังเลย หนูอยากตามแม่กับคุณลุงไปอยู่ที่นั่นจังเลย”ร่างเล็กทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นห้องภายในห้องที่เธอไม่ได้คุ้นชินหรือรู้จักเลยแม้แต่น้อย เธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อนปากก็พร่ำบ่นถึงคนที่เธอนั้นคิดถึงสุดหัวใจของเธอ และอยากเจอพวกเขาอีกสักครั้งถ้ายังมีโอกาสนั้นอยู่กอดตัวเองแล้วร้องไห้เบาๆ ไม่กล้าส่งเสียงดังออกไป กลัวว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะได้ยิน กลัวว่าเขาคนนั้นที่เธอเคยหลงคิดว่าใจดีจะเข้ามาทำร้ายเธออีก“หนูจะไม่ยอมแพ้ หนูจะอยู่จนกว่าวันที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง”เข็มขาวผล็อยหลับไปด้วยอาการหมดแรงจากการร้องไห้ที่เรียกได้ว่าหนักหนาจนตาบวม เธอตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันหรือคงเป็นเวลาเที่ยงวันได้แล้วมั้งจากการที่เธอนั้นคาดเดาด้วยตัวเองหอบร่างกายที่เต็มไปด้วยความหิวโหยเข้าไปภายในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนที่เธอถูก
“ไม่ กรี๊ดดดดดเสียงเล็กๆ กรีดร้องดังลั่นด้วยความหวาดกลัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างเล็กๆ ดิ้นพล่านแทบจะตกลงไปอยู่ด้านล่างของรถ“แหกปากเข้าไป อย่าหยุดร้องล่ะ”มือหนาดึงถึงเสื้อผ้าของเธอที่เหลือติดตัวอยู่ไม่กี่ชิ้นออกอย่างไร้ความปรานี เพียงชั่วอึดใจเดียวของคนเอาแต่ใจอย่างเขา ร่างเล็กๆ นั้นก็เปลือยเปล่าต่อหน้าเขาเปิดเผยเรือนร่างที่ติดว่าผอมไปนิดต่อหน้าเขา อย่างไม่มีอะไรมาขวางกั้นให้เกะกะลูกนัยน์ตาที่เขาก็ไม่ได้สนใจพิศมองนานนัก แต่กลับงัดเอาความใหญ่โตออกมาจากภายในกางเกงแทน“อ้าส์”แล้วเสียบแทงความใหญ่โตคับเต็มกำมือของตัวเองนั้นเข้าไปในช่องทางคับแคบของเธอดันเข้าไปอย่างรุนแรง นำพาความใหญ่โตเข้าไปในตัวเธอจนสุดความยาวอย่างเอาแต่ใจ“ฮืออ ออกไปให้พ้นนะ”เสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดของหญิงสาวหายเข้าไปในลำคอ เธอเจ็บจนร้องไม่ออกอีกต่อไปแล้วมีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มขาวเท่านั้นที่ยังคงไหลออกมาต่อสู้กับความเจ็บปวดที่มันถาโถมเข้ามาหาเธอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีวันจบสิ้นนั้น“ถุย”ถ่มน้ำลายใส่ท่อนเอ็นยักษ์ของตัวเองที่เชื่อมติดกับร่างกายของหญิงสาวเพื่อเติมน้ำหล่อลื่นขยับสะโพกแกร่งเข้าหาเธอช้าๆ เพื่