ตอนที่ 12
ความสำราญเลิศล้ำที่สุดในใต้หล้า
“คารวะท่านอ๋องเพคะ” เจ้าของร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่หนัก ไม่เบานัก ก่อนจะโค้งคำนับผู้มีศักดิ์สูงกว่าด้วยท่าทางที่ถูกฝึกมาอย่างดี
“คุณหนูสามหลี่ไม่ต้องมากพิธี...เชิญนั่งลงเถิด”
แม้เขาจะเอ่ยกับนางแต่ก็ไม่ได้หันหน้ามามองที่นาง ผู้เป็นอ๋อง ยังคงทอดมองไปยังผืนน้ำเช่นเดียวกันกับคราแรกที่นางเห็นเขา
หลี่เยว่เล่อนั่งลงที่เก้าอี้ไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กับนาง ที่สุดซึ่งประจวบเหมาะกับที่เป็นตำแหน่งที่นั่งด้านข้างของเก้าอี้ตัวยาวที่ ท่านอ๋องนั้นเอนตัวกึ่งนั่งอยู่ด้วยท่าทีสบายๆ
ท่าทีสบายๆ เช่นนี้ของเขาหญิงสาวรู้สึกไม่คุ้นชินยิ่งนักเพราะ ทุกครั้งที่ผ่านมาเวลาที่นางพบกับเขานั้นมักอยู่ในช่วงเวลาอกสั่นขวัญแขวน ท่าทีและบรรยากาศล้วนกดดันและจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
พอมาเจอหย่งไห่ชินอ๋องที่ดูทำตัวสบายๆ เช่นนี้หญิงสาวจึงรู้สึกว่าอาจมีบางสิ่งที่ไม่ปกติจริงๆ หรืออีกฝ่ายกำลังต้องการให้นางผ่อนปรน ความหวาดระแวงในวันนี้
“ท่านอ๋องต้องการพบข้าในเวลานี้ มีสิ่งใดหรือเจ้าคะ” เจ้าของใบหน้าหวานเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังยิ่ง นางไม่กล้าหย่อนการปฏิบัติตนเลยแม้แต่น้อย ทั้งคำพูดและกิริยาพยายามมีสมาธิมากที่สุด และจดจ่อกับท่านอ๋องที่อยู่เบื้องหน้าตน
“ดูเหมือนเปิ่นหวางจะรบกวนคุณหนูหลี่ผิดเวลาจริงๆ” บุรุษหนุ่มเจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจเอ่ยขึ้น
แทบจะให้ทันทีที่นางเอ่ยตอบกลับไปหลังได้ยินที่ท่านอ๋องเอ่ยออกมา “ท่านอ๋องเรียกหา หม่อมฉันจะถือเป็นการรบกวนได้อย่างไรเพคะ”
“อีกอย่างงานราชการของท่านอ๋องมีมากมาย ทรงเจียดเวลาเรียกหาหม่อมได้เป็นหม่อมฉันที่ควรรู้สึกทราบซึ้งแล้วเพคะ” เจ้าของเสียงหวานรีบเอ่ยเสริมขึ้นมาอย่างต้องการประจบเอาใจ
ด้านเซียวหลิงหลางก็นึกพอใจกับคำประจบของนางอยู่ในใจ อีกทั้งเห็นร่างเล็กเริ่มจะนั่งไม่ติดเพราะกลัวเขาจะไม่พอใจ ชายหนุ่มก็ไม่อยากแกล้งนางให้วิตกอีก
“วันนี้ที่ข้าเรียกคุณหนูสามหลี่มาก็แค่อยากจะถามเจ้าสักประโยคเพียงเท่านั้น”
“เชิญท่านอ๋องถามมาได้เลยเจ้าค่ะ หม่อมฉันยินดีจะต้องทุก เรื่องอย่างไม่ปิดบังแน่” แม้จะเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่ในใจนางยามนี้นึก กลัวสิ่งที่จะถูกถามออกมาไม่น้อย
ฝ่ามือเล็กของนางเริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ จนหญิงสาวต้องนำมือไปกำชายกระโปรงเอาไว้แทน
“คุณหนูสามหลี่ดูกังวลนัก...นี่เปิ่นหวางทำให้เจ้ารู้สึกกลัวได้เพียงนี้เชี่ยว”
หญิงสาวไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตอบกลับไป นางเพียงพยายามยกยิ้มออกมาแทนแม้ว่าจะยกยิ้มออกมาได้อย่างอยากลำบากก็ตามที
“เปิ่นหวางแค่อยากจะถามเจ้าว่าของขวัญที่ข้าส่งไปที่สกุลหลี่เจ้าพอใจหรือไม่”
“ย่อมต้องพอใจแน่นอนเพคะ”
ที่แท้ท่านอ๋องก็ต้องการจะถามเรื่องนี้นี่เอง หลี่เยว่เล่อโล่งอกขึ้นมาในทันที เมื่อครู่เขาถามนางว่าพอใจหรือไม่ มิได้ถามว่าบิดานางพอใจหรือไม่ เห็นได้ชัดว่าเป็นคำถามแฝงที่มีความใน
“ก่อนหน้านี้หม่อมฉันคิดว่าทรงจะปกป้องสกุลหลี่อย่างลับๆ เสียอีก”
“เปิ่นหวางคือหย่งไห่ชินอ๋องเจ้าว่าเปิ่นหวางจำเป็นต้องกระทำเรื่องหลบซ่อนด้วยหรือ”
เจ้าของนัยน์ตาดุจเหยี่ยวอีกทั้งเป็นเจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น พลางจ้องมองไปที่หญิงสาวสกุลหลี่ที่กำลังมองมาที่เขาอยู่เช่นเดียวกัน
“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตาสกุลหลี่เพคะ” หลี่เยว่เล่อเอ่ยพลางลุกขึ้นยืนและคำนับท่านอ๋องอย่างนอบน้อมอีกครั้ง
นางรู้สึกโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านพ่อเป็นขุนนางน้ำดีและหย่งไห่ชินอ๋องผู้นี้เห็นว่าคนสกุลหลี่ยังมีประโยชน์
“คุณหนูสามหลี่ไม่ต้องมากพิธีหรอก เจ้ารีบนั่งลงเถอะ มาลองดื่มชาดูสักหน่อย” เอ่ยจบเขาก็เป็นผู้รินชาให้หญิงสาวด้วยตนเอง
“ขอบพระทัยเพคะ” นางหยิบชาขึ้นมาจิบอย่างไม่รอช้าให้เขาต้องชักชวนรอบสอง
ชารสเลิศล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งเพียงสัมผัสผ่านลิ้นก็หอมหวานอบอวลในปากไม่จางหาย
“ช่างเป็นชาที่รสเลิศที่สุดที่หม่อมฉันเคยดื่มมาเลยเพคะ” นางเอ่ยพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายไม่อาจปิดบังความพึงพอใจเอาไว้ได้
“ชื่อชาอะไรข้าก็ไม่ใคร่รู้ เพียงจำได้ว่าฝ่าบาทประทานให้ หากเจ้าชอบก็นำกลับไปด้วยสักหลายห่อก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยที่ทรงเมตตาเพคะ แต่หม่อมฉันจะกล้ารับเอาไว้ได้อย่างไรของล้ำค่าเช่นนี้”
“เอาไว้ที่นี่ก็ใช่ว่าเปิ่นหวางจะดื่มหมดเสียที่ไหน มันมีรสหวาน เกินไปสำหรับข้า อีกอย่างระหว่างชากับเจ้านี่ เปิ่นหวางชอบเจ้านี่ มากกว่านัก” ทรงเอ่ยพร้อมกับยกขวดในมือขึ้นยื่นใหญ่หญิงสาวดู
เจ้านี่ที่ท่านอ๋องว่าคือสุราอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะก่อนหน้าที่นางจะมาทรงดื่มสุราไปไม่น้อยหรือไม่ คืนนี้ ท่านอ๋องจึงมีท่าทีแปลกตาเช่นนี้ ซ้ำยังดูไม่น่ากลัวเหมือนครั้งอื่นๆ
“คงต้องเป็นยอดสุราเป็นแน่”
“ยอดสุรา ทิวทัศน์ทะเลสาบอันงดงาม เจ้าว่าเป็นอย่างไร” ชาย หนุ่มเอ่ยถามขึ้น แม้เขาจะดื่มสุราไปไม่น้อยก็จริง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกมึนงง แม้แต่น้อย ในวันนี้เขาตั้งใจให้นางได้เจอกับท่าทีสบายๆ ของเขาบ้าง เพราะไม่อยากให้นางต้องรู้สึกกลัวหรือกดดันเหมือนครั้งอื่นๆ
ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานการณ์หวาดระแวง เช่นนั้นอีก และเขาก็ไม่อยากให้นางต้องคอยกลัวหรือยำเกรงเขาอยู่ ตลอดเวลายามพบหน้า
“เป็นความสำราญสุดในใต้หล้าเลยเพคะ แต่เหมือนว่ายังขาดไปหน่อยยังไม่อาจเรียกว่าความสำราญสุดในใต้หล้าได้อย่างสมบูรณ์”
“เป็นสิ่งใดกันที่ขาดไป เจ้าว่าขาดสิ่งใดไปหรือ”
นางทำทีเป็นครุ่นคิดอยู่เสี้ยวเวลาก่อนจะเอ่ยขึ้น “สิ่งที่ขาดดูเหมือนจะเป็นเสียงดนตรีเพคะ เสียงดนตรีเพื่อขับกล่อมบรรยากาศ”
ทั้งแต่ที่นางก้าวเข้ามาในจวนอ๋องก็พบแล้วว่าที่นี่ เงียบเหงาเกินไป มิใช่สถานที่ที่สงบสุข
“เสียงดนตรี?”
“เพคะ เพิ่มเสียงดนตรีเสริมสร้างบรรยากาศแห่งความรื่นรมย์เสียหน่อยย่อมต้องดีแน่”
“ที่คุณหนูสามกล่าวออกมาน่าสนใจยิ่ง”
ได้ยินคำชื่นชมเพียงเล็กน้อยนางก็ดีใจขึ้นมาแล้ว รู้สึกว่าความคิดของตนมีประโยชน์ไม่น้อยจริงๆ อีกทั้งครั้งนี้ยังสามารถให้ผู้เป็นอ๋องคล้อยตามได้ในที่สุด
“ไม่รู้ว่าบรรยากาศตอนนี้เหมาะกับเสียงเครื่องดนตรีใดที่สุดกัน เจ้าคิดว่าอย่างไร”
“ผีผา พิณ กู่เจิ้ง ล้วนแต่ดียิ่งทั้งนั้นเพคะ” หญิงสาวตอบออกมาโดยไม่ต้องคิดในทันที
“พอดีซะจริง ในจวนของเปิ่นหวางมีผีผาอยู่ตัวหนึ่งพอดี เช่นนั้นคุณหนูสามหลี่ก็บรรเลงผีผาสักเพลงที่นี่ก็แล้วกัน”
ว่าอย่างไรนะ เมื่อครู่ทรงบอกให้นางบรรเลงผีผาใช่หรือไม่
เมื่อเห็นร่างเล็กนิ่งค้างไป ราวกับกำลังคิดคำนวณอยู่ในหัวไม่ตกชายหนุ่มจึงเอ่ยเสริมอีก “คุณหนูสามหลี่คงถนัดเล่นผีผา เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าลงเพราะว่าผีผาเป็นชื่อแรกที่นางเอ่ยขึ้น เขาจึงคิดว่าย่อมเป็นสิ่งที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีเป็นแน่ จึงได้เรียกร้องให้นางบรรเลงผีผามือบรรเลงด้วยตนเองสักเพลงเถิด”
เพราะว่าผีผาเป็นชื่อแรกที่นางเอ่ยขึ้น เขาจึงคิดว่าย่อมเป็นสิ่งที่นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีเป็นแน่ จึงได้เรียกร้องให้นางบรรเลงผีผา
“เพคะท่านอ๋อง” แน่นอนว่านางไม่อาจปฏิเสธ จำต้องตอบรับด้วยท่าทียินดีทั้งที่ในใจไม่ค่อยยินดีนักที่ถูกมัดมือชกกลายๆเช่นนี้
คนจวนอ๋องทำงานได้คล่องแคล่วว่องไวจริงๆ สิ้นเสียท่านอ๋องเอ่ยสั่งแค่ไม่นาน ผีผาก็ถูกนำมามอบให้ถึงมือนางแล้ว
สิ่งใดในจวนหย่งไห่ชินอ๋องแห่งนี้บ้างที่ไม่ล้ำค่ายากหาได้ เช่นเดียวกับผีผาในมือนางแค่ได้เห็นก็ทำให้ตื่นตะลึงในความล้ำค่าแล้ว
หญิงสาวใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับผีผาใหม่ในมือตนอยู่ไม่นานนักก็เริ่มลงมือบรรเลงเพลงได้
ยามแรกที่นางหยิบและดีดมือลงกับผีผาเสียงราวกับปุยนุ่น เริ่มแรกบางเบา ก่อนจะค่อยๆเร่งจังหวะการดีดขึ้นช้าๆ ไม่นานก็ทำให้คนฟังหลงเข้าห้วงดึงดูด เสียงบรรเลงช่างไพเราะยิ่งนัก
ในยามนี้ไม่รู้ว่าระหว่างทิวทัศน์ทะเลสาบอันงดงามที่พื้นผิวน้ำส่องสะท้อนให้เห็นเงาจันทร์เต็มดวงปรากฏอยู่กับภาพหญิงงามที่กำลังบรรเลงผีผาได้อย่างไพเราะนุ่มนวลราวกับเทพธิดากำลังประทานพรสิ่งใดที่จะเป็นที่ตราตรึงที่สุดในค่ำคืนนี้
ผู้ที่ล่วงรู้ได้อย่างแท้จริงนั้นมีเพียงบุรุษหนุ่มผู้สูงศักดิ์ ผู้เป็นถึงชินอ๋องแห่งราชวงศ์เพียงเท่านั้น
“ความสำราญเลิศล้ำที่สุดในใต้หล้าดูเหมือนจะมาอยู่เบื้องหน้าของข้าแล้ว”
ตอนที่ 36สมรสพระราชทานสองปีผ่านไปสกุลหลี่เกิดเรื่องขึ้นมากมายท่านพ่อของนางยังเป็นเสนาบดีกรมคลังที่ฝ่าบาทให้ความเชื่อใจในความซื่อสัตย์และความสามารถ ส่วนพี่รองก็กำลังก้าวหน้าได้ดีในหน้าที่การงานเช่นเดียวกันอีกทั้งเมื่อสองเดือนก่อนรั่วรั่วพี่สะใภ้รองก็เพิ่งให้กำเนิดบุตรสาวตัวน้อยให้แก่เขาหลี่เมิ่งเหยาคือชื่อของนางฟ้าตัวน้อยผู้เป็นหลานสาวคนแรกของสกุล ท่านพ่อและท่านแม่ของนางหรือหากจะกล่าวให้ถูกก็คงต้องเอ่ยว่าทุกคนในสกุลหลี่ต่างก็ชื่อชอบและรักเอ็นดูหลานสาวตัวน้อยกันทุกคนด้านพี่ใหญ่หลังจากเขื่อนที่เหอตงสร้างเสร็จ เขาก็กลับกองทัพหลวงของฝ่าบาทเห็นว่าอีกหนึ่งเดือนก็จะได้กลับมาประจำการที่เมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้นสกุลหลี่ก็จะพร้อมหน้ากันอย่างแท้จริงท่านแม่ของนางจัดเตรียมหาว่าที่พี่สะใภ้ใหญ่เตรียมเอาไว้แล้วถึงห้าคน เห็นว่าอย่างไรพี่ใหญ่ก็ต้องเลือกจากแม่นางหนึ่งในห้าคนนี้เพื่อแต่งเป็นภรรยาโดยไม่อาจบิดพลิ้วอีกหลี่เยว่เล่อในวัยสิบเก้าปีนั้นโชคดีที่นางเจอกับคนที่อยากจะแต่งด้วยแล้วและเขาก็ยินดีที่จะรอวันที่นางพร้อมหญิงสาวจึงไม่ต้องหาแม่สื่อหรือออกงานเลี้ยงมากนัก หากจำเป็นต้องไปจริงๆหญิงสาวจึงจ
ตอนที่ 35 ข้าต้องการเจ้า ดวงหน้าเล็กในยามนี้แดงก่ำดุจสีของลูกพลับสุก ฝ่ามือเล็กทั้ง สองข้างของนางเองก็มีเหงื่อออกมาตลอดเวลาคล้ายกับว่ากำลังระบายความร้อนจากภายในกายออกมา เซียวหลิงหลางที่ค่อยๆ วางนางลงบนเตียงในเรือนด้านในจวน ของเขาแต่กลับถูกเจ้าของมือเล็กคว้าแขนเอาไว้ไม่ยอมให้ชายหนุ่มลงจากเตียง“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย” เจ้าของเสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนจะซุกตัวเข้าไปหาแผงอกแกร่ง“ข้าให้คนไปตามหมอมาแล้วเจ้าอดทนอีกหน่อย” ชายหนุ่มปลอบหญิงสาวในวงแขน นางโอบกอดเขาแน่นเล็กน้อยพลางซุกหน้าเข้าไปที่ช่วงอกของเขา ลมหายใจร้อนของนางจึงไม่แปลกที่จะรินรดจนเขารู้สึกได้ถึงมันเป็นอย่างดีหากนางเพียงแค่ซุกตัวกอดเขาธรรมดาชายหนุ่มคงไม่ต้องค่อยหักห้ามใจตอนเองถึงเพียงนี้แต่นี่นางเริ่มเลื่อนฝ่ามือเล็กอันเนียนนุ่มของนางไปลูบสัมผัสตามซอกคอและไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงปลายคางเรียวของเขา มีหรือผู้ที่ถูกสัมผัสเช่นนี้จะยังหายใจปกติได้อีกเขาย่อมถูกนางทำให้จิตใจเตลิดไปมากเช่นกัน“คุณชายเซียวท่านหล่อเหลามาก” นางไม่เพียงเอ่ยชมยังจูบเบาๆ ที่ปลายคางหม่นด้วย“อาเล่ออย่าซุกซนนัก” แม้เขาจะเอ่ยปรามนางแต่ก็ยังไม่หลบเลี่ยงสัมผัสของนาง เ
ตอนที่ 34 เหยื่อล่อล่อห่านอี้หนิงให้ออกมาคืออีกหนึ่งเหตุผลที่หลี่เยว่เล่อมาที่เมืองหนานสกุลห่านถือว่ามีจุดจบไม่ต่างจากสกุลหลี่ในชาติก่อน ที่ต่างกันคงเป็นห่านอี้เทียนทำผิดจริงแต่ท่านพ่อของนางในครั้งนั้นถูกใส่ร้ายหลักฐานทั้งหมดถูกห่านอี้เทียนนำใส่ในกล่องที่มีช่องลับและฝากนางนำไปเก็บให้บิดา โดยอ้างว่าของในกล่องเป็นเพียงตำราหายากที่เขายืมไปอ่านชั่วคราวเท่านั้นตอนนั้นเพราะความเชื่อใจนางจึงนำกล่องไปเก็บโดยไม่ได้ตรวจสอบดูอย่างชัดเจนอะไร จนกระทั่งจวนสกุลหลี่ถูกทางการค้นและพบหลักฐานการทำผิดของท่านพ่อซึ่งแน่นอนว่าหลักฐานทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างแนบเนียน นางคิดว่ารองเจ้ากรมคลังฉินชาติก่อนก็คงจะร่วมมือกับห่านอี้เทียนใส่ร้ายท่านพ่อนางเช่นเดียวกันเพราะต้องการตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังสกุลห่านต้องโทษประหารทั้งครอบครัว แน่นอนว่าห่านอี้หนิงเองก็ต้องตายเช่นเดียวกับห่านอี้เทียนที่ถูกท่านอ๋องสังหารทันที เจ้าหน้าที่ตามหาตัวนางที่บ้านเกิดที่อำเภอฉงแต่กับไม่พบตัวคนตามวัดอารามใดก็ไม่มีผู้ที่แสดงตัวว่าเป็นห่านอี้หนิงอย่างที่ควรจะเป็น นั่นทำให้รู้ห่านอี้หนิงกำลังหลบหนีการจับกุมอยู่เบาะแสเดียวที่มีคือเห
ตอนที่ 33 ผูกใจ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นที่สั่นสะเทือนไปทั่วราชสำนัก ฝ่า บาททรงพิโรธยิ่งเมื่อได้รับฎีกาและหลักฐานของการวางแผนปล้นเงินคลังหลวงที่ถูกจัดเตรียมส่งไปเพื่อสร้างเขื่อนจากพระอนุชาของพระองค์โทษของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกรมคลังห่านอี้เทียนและรองเจ้ากรมฉินหลางถูกประกาศไปทั่วแผ่นดินสกุลห่านและสกุลฉินถูกยึดทรัพย์และสั่งให้ประหารชีวิตทั้งสกุลเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้แก่เหล่าขุนนางฝ่าบาทสั่งการลงไปอย่างรวดเร็วไม่ถึงครึ่งวันทุกอย่างก็ถูกกวาดล้างจนสิ้นห่านอี้หนิงหายสาบสูญ ทั่วแคว้นติดประกาศจับชินอ๋องได้รับรางวัลและราชโองการชื่นชมจากฝ่าบาทเนื่องจากเป็นผู้ที่สามารถสกัดแผนชั่วของพวกขุนนางเลวหนักแผ่นดินได้แม่ทัพเฉินและเหล่าทหารที่รับหน้าที่คุ้มกันเงินคลังไปส่งได้รับเงินรางวัลและคำชื่นชมจากฝ่าบาทที่ทุ่มเทและปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ หลังพักรักษาตัวจนหายแล้วค่อยเรียกตัวกลับเมืองหลวงเงินคลังที่เอาไว้ใช้จ่ายสำหรับสร้างเขื่อนถูกเก็บเอาไว้ชั่วคราวที่ที่ว่าการเมืองเพราะที่นั่นมีเวรยามแน่นหนา การคัดเลือกกลุ่มการค้าถูกเลือกขึ้นอีกครั้งและครั้งนี้มีท่านอ๋องสามเป็นผู้ติดตามและคัดเลือกกลุ่ม
ตอนที่ 32ขจัดความกลัวในใจแผ่นหลังแกร่งเต็มไปด้วยความสง่างามยามอยู่บนหลังม้า ทุกฝีเท้าม้าที่วิ่งทะยานล้วนรวดเร็วรุนแรง ราวกับสายลมอันคลุ้มคลั่ง แน่นอนว่าย่อมเป็นไปตามความต้องการของผู้ที่ควบคุมบังเหียนเวลานี้หย่งไห่ชินอ๋องผู้ซึ่งได้ชื่อว่ามีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้น ทหารใต้บัญชาของอ๋องหนุ่มนั้นสามารถรบชนะสิบต่อหนึ่งได้อย่างสบายๆ และเป็นปราการอันแข็งแกร่งที่สุดของชายแดนทางใต้การรบแต่ละครั้งที่ผ่านมาตลอดสิบปีมีเพียงทำเพื่อประชาชน แคว้นและฝ่าบาท ทว่าครั้งนี้เขากำลังพาทหารติดตามห้าสิบนายไปเพื่อทำร้ายสิ่งที่ทำให้สตรีที่เขาพึงใจต้องเป็นกังวลและหวาดกลัว“สิ่งที่จะลบความกลัวออกไปจากใจของเจ้าได้เปิ่นหวางจะทำลายมันให้สิ้นซากเพื่อเจ้า”ขบวนการขนเงินหลวงจากกรมคลังที่นำโดยแม่ทัพเฉินอยู่ห่างจากเมืองเหอตงไม่ไกลดินทางอีกครึ่งวันก็จะถึงประตูเมือง คืนนี้พวกเขาจึงต้องพักค้างแรมข้างนอกอย่างไม่มีทางเลือกทหารคุ้มกันห้าสิบคนเป็นคนของแม่ทัพเฉินที่ทำหน้าที่คุ้มกันการขนเงินหลวงในครั้งนี้ อีกสิบคนเป็นผู้ติดตามที่มาพร้อมกับรองเสนาบดีฉินกองไฟถูกก่อขึ้นห้ากองใหญ่ มีเพียงรองเสนาบดีที่พักอยู่บนรถม้าส
ตอนที่ 31 ใกล้ยุติ“อีกสามวันเงินที่ส่งมาจากกรมคลังก็จะมาถึงเหอตง” เซียวห ลิงหลางเอ่ยขึ้น ยามนี้ภายในห้องทำงานชั่วคราวที่จวนรับรองมีเพียงเขาและเสนาบดีหลี่เท่านั้น“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“ผู้คุ้มกันเงินมาคือแม่ทัพเฉินที่ฝ่าบาทไว้ใจกับรองเสนาบดีกรม คลังฉินหลางใช่หรือไม่”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” “ท่านเสนาบดีคิดว่าฉินหลางผู้นี้เป็นอย่างไร”“เหตุใดท่านอ๋องจึงถามเช่นนี้เล่าขอรับ” หลี่เจ๋อเอ่ยถามผู้มากด้วยอำนาจซึ่งแม้ตนจะถือว่าเป็นขุนนางใหญ่ของราชสำนักแต่ก็ไม่เคยคิดจะงัดอำนาจกับชายหนุ่มผู้นี้เลยสักครั้ง“ห่านอี้เทียนกับฉินหลางรองเจ้ากรมคลังลอบติดต่อกันมานาน แล้วข้อนี้ท่านเสนาบดีก็คงยังไม่ทราบกระมัง”“กระหม่อมไม่เคยรู้เลยพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อครู่ท่านอ๋องกล่าวว่าพวก เขาลักลอบติดต่อกัน ทั้งที่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาคนทั้งกรมคลังต่างรู้กันหมดว่า รองเจ้ากรมฉินหลางไม่ชอบห่านอี้เทียนเท่าไร่นักแล้วคนทั้งคู่ที่มีความสัมพันธ์เช่นนี้ลอบติดต่อกันนั่นก็ชัดเจน แล้วว่าสิ่งที่ลักลอบทำจะต้องไม่ใช่เรื่องดี“ห่านอี้หนิงเมื่อครั้งไปที่เมืองหลวงและพักอยู่ที่จวนของท่านเสนาบดีหลี่ชั่วคราว นางเองก็เคยแอบไปส่งจดหมายลับๆ