ด้านอันหนิงกลับบ้านมาคราวนี้นางก็หวังว่าจะได้เปิดใจกับน้องสาว นางเองก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันคาราคาซัง รีบปรับความเข้าใจกันเสียชีวิตมันสั้นไม่รู้จะได้อยู่ด้วยกันถึงเมื่อไร
“พี่ใหญ่มาแล้ว” อันเล่อที่กำลังควบคุมสาวใช้จัดเตรียมของว่างรอพี่สาวดีใจเป็นการใหญ่ เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกันดี ๆ นางจึงอยากให้พี่สาวประทับใจและเลิกคิดว่าทุกคนไม่รักเสียที
“อืม เจ้าทำอะไรอยู่ นั่งเถอะ ท่านแม่บอกว่าพักนี้เจ้าเหนื่อยง่าย ประเดี๋ยวเป็นลมขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“ข้าไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกเจ้าค่ะ พี่ใหญ่กังวลมากเกินไปแล้ว” ยิ่งได้ยินคำห่วงใยจากปากพี่สาว อันเล่อก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขล้น ที่ผ่านมามักถูกกีดกันให้ห่างจากกัน จึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดและคลุกคลีกันมากนัก ตัวนางกลับคิดว่าพี่สาวเกลียดชังมาตลอด แต่เมื่อไม่นานมานี้ท่านแม่บอกทุกอย่างหมดแล้ว จึงมิได้มีเรื่องให้หมองใจกัน
“อย่างไรก็เถอะ อย่าได้หักโหมนัก ท่านหมอว่าอย่างไรโรคนี้มีทางหายหรือไม่” ไม่นานมานี้ทุกคนยอมเล่าเรื่องโรคประจำตัวอันเล่อแล้ว ทำให้อันหนิงไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดอีกต่อไป
“ไม่หายขาดเจ้าค่ะ แต่ถ้าดูแลตัวเองให้ดีดื่มยาบำรุงอย่าได้ขาด ก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเจ้าค่ะ” ทว่าก็ใช่จะเป็นเรื่องง่าย ต้องกินยาอย่างต่อเนื่องถึงสามปี จึงจะใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติ มิต้องระวังว่าจะเกิดการชักเหมือนอย่างที่เป็นอยู่
“ไม่หายแต่ยังสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ก็ยังดี อันเล่อเจ้าโกรธพี่หรือไม่ที่เมื่อก่อนทำกับเจ้าไว้มากมาย ล้วนมีแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น” นึกถึงสิ่งที่ตนทำตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ก็รู้สึกเสียใจ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เกือบทำให้น้องสาวต้องตายเพราะความริษยา
“โกรธอันใดกันเจ้าคะ ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลยสักนิด พวกเราทุกคนรักพี่ใหญ่มากนะเจ้าคะ พวกเราไม่เคยคิดจะผลักไสหรือเกลียดชังพี่เลย” อันเล่อจับมือพี่สาวขึ้นมาแนบกับใบหน้าพร้อมจะถูไถอย่างออดอ้อน นางอยากทำเช่นนี้มานานแล้ว ในที่สุดก็ได้อ้อนพี่สาวเสียที
“อันเล่อพี่ยังมีอีกเรื่องที่อยากขอโทษเจ้า พี่รู้พี่ทำผิดมหันต์ที่วางยาพี่เหล่ยก่อนวันแต่งงานของเจ้า พี่ทำให้เจ้ากับคนรักต้องแยกจากกัน พี่ขอโทษ” อันหนิงร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น มีเพียงเรื่องนี้ที่นางกลับไปแก้ไขมันไม่ได้ กลายเป็นตราบาปที่ไม่อาจจะลบล้างได้เลย
“พี่ใหญ่” น้องสาวผู้กุมความลับทุกอย่างได้แต่ช่วยซับน้ำตาให้พี่สาว บัดนี้อันเล่อเหมือนคนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ได้ เข้าใจว่าพี่เขยปรับความเข้าใจกับพี่สาวแล้วเสียอีก นี่กระไรยังไม่ได้ทำอะไรเลยใช่หรือไม่ พี่ใหญ่ถึงได้มีความคิดเช่นนี้
“จะสายไปหรือไม่หากพี่จะคืนพี่เหล่ยให้กับเจ้า”
“หา! อย่าเชียวนะเจ้าคะ” คำพูดของพี่สาวยิ่งทำให้อันเล่อนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ในใจได้แต่เรียกหาพี่เขยตัวดี ให้รีบพาพี่สาวไปปรับความเข้าใจกันซะ
“เจ้าไม่ต้องกังวลจะเป็นที่ครหา พอหย่ากับพี่เหล่ยแล้วพี่นะรีบย้ายไปอยู่เมืองซ่งฉวนทำการค้าเล็ก ๆ อยู่ที่นั่น ถ้าเจ้าตกลงพี่พร้อมหย่าให้ทุกเมื่อ”
“เอ่อ... คือ พี่ใหญ่ข้าว่าอย่างไรพี่เขยต้องไม่ยอมแน่เจ้าค่ะ”
“หากเจ้าตกลงก็มิใช่ปัญหา พี่เหล่ยรักเจ้ามากเขาต้องตกลงอยู่แล้ว ว่าอย่างไรเจ้าเห็นด้วยใช่หรือไม่” พวกเขารักกันมากถึงเพียงนี้ ไม่มีทางที่หวังเหล่ยจะปฏิเสธอยู่แล้ว ไม่แน่อาจรอคอยวันนี้มานานแล้วก็ได้
“ข้าคือ... ข้า”
อันเล่อไม่มีทางเลือกนางจึงใช้วิธีที่ถนัดและไม่ถูกจับได้ หญิงสาวชักมันเสียตรงนั้น แสร้งล้มลงกับพื้นหญ้าไม่ห่วงว่ามันจะสกปรกสักแค่ไหน พานทำให้อันหนิงตกใจถึงกับร้องเสียงดังให้คนช่วย
“อันเล่อเจ้าอย่าเป็นอะไรนะ ใครก็ได้รีบไปตามท่านหมอมาเร็วเข้า เจ้าไปตามท่านแม่เดี๋ยวนี้” อันหนิงไม่มีความรู้เกี่ยวกับการช่วยคนเป็นลมชัก นางจึงได้แต่นั่งสติแตกมองน้องสาวดิ้นแด่ว ๆ ตรงหน้าโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ดีที่ยังพอสั่งการบ่าวรับใช้รู้เรื่องทั้งที่ขณะพูดลิ้นพันกันแทบจะพูดได้ไม่เป็นประโยค
ปึก ๆ“อ้าส์” อันหนิงร้องเสียงหลง ยิ่งบอกให้เบาคนเจ้าเล่ห์กลับยิ่งกระแทกแรง ใบหน้างามค้อนขวับทว่าภายในใจกลับรู้สึกชอบให้อีกฝ่ายทำเช่นนี้เหมือนกัน แต่เรื่องอะไรนางจะบอกให้เขาได้ใจ ลำพังแค่นี้ก็ยังรับมือไม่ไหวแล้วเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนล่างถูกกระแทกไม่หยุดส่วนบนก็มิได้ว่างเว้น อกอวบคู่งามถูกมือหนาบีบขย้ำอย่างมันมือ เนื้อหวานนี้ช่างล่อลวงให้หลงใหลได้ดีนัก ไม่ว่าได้ชิมเมื่อไรเป็นอันหยุดไม่ได้เสียทุกคราหวังเหล่ยจับร่างขาวโพลนเปลี่ยนท่วงท่า เพียงแค่พลิกกายนิดเดียวสาวเจ้าก็ขึ้นมาอยู่ด้านบน ท่วงท่านี้ทำให้อันหนิงใจสั่นไม่น้อย การที่นางได้อยู่ด้านบนมิใช่จะได้ทำบ่อย ๆ และรู้สึกชอบที่ได้เป็นแม่ทัพนำศึก ควบขี่ม้าไปในทิศทางใดก็ได้ตามแต่ใจต้องการ แต่ก็เหนียมอายเกินกว่าจะกล้าบอกออกไปตรง ๆ“ถ้าเจ้ายังทำเป็นเล่นอยู่เช่นนี้ เมื่อไรจะถึงปลายทาง อย่าให้ต้องทำเองประเดี๋ยวจะร้องอีกไม่รู้ด้วยนะ”คำขู่ของหวังเหล่ยไม่เป็นผล ร่างบางยังคงขับขี่จังหวะเอื่อยเฉื่อยไม่ได้ดั่งใจ ท่วงท่าลีลาแม้จะเหลือร้ายทว่ามันกลับไม่ทันใจ“ว๊าย อะ อะ อ้าส์”ปึก ๆอันหนิงถึงกับร้องลั่นด้วยความตกใจระคนเสียวซ่
อันหนิงตะเกียกตะกายเพื่อดันตัวให้หนีไปอีกฝั่งของเตียง ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปถึงกลางเตียงนอนด้วยซ้ำ นางกลับถูกอีกฝ่ายลากกลับมาจุดเดิม ชุดสวยที่เพิ่งสวมใส่ได้ไม่นานก็ถูกอีกฝ่ายปลดเปลื้องออกราวกับปอกเปลือกกล้วยอย่างง่ายดาย แม้จะถดกายหนีจนสุดความสามารถก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี“ท่านพี่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ ข้าเป็นระดูทำไม่ได้นะเจ้าคะ”“ฮึ เมื่อเช้าข้ากับเจ้าก็เพิ่งอาบน้ำด้วยกัน” ชายหนุ่มยิ้มร้ายจับขึงตรึงแขนทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะก้มลงบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่มเพื่อเป็นการลงโทษคนเจ้าแผนการ“อื้อ” ชุดตัวในสีขาวบัดนี้กลับถูกดึงทึ้งขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี มือเล็กดันอกกว้างออกห่างพลางทุบตี ส่งเสียอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ แม้จะประท้วงด้วยภาษากายทุกวิถีทาง แต่คนด้านบนกลับไม่นำพายังคงบังคับจูบให้ได้อยู่อย่างนั้น กว่าหวังเหล่ยจะถอนจูบปากบางก็บวมเจ่อเสียแล้ว“ข้าเจ็บ” ใบหน้างามงอง้ำไม่ชอบใจที่ถูกกระทำรุนแรง หวังให้เขาสงสารปฏิบัติกับตนอย่างเบามือมากกว่านี้“เจ็บหรือ เป็นข้าหรือไม่ที่เจ็บกว่า คนอย่างเจ้าน่ะหากไม่ลงโทษให้หลาบจำมีหรือจะดีขึ้น”แม้จะพูดไปอย่างนั้นแต่การกระทำเขากลับอ่อนโยนขึ้นถนัดตา เขาหรืออยากมีลูกน้อย
กลุ่มสาวใช้รุ่นพี่ต่างเดินคอตกกลับไปทำงาน นอกจากนายท่านจะไม่เชื่อแล้วพวกนางยังถูกหักค่าแรงตั้งครึ่งหนึ่ง ทำให้ยิ่งโกรธแค้นเสี่ยวชุ่ยมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ทะเลาะกันทุกคนแต่เสี่ยวชุ่ยกลับไม่โดนอะไรอยู่คนเดียว“แล้วนั่นยาอะไร อันหนิงนางป่วยหรือ เหตุใดถึงต้องดื่มยา”“ยาบำรุงเจ้าค่ะ ฮูหยินสบายดีไม่ได้เป็นอะไร”“ข้าไม่เห็นรู้ว่านางต้องกินของพวกนี้” หวังเหล่ยเทยาในกาใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นดม แต่ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อยาถ้วยนี้มีกลิ่นสมุนไพรบางอย่างมากกว่าจะเป็นแค่ยาบำรุง “นางกินทุกวันหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ กินเฉพาะวันที่ฮูหยินอยากกินเท่านั้น” สาวน้อยเสี่ยวชุ่ยรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว น้ำเสียงของนายท่านที่ดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า“พ่อบ้านสุ่ยงานวันนี้ยกเลิกให้หมด มีอะไรจัดการได้ให้จัดการเองไปก่อน อันไหนสำคัญให้เลื่อนออกไป” ชายหนุ่มสั่งงานพ่อบ้านเสร็จ จึงได้หันกลับมาสั่งงานสาวรับใช้ภรรยาต่อ “ส่วนเจ้าวันนี้ไม่ต้องรับใช้ฮูหยินไปช่วยงานโรงครัวแทน”“เจ้าค่ะ”ถาดยาในมือถูกเจ้าของจวนแย่งไป เสี่ยวชุ่ยได้แต่มองตาปริบ ๆ ทำปากพะงาบ ๆ ไม่กล้าถามเพราะกลัว
เช้าวันใหม่ในขณะที่เสี่ยวชุ่ยกำลังวุ่นอยู่กับการต้มยา ความสงบสุขของนางก็หมดไปเมื่อถูกสาวใช้กลุ่มพรรคพวกตงตงหาเรื่องใช้งานไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่ได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นคนสนิทของฮูหยิน นางก็ถูกตงตงเขม่นมาตลอดเมื่อมีโอกาสสาวใช้รุ่นพี่ก็มักจะหาเรื่องกลั่นแกล้งอยู่เสมอ ด้วยนางถือว่าเสี่ยวชุ่ยน้องใหม่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ทันไรก็แข็งข้อและคิดต่าง เป็นคนโง่เขลาที่เลือกคนคุ้มกะลาหัวไม่ถูกฝั่ง เลือกอยู่กับฮูหยินที่ไม่เป็นที่รักของนายท่าน ช่างสิ้นคิดเสียจริง“เสี่ยวชุ่ยอย่าคิดว่าได้เป็นคนติดตามฮูหยินแล้วจะมาอู้งานเช่นนี้ได้นะ ผ้าพวกนี้ยังไม่ได้ซักเลยสักชิ้น” หนึ่งในพรรคพวกของตงตง ๆ โยนผ้าใส่เสี่ยวชุ่ยพลางหัวเราะคิกคัก นี่ขนาดถูกพวกตนแกล้งใช้งานขนาดนี้เจ้านายที่คอยคุ้มกะลาหัวยังไม่เคยจัดการให้เลยสักครั้ง สมน้ำหน้าอยากเลือกข้างไม่ถูกเอง“ข้าไม่ได้อู้งานไม่เห็นหรือว่ากำลังต้มยาอยู่น่ะ ส่วนผ้าพวกนี้เจ้าก็เอาไปซักเองสิ ไม่ใช่หน้าที่ของข้า” เสี่ยวชุ่ยในตอนนี้ใช่ว่าจะอ่อนแอเหมือนตอนที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ แม้จะอายุยังน้อยและเพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน กระนั้นก็พอจะรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะคนเหล่านี้ที่ไม่ให้คว
ครู่เดียวฮูหยินหลี่วิ่งหน้าตาตื่นมาถึงตัวบุตรสาวคนเล็ก ก่อนจะสั่งให้หญิงรับใช้ช่วยกันหามอันเล่อกลับเรือนนอนรอท่านหมอมาตรวจอาการ กระนั้นก็ยังแปลกใจว่าบุตรสาวอาการกำเริบได้อย่างไร ทั้งการชักครานี้มันก็แปลก ๆ ก็ไหนท่านหมอยืนยันแล้วว่าในสามปีนี้หากอันเล่อกินยาอย่างต่อเนื่อง โรคลมชักนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นหากร่างกายไม่อ่อนแอจากการเจ็บป่วยทว่าในตอนที่กำลังจะเข้าหอบหิ้วกันเข้าเรือนนอน อันเล่อได้คว้ามือมารดาพร้อมกับเขย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัว ทั้งสองสบสายตากัน ก่อนที่อันเล่อจะขยิบตาเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่านางมิได้เป็นอะไร เพียงเท่านี้ฟางเหนียงก็รู้แล้วว่าบุตรสาวคนเล็กแกล้งป่วย กระนั้นก็ไม่รู้ว่าอันเล่อทำไปเพื่ออะไร แต่เชื่อว่าจะต้องมีเหตุผลมากพอ นางจึงได้แต่ตามน้ำไปเท่านั้น“อันหนิงวันนี้เจ้ากลับจวนไปก่อนนะ ประเดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงน้อง นางก็เป็นเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ ประเดี๋ยวก็หายเอง”“แต่ข้าอยากอยู่ดูน้องเจ้าค่ะท่านแม่” อันหนิงผู้ไม่รู้อะไรได้แต่ดึงดันจะอยู่ต่อ ยิ่งได้เห็นน้องสาวชักลงต่อหน้าต่อตาก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกเป็นห่วง“เชื่อแม่เถิด ถึงเจ้านั่งเฝ้าทั้งวันทั้งคืนอย่างไรก็ช่วยไม่ได้ กล
ด้านอันหนิงกลับบ้านมาคราวนี้นางก็หวังว่าจะได้เปิดใจกับน้องสาว นางเองก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันคาราคาซัง รีบปรับความเข้าใจกันเสียชีวิตมันสั้นไม่รู้จะได้อยู่ด้วยกันถึงเมื่อไร“พี่ใหญ่มาแล้ว” อันเล่อที่กำลังควบคุมสาวใช้จัดเตรียมของว่างรอพี่สาวดีใจเป็นการใหญ่ เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกันดี ๆ นางจึงอยากให้พี่สาวประทับใจและเลิกคิดว่าทุกคนไม่รักเสียที“อืม เจ้าทำอะไรอยู่ นั่งเถอะ ท่านแม่บอกว่าพักนี้เจ้าเหนื่อยง่าย ประเดี๋ยวเป็นลมขึ้นมาจะทำอย่างไร”“ข้าไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกเจ้าค่ะ พี่ใหญ่กังวลมากเกินไปแล้ว” ยิ่งได้ยินคำห่วงใยจากปากพี่สาว อันเล่อก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขล้น ที่ผ่านมามักถูกกีดกันให้ห่างจากกัน จึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดและคลุกคลีกันมากนัก ตัวนางกลับคิดว่าพี่สาวเกลียดชังมาตลอด แต่เมื่อไม่นานมานี้ท่านแม่บอกทุกอย่างหมดแล้ว จึงมิได้มีเรื่องให้หมองใจกัน“อย่างไรก็เถอะ อย่าได้หักโหมนัก ท่านหมอว่าอย่างไรโรคนี้มีทางหายหรือไม่” ไม่นานมานี้ทุกคนยอมเล่าเรื่องโรคประจำตัวอันเล่อแล้ว ทำให้อันหนิงไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดอีกต่อไป“ไม่หายขาดเจ้าค่ะ แต่ถ้าดูแลตัวเองให้ดีดื่มยาบำรุงอย่าได้ขาด ก็สามารถใช้ชีว