"คุณพราวฟ้ากลับไปแล้วครับ"
เสียงบอดี้การ์ดคนสนิทของฟาริส ที่ยืนอยู่ข้างโซฟาตัวใหญ่เอ่ยรายงานผู้เป็นนายที่นั่งกระดกไวน์อึกใหญ่ราวคนกระหายน้ำ "อือ แล้วไปเรียกเด็กมาให้ฉันคนนึง" สิ้นเสียงผู้เป็นนาย อธิปก็ชำเลืองสายตาแอบมองเจ้านายหนุ่มตรงหน้า ความคิดหลากหลายเกิดขึ้นในหัว แต่ก็ไม่กล้าถาม "มองแบบนี้หมายความว่าไงหะ" และสายตาเป็นคำถามคงจะเคืองตาฟาริส เขาจึงได้เอ่ยถามลูกน้องเสียงเข้มแกมหงุดหงิด "ไม่ได้หมายความว่าไงครับ เดี๋ยวจะรีบจัดการให้ครับ" ฟาริสเพียงพยักหน้าตอบ อธิปก็ค่อยถอยหลังห่างออกไป แล้วก็เดินหายออกนอกห้องเพื่อทำตามคำสั่งที่ได้รับทันที อารมณ์คุกรุ่นดิบเถื่อนที่พลุกพล่านยังไม่ได้รับการปลดปล่อย เดิมทีเขาคิดว่าแค่ต้องการให้ผู้หญิงไร้ยางอายชอบแย่งผัวชาวบ้านคนนั้นรู้สึกได้รับความอายบ้างก็เท่านั้น แต่เมื่อครู่ตอนที่หล่อนถอดเสื้อผ้าออกหมด มันชวนให้แก่นกายของเขาปวดร้าวจนอยากได้รับการปลดปล่อย แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ร่วมชั่วโมง เพราะกว่าภารกิจพิชิตสวรรค์ด้วยตัวเองของเธอจะเสร็จสิ้น ยอมรับว่าในหลายครั้งเขาเกือบจะจับแท่งเอ็นของตัวเองเสียบแทนไอ้ของปลอมอันสีชมพูที่เธอเลือกมันขึ้นมาเพื่อช่วยตัวเองต่อหน้าเขา เรียวขาคู่งามที่นั่งอ้าปล่อยให้แท่งเอ็นอันขนาดไม่ใหญ่นักสอดใส่เข้าไป เธอเลือกอันที่เล็กที่สุดสอดใส่เข้าไป เป็นภาพที่ชวนติดตาจนเขาแทบจะละสายตาไม่ได้ ยังจำผิวเรียบเนียนอมชมพูของเธอไปทั้งตัวได้ดี แม้แต่ส่วนบอบบางไร้ขนก็ยังเนียนเรียบ ยิ่งตอนที่เธอกำลังเสียวสะท้านถึงขั้นสุดก่อนที่จะเสร็จสม สะโพกที่แอ่นเร่าๆ เข้าหาแท่งเอ็นของปลอมมันยิ่งชวนเขาเกือบสติแตก ยอมรับว่าเธอเซ็กซี่มาก ไม่เหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วสักนิด สมกับเป็นดาราเบอร์ต้นๆ อย่างที่อธิปเคยรายงาน และตอนนี้เขาก็ไม่นึกแปลกใจว่าไอ้ สาธร สามีของอลินามันจะหลงผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน จากข่าวเลิกรากันเมื่อปีกลาย เพราะผู้หญิงที่ชื่อ พราวฟ้า เข้ามาเป็นส่วนเกินในชีวิตครอบครัวของอลินา ทำให้คู่สามีภรรยาต้องระหองระแหงทะเลาะกันใหญ่โต แต่ทั้งคู่ก็ยังประคองกันมาตลอดอีกหนึ่งปีเต็ม แม้จะทะเลาะกันตลอดก็ตาม แต่ล่าสุดเมื่อสองเดือนที่แล้ว ที่เขามีโอกาสได้เจออลินาอีกครั้ง เธอก็พรั่งพรูชีวิตหลังแต่งงานอันน่าหดหู่ให้ฟัง พร้อมข่าวร้ายที่ว่าทั้งคู่หย่ากันเมื่อเดือนที่แล้ว แน่นอนว่าอลินาเสียใจอย่างหนัก กินเหล้าเกือบทุกวันและในบางวันที่เขาก็ต้องไปกินเหล้าเป็นเพื่อนเธอ น้ำตาของหญิงสาวที่เคยเป็นคนรักเก่าบีบหัวใจเขาอย่างหนัก ในวันที่เธอแต่งงานเขายังเคยบอกนายสาธรนั่นให้ดูแลเธออย่างดี ถ้าวันไหนที่มันทำให้อลินาเสียใจ วันนั้นมันจะเสียใจยิ่งกว่า พราวฟ้าโยนเงินสดสามแสนไว้ที่เบาะข้างคนขับอย่างไม่สนใจไยดี เงินจำนวนนี้ที่เธอหวังจะเอาไว้ใช้เดือนหน้าให้ตลอดรอดเดือน ก็มีอันต้องเอาไปให้พ่อถลุงเล่นในบ่อนอีกเช่นเคย เพราะก่อนที่เธอจะออกจากบ้านมาเมื่อช่วงเย็น ก็มีชายแปลกหน้า หน้าตาน่ากลัวหลายคนมาที่บ้านพร้อมด้วยปืนอีกหนึ่งกระบอกที่จ่อศีรษะพ่อเธอไว้ "ถ้าพรุ่งนี้กูไม่ได้เงินสามแสนมึงเตรียมไปคุยกับยมบาลได้เลย" "สามแสน" เธอได้แต่อุทานเสียงแผ่ว หัวใจแทบจะหยุดเต้นตอนที่เห็นปืนกระบอกสีดำจ่อที่ขมับของผู้เป็นพ่อ "สามแสนนี้ดอกเบี้ยนะ" "ว่าไงนะ ดอกเบี้ย" "พ่อมึงเอาเงินนายกูไปสามล้าน กำหนดคืนต้นอีกสองเดือนมึงเตรียมหาเงินไว้ให้พ่อมึงเลย แล้วสิ้นเดือนหน้ากูจะมาเก็บดอกสามแสนถ้ามึงเบี้ยวก็เตรียมตัวไว้เลย" ตอนที่ไอ้ชายชุดดำเอ่ยเสียงเข้ม มันยังเอาปืนกดที่ขมับพ่อเธอแรงๆ อีกต่างหาก ก่อนจะหันมามองหน้าเธออีกครั้ง "ว่าแต่ลูกสาวมึงเป็นถึงดารา ถ้าไม่มีเงินเอาตัวขัดดอกให้นายกูก็ได้นะ" ไอ้คนถือปืนเอ่ยจบ ลูกน้องมันอีกสองคนก็พากันหัวเราะชอบใจ และถ้าไม่เพราะวันนี้เธอต้องเอาเงินสามแสนนี้กลับไปให้ได้ เธอคงไม่มีวันยอมให้ฟาริสทำกับเธอแบบนั้นแน่นอน ทำให้ภาพในอดีตหวนขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง...5 ปีก่อน "ไอ้พราว แกดูนั่นซิใครเดินเข้ามา" เสียงกระซิบกระซาบของน้ำขิง พลางบุ้ยหน้าไปทางชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาในผับใกล้มหาวิทยาลัย แหล่งรวมตัวของนักศึกษายามค่ำคืน และชายหนุ่มลูกครึ่งปีสี่คณะบริหารที่กำลังเดินเข้ามาเรียกสายตาจากสาวๆ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องให้หันไปมองได้อย่างดี ไม่เว้นแม้แต่เธอ "คนอะไรวะ โคตรหล่อเลย เออ แกรู้ป่ะนังพราว ว่าพี่ฟาริสเขาเลิกกับแฟนแล้วนะ" "ไม่ใช่มั้ง" เธอเอ่ยตอบน้ำขิง เพราะรู้ว่ารุ่นพี่ที่แอบชอบมานานมีแฟนแล้ว และรู้ว่าเขากับแฟนคบกันมานานแล้วด้วย ทั้งครอบครัวทั้งสองก็ยังรับรู้ ฝ่ายหญิงที่เป็นถึงลูกสาวเจ้าของสถานีโทรทัศน์ มีข่าวให้เห็นอยู่บ่อยๆ "แต่แกดูพี่เขาดื่มเหล้าขนาดนั้น แถมยังนั่งทำหน้าเศร้าๆ อีก ฉันว่าข่าวชัวร์ว่ะ" "ก็ช่างเขาเถอะ" "แกไม่คิดจะลองจีบพี่เขาหรือ" "เหอะ กล้าเนอะ คิดว่าเขาจะเอาหรือไง คนละระดับกับเขาเลย" "แกสวยขนาดนี้ไม่เอาก็โง่แล้ว สวยกว่ายายอลินานั่นอีก" "แต่รวยไม่เท่าเขาไง" "เฮ้ย ลองดูๆ นั่นพี่เขาเดินผ่านมาทางนี้ด้วย สงสัยจะไปห้องน้ำว่ะ เอาเลยเพื่อน" พูดจบน้ำขิงก็ลุกขึ้นยืนดึงให้พราวฟ้าลุกขึ้นด้วย จับมือเธอให้เ
อีกสองวันต่อมาที่คณะบริหารธุรกิจ เธอถือถุงขนมเดินมาจากตึกนิเทศด้วยความมั่นใจ ถุงกระดาษใบย่อมมีทั้งขนมเค้กชิ้นเล็กและคุกกี้ธัญพืชที่ไม่หวาน เพราะแอบคิดว่าผู้ชายคงไม่ชอบของหวาน มองมาจากถนนเห็นเขานั่งอยู่ที่ซุ้มข้างคณะกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เธอตัดสินใจเดินเข้าไปทันที "เฮ้ย...ใครวะ" เพื่อนเขาเห็นเธอเดินมาก่อน จึงได้กระทุ้งแขนใส่ฟาริสเอ่ยถามเบาๆ แต่เธอก็ได้ยิน "คนรู้จักน่ะ พวกมึงออกไปก่อนได้ไหม กูขอคุยอะไรหน่อย" "มีเรื่องอะไรกับดาวนิเทศวะ" เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้น จึงทำให้คนที่เอ่ยถามเมื่อครู่หันมามองหน้าเธออีกครั้ง ก่อนที่สองคนจะลุกออกไปจากซุ้มศาลาตรงนั้น "มาทำไม" ฟาริสเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ท่าทางสบายๆ ของเขายิ่งทำให้เธอรู้สึกประหม่าขึ้นทันที "เอ่อ...พอดีพราวทำขนมเมื่อวานค่ะ เลยเอามาฝากพี่" "คราวหลังไม่ต้องนะ ฉันไม่กินของหวาน" "ขอโทษค่ะ พราวไม่ทราบ แต่คุกกี้ธัญพืชที่พราวทำมาไม่หวานนะคะ พี่ฟาริสลองชิมดูก่อนได้ค่ะ" "เอาวางไว้นั่นแหละ เดี๋ยวเพื่อนฉันมันคงกิน" "เอ่อ...ค่ะ" "มีอะไรอีกหรือเปล่า" "เอ่อ...คือ ถ้าพี่ฟาริสยังไม่มีใคร คบกับพราวได้ไหมคะ" "ขอโท
วางสายไปแล้วก็สำรวจตัวเองอีกครั้ง สภาพยิ่งกว่าไปฟัดกับหมาที่ไหนมา ชุดที่นอนมาทั้งคืนยังเป็นชุดที่เธอใส่ไปเมื่อวาน ไวน์แดงที่หกรดหน้าอกจนถึงเอวยังเป็นคราบราวกับถูกฆาตกรรม นึกถึงพ่อที่เห็นสภาพเธอเมื่อคืนท่านไม่เอะใจสักนิดเลยใช่ไหม หรือเพราะมัวแต่เมาจนไม่ได้สังเกตสิ่งรอบข้าง ถอดเสื้อผ้าชุดสวยราคาหลายพันที่เคยซื้อเมื่อหลายปีก่อนทิ้งถังขยะในห้องไม่คิดแม้จะเก็บไปซัก นอนแช่น้ำอุ่นอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงจนรู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายและท้องที่ร้องเรียกหาอาหารถ้านับจริงๆ อาหารเที่ยงเมื่อวานที่บ้านแม่เมย์คงเป็นมื้อสุดท้ายที่เธอได้กินจนถึงตอนนี้ กลับลงมาที่ห้องครัวในช่วงเย็นภายในบ้านที่เงียบเหงาเป็นเรื่องปกติ จะมีก็เพียงรูปแม่ที่ยิ้มให้เธออยู่ตรงห้องรับแขก ถ้าท่านไม่ด่วนจากไปเร็วเสียก่อนเธอคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ พ่อก็คงไม่เสียใจกินเหล้าจนเสียคน สุดท้ายก็ต้องลาออกจากงานตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท เมื่อขาดรายได้ก็เข้าสู่วังวนการพนันเพียงเพราะหวังจะหารายได้มาจุนเจือครอบครัว แต่นอกจากมันจะไม่สร้างรายได้ยังทำให้รายจ่ายของเธอเพิ่มขึ้นกว่าหลายเท่าตัว ยิ่งเงินจากการเป็นดาราหาได้ง่ายก็หมดไปกับพ่อเธอได้ง่าย
พราวฟ้าถูกนำตัวกลับมาส่งที่บ้านอีกครั้งพร้อมด้วยผ้าปิดตาเหมือนเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ถูกล่ามด้วยกุญแจมือแล้ว กลับมาถึงก็เกือบสองทุ่มมองเห็นถ้วยบะหมี่ที่อืดจนน้ำแห้งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ กินบะหมี่เส้นอืดอย่างนั้นอีกทั้งสมองก็ครุ่นคิดวิธีที่จะเงินสามแสนให้ได้ภายในสามวัน หนึ่งวันที่ผ่านไปอย่างไร้ค่า ทำได้เพียงนั่งมองโทรศัพท์ในมือไถไปมาอย่างไร้จุดหมาย เบอร์โทรศัพท์ทุกเบอร์ที่ถูกบันทึกชื่อไว้ไล่ดูแล้วก็ไม่มีใครสักคนที่เธอจะกล้าโทรไปขอยืมเงิน หรือแม้แต่ข้อความแชตจากแอปพลิเคชันต่างๆ มีเพียงเบอร์เดียวที่เธอโทรออกไปหานั่นก็คือพ่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ทั้งวัน มองสมบัติในบ้านถ้าจะขายก็คงจะต้องใช้เวลา ยิ่งตัวบ้านคงไม่ต้องพูดถึง จนสายตาเหลือบไปเห็นรถคันหรูที่ผ่อนมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง ถ้าขายดาวน์ก็ไม่รู้จะได้ถึงสามแสนหรือเปล่า วันที่สองที่เธอตื่นขึ้นมาในช่วงสาย และตอนนี้ก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว ข้าวเช้าสักเม็ดก็ยังไม่ตกถึงท้อง มีเพียงกาแฟสำเร็จรูปที่ฉีกซองใส่น้ำร้อนแล้วกินได้เลยอยู่ในท้องเพียงแก้วเดียว บ้านขนาดเนื้อที่กว่าร้อยตารางเมตร แต่วันนี้เธอเดินวนอยู่ในบ้านคงมีระย
อาหารค่ำของวันนี้ถูกจัดในห้องอาหารสไตล์การตกแต่งก็ยังคล้ายกับเมื่อวันนั้น ทั้งบอดี้การ์ดหลายคนรวมถึงแม่บ้านที่ยืนคอยรับคำสั่งไม่ห่างก็ยังเยอะเหมือนเดิม อาหารก็ยังเป็นอาหารฝรั่งคอร์สใหญ่ แต่วันนี้เธอได้กินจนครบเซต ตบท้ายด้วยการจิบไวน์ขวดละหลายหมื่น "ทำไมถึงไปแย่งสามีอลินาเขาล่ะ" คำถามของคนตรงหน้าจังหวะเดียวกับที่เธอวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะพอดี ถ้าเขาเอ่ยถามตอนที่เธอกำลังจับมีดกับส้อมหั่นสเต๊กแสนอร่อยอยู่เธอคงได้วางมีดและหมดอารมณ์กินแน่ ไร้เสียงตอบจากคนตรงหน้า ฟาริสจึงได้เอ่ยถามต่อ "เธอก็จัดว่าหน้าตาดีนะ ทำไมคิดสั้นไปเอาผู้ชายอย่างไอ้สาธรนั่นได้ หรือเธอแค้นอะไรอลินาอยู่หรือเปล่า" "ทำไมฉันต้องแค้นคุณอลินา" "เพราะตอนนั้นฉันกลับไปคบกับอลินา เธอเลยแค้นเขางั้นซิ" "หึ คุณนี่ท่าจะหลงตัวเองน่าดูเลยนะคะ" ฟาริสไหวไหล่ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำพูดของเธอสักนิด "ที่ฉันยอมนอนกับคุณครั้งนั้นเพราะคิดว่าคุณเลิกกับคุณอลินาแล้ว ถ้ารู้ว่าคุณแค่เฮิร์ตแล้วฟันผู้หญิงทิ้งเล่นๆ ฉันก็คงไม่นอนกับคุณหรอก อีกอย่างถ้าวันนั้นฉันไม่เมาฉันก็คงจะปฏิเสธคุณไปแล้ว" "แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่มีแฟนอีกเลยนี่ ลืมฉัน
ไร้เสียงจะเถียงกับคนตัวใหญ่ตรงหน้า เมื่อริมฝีปากที่ถูกเม้มไว้แน่นอย่างพยายามกดอารมณ์บางอย่างเอาไว้ หนักเข้าเธอก็ถึงกับต้องกัดริมฝีปากตัวเอง ริมฝีปากที่แห้งผากก็ต้องใช้ลิ้นตวัดเลียเพิ่มความชุ่มชื่น แต่คนตัวเล็กคงไม่รู้ว่าภาพนั้นมันชวนให้เธอยิ่งดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีก "วันนี้ฉันจะช่วยบริการก็แล้วกัน" ฟาริสลุกจากเก้าอี้ตัวเองตรงมาที่เธอ พูดจบเขาก็ก้มตัวช้อนเธออุ้มขึ้นลอยเดินกลับห้อง และถ้าเขาไม่ช่วยบริการอย่างว่าเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีเรี่ยวแรงเดินกลับห้องได้หรือเปล่า ร่างอรชรถูกวางลงที่เตียงอย่างไม่เบามือนัก รอยแยกของกระโปรงตัวสวยเผยให้เห็นขอบบิกินีที่โคนขา จนฟาริสเผลอลูบมือลงตรงรอยแยกนั้น "คุณ..ฟาริส" พราวฟ้ารีบจับมือเขาไว้ทันที แต่ไม่ได้เป็นเชิงห้าม กลับรั้งให้คนตัวใหญ่เข้าใกล้ "หือ ทำไม" เขาแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอก "ชะ...ช่วยฉันด้วย...ฉันไม่ไหวแล้ว" "ขอถอดเสื้อผ้าแป๊บนึง" เสียงกลั้วหัวเราะของเขาจึงทำให้เธอยอมปล่อยมือที่รั้งให้คนตัวสูงขึ้นมาบนเตียง เห็นเขากำลังค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อช้าๆ เหมือนจะไม่ทันใจเมื่ออยู่ๆ เธอก็ชันตัวลุกขึ้นนั่งช่วยเขาถอดสายเข็มขัดออกจากเอว
เสียงกระเส่าที่เอ่ยแทบไม่จบคำ เมื่อถูกเขารัวเร็วสะโพกเข้าใส่ยิ่งรู้ว่าเธอจวนเจียนจะถึงสวรรค์อยู่รำไรเขาก็ยิ่งเร่งเร้าจังหวะหนักๆ ส่งเธอให้ถึงฝั่งฝันไปเสียก่อน ยังไม่ทันที่เธอจะได้หายใจได้ทั่วท้อง ฟาริสก็รั้งเอวบางพลิกตัวเธอถูกจับนอนคว่ำ ทั้งที่แก่นกายอันใหญ่ยังเชื่อมต่อทั้งที่สะโพกมนยังไม่หายกระตุกถี่ตอนเสร็จสมเมื่อครู่ เขารั้งสะโพกกลมให้เธอคุกเข่า อัดกระแทกแท่งเอ็นอันใหญ่โตทะลวงลึกรัวเร็วอย่างที่คนใต้ร่างไม่ทันตั้งตัว มันทั้งลึกทั้งจุกและเสียวสะท้านไปในคราเดียวกัน ยิ่งฝ่ามือใหญ่ที่เอื้อมมาบดขยี้ยอดไตแข็งที่หน้าอกอิ่ม พร้อมทั้งขย้ำบีบเคล้นจนก้อนเนื้อสีขาวแดงขึ้นเป็นรอย "ฟาริส...บะ..เบาๆ มันจุก" เสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานเสียงน้ำที่เอ่อนองตลอดเวลายามยิ่งถูกกระแทกกระทั้นหนักๆ เสียงลามกหยาบโลนก็ดังทั่วห้อง เตียงคิงไซซ์ขนาดใหญ่ดูแข็งแรงยังไหวยวบตามแรงกระแทก "อ๊ะ..." พราวฟ้าสุดจะกั้นเสียงซี้ดปากไว้ได้ เอ่ยเสียงประท้วงในคราแรกก็ไม่มีท่าทีว่าคนด้านหลังจะยอมลดละกลับยิ่งแรงขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ "อื้อ...อีกนิดจะเสร็จแล้ว" เธอเพิ่งได้ยินเสียงเขาตอบกลับก็ตอนนี้ แต่กระนั้นร่อง
นางเอกดังขาลงดอดรับงานกินข้าว ข่าวว่าค่าตัวหลายแสน ข่าวพาดหัวตามสื่อบันเทิงเกือบทุกช่องทางตั้งแต่เมื่อคืนดูจะยิ่งเป็นที่จับตามอง ทั้งนักข่าวที่ต่างพากันหาข้อมูล หรือแม้แต่ชาวเน็ตที่ทำตัวเป็นนักล่าแม่มด และคนส่วนใหญ่เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ ต่างพุ่งเป้ามาที่เธอ พราวฟ้า (ไอ้พราว เอาไงวะ งานวันนี้แกจะยกเลิกก็ได้นะ เดี๋ยวฉันปฏิเสธให้ เพราะถ้าแกไปงานอีเวนต์เย็นนี้แกโดนนักข่าวรุมแน่) แม่เมย์รีบโทรมาแต่เช้าหลังได้ข่าวจากหน้าสื่อต่างๆ และทุกคนล้วนพุ่งเป้ามาที่เด็กในสังกัดของตัวเอง "ไม่เป็นไรแม่ อุตส่าห์มีงาน" (แกไหวนะ ยังไงฉันจะช่วยกันนักข่าวให้แล้วกัน) "ขอบคุณจ้ะแม่" วางสายไปแล้ว ก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ เปิดเข้าไปอ่านคอมเมนต์ก็เห็นแต่ผู้คนด่า ทั้งหยาบคายทั้งสาปแช่ง ก่อนจะคว่ำโทรศัพท์ลงที่โซฟา เสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังตั้งแต่เช้ายังไม่มีทีท่าจะเงียบลง ทั้งข้อความจากคนรู้จัก จากนักข่าวหรือแม้แต่ข้อความจากโซเชียลที่ส่งเข้ามาด่า จนเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างคนหมดแรง "ค่ะพี่ธร" (พี่เห็นข่าวเรื่องรับงานอะไรนั่นน่ะ เลยเป็นห่
ตอนเด็กชายราฟฟา อายุได้เกือบสองขวบ วงการบันเทิงก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสาธรประกาศแต่งงานรอบสองกับภรรยาคนเดิมอย่างอลินา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ทั้งเธอและฟาริส สื่อต่างๆ อวยพรกันอย่างคับคั่งในวันแถลงข่าว แต่ก็มีสื่อบางสำนักที่ยังจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามถึงเรื่องราวในครั้งนั้นทำนองว่าที่เลิกกันเป็นเพราะดาราสาวอย่างพราวฟ้า "สำหรับน้องพราว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ จริงๆ เธอเป็นน้องสาวของผม ลูกพี่ลูกน้องกันครับ พ่อผมกับแม่เธอเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ที่ตอนนั้นเราต้องปิดข่าวเพราะย่าผมไม่สบาย ท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" คำตอบของสาธร สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อทุกสำนัก จากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ตามมา (ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณพราวเป็นมือที่สามก็ไม่ใช่เรื่องจริง) "ครับ" (คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมคะ) "ใช่ครับ คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องตอนงานศพย่าผมนั่นแหละครับ ได้เจอน้องพราวกันโดยบังเอิญในงาน" (คุณสาธรกับคุณอลินาเลยได้มีโอกาสกลับมาดีกันใช่ไหมคะ) "ครับ หลังจากนั้นผมกับอลินาก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง จนถึงวันนี้ครับ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคะ ไหวใช่ไหมคะ" เสียงร้อนรนของพยาบาลที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับคนท้องที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ฟาริสรับแอมโมเนียมาแล้วก็ขยับตัวมานั่งที่เก้าอี้สำหรับคุณพ่อ บริเวณหัวเตียงอย่างเดิม "ไหวไหมคะ ฟาริส" พราวฟ้าเอ่ยถามสามี ที่มีใบหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม "วะ..ไหว พราวเจ็บหรือเปล่า" เอ่ยถามคุณแม่ที่นอนยิ้มหวานอยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ยังไม่เจ็บหรอกค่ะ" ตอนนี้ยังไม่เจ็บ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกเพียงเย็นๆ อยู่ที่หน้าท้อง เหมือนมีมือหลายมืออยู่ที่นั่น "ถ้ากลัวเลือดก็อย่าไปมองซิคะ" "ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวพราวเจ็บ" เพราะภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่หลังจากที่หมอกรีดมีดอันเล็กลงที่ผิวหนังหน้าท้องของภรรยา เลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากเล็กน้อยกลายเป็นแดงเถือก ความกลัวในชีวิตแทบไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ๆ เขาก็แทบเข่าทรุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่กลัวเลือด แต่กลัวว่าคนที่นอนท้องโตให้หมอกรีดมีดลงไปจะเจ็บ เธอต้องอดทนขนาดไหน แพ้ท้องก็แสนทรมาน ยิ่งภาพเมื่อครู่ทำเขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใ
เธอสวยกว่าทุกคนที่เขาเคยควง เธอน่ารักสดใสจนไม่อยากทำร้ายแต่ในขณะเดียวกันความเซ็กซี่ของเธอมันกลับเป็นตัวอันตรายที่ทำเขาอดใจไม่อยู่ไปพร้อมๆ กัน "อยากนอนกับฉันไหม" ใบหน้าหวานตื่นตกใจไม่น้อย แต่ตอนที่เขาจ้องมองเธอ ดวงตาคู่สวยกลับไม่ยอมหลบสายตา "เอ่อ..." เสียงครางในลำคออย่างคนที่ใช้ความคิด เธอคงกำลังตัดสินใจกับเรื่องตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ควรบอก "วันไนต์สแตนด์นะ" "เอ่อ..." เธอยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัดสินใจอย่างไร แต่ใบหน้านั้นหม่นลงเล็กน้อย "พอเดินได้ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง พักอยู่ที่ไหน" เห็นหน้าตื่นๆ ลังเลของเธอ เขาก็เลยยอมตัดใจ แต่พอคนตัวสูงลุกขึ้นยืน ข้อมือเขาก็กลับถูกรั้งเอาไว้ "ที่นี่หรือคะ" คำถามกล้าๆ กลัวของคนตัวเล็ก ทำความอดทนเขาขาดลงตรงนั้น ฟาริสนั่งลงที่โซฟาอย่างเดิม รั้งเอวบางของคนตรงหน้าให้ขยับตัวมาแนบชิด ฝ่ามืออีกข้างประคองท้ายทอยรั้งเข้าหา เขาจูบเธออยู่นาน จูบที่รู้ว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอด้วยซ้ำ คนตัวเล็กที่จูบตอบกลับอย่างไม่ประสามันชวนให้อารมณ์แห่งความต้องการแสนดิบเถื่อนพลุกพล่าน ในคืนนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่กระนั้
"พราว แกไปไหนมาอ่ะ หายไปตั้งนาน" น้ำขิงเอ่ยทักเพื่อน แต่พอมองแก้วกาแฟในมือพราวฟ้าก็ได้แต่ร้องอ๋อ "ไปซื้อกาแฟที่ตึกบริหารอีกแล้วซิ" น้ำเสียงล้อเลียน พลางหลิ่วตาใส่เพื่อนอย่างรู้ทัน "ก็เราชอบกาแฟร้านนี้ มันอร่อยดี" "แล้วได้เจอไหมล่ะ" "อื้อ" คนตอบได้แต่ทำเสียงในลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นทันตา คนที่อยากเจอก็ได้เจอ เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นเธอก็เท่านั้นเอง ในทุกวันจันทร์เธอจะสามารถเห็นฟาริสได้ที่โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารบริหาร ซึ่งร้านกาแฟร้านโปรดของเธอก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ในทุกวันอังคารช่วงเที่ยงเธอจะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แอบรู้ทีหลังจากพี่สาวน้ำขิงว่า ฟาริสจะมีชั่วโมงว่างตอนเที่ยงซึ่งจะต้องเข้าคลาสอีกทีก็เกือบบ่ายสอง หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเธออีกเช่นเคย เพราะคนที่มาห้องสมุดก็แค่เพื่อพักสายตาเท่านั้น บนโต๊ะมุมด้านในไม่มีหนังสือสักเล่ม มีเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ฟุบลงบนแขนของตัวเอง หลับตาตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ด้านใน เธอมีโอกาสเจอเขาครั้งแรกที่นี่เมื่อเดือนก่อน เพราะต้องมายืมหนังสือเพื่อทำรายงาน ขณะกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อห
สาธรรีบเดินมาต้อนรับพราวฟ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หน้าศาลา อธิปยื่นพวงหรีดขนาดใหญ่ส่งให้ สาธรรับไปแล้วก็เดินไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดช่วยจัดการ เธอเข้าไปรดน้ำศพคุณย่าของพี่ธรเสร็จแล้ว ก็เดินเลยไปทางชายชราที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่อีกฝั่ง โดยมีฟาริสตามประกบไม่ห่าง "สวัสดีค่ะคุณตา" "พราว...เป็นไงบ้างลูก" "สบายดีค่ะ" "นี่ใช่ไหม คุณฟาริสที่เป็นข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกัน" "ครับ สวัสดีครับ" "สวัสดี ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลยายพราวอย่างดี ผมผิดต่อแม่ยายพราวไว้เยอะทีเดียว" "เรื่องอดีตช่างมันเถอะครับ พราวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูแกยังรักพี่ธรเหมือนพี่แท้ๆ อีกต่างหาก" ขนาดยอมลงทุนให้ตัวเองถูกสังคมด่า แม้อยากจะพูดต่ออีกหลายคำ แต่ฟาริสก็เพียงละไว้เท่านั้น เพราะนึกเห็นใจคนที่เพิ่งกำลังสูญเสีย "ตาขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณตาทำใจให้สบายนะคะ แต่อีกเดี๋ยวสักพักพราวอาจจะต้องกลับก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมาได้อีกหรือเปล่าค่ะ เอ่อ..คือ พราวกำลังท้องน่ะค่ะ การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวก" "อ้าว..จริงหรือ ตาดีใจด้วย..แค่นี้ก็ดีแล้วลูก ลำบากแย่" "งั้นเดี๋ยวพราวขอตัวก
แต่งฟ้าแลบ พราวฟ้า ประกาศสละโสดกับนักธุรกิจหนุ่มโพรไฟล์หรู ข่าวพาดหัวในเช้าวันใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงไม่น้อย ชื่อของฟาริส กลายเป็นที่กล่าวถึงไปโดยปริยาย หลายเพจข่าวที่ตีแผ่ประวัติแม้จะไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญและดูผู้คนจะสนใจคงไม่พ้น ไอ้นามสกุลต่อท้ายที่ถูกสื่อตั้งขึ้นให้ ฟาริส นักธุรกิจแสนล้าน และดูคำนั้นจะไม่เกินจริงสักนิด เสียงโอ้กอ้าก ที่ดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวตัวเล็กยืนโกงคออยู่เหนือชักโครกโดยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนลูบหลัง "เป็นไงบ้าง โอเคไหม พราว" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" ใบหน้าหวานขาวซีด ท่าทางอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เช้านี่เป็นรอบที่สามที่เธอต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องดูจะเล่นงานเธอไม่น้อย "ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้กินยา" "ข่าวออกแล้วหรือคะ" "อืม ออกแล้ว ทำไมครับ คุณแม่กลัวเรตติ้งตกหรือไงที่จะต้องแต่งงาน" "กลัวคุณสามีแห่งชาติจะถูกสาวๆ รุมต่างหาก" "อันนี้ก็อาจจะจริง" คนท้องได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ "ไหนว่าไม่ชอบเป็นข่าวไงคะ" "ทำไงได้ล่ะ ก็ได้เมียเป็นดารานี่ ว่างๆ จะผันตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้วเนี่ย" "ค
หดคอกลับพร้อมสายตาเขียวๆ อย่างไม่จริงจังนัก แต่เมื่อเขาบอกให้อยู่เฉยๆ เธอจึงได้นิ่งค้างอยู่แบบนั้น ฝ่ามือใหญ่ปัดข้างแก้มเบาๆ แล้วก็อ้อมไปด้านหลังศีรษะ พลันของบางอย่างก็ร่วงจากมือมาอยู่ข้างลำคอ "อุ๊ย! อะไรคะ" อุทานด้วยความตกใจ แต่พอก้มมองสายสร้อยที่อยู่ตรงลำคอ และมืออีกข้างของเขาก็หยิบชายสร้อยอีกข้างขึ้นเพื่อติดตะขอให้เธอ "คุณฟาริส!!" เธอร้องด้วยความตกใจมากกว่าตอนอุทานเมื่อครู่เสียอีก เมื่อจดจำมันได้ว่าไอ้สร้อยเส้นนี้ก่อนหน้านี้มันยังวางโชว์อยู่ในชอป และที่สำคัญราคากว่ายี่สิบล้าน เธอจำได้เพราะตอนที่เดินผ่านแอบแวะมองมันเห็นราคาแล้วก็แทบจะคำนวณเป็นเงินไทยไม่ถูกเลยทีเดียว "จะร้องตกใจอะไร" "มันแพงมากเลยนะคะ" "ก็เห็นเธอไปยืนมองมันอยู่" "พราวแค่มองว่ามันสวยดี เห็นดาราเกาหลีใส่กันหลายคน เลยไปแอบมองราคาเฉยๆ" "ก็อยากซื้อให้เมียไม่ได้หรือไง" "คุณจะซื้อทุกอย่างที่พราวมองไม่ได้หรอกน่ะ งั้นถ้าพราวมองดวงจันทร์คุณไม่ต้องขี่จรวดไปเอามาให้หรือไงคะ" "ฉันจะไปนาซ่าให้เขาผลิตยานอวกาศให้" "คุณไปคนเดียวนะ พราวกลัวตาย" ฟาริสหัวเราะร่วนแล้วก็ดีดหน้าผากเหม่งของเธอไปเสียอีก
จนมาถึงทางออกจึงได้เห็นเครื่องบินขนาดไม่ใหญ่เท่าเครื่องบินพาณิชย์ แต่ยี่ห้อที่ตัวเครื่องนกยักษ์ลำใหญ่แสดงบริษัทสายการบินระดับโลกอย่างผู้มีอันจะกินมักใช้บริการ เพราะมันคือเครื่องบินเช่าเหมาลำ นอกจากฟาริส คุณอธิป ก็ยังมีทีมบอดี้การ์ดอีกห้าคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ แม้เครื่องบินจะลำเล็กกว่าปกติมาก แต่เมื่อขึ้นลอยลำบนท้องฟ้าได้ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ภายในห้องโดยสารหรูหราไม่ต่างจากชั้นเฟิสต์คลาสสักนิด ลูกเรือสาวสวยสองคนที่คอยบริการตลอดการเดินทาง ดูจะพิเศษกว่าสายการบินปกติ กว่าสิบสองชั่วโมงในการเดินทาง แม้จะเหนื่อยล้า แต่เมื่อมาถึงวิลล่าหลังใหญ่ใกล้ทะเลสาบก็ทำให้เธอหายเหนื่อยได้ทันที แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์กระทบผิวน้ำระยิบในช่วงเที่ยงของวันกับอากาศเย็นสบายแม้จะเป็นในช่วงฤดูร้อน "อ้าว มาถึงกันแล้วหรือ" เสียงทักเป็นภาษาไทยจากด้านหลัง พอหันไปเธอก็เห็นชายสูงวัยคนเดียวกับเมื่องานวันเกิดที่บ้านหลังใหญ่ "สวัสดีครับพ่อ" ฟาริสเดินเข้าไปสวมกอดคนที่เรียกว่าพ่อ ส่วนเธอเดินเข้าไปหาท่านพลางยกมือขึ้นไหว้ "สวัสดีค่ะ" "หนูเองหรือที่ช่วยจัดงานวันเกิดให้ฉัน ขอบใจนะ วันนั้นติ
พราวฟ้าถูกอุ้มขึ้นในท่าที่เธอยังคร่อมเขาอยู่ แต่ดูท่าฟาริสคงจะไม่ได้จับเธออุ้มแตงอยู่ตรงนี้ เมื่อเขาเดินไปทางชั้นลอยของเพนต์เฮ้าส์ เธอจึงได้รู้ว่าห้องนอนเขาอยู่ด้านบน เธอถูกวางลงที่เตียงใหญ่ ฟาริสก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะจับชุดเดรสตัวสวยของเธอถอดออกทางศีรษะ บราเซียเกาะอกไร้สายก็ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว รวมถึงแพนตี้ตัวจิ๋ว ฟาริสประทับจูบมาอีกครั้ง ซุกไซ้ลำคอระหงหนักๆ คนตัวเล็กก็รีบเอ่ยห้ามอีกครั้งเช่นกัน "ไม่ทำคอเป็นรอยหรอก เดี๋ยวทำตรงอื่นแทน" ตรงอื่นที่ว่าคงเป็นหน้าอก เมื่อเนินอกอิ่มถูกเขาขบเม้มแรงๆ จนเกิดรอยแดง "ฟะ..ฟาริส" เสียงกระเส่าคล้ายเอ่ยห้าม แต่กระนั้นมันกลับยิ่งทำให้คนที่ยังดูดเม้มยอดอกยิ่งหื่นกระหาย ทุกตารางนิ้วที่ลิ้นร้ายตวัดเลียแผ่นหลังเนียนก็แอ่นลอยแทบไม่ติดพื้น หนวดเคราเขียวเป็นตอสั้นๆ ที่ครูดผิวอ่อนนุ่มยิ่งสร้างความเสียวซ่าน หน้าท้องแบนราบที่ถูกหนวดครูดผ่าน สะโพกมนก็แอ่นขึ้นเนินเนื้อโหนกนูนเสียดสีแผงอกล่ำสันอย่างไม่รู้ตัว "ขอทำรอยตรงนี้ด้วยนะ" "มะ...ไม่เอานะ อ๊า..." เนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่มที่ถูกริมฝีปากหยักขบเม้มอย่างแรง มื