"คุณพราวฟ้ากลับไปแล้วครับ"
เสียงบอดี้การ์ดคนสนิทของฟาริส ที่ยืนอยู่ข้างโซฟาตัวใหญ่เอ่ยรายงานผู้เป็นนายที่นั่งกระดกไวน์อึกใหญ่ราวคนกระหายน้ำ "อือ แล้วไปเรียกเด็กมาให้ฉันคนนึง" สิ้นเสียงผู้เป็นนาย อธิปก็ชำเลืองสายตาแอบมองเจ้านายหนุ่มตรงหน้า ความคิดหลากหลายเกิดขึ้นในหัว แต่ก็ไม่กล้าถาม "มองแบบนี้หมายความว่าไงหะ" และสายตาเป็นคำถามคงจะเคืองตาฟาริส เขาจึงได้เอ่ยถามลูกน้องเสียงเข้มแกมหงุดหงิด "ไม่ได้หมายความว่าไงครับ เดี๋ยวจะรีบจัดการให้ครับ" ฟาริสเพียงพยักหน้าตอบ อธิปก็ค่อยถอยหลังห่างออกไป แล้วก็เดินหายออกนอกห้องเพื่อทำตามคำสั่งที่ได้รับทันที อารมณ์คุกรุ่นดิบเถื่อนที่พลุกพล่านยังไม่ได้รับการปลดปล่อย เดิมทีเขาคิดว่าแค่ต้องการให้ผู้หญิงไร้ยางอายชอบแย่งผัวชาวบ้านคนนั้นรู้สึกได้รับความอายบ้างก็เท่านั้น แต่เมื่อครู่ตอนที่หล่อนถอดเสื้อผ้าออกหมด มันชวนให้แก่นกายของเขาปวดร้าวจนอยากได้รับการปลดปล่อย แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ร่วมชั่วโมง เพราะกว่าภารกิจพิชิตสวรรค์ด้วยตัวเองของเธอจะเสร็จสิ้น ยอมรับว่าในหลายครั้งเขาเกือบจะจับแท่งเอ็นของตัวเองเสียบแทนไอ้ของปลอมอันสีชมพูที่เธอเลือกมันขึ้นมาเพื่อช่วยตัวเองต่อหน้าเขา เรียวขาคู่งามที่นั่งอ้าปล่อยให้แท่งเอ็นอันขนาดไม่ใหญ่นักสอดใส่เข้าไป เธอเลือกอันที่เล็กที่สุดสอดใส่เข้าไป เป็นภาพที่ชวนติดตาจนเขาแทบจะละสายตาไม่ได้ ยังจำผิวเรียบเนียนอมชมพูของเธอไปทั้งตัวได้ดี แม้แต่ส่วนบอบบางไร้ขนก็ยังเนียนเรียบ ยิ่งตอนที่เธอกำลังเสียวสะท้านถึงขั้นสุดก่อนที่จะเสร็จสม สะโพกที่แอ่นเร่าๆ เข้าหาแท่งเอ็นของปลอมมันยิ่งชวนเขาเกือบสติแตก ยอมรับว่าเธอเซ็กซี่มาก ไม่เหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วสักนิด สมกับเป็นดาราเบอร์ต้นๆ อย่างที่อธิปเคยรายงาน และตอนนี้เขาก็ไม่นึกแปลกใจว่าไอ้ สาธร สามีของอลินามันจะหลงผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน จากข่าวเลิกรากันเมื่อปีกลาย เพราะผู้หญิงที่ชื่อ พราวฟ้า เข้ามาเป็นส่วนเกินในชีวิตครอบครัวของอลินา ทำให้คู่สามีภรรยาต้องระหองระแหงทะเลาะกันใหญ่โต แต่ทั้งคู่ก็ยังประคองกันมาตลอดอีกหนึ่งปีเต็ม แม้จะทะเลาะกันตลอดก็ตาม แต่ล่าสุดเมื่อสองเดือนที่แล้ว ที่เขามีโอกาสได้เจออลินาอีกครั้ง เธอก็พรั่งพรูชีวิตหลังแต่งงานอันน่าหดหู่ให้ฟัง พร้อมข่าวร้ายที่ว่าทั้งคู่หย่ากันเมื่อเดือนที่แล้ว แน่นอนว่าอลินาเสียใจอย่างหนัก กินเหล้าเกือบทุกวันและในบางวันที่เขาก็ต้องไปกินเหล้าเป็นเพื่อนเธอ น้ำตาของหญิงสาวที่เคยเป็นคนรักเก่าบีบหัวใจเขาอย่างหนัก ในวันที่เธอแต่งงานเขายังเคยบอกนายสาธรนั่นให้ดูแลเธออย่างดี ถ้าวันไหนที่มันทำให้อลินาเสียใจ วันนั้นมันจะเสียใจยิ่งกว่า พราวฟ้าโยนเงินสดสามแสนไว้ที่เบาะข้างคนขับอย่างไม่สนใจไยดี เงินจำนวนนี้ที่เธอหวังจะเอาไว้ใช้เดือนหน้าให้ตลอดรอดเดือน ก็มีอันต้องเอาไปให้พ่อถลุงเล่นในบ่อนอีกเช่นเคย เพราะก่อนที่เธอจะออกจากบ้านมาเมื่อช่วงเย็น ก็มีชายแปลกหน้า หน้าตาน่ากลัวหลายคนมาที่บ้านพร้อมด้วยปืนอีกหนึ่งกระบอกที่จ่อศีรษะพ่อเธอไว้ "ถ้าพรุ่งนี้กูไม่ได้เงินสามแสนมึงเตรียมไปคุยกับยมบาลได้เลย" "สามแสน" เธอได้แต่อุทานเสียงแผ่ว หัวใจแทบจะหยุดเต้นตอนที่เห็นปืนกระบอกสีดำจ่อที่ขมับของผู้เป็นพ่อ "สามแสนนี้ดอกเบี้ยนะ" "ว่าไงนะ ดอกเบี้ย" "พ่อมึงเอาเงินนายกูไปสามล้าน กำหนดคืนต้นอีกสองเดือนมึงเตรียมหาเงินไว้ให้พ่อมึงเลย แล้วสิ้นเดือนหน้ากูจะมาเก็บดอกสามแสนถ้ามึงเบี้ยวก็เตรียมตัวไว้เลย" ตอนที่ไอ้ชายชุดดำเอ่ยเสียงเข้ม มันยังเอาปืนกดที่ขมับพ่อเธอแรงๆ อีกต่างหาก ก่อนจะหันมามองหน้าเธออีกครั้ง "ว่าแต่ลูกสาวมึงเป็นถึงดารา ถ้าไม่มีเงินเอาตัวขัดดอกให้นายกูก็ได้นะ" ไอ้คนถือปืนเอ่ยจบ ลูกน้องมันอีกสองคนก็พากันหัวเราะชอบใจ และถ้าไม่เพราะวันนี้เธอต้องเอาเงินสามแสนนี้กลับไปให้ได้ เธอคงไม่มีวันยอมให้ฟาริสทำกับเธอแบบนั้นแน่นอน ทำให้ภาพในอดีตหวนขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง...ตอนเด็กชายราฟฟา อายุได้เกือบสองขวบ วงการบันเทิงก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสาธรประกาศแต่งงานรอบสองกับภรรยาคนเดิมอย่างอลินา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ทั้งเธอและฟาริส สื่อต่างๆ อวยพรกันอย่างคับคั่งในวันแถลงข่าว แต่ก็มีสื่อบางสำนักที่ยังจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามถึงเรื่องราวในครั้งนั้นทำนองว่าที่เลิกกันเป็นเพราะดาราสาวอย่างพราวฟ้า "สำหรับน้องพราว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ จริงๆ เธอเป็นน้องสาวของผม ลูกพี่ลูกน้องกันครับ พ่อผมกับแม่เธอเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ที่ตอนนั้นเราต้องปิดข่าวเพราะย่าผมไม่สบาย ท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" คำตอบของสาธร สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อทุกสำนัก จากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ตามมา (ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณพราวเป็นมือที่สามก็ไม่ใช่เรื่องจริง) "ครับ" (คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมคะ) "ใช่ครับ คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องตอนงานศพย่าผมนั่นแหละครับ ได้เจอน้องพราวกันโดยบังเอิญในงาน" (คุณสาธรกับคุณอลินาเลยได้มีโอกาสกลับมาดีกันใช่ไหมคะ) "ครับ หลังจากนั้นผมกับอลินาก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง จนถึงวันนี้ครับ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคะ ไหวใช่ไหมคะ" เสียงร้อนรนของพยาบาลที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับคนท้องที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ฟาริสรับแอมโมเนียมาแล้วก็ขยับตัวมานั่งที่เก้าอี้สำหรับคุณพ่อ บริเวณหัวเตียงอย่างเดิม "ไหวไหมคะ ฟาริส" พราวฟ้าเอ่ยถามสามี ที่มีใบหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม "วะ..ไหว พราวเจ็บหรือเปล่า" เอ่ยถามคุณแม่ที่นอนยิ้มหวานอยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ยังไม่เจ็บหรอกค่ะ" ตอนนี้ยังไม่เจ็บ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกเพียงเย็นๆ อยู่ที่หน้าท้อง เหมือนมีมือหลายมืออยู่ที่นั่น "ถ้ากลัวเลือดก็อย่าไปมองซิคะ" "ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวพราวเจ็บ" เพราะภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่หลังจากที่หมอกรีดมีดอันเล็กลงที่ผิวหนังหน้าท้องของภรรยา เลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากเล็กน้อยกลายเป็นแดงเถือก ความกลัวในชีวิตแทบไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ๆ เขาก็แทบเข่าทรุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่กลัวเลือด แต่กลัวว่าคนที่นอนท้องโตให้หมอกรีดมีดลงไปจะเจ็บ เธอต้องอดทนขนาดไหน แพ้ท้องก็แสนทรมาน ยิ่งภาพเมื่อครู่ทำเขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใ
เธอสวยกว่าทุกคนที่เขาเคยควง เธอน่ารักสดใสจนไม่อยากทำร้ายแต่ในขณะเดียวกันความเซ็กซี่ของเธอมันกลับเป็นตัวอันตรายที่ทำเขาอดใจไม่อยู่ไปพร้อมๆ กัน "อยากนอนกับฉันไหม" ใบหน้าหวานตื่นตกใจไม่น้อย แต่ตอนที่เขาจ้องมองเธอ ดวงตาคู่สวยกลับไม่ยอมหลบสายตา "เอ่อ..." เสียงครางในลำคออย่างคนที่ใช้ความคิด เธอคงกำลังตัดสินใจกับเรื่องตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ควรบอก "วันไนต์สแตนด์นะ" "เอ่อ..." เธอยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัดสินใจอย่างไร แต่ใบหน้านั้นหม่นลงเล็กน้อย "พอเดินได้ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง พักอยู่ที่ไหน" เห็นหน้าตื่นๆ ลังเลของเธอ เขาก็เลยยอมตัดใจ แต่พอคนตัวสูงลุกขึ้นยืน ข้อมือเขาก็กลับถูกรั้งเอาไว้ "ที่นี่หรือคะ" คำถามกล้าๆ กลัวของคนตัวเล็ก ทำความอดทนเขาขาดลงตรงนั้น ฟาริสนั่งลงที่โซฟาอย่างเดิม รั้งเอวบางของคนตรงหน้าให้ขยับตัวมาแนบชิด ฝ่ามืออีกข้างประคองท้ายทอยรั้งเข้าหา เขาจูบเธออยู่นาน จูบที่รู้ว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอด้วยซ้ำ คนตัวเล็กที่จูบตอบกลับอย่างไม่ประสามันชวนให้อารมณ์แห่งความต้องการแสนดิบเถื่อนพลุกพล่าน ในคืนนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่กระนั้
"พราว แกไปไหนมาอ่ะ หายไปตั้งนาน" น้ำขิงเอ่ยทักเพื่อน แต่พอมองแก้วกาแฟในมือพราวฟ้าก็ได้แต่ร้องอ๋อ "ไปซื้อกาแฟที่ตึกบริหารอีกแล้วซิ" น้ำเสียงล้อเลียน พลางหลิ่วตาใส่เพื่อนอย่างรู้ทัน "ก็เราชอบกาแฟร้านนี้ มันอร่อยดี" "แล้วได้เจอไหมล่ะ" "อื้อ" คนตอบได้แต่ทำเสียงในลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นทันตา คนที่อยากเจอก็ได้เจอ เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นเธอก็เท่านั้นเอง ในทุกวันจันทร์เธอจะสามารถเห็นฟาริสได้ที่โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารบริหาร ซึ่งร้านกาแฟร้านโปรดของเธอก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ในทุกวันอังคารช่วงเที่ยงเธอจะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แอบรู้ทีหลังจากพี่สาวน้ำขิงว่า ฟาริสจะมีชั่วโมงว่างตอนเที่ยงซึ่งจะต้องเข้าคลาสอีกทีก็เกือบบ่ายสอง หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเธออีกเช่นเคย เพราะคนที่มาห้องสมุดก็แค่เพื่อพักสายตาเท่านั้น บนโต๊ะมุมด้านในไม่มีหนังสือสักเล่ม มีเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ฟุบลงบนแขนของตัวเอง หลับตาตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ด้านใน เธอมีโอกาสเจอเขาครั้งแรกที่นี่เมื่อเดือนก่อน เพราะต้องมายืมหนังสือเพื่อทำรายงาน ขณะกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อห
สาธรรีบเดินมาต้อนรับพราวฟ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หน้าศาลา อธิปยื่นพวงหรีดขนาดใหญ่ส่งให้ สาธรรับไปแล้วก็เดินไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดช่วยจัดการ เธอเข้าไปรดน้ำศพคุณย่าของพี่ธรเสร็จแล้ว ก็เดินเลยไปทางชายชราที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่อีกฝั่ง โดยมีฟาริสตามประกบไม่ห่าง "สวัสดีค่ะคุณตา" "พราว...เป็นไงบ้างลูก" "สบายดีค่ะ" "นี่ใช่ไหม คุณฟาริสที่เป็นข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกัน" "ครับ สวัสดีครับ" "สวัสดี ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลยายพราวอย่างดี ผมผิดต่อแม่ยายพราวไว้เยอะทีเดียว" "เรื่องอดีตช่างมันเถอะครับ พราวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูแกยังรักพี่ธรเหมือนพี่แท้ๆ อีกต่างหาก" ขนาดยอมลงทุนให้ตัวเองถูกสังคมด่า แม้อยากจะพูดต่ออีกหลายคำ แต่ฟาริสก็เพียงละไว้เท่านั้น เพราะนึกเห็นใจคนที่เพิ่งกำลังสูญเสีย "ตาขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณตาทำใจให้สบายนะคะ แต่อีกเดี๋ยวสักพักพราวอาจจะต้องกลับก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมาได้อีกหรือเปล่าค่ะ เอ่อ..คือ พราวกำลังท้องน่ะค่ะ การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวก" "อ้าว..จริงหรือ ตาดีใจด้วย..แค่นี้ก็ดีแล้วลูก ลำบากแย่" "งั้นเดี๋ยวพราวขอตัวก
แต่งฟ้าแลบ พราวฟ้า ประกาศสละโสดกับนักธุรกิจหนุ่มโพรไฟล์หรู ข่าวพาดหัวในเช้าวันใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงไม่น้อย ชื่อของฟาริส กลายเป็นที่กล่าวถึงไปโดยปริยาย หลายเพจข่าวที่ตีแผ่ประวัติแม้จะไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญและดูผู้คนจะสนใจคงไม่พ้น ไอ้นามสกุลต่อท้ายที่ถูกสื่อตั้งขึ้นให้ ฟาริส นักธุรกิจแสนล้าน และดูคำนั้นจะไม่เกินจริงสักนิด เสียงโอ้กอ้าก ที่ดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวตัวเล็กยืนโกงคออยู่เหนือชักโครกโดยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนลูบหลัง "เป็นไงบ้าง โอเคไหม พราว" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" ใบหน้าหวานขาวซีด ท่าทางอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เช้านี่เป็นรอบที่สามที่เธอต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องดูจะเล่นงานเธอไม่น้อย "ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้กินยา" "ข่าวออกแล้วหรือคะ" "อืม ออกแล้ว ทำไมครับ คุณแม่กลัวเรตติ้งตกหรือไงที่จะต้องแต่งงาน" "กลัวคุณสามีแห่งชาติจะถูกสาวๆ รุมต่างหาก" "อันนี้ก็อาจจะจริง" คนท้องได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ "ไหนว่าไม่ชอบเป็นข่าวไงคะ" "ทำไงได้ล่ะ ก็ได้เมียเป็นดารานี่ ว่างๆ จะผันตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้วเนี่ย" "ค