ตอนที่ 5 เว้นระยะห่าง
ช่วงเที่ยงผมเคยบอกกับเธอเอาไว้ว่าให้เธอรอไปทานข้าวเที่ยงพร้อมผม แต่พอผมออกมาจากห้อง ไอ้วินเลขาของผมมันบอกว่าเธอออกไปทานข้าวก่อนแล้ว...สงสัยจะโกรธจริงๆ
ช่วงบ่ายได้เวลาเข้างานผมยืนรอเธออยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ เห็นเธอเดินกลับเข้ามาทำงานแต่สายตาของเธอกลับไม่ยอมมองมาที่ผมเลยสักนิด
"น้องแอม..." เธอเบนหน้ามามองผมเล็กน้อยแต่ไม่ยอมพูดอะไรเลย
"โกรธเหรอ..." ฉันคงดีใจมั้งที่คุณทำแบบนั้นกับฉัน
"คุณแกล้งผม ผมแกล้งคุณกลับ เราหายกัน คุณอย่าโกรธเลยนะ" ผมยอมง้อเธอเต็มที่ ไม่ได้เจอเธอตั้งหลายเดือน แต่ละวันที่ผ่านมาไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่คิดถึงเธอ พอได้เจอกันผมก็ไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจอีก ก็แค่หยอกเล่นไม่คิดว่าเธอจะโกรธขนาดนี้
"ขอโทษ..." ห๊ะ! เขายอมขอโทษฉันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ
"หายโกรธเถอะนะ ผมแค่ล้อคุณเล่น ระหว่างเรามากกว่านี้..." (ก็เคยทำกันมาแล้ว) ประโยคที่ผมกำลังจะพูดถูกกลืนหายไปเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของเธอมองมาด้วยความไม่พอใจ
".........." ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางยอมยกโทษให้ง่ายๆหรอก แค่คำขอโทษคำเดียว ชิ!
และแล้วพนักงานก็เริ่มทยอยกันเข้ามาทำงาน รวมถึงไอ้วินด้วย
"เข้าไปคุยกันในห้องให้รู้เรื่อง" น้ำเสียงเข้มๆของผมเอ่ยชวนเธอเข้าไปคุยกันในห้องทำงานเพื่อความเป็นส่วนตัว ผมไม่สบายใจเลยที่เห็นเธอเป็นแบบนี้
"ไม่ไป!"
"คุณเป็นแบบนี้ผมไม่สบายใจ...ไป!" ผมคว้าข้อมือของเธอแล้วพาเธอเดินเข้ามาในห้องได้จนสำเร็จ
"ปล่อย!!" เธอสะบัดข้อมือออกจากการจับกุมของผมอย่างแรง จนข้อมือของเธอหลุดออก
"ขอโทษจริงๆ ผมแค่จูบ คุณจะโกรธอะไรผมนักหนา หายโกรธเถอะนะ" อย่างที่รู้ว่าระหว่างเรามากกว่าจูบก็เคยทำกันมาแล้วกับอีแค่จูบมันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเลยนะ
"ฉันไม่ได้โกรธที่คุณจูบฉันแต่ที่ฉันโกรธเป็นเพราะคุณเห็นฉันเป็นตัวตลก เห็นฉันเป็นแค่ของเล่นที่คุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้ ฉันเป็นคนนะมีชีวิตจิตใจ แล้วฉันก็ไม่ใช่ของเล่นของคุณ" หัวใจของฉันมันเหมือนมีแผล แค่สะกิดนิดเดียวก็รู้สึกเจ็บปวดไปหมด
"แอม...คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ" ต่อให้ผมสารภาพความในใจตอนนี้เธอก็คงไม่เชื่อ
"ระหว่างเราเว้นระยะห่างกันหน่อยดีมั้ยคะ ฉันมาเรียนรู้งาน ต้องการที่จะได้ความรู้กลับไป ไม่ใช่ความรู้สึกบ้าๆแบบนี้!" ประโยคหลังฉันอารมณ์ขึ้นสุด ฉันยอมรับว่าฉันตั้งใจแกล้งเขาจริง แต่ปากของเขาที่กระแทกลงมาแม่งโคตรเจ็บเลย เลือดออกด้วย ถ้าจูบดีๆจะไม่ว่าสักคำ
"ไม่นะ...ผมไม่ยอมเว้นระยะบ้าบออะไรทั้งนั้นแหละ ขอโทษจริงๆ ผมไม่คิดว่าคุณจะมีความรู้สึกแบบนี้ คุณไม่ใช่ของเล่นอะไรทั้งนั้น แล้วผมก็ไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณเลยนะแอม" ฉันกำลังจะจัดการความรู้สึกของตัวเอง แต่ยิ่งพยายามมันก็ยิ่งแสดงอาการ ถ้าฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย ฉันคงไม่รู้สึกโกรธและเสียความรู้สึกมากขนาดนี้
"แอม...คุณร้องไห้เหรอ" ฉันหันหลังให้เขายืนเช็ดน้ำตาทิ้งแบบลวกๆ
"ฉันเกลียดความรู้สึกบ้าๆนี่" ทำไมฉันจะต้องรักเขาด้วย แล้วทำไมฉันจะต้องพาตัวเองมาอยู่ที่นี่ เจอสถานการณ์แบบนี้ ตกลงฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมมา
"ขอโทษ..." ผมกอดเธอจากทางด้านหลัง ซึ่งเธอก็ยอมให้ผมกอดอยู่สักครู่ ผมรู้สึกถึงแรงสะอื้นของเธอ
"ปล่อยเถอะค่ะ ได้เวลางานแล้วฉันจะออกไปทำงาน" ผมจับหัวไหล่ของเธอให้เธอหันหน้าเข้ามาหาผมแล้วเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเบามือ
"ช่วงเย็นคุณอย่าเพิ่งรีบกลับบ้านได้มั้ย อยู่คุยกันก่อน"
"............" ฉันไม่ได้ตอบแต่เลือกที่จะเดินออกไปเลย ในใจก็อยากคุยกันให้รู้เรื่องตกลงเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่ แต่อีกใจก็กลัวคำตอบที่จะได้รับ
@โต๊ะเลขา
"คุณแอม...คุณโอเคหรือเปล่าครับ" ฉันตาแดงออกมา ขืนโกหกไปก็คงไม่เนียน
"ทำงานต่อเถอะค่ะ ฉันแยกแยะได้"
"ผมขอถามอะไรคุณแอมหน่อยได้มั้ยครับ"
"ค่ะ" ฉันพยักหน้าแต่ไม่ได้มองหน้าคุณวิน ยังคงก้มหน้าหยิบทิชชูมาซับน้ำตาอยู่ นี่ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
"คุณแอมรู้จักบอสดีแค่ไหนครับ"
"............"
"เอาเป็นว่าผมรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับบอส พูดมาเถอะครับ คุณรู้จักบอสของผมดีแค่ไหนครับ"
"เอาจริงๆ แอมรู้จักเขาแค่เพียงผิวเผินเท่านั้นแหละค่ะ ในสายตาของคุณ บอสของคุณเป็นคนยังไงคะ"
"สิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้เป็นความจริงทั้งหมด คุณแอมลองเอาไปคิดและชั่งน้ำหนักเอาเองนะครับ ข้อแรกบอสของผมไม่เคยรับพนักงานผู้หญิงมาอยู่ใกล้ชิดแบบคุณมาก่อน บอสของผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนเท่ากับคุณมาก่อน ข้อนี้จากที่ผมเห็นและสัมผัสมาตลอดอายุการทำงานของผมตลอดเจ็ดปีนี้ครับ บอสของผมไม่เคยไปทานข้าวกับผู้หญิงคนไหนสองต่อสองแบบคุณมาก่อน ถ้าเป็นเรื่องงาน ทานข้าวกับลูกค้าอันนี้ยกเว้นนะครับ"
"คุณวินพูดจนแอมรู้สึกว่าแอมเป็นคนสำคัญของเขาเลยนะคะ" ในบางครั้งเขาก็ดูแคร์ฉัน ในบางครั้งฉันก็เป็นแค่ตัวตลก
"คุณแอมสำคัญสำหรับบอสแน่นอนครับ มีอะไรก็คุยกันดีๆนะครับ ผมอยากให้บอสของผมสละโสดจะแย่"
"เขาไม่เคยบอกว่าชอบแอมสักคำเลยนะคะ" ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาคิดยังไงกับฉันกันแน่
"บอสน่าจะปากหนักครับเชื่อผม เอาเป็นว่าคำพูดไม่สำคัญดูที่การกระทำดีกว่า ลองปรับตัวเข้าหากันดูนะครับ"
".........." พูดเหมือนคนผ่านการมีความรักมาแล้วเลย ส่วนฉันเกิดมาเป็นคนขี้เหร่มาตั้งแต่เกิด แฟนไม่เคยมีหรอกค่ะ
"ถ้าคุณแอมไม่มีใจคุณแอมคงไม่มา...จริงมั้ยครับ" เขามองออก!
"แอมขอถามคุณวินบ้างได้มั้ยคะ" ฉันไม่ตอบแต่เลือกที่จะตั้งคำถามแทน
"ได้ครับ"
"คุณวินมีครอบครัวหรือยังคะ"
"มีแล้วสิครับ คุยเรื่องนี้ผมขออวดหน่อยก็แล้วกัน" คุณวินหยิบมือถือขึ้นมาโชว์รูปลูกสาวหน้าตาน่ารักยิ้มหวานแก้มยุ้ยให้ฉันดู
"แกเพิ่งจะได้ขวบครับ ชื่อน้องพิ้งค์"
"น่ารักจังเลยค่ะ" ดูรูปน้องพิ้งค์เสร็จฉันก็เริ่มทำงานต่อ นั่งทำงานไปก็แอบมองประตูห้องของเขาไป ไม่รู้ว่าคนด้านในจะทำอะไรอยู่ เขาจะคิดถึงฉันแบบที่ฉันคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่านะ
@ธันยธรณ์
ช่วงบ่ายมานี้ผมทำงานไม่รู้เรื่องเลย ในใจคิดถึงแต่คนที่อยู่ด้านนอก ไม่รู้ป่านนี้น้ำตาของเธอจะแห้งหรือยัง เธอกำลังเข้าใจผมผิด ยังไงวันนี้ผมก็ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เธอเข้าใจ
ตอนที่ 31 ครอบครัวสุขสันต์ (จบ)ฉันได้ลูกสาวค่ะ คลอดออกมาหน้าตาน่ารัก ใบหน้าเหมือนกับเฮียธรณ์ป๊าของแกไม่มีผิด เฮียตั้งชื่อให้ลูกสาวว่าน้ององุ่น เฮียบอกว่าเรียกง่ายและน่ารักดีช่วงที่ฉันท้องแก่เฮียกลับบ้านเร็วทุกวัน จนถึงตอนนี้ น้ององุ่นอายุเกือบจะสามขวบแล้ว เฮียไม่เคยออกไปไหนเหมือนแต่ก่อนมานานมากแล้ว ช่วงเย็นหลังเลิกงานเฮียกลับมาถึงบ้านก่อนฉันทุกวันตอนนั้นที่น้ององุ่นเพิ่งคลอดกลับมาบ้านใหม่ๆ น้ององุ่นอ้อนมาก แกชอบร้องตอนช่วงดึกๆ ประมาณสองสามชั่วโมงทุกคืนร้องอยู่นานประมาณสามเดือน ก็ได้เฮียธรณ์นี่แหละค่อยช่วยเลี้ยง ค่อยช่วยอุ้มพาเดินรอบบ้านกว่าจะยอมหลับยอมนอน ตอนนั้นองุ่นเล่นฉันหุ่นดีในแบบไม่ต้องลดน้ำหนักเลยค่ะองุ่นร้องน่ากลัวมาก ฉันกับเฮียจึงพาแกไปหาคุณหมอตรวจหาสาเหตุอยู่หลายครั้ง ก็ไม่เจออะไร คนแก่แถวบ้านบอกว่าน้ององุ่นแค่อ้อนค่ะ ก็จริงอย่างที่เขาบอก หลังจากนั้นไม่นานแกก็เลิกร้องช่วงเช้าของทุกวัน ฉันกับเฮียจะต้องออกไปทำงานเหมือนทุกวัน ซึ่งเป็นภาพเดิมๆ ที่ทุกคนต้องเห็นและน่าจะชิน แต่องุ่นไม่ยอมชินสักที"ป๊าขา มี๊ขา อยู่บ้านกับองุ่นสักวันไม่ได้เหรอคะ" เสียงใสๆของเด็กวัยเกือบจะสามขวบ
ตอนที่ 30 แพ้ท้องฉันกับเฮียธรณ์แต่งงานอยู่กินด้วยกันมาได้สักพัก อีเฮียของฉันมันก็เสมอต้นเสมอปลายกับฉันดีค่ะ เขายังคงชอบไปนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่บ้านเฮียช้างเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือบ่อยขึ้น เพราะว่าว่างมาก...เนื่องจากไม่ต้องไปเฝ้าผับแล้วช่วงแรกๆฉันไปด้วย แต่ช่วงนี้ฉันเริ่มลงมือทำงานคิดโปรเจคใหม่ๆด้วยตัวเอง ก็เลยเลือกที่จะกลับบ้านไปนั่งทำงานต่อดีกว่า กำลังรู้สึกสนุกกับงานที่เพิ่งได้รับมาทำค่ะหลังจากแต่งงานกันแล้ว ฉันเอาเขามาอยู่ที่บ้านของฉันค่ะ เพราะฉันเป็นลูกคนเดียวคุณแม่อยากให้ลูกสาวอยู่บ้าน แต่ถ้าคุณมี๊บ้านโน้นคิดถึง เราก็จะพากันไปหาท่าน นอนค้างสองสามคืนก็กลับเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้อง ฉันหันไปมองนาฬิกาติดพนัง ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว จัดว่ายังไม่ได้ดึกมาก อยู่ในเกณฑ์รับได้ ฉันนั่งทำงานทำเป็นไม่สนใจเขาค่ะ แต่ในใจสนใจมาก ยิ่งถ้าเขายังกลับไม่ถึงบ้าน ฉันก็ยิ่งเป็นห่วงมาก นอนไม่หลับ ไม่ได้หึงหรือกลัวว่าเขาจะไปนอนกับคนอื่นหรอกนะคะ แต่เพราะความเมาของเขาที่ชอบทำให้ฉันเป็นห่วงที่แสบสุดๆของเฮียก็คือ เขากลัวฉันด่าค่ะ เลยชวนคุณพ่อของฉันไปด้วยเป็นประจำ คุณแม่ไม่กล้าว่าเพราะเกรงใจลูกเขย ส่วนฉัน
ตอนที่ 29 คืนวิวาห์ทุกการกระทำของเธอผมรู้ตัวตั้งแต่เธอปลดกระดุมเม็ดแรกให้ผมแล้ว แต่ยังไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะอยากรู้ว่าเธอจะทำอะไรกับผมต่อ"พ่อหลับแต่ทำไมลูกตื่นง่ายจัง" เธอบ่นพึมพำเบาๆคนเดียว เมื่อลูกชายของผมมันผงาดหัวชูคอสูงแข็งขืนสู้มือของเธอ ก็เธอนั่นแหละที่เป็นคนงัดมันออกมาผมนอนเฉยๆยอมให้เธอถอดกางเกงของผมออกไป จากที่เมาๆอยู่หายเมาทันทีเลยครับ"เฮียจะตื่นหรือไม่ตื่นคะ" ถ้าไม่ตื่นล่ะ...ผมคิดในใจ อยากเห็นเธอลักหลับผมจัง แค่คิดก็เสียวลงไปถึงไหนต่อไหนแล้วเธอจับความเป็นชายของผมขยับอยู่สักครู่ จากนั้นริมฝีปากของเธอก็เริ่มงับลงมาที่ความเป็นชายของผม ความเสียวที่เธอเป็นคนมอบให้มันค่อยๆเล่นงานผมหนักขึ้นๆ ทำให้ผมเผลอครางส่งเสียงออกมา"อ้า..." ก็มันทนไม่ไหวจริงๆนี่ ปากเมียทั้งนุ่มทั้งอุ่นขนาดนี้ใครจะไปทนไหว แถมยังโลมเลียจนผมแทบคลั่ง"ปับ! เฮียแกล้งหลับใช่มั้ยคะ" เสียงมือตีลงมาที่หน้าอกของผมพร้อมกับเสียงต่อว่าของเธอ"โอ๊ย! ก็เฮียอยากรู้นี่ว่าเมียจะทำอะไร" ผมพยุงตัวลุกขึ้นมานั่ง"คืนนี้เป็นคืนแต่งงานของเรานะคะ""เอาน่า...เฮียงีบแป๊บเดียว หายเมาแล้วนี่ไง ทำต่อสิ" มือของเธอที่ยังคงจับความ
ตอนที่ 28 แต่งงาน6 เดือนผ่านไปหลังจากวันที่ฉันกลับบ้านไปบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าฉันตกลงจะแต่งงานกับคุณธรณ์ อีกหนึ่งอาทิตย์ผู้ใหญ่ได้นัดมาคุยกัน สู่ขอฉันอย่างเป็นทางการ วันนั้นผู้ใหญ่คุยกันถึงการจัดงาน สถานที่ และฤกษ์งานแต่งที่จะจัดขึ้นจากวันนั้นถึงวันนี้ก็หกเดือนแล้ว กว่าจะได้จัดงานแต่งขึ้นในวันนี้ ถ้าถามว่าทำไมถึงนานจัง ขอตอบว่าได้ฤกษ์ดีเดือนนี้วันนี้ค่ะหกเดือนหลังจากวันที่ผู้ใหญ่คุยกัน ฉันกับเฮียเริ่มเตรียมตัดชุดแต่งงาน เตรียมจัดสถานที่และอะไรอีกหลายๆอย่าง ระยะเวลาหกเดือนมีเวลาเตรียมงานพอสมควรจนมีวันนี้เกิดขึ้นมาค่ะตลอดเวลาที่ผ่านมา เฮียธรณ์ดีกับฉันมาตลอด ช่วงแรกๆเขายังต้องไปที่ผับอยู่เพราะมีงานบางอย่างที่คุณมิตรจัดการเองยังไม่ได้ ต้องการให้เฮียเข้าไปช่วยอยู่ในช่วงแรกๆ เฮียยังไม่สามารถปล่อยมือได้ในทันที ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเฮียธรณ์ไม่ต้องเข้าไปดูแลที่ผับนั้นแล้วค่ะส่วนฉันเรียนรู้งานกับคุณวินได้พอสมควรแล้ว เริ่มเข้าที่ เริ่มลงตัวมากขึ้น แต่ยังต้องพยายามอีก ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าไปนั่งประชุมฟังแนวคิดของผู้บริหารแต่ละท่าน ซึ่งความคิดของพวกเขาแต่ละคนไม่ธรรมดาเลย ทุกครั้งที่ฉันได้เข้าไป
ตอนที่ 27 พาเมียเข้าบ้านเช้าวันรุ่งขึ้น ผมพาน้องแอมออกจากรีสอร์ตแต่เช้า ส่วนไอ้ช้างกับครอบครัวคงกลับกรุงเทพฯ ตอนช่วงบ่ายๆหรือไม่ก็เย็นๆ แต่นั่นก็เรื่องของมันก่อนกลับกรุงเทพฯ ผมพาน้องแอมไปเที่ยวบนสันเขื่อนก่อนแวะถ่ายรูปคู่สองสามรูปก็กลับลงมา แล้วก็แวะไหว้พระที่วัดแถวๆนั้น จากนั้นก็ยิงยาวขับกลับกรุงเทพฯเลย ตรงไปหาป๊ากับมี๊ที่บ้าน ซึ่งก่อนไปผมได้โทรไปบอกพวกท่านก่อนแล้วว่าวันนี้ผมจะพาน้องแอมเข้าไปหาผมขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน รถจอดสนิทเตรียมที่จะลงจากรถ น้องแอมก็ถามขึ้นมาว่า..."คุณป๊ากับคุณมี๊ดุมั้ยคะ" ผมหันไปยิ้มให้เธอ...สงสัยจะเกร็ง"ไม่ดุหรอกครับ พวกท่านใจดีมาก ป่ะเข้าบ้านกัน" ผมเอื้อมมือไปจับมือน้องแล้วพาเดินเข้าบ้าน"ป๊าครับ มี๊ครับ อยู่บ้านกันมั้ยครับ..." ผมตะโกนเรียกเสียงดัง เมื่อเห็นว่าภายในบ้านเงียบๆ เหมือนไม่มีคนอยู่"ไอ้พ่อแม่ไม่สั่งสอน! บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเสียงดัง!" เป็นเสียงป๊าตะโกนกลับมา ผมได้ยินเสียงของท่านอยู่หลังบ้าน สงสัยเสียงของผมจะไปรบกวนทำให้สัตว์เลี้ยงของท่านตกใจอีกแล้ว ผมจึงจูงมือน้องแอมพาเดินตรงไปที่หลังบ้าน"ไหนบอกว่าไม่ดุไงคะ" ผมหันมายิ้มให้คนขี้สงส
ตอนที่ 26 ช่วงเวลาพิเศษผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นเธอนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง ชวนไปอาบน้ำพร้อมกันก็ไม่ยอมไป ไม่รู้กลัวอะไร"จะอาบน้ำเลยหรือจะนอนต่อ" ผมถามคนที่นอนอยู่บนเตียง เธอวางมือถือลงแล้วส่งยิ้มมา"ทำไมคะ""ถ้าอาบน้ำเฮียจะได้ออกไปซื้อข้าวให้ แต่ถ้านอนต่อเฮียก็จะยังไม่ไปซื้อ" เสื้อผ้าก็ยังไม่ยอมใส่ ผ้าขนหนูผืนเดียวพันตัวเอาไว้หลวมๆ เธอกำลังยั่วผม...ใจเย็นไอ้ธรณ์เดี๋ยวน้องช้ำ"อาบน้ำค่ะ""ถ้างั้นเดี๋ยวเฮียมา อยากกินน้ำอะไรมั้ย""อะไรก็ได้ค่ะ""โอเค...ฟอด!" ความน่ารักของเธอทำให้ผมอดใจไม่ไหว ขอหอมแก้มเธอก่อนออกไปซื้อข้าวสักฟอดสักพักใหญ่ๆผมกลับมา แวะคุยกับไอ้พวกนั้นที่บ้านหลังใหญ่ตั้งนาน พอดีผมเจอพวกมันก็เลยเดินเข้าไปหา ระหว่างสั่งข้าวสั่งน้ำเพราะว่าไอ้ของกินที่ว่ามันอยู่ไม่ได้ห่างจากบ้านเจ้าของ...จะว่าไปไอ้สิงห์ก็เข้าใจตั้งร้านเนอะ สะดวกพวกมันดี อยากกินตอนไหนก็แค่ก้าวขาออกมาจากบ้านแป๊บเดียวก็ได้กินแล้ว"มาแล้วครับ..." ผมรีบส่งเสียงกลัวว่าเธอจะรอนาน วางของในมือทั้งหมดลงแล้วเดินเข้าไปหาเธอในห้องนอน"เฮียไปนานมั้ย" ผมชะโงกหน้าเข้าไปถาม เห็นเธอกำลังนั่งเป่าผมให้แห้งอยู่ที่หน้ากระจก เอาจ