วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ชุยซินอี๋คลอดลูกชายตัวอวบอ้วนออกมาหนึ่งคน เธอตั้งชื่อว่าชุยเป่า เมื่อได้ประคบประหงมเลี้ยงดูเธอก็รักชุยเป่าอย่างสุดหัวใจ เธอรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เป็นเธอที่ไม่ระวังตนเองให้ดีเรื่องนี้จะโทษชุยเป่าไม่ได้ สองปีที่ผ่านมาเธอเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี
ชุยเป่าอยู่ในวัยซุกซนกำลังเริ่มหัดเดิน มักจะเดินเตาะแตะๆ ไปมาอยู่เช่นนั้น เธอเองก็ไม่ได้ไปทำงานที่ภัตตาคารตระกูลเฝิงอีกแล้ว เพราะว่าไม่มีคนเลี้ยงลูก เธอจึงต้องออกจากงานมาเลี้ยงดูชุยเป่าเอง
ชุยซินอี๋ใช้เวลาว่างที่มีปลูกผักขายที่หน้าบ้านของเธอ เดิมทีคิดว่าจะเก็บเงินอีกสักหน่อยแล้วจะเปิดร้านบะหมี่เล็กๆ ขาย ระหว่างที่เธอตั้งท้องจนมาถึงวันที่คลอดชุยเป่าออกมา ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป เธอเข้มแข็งมากขึ้น อดทนต่อคำดูถูกและเหยียดหยามจากสายตาคนรอบข้างได้มากกว่าแต่ก่อน พวกผู้ชายแถวนี้ก็คอยมาพูดจาแทะโลมเธอตลอดเวลา มีเพียงหยางตงที่ออกรับและปกป้องเธอทุกครั้งที่เห็นว่าคนเหล่านั้นมาสร้างความวุ่่นวายให้กับเธอ
ตอนที่หยางตงรู้ว่าเธอท้องเขาตกใจไม่น้อยเลย คิดอยากจะไปตามหาตัวผู้ชายคนนั้นแล้วกระทืบสักยก อีกทั้งยังบอกกับเธอว่าอยากมีพ่อของลูกหรือไม่ เขายินดีแต่งงานกับเธอ และจะดูแลเธอกับลูกให้ดีที่สุด แต่ชุยซินอี๋ตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกคนนี้เพียงลำพัง เพราะไม่อยากเดือดร้อนใคร
วันนี้ก็เหมือนเดิม เธอออกมารดน้ำผักที่ปลูกเอาไว้ ชุยเป่าเองก็นั่งมองเธออยู่ไม่ไกลนัก เด็กน้อยยกมือขึ้นตบเปาะแปะพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
ด้านเฝิงอี้นั้นเขาเรียนจบแล้ว และตอนนี้กำลังจะกลับมาที่กวานซี ส่วนเฝิงอินยังคงอยู่ที่ปักกิ่งเพราะต้องเรียนต่อ เขาเดินทางกลับโดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ในใจของเขามันร้อนรนไปหมด ใจของเขาไม่สงบ ต้องการไปพบกับชุยซินอี๋โดยเร็วที่สุด
ขอให้สิ่งที่เขากังวลมันไม่เป็นความจริง ไม่อย่างนั้นเขาคงกลายเป็นคนที่ทำผิดต่อเธออย่างไม่อาจให้อภัยได้
การเดินทางกลับกวานซีในครั้งนี้เขาคงจะอยู่ที่กวานซีอย่างถาวรแล้ว ไม่นานนักพ่อบ้านหม่าก็ขับรถมารับ เขาสั่งให้พ่อบ้านหม่าวนรถไปที่บ้าน และให้พ่อบ้านหม่าไปแจ้งพ่อและแม่ว่าเขามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ และจะใช้รถก่อน ไม่รอให้พ่อบ้านหม่าตอบรับสิ่งใด เขาก็ขับรถออกไปเสียแล้ว
บ้านของชุยซินอี๋เขายังจำได้ เพราะตอนเด็กเคยเดินไปส่งเธอที่บ้านอยู่หลายครั้ง
ตอนนี้เหงื่อของเขาผุดขึ้นตามใบหน้าจนเปียกชื้น มือสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว
เฝิงอี้ขับรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาจอดที่หน้าบ้านของชุยซินอี๋ ชายหนุ่มเปิดประตูรถและก้าวเท้าลงมา ก่อนจะเดินตรงมาที่หน้าบ้านเล็กๆ หลังหนึ่ง บ้านของชุยซินอี๋ยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
"เป่าเป่า ไปอาบน้ำกับแม่เร็วเข้า แล้วมากินข้าวกลางวันกันนะจ๊ะ"
เสียงหวานใสที่เอ่ยกับเด็กชายตัวน้อยบาดลึกเข้าไปในหัวใจของเฝิงอี้ เขามองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่ตกตะลึง
นั่นคือหญิงสาวที่เขาพบเจอที่บาร์เหล้าคนนั้น และเป็นคนเดียวกับที่เขามีความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนเมื่อสองปีก่อนอีกด้วย
ริมฝีปากของเขาสั่นระริก ชายหนุ่มกำมือแน่น เขามองเธอสลับกับเด็กชายตัวน้อย เด็กชายที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเขาถึงเจ็ดแปดส่วน
ให้ตายเถิด!! นี่มัน
ชุยซินอี๋ที่กำลังอุ้มชุยเป่าขึ้นมาก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาในบ้านของเธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนที่จะตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าสวยหวานซีดเผือด เธอกอดชุยเป่าเอาไว้แน่น ยิ่งเขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้เธอมากเท่าใด หญิงสาวก็ยิ่งขยับถอยหนีเขามากขึ้นเท่านั้น
นั่นมัน ผู้ชายที่เธอเสียตัวให้เขาในรถคืนนั้นนี่!!!
เธอไม่เคยพบเขาอีกเป็นเวลาถึงสองปีแล้ว แล้วทำไมอยู่ๆ วันนี้เขาถึงโผล่มาได้ล่ะ
เฝิงอี้ก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างช้าๆ เขาเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
"ซินซิน นั่นเธอใช่ไหม"
ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น เธอจ้องมองเฝิงอี้อย่างหวาดระแวง ชุยเป่าเองก็เอียงคอมองเฝิงอี้ด้วยความสงสัยก่อนจะยิ้มออกมา และยกแขนขึ้น หวังจะให้เฝิงอี้อุ้ม ชุยซินอี๋ที่เห็นแบบนั้นก็รีบคว้ากอดลูกชายเอาไว้ในอ้อมกอดทันที พลางคิดไปต่างๆ นานา
หรือว่าเขารู้ว่าเธอมีลูก ตามสืบจนหาเธอพบและจะมาพรากเอาลูกไปจากเธอ
เมื่อคิดได้แบบนั้นเธอจึงจ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ย
"ฉันไม่สนว่าคุณรู้จักชื่อของฉันได้ยังไง แต่ฉันขอบอกเอาไว้เลยนะ ว่าฉันไม่มีทางยกลูกให้กับคุณหรอก ฉันเลี้ยงชุยเป่ามาเองกับมือ ถึงบ้านฉันจะจน แต่ชุยเป่าก็ไม่เคยต้องลำบาก คุณกับฉันก็ไม่เคยพบกันอีกเลย ผ่านมาสองปีแล้ว ยังจะกลับมาทำไมอีก เรื่องวันนั้นฉันผิดเองที่ใจง่ายเกินไป คุณจะด่าฉันยังไงก็ได้ แต่อย่าเอาลูกไปจากฉันเลยนะ"
เฝิงอี้ที่ได้ยินชุยซินอี๋พูดแบบนั้นก็ดวงตาแดงก่ำ เขากำมือแน่น รู้สึกว่าเสียงที่เปล่งออกไปมันดูแหบพร่าและยากลำบากเหลือเกิน
"ซินซิน พี่เอง อาอี้ของเธอ"
เมื่อผ่านช่วงไว้ทุกข์มาแล้ว เฝิงอี้และชุยซินอี๋ก็แต่งงานกัน งานแต่งนี้ไม่ได้จัดใหญ่โตมากนัก เน้นเพียงความสะดวกและเรียบง่าย เติ้งเทียนอวี้และกวงจือหลินเพราะติดงานที่ต้องสะสางจึงไม่ได้มาร่วมงาน เพียงโทรมาแสดงความยินดีและส่งของขวัญแต่งงานมาให้เท่านั้น เฝิงอี้เองก็เข้าใจและเอ่ยขอบคุณเพื่อนรักทั้งสองอย่างเต็มใจหยางตงและสวีเพ่ยนั้นก็มาร่วมงานด้วย คนทั้งสองนำของขวัญมามอบให้ และอยู่ร่วมงานจนถึงเย็น ก่อนจะกลับไป เพราะสวีเพ่ยยืนนานไม่ค่อยไหว เนื่องจากเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ เฝิงอี้และชุยซินอี๋มองดูหยางตงที่แบกสวีเพ่ยขึ้นหลังและเดินจากไปด้วยแววตาที่มีความสุขนับว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคู่ที่สวรรค์บันดาลจริงๆ"พ่อครับ แม่ครับ ผมหิวอีกแล้ว"เฝิงอี้และชุยซินอี๋ที่ได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมอง ก่อนจะพบกับเฝิงเป่าที่วิ่งเข้ามาหาเขาทั้งสอง เจ้าเด็กอ้วนตัวสูงขึ้นอีกแล้ว อีกทั้งยังชอบกิน วันๆ ถามหาแต่ของกิน แล้วยังบ่นว่าเหงามากอีกต่างหาก ชุยซินอี๋ย่อตัวลงไป ก่อนจะยื่นมือไปบีบแก้มของเฝิงเป่าอย่างมันเขี้ยว"แม่จะอุ้มลูกไม่ไหวแล้วนะรู้ไหม"เฝิงเป่าเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าไปมองเฝิงอี้"พ่อครับ ผมอยากได้น้องสาวตัวอ้วนๆ
เฝิงอี้หลับตาลงรอรับลูกปืนจากเซวียนซาน แต่ทว่าเขากลับไม่พบกับความเจ็บปวดใดๆ เลยแม้แต่น้อย เมื่อลืมตามองดูก็พบว่าตอนนี้ที่หน้าท้องของเซวียนซานมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาถูกยิง!!!เฝิงหลงหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง อีกทั้งยังมีภรรยาของเขา แม่ของชุยซินอี๋ และหยางตงกับสวีเพ่ยก็มาด้วย ตำรวจเล็งปลายกระบอกปืนเข้าหาเซวียนซานอีกครั้ง เฝิงหลงที่เห็นอย่างนั้นก็ตกใจก่อนจะเอ่ย"อย่ายิง!!! นี่ลูกชายของผมเอง"ปัง ปัง ปัง"พ่อ!!!"เฝิงอี้ตะโกนเรียกพ่อของตนเองสุดเสียง คุณนายเฝิงเองก็แทบจะล้มทั้งยืนเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าเฝิงหลงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระเสือกกระสนไปบังลูกกระสุนแทนเซวียนซาน ร่างของคนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นพร้อมกัน เฝิงหลงจับมือของเซวียนซานเอาไว้แน่น ก่อนจะเอ่ย "พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว พ่อที่เห็นแก่ตัวคนนี้สำนึกเสียใจแล้ว หวังว่าชีวิตนี้ของพ่อจะชดใช้ความแค้นทั้งหมดในใจของแกได้ อย่าทำร้ายใครอีกเลยนะ อาซาน"เซวียนซานหลับตาลงช้าๆ เขารู้สึกว่าทุกอย่างมันมืดมนไปหมด เขาส่งเสียงเหอะในลำคอก่่อนจะร้องไห้ออกมาแผนการสำเร็จแล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ!!!คนชั่วคนนี้กำลังจะตาย แต่
เซวียนซานตอนนี้เหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ก่อนหน้านี้เซวียนชวนเตือนเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง ในใจของเขามีแต่ความแค้นที่ฝังลึก เขาถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนมันบิดเบี้ยวเกินจะเยียวยาแล้วชุยซินอี๋จ้องมองเฝิงอี้และเฝิงเป่าด้วยแววตาที่แดงก่ำ หากวันนี้เธอเป็นอะไรไป เธอเชื่อว่าเฝิงอี้จะสามารถดูแลเฝิงเป่าได้เป็นอย่างดีแต่สำหรับเฝิงอี้แล้วเขาไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดเพียงว่าจะต้องช่วยชุยซินอี๋ออกมาให้ได้ หากช่วยไม่ได้เขาก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นเซวียนซานลั่นไกปืนเตรียมจะยิงทุกคนที่ขวางหน้า เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับชุยซินอี๋"เป็นยังไงล่ะซินซิน ไอ้คนที่เธอรักนักรักหนามันช่วยอะไรเธอได้ จะตายกันหมดอยู่แล้ว!!! เลือกฉันสิ แล้วเราจะมีความสุขไปด้วยกัน"ชุยซินอี๋ปรายตามองเซวียนซานด้วยความเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน"คนที่ไม่เห็นใครเป็นคนในสายตา ไม่คู่ควรที่จะได้ความรักจากใครหรอก ปล่อยให้ความแค้นบังตาจนมืดบอด ไม่ละอายแก่ใจตัวเอง""ซินซิน!!! โอ๊ย!!!"ชุยซินอี๋อาศัยจังหวะที่เซวียนซานเผลอใช้เศษกระเบื้องที่เธอถือเอาไว้ในมือแทงเข้าไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง เซวียนซานร้องไม่เป็นภาษา ใบหน้าหล
ก่อนหน้านี้ชุยซินอี๋ได้สติตื่นขึ้นมา เมื่อตั้งสติได้และคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเธอก็ถึงกับลนลานรีบมองหาเฝิงเป่าทันที ก่อนจะพบว่าเฝิงเป่ากำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ เธอ ชุยซินอี๋หันมองซ้ายขวาพบว่ามือของตนเองถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือก "ไม่ต้องดิ้นไปหรอก ถึงเวลาผมจะปล่อยคุณเอง"เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ชุยซินอี๋จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซวียนซานนั่นเองภาพก่อนหน้านี้คือเขายื่นขวดน้ำให้เธอ จากนั้นเธอรู้สึกเหมือนกับถูกอะไรบางอย่างฟาดเข้ามาที่ต้นคอและสลบไปไม่ได้สติ จนเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่เก่าๆ เหมือนกับโรงงานร้างอย่างไรอย่างนั้น ชุยซินอี๋ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถาม“คุณจับฉันมาเหรอ"เซวียนซานยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่ารอยยิ้มของเขามันดูเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว ชุยซินอี๋ขยับตัวเข้าไปใกล้เฝิงเป่า พร้อมกับระแวดระวังเซวียนซานเอาไว้ด้วยเขาจะจับตัวเธอและลูกมาทำไมกัน ทั้งที่พวกเราไม่เคยมีเรื่องผิดใจอะไรต่อกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำเซวียนซานมองดูท่าทีของชุยซินอี๋ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาชอบเธอเข้าเสียแล้ว เขาคิดทบทวนมาหลายคืนแล้วก็ได้คำตอบที่แน่ชัด เขาชอบชุย
หลังจากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ถึงเวลาที่เฝิงอี้และชุยซินอี๋จะจัดงานแต่งงานกันอย่างมีความสุขเสียทีเช้านี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส เฝิงอี้พาชุยซินอี๋มาตัดชุดแต่งงาน เดิมทีคนทั้งสองคิดจะประวิงเวลาออกไปก่อน เพราะตอนนี้สถานการณ์ในบ้านตระกูลเฝิงก็ยังไม่ดีเท่าใดนัก แม่ของเฝิงอี้ยังคงเย็นชากับพ่อของเขาอยู่ แต่ทว่าคุณนายเฝิงกลับบอกว่า จะให้ความทุกข์ที่พ่อแม่เป็นคนก่อ มาทำให้ลูกไม่มีความสุขได้ยังไงกัน จึงไม่ให้คนทั้งสองประวิงเวลาออกไปอีก บอกเพียงว่าจะต้องรีบจัดงานให้เร็วที่สุดชุยซินอี๋มองดูเฝิงเป่าที่กำลังนั่งกินขนมอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่นานมานี้เฝิงอี้จ้างพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมาดูแลเฝิงเป่า เฝิงเป่าเองก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับพี่เลี้ยงคนใหม่ อีกทั้งยังช่างพูดช่างเจรจา ยิ่งพูดได้ก็พูดไม่หยุด จนบางครั้งเธอเองยังตอบคำถามของเฝิงเป่าไม่ทันกิจการร้านบะหมี่ยังคงไปได้ดี เฝิงอี้ได้แม่ครัวคนใหม่มา แรกเริ่มชุยซินอี๋ยังคงไปสอนและแนะนำสูตรบะหมี่เดิมที่เธอทำเอาไว้ให้แม่ครัวคนใหม่ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงได้ปล่อยให้คนงานทำงานกันเองต่อไปด้านภัตตาคารก็สร้างเสร็จแล้ว และเปิดทำการขายได้เหมือนเดิมแล้ว โดย
หยางตงที่ได้ยินอย่างนั้นก็จ้องมองซ่งชางอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปดึงตัวของสวีเพ่ยกลับมาหาตนเอง แต่คนของซ่งชางก็ยกเท้าถีบเขาจนกระเด็นลงไปกองกับพื้น หยางตงไอออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกจุกแน่นที่หน้าท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"อาตง!!!"สวีเพ่ยเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ เธอถูกจับตัวเอาไว้จนไม่อาจเข้าไปหาเขาได้ สวีเพ่ยหันไปมองซ่งชางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะเอ่ย"อย่าแตะต้องเขา เขาเป็นคนรักของฉัน!!!"ซ่งชางที่ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา ก่อนจะเดินเข้ามาหาสวีเพ่ย และยื่นมือขึ้นมาเชยปลายคางของเธอให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาชัดๆ"คนรักอย่างนั้นเหรอ เธอไม่มีสิทธิ์ไปรักกับใครได้หรอก เธอจะต้องไปที่ตระกูลซ่ง ไปเป็นเมียขัดดอกให้ฉัน คอยรับใช้คนตระกูลซ่งเพื่อชดใช้หนี้ บ้านของเธอและกิจการของพ่อเธอ ฉันจะยึดมาเป็นของฉันให้หมด เธอรู้ไหมว่าบ้านและกิจการของพ่อเธอมันยังไม่พอใช้หนี้ให้บ้านฉันเลยด้วยซ้ำ"สวีเพ่ยที่ได้ยินอย่างนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ย"นายอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมดเลย ฉันไม่ยึดติดกับของพวกนี้แล้ว ส่วนเงินที่เหลือฉันจะหางานทำมาผ่อนจ่ายให้นายเอง""ผ่อนจ่ายเหรอ น้ำหน้าอย่างเธอเนี่ยนะจะทำงา
เมื่อเฝิงอี้จากไปแล้ว สวีเพ่ยจึงรีบเดินกลับเข้ามาในบ้านทันที หญิงสาวทำตัวปกติเหมือนทุกครั้งเพื่อไม่ให้มีพิรุธ ก่อนจะกลับเข้าห้องและล็อกประตูห้องอย่างแน่นหนา แล้วจึงรีบลนลานเปิดอ่านจดหมายที่หยางตงส่งมาในทันทีเพ่ยเพ่ย ฉันอาตงนะ เธอสบายดีไหม ฉันคิดถึงเธอมากเหลือเกิน ฉันมีหลายเรื่องที่อยากจะเล่าให้เธอฟัง มีหลายที่ที่อยากจะชวนเธอไปดูด้วยกัน ฉันตกปลามาได้หลายตัวเลย อยากให้เธอได้มากินปลาเผาฝีมือฉัน ร้านเหล้าตอนนี้ไม่มีคนมากนัก เหมาะที่จะชวนเธอไปนั่งดื่มด้วยกันเหมือนทุกครั้ง เพ่ยเพ่ย ฉันมีเรื่องสำคัญที่อยากบอกเธอ ฉันชอบเธอเข้าแล้ว มันคงดูตลกมากเลยใช่ไหม เธอเองคงไม่ได้คิดแบบเดียวกับฉันสินะ แต่ไม่่เป็นไรหรอก ฉันรู้เรื่องที่เธอต้องแต่งงานแล้วนะ เฝิงอี้พอจะคาดเดาเรื่องนี้ออก เขาบอกว่าคนโรคจิตอย่างเธอคงไม่ยอมถูกจับแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบง่ายๆ หรอก แล้วที่เธอยอมแต่งก็เพราะถูกพ่อบังคับ ฉันจะหาทางช่วยเธอเองนะสวีเพ่ย เราจะหนีไปด้วยกัน ฉันจะพาเธอหนี หลังจากนั้นเธออยากจะใช้ชีวิตยังไงฉันจะสนับสนุนเธอเอง เธอไม่ต้องชอบฉันก็ได้ ฉันจะคิดเพียงว่าฉันได้ช่วยเพื่อนรักอย่างเธอก็แล้วกัน เธอจะไปกับฉันไหม อีกสามวันฉั
ด้านสวีเยี่ยนนั้นตอนนี้เขากำลังมีความสุขกับเงินมากมายตรงหน้าที่ได้มาจากสินสอดของสวีเพ่ย ซึ่งทางตระกูลซ่งเป็นคนส่งมอบให้ เงินก้อนนี้นับว่าได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ไม่น้อย นอกจากคนตระกูลซ่งจะยกหนี้ก่อนหน้านี้ให้เขาเป็นโมฆะเพราะเกี่ยวดองกันแล้วแล้ว ยังมอบเงินอีกก้อนเพื่อเป็นสินสอดให้เขาอีกด้วย เมื่อสวีเยี่ยนนำเงินส่วนหนึ่งไปจ่ายหนี้พนันจนหมดแล้ว ส่วนที่เหลือเขาก็นำมันไปต่อยอดเล่นการพนันเพิ่มอีกเล็กน้อยสวีเยี่ยนยิ้มกริ่ม ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวในคืนนั้นคืนที่ภัตตาคารตระกูลเฝิงเกิดไฟไหม้เดิมทีเขาเป็นคนส่งคนเข้าไปวางเพลิงที่นั่นเอง เป้าหมายก็คือต้องการเผาทำลายภัตตาคารตระกูลเฝิง แหล่งทำเงินมากที่สุดของตระกูลเฝิงให้มันพังพินาศไปเสีย ที่ผ่านมาเขาพยายามคิดมาตลอดว่า เฝิงหลงเป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุดของเขามาโดยตลอด ก่อนหน้านี้คนทั้งสองเป็นเพียงคนงานที่ทำงานในบาร์เหล้าทั่วไปเท่านั้น แต่เฝิงหลงกลับโชคดีมากกว่า ได้พบรักกับเสิ่นเยี่ย หญิงสาวที่เดินทางมาจากปักกิ่ง หล่อนมีเงินไม่น้อยเลย อีกทั้งตอนนั้นที่กวานซีกิจการของเสิ่นเยี่ยก็ทำเงินได้มากกว่าใคร เขาจึงหาทางทำให้เฝิงหลงได้เข้าไปใกล้ชิดกับเสิ่นเยี่ย
เมื่อหยางตงกลับไปแล้ว ชุยซินอี๋ก็กลับบ้านพร้อมกับเฝิงอี้ ระหว่างทางคนทั้งสองพูดคุยสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย พูดถึงเรื่องแต่งงานแล้ว อีกไม่นานก็คงจะถึงงานแต่งงานของพวกเขาทั้งสอง เฝิงอี้คิดว่าหลังจากที่ภัตตาคารเฝิงกลับมาเปิดใหม่และเรื่องราวคลี่คลายแล้ว เขาจะแต่งงานกับชุยซินอี๋ทันทีเช้าวันต่อมาเป็นวันที่เฝิงหลงจะต้องไปพบหมอตามนัด เฝิงอี้เป็นคนขับรถพาพ่อและแม่ไปที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง ด้านเฝิงเป่านั้นก็มีสือชิงดูแลอยู่ ชุยซินอี๋เองก็วุ่นวายอยู่กับการดูแลร้านบะหมี่ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำไม่ต่างกัน หลังจากตรวจงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณนายเฝิงก็บอกให้สามีนั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจ ก่อนที่เธอเองจะไปจัดการเรื่องเอกสาร อีกไม่นานเฝิงอี้คงจะมารับเธอและสามีตามที่นัดหมายกันเอาไว้แล้วเฝิงหลงไม่ได้ให้คนติดตามมาด้วย เขาไม่ชอบความวุ่นวายมากนัก ระหว่างที่รอภรรยาก็นั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผู้คนที่มาตรวจเริ่มจะบางตาลงไปมากแล้ว เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย รู้สึกสมเพชตัวเองที่กลายมาเป็นเช่นนี้ เพราะหลายปีก่อนเขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ เขาจำได้ว่าตอนนั้นร่างกายขยับไม่ได้ โชคดีที่ได้พ่อของชุยซินอี๋มาช่วยพยุงเขาออกมา