“เจียเจีย เรื่องด่วน! เธอคิดหาวิธีหาเบอร์ประธานฟู่มาได้ไหม?”สวี่ชิงฮวนบล็อกไลน์ของเขาไปซะแล้ว แม้แต่กลุ่มเพื่อนนักเรียนก็กดออกแล้ว ตอนนี้คนที่สามารถขอความช่วยเหลือได้มีแต่ฟู่เจียเจียแล้วล่ะ!เห็นได้ชัดว่าทางด้านนั้นยังไม่ตื่น น้ำเสียงมีความสะลึมสะลือ “ใครนะ?!”“ฟู่เยี่ยนฉือ……”“ถ้าเธอกำลังฝันละเมออยู่ ก็ไปนอนอีกหน่อยเถอะนะ”“อธิบายไม่ทันแล้ว ฉันมีเรื่องด่วน จริงจัง!”ผู้รับผิดชอบของโครงการที่ร่วมงานกันเซ็นสัญญาเสร็จก็จะไปต่างประเทศกันแล้ว เธอคงจะสั่งให้คนเขากลับมาประเทศ เพื่อเซ็นเอกสารอีกชุดกับตัวเองไม่ได้หรอกนะ!ฟู่เจียเจียก็รู้สึกได้ว่าเธอไม่เหมือนกับกำลังล้อเล่นอยู่ เธอลุกขึ้นนั่งลง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “เบอร์โทรฉันหามาไม่ได้แน่ๆ แต่เธอไปหาเขาที่ห้องได้นี่”จริงด้วย!สวี่ชิงฮวนรีบวางสาย สวมเสื้อผ้าลวก ๆ แล้ววิ่งไปยังห้องสวีทของโรงแรมทันทีแต่เมื่อมาถึงชั้นนั้น เพิ่งจะออกจากลิฟต์ก็ถูกเลขาประธานขวางไว้ทันที“สวัสดีค่ะ ฉันมีธุระอยากพบประธานฟู่!”เลขากวาดตามองเธอหัวจรดเท้า น้ำเสียงเคร่งขรึม “มีนัดไหม?”สวี่ชิงฮวน “……ไม่มี”เลขาก็เข้าใจได้ทันที แล้วตอบกลับสามคำ “งั้นเชิญกลับ”
“ประธานฟู่”สวี่ชิงฮวนครุ่นคิดแค่ไม่กี่วินาที ก็เอ่ยปากตอบกลับไปว่า “ฉันมีแฟนแล้วค่ะ”เรื่องดีลาภลอยแบบนี้ ตั้งแต่เธอเกิดมาจนถึงตอนนี้ ก็ไม่เคยพบเห็น และก็ไม่เชื่อด้วยไม่ว่าเขาอยากจะลองเชิงตัวเอง หรือเป็นเพราะเหตุผลบางอย่างต้องการหาคนมาแต่งงานด้วยจริง ๆ เธอก็ไม่อยากเข้าร่วม ดังนั้น โกหกว่าตัวเองมีแฟนแล้ว ปัญหาทั้งหมดก็สามารถจัดการได้อย่างเรียบร้อยได้ฟังคำพูดของเธอ ฟู่เยี่ยนฉือเม้มปากเล็กน้อย ดวงตาเคร่งขรึมขึ้น“จริงเหรอ?”“ฉันจะโกหกประธานฟู่ทำไมคะ?”ยังไม่รอให้เขาเอ่ยปาก สวี่ชิงฮวนก็โค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ฉันไม่รบกวนประธานฟู่แล้วค่ะ ช่วยเอาสัญญาให้ฉันด้วยค่ะ”“อืม”ฟู่เยี่ยนฉือพยักหน้าพูดเสียงอย่างเย็นชา และก็ไม่ได้ยื้อต่อ พูดแค่ว่าสัญญาอยู่ที่เลขาของเขา จากนั้นก็ปิดประตูห้องสวีทลงสวี่ชิงฮวนถือสัญญาเดินจากไปอย่างรวดเร็ว และถือว่าบทสนทนาเมื่อครู่ตัวเองหูแว่วไปเองฟู่เยี่ยนฉืออยากแต่งงานกับตัวเองงั้นเหรอ?เหลวไหลสิ้นดี!…….หลังจากได้สัญญามา สวี่ชิงฮวนก็ไม่ได้ส่งมอบให้แอนนี่โดยตรง แต่ไปหาผู้จัดการเฉินก่อนโครงการนี้เธอติดตามมานานขนาดนี้แล้ว จู่ ๆ จะให้ตัวเองถอนตั
กว่าจะควบคุมเรื่องเอาไว้ได้ สวี่ชิงฮวนก็กลับมาที่ห้องแล้วก็เริ่มเก็บสัมภาระโชคดีที่ครั้งนี้การทำงานนอกสถานที่เกิดเรื่องอันตราย แต่ก็รอดผ่านไปได้ ที่เธอพูดถึงไม่เพียงเรื่องที่ผู้จัดการเฉินโมโหสวี่ชิงฮวนพยายามข่มความคิดของตัวเอง ไม่ให้คิดถึงใบหน้าของฟู่เยี่ยนฉือ แต่สมองกลับไม่ฟังคำสั่ง จนกระทั่งโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเสียงดังขึ้นมาเธอเดินไปดูอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาล หัวใจก็จมดิ่งลงไปอย่างเร็ว……แม้แต่มือที่กดปุ่มรับสายก็สั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว“คุณสวี่ใช่ไหมคะ? เมื่อแม่ของคุณหัวใจวายกะทันหัน สถานการณ์อันตรายมาก ตอนนี้ถูกส่งเข้าไปในห้องช่วยชีวิต คุณรีบมาเถอะค่ะ!”“……”สวี่ชิงฮวนสายตาว่างเปล่า เกือบจะยืนแทบไม่ไหวแต่เวลาไม่อนุญาตให้เธอชักช้า ปรับตัวเพียงไม่กี่วินาที เธอเปลี่ยนเวลาตั๋วเครื่องบินทันที ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว เธอถึงนึกขึ้นได้และรบกวนให้ฟู่เจียเจียช่วยอธิบายกับผู้จัดการเฉินให้หน่อยตอนที่สวี่ชิงฮวนกลับถึงเมืองเป่ยเจิ้น ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้วเธอเรียกรถแท็กซี่ไปยังโรงพยาบาล แม่เพิ่งเข็นออกจากห้องช่วยชีวิตไปยังห้องไอซียูพอดีมองดูคุณแม่ที่ใบหน
เธอนึกถึงคำพูดที่ฟู่เยี่ยนฉือพูดกับตัวเอง เขาบอกว่า เขาสามารถรับผิดชอบค่ารักษาของคุณแม่ได้ แถมยังหาหมอที่ดีที่สุดให้เธอได้อีกด้วย! ในตอนนี้ นี่เป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวแล้วละ! สวี่ชิงฮวนเริ่มเปิดหาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนมัธยมต้นอย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่หาเจอคนหนึ่งและขอร้องให้เธอลากตัวเองกลับเข้าไปในกลุ่มไลน์ แต่คิดไม่ถึงว่า…..หลังจากที่ตัวเองออกจากกลุ่ม ฟู่เยี่ยนฉือก็ออกจากกลุ่มด้วย![ตอนนี้มีคนติดต่อฟู่เยี่ยนฉือได้ไหม?] เธอรีบส่งข้อความเข้าในกลุ่มไลน์ทันที และก็ไม่สนว่าคนอื่นจะวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองลับหลังอย่างไรไม่นานนัก เพื่อนนักเรียนหวังจ้งตอบกลับประโยคหนึ่ง [เอ๊ะ? ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มหรอกเหรอ? ไม่กี่วันก่อนฉันยังเห็นเขาอยู่ในกลุ่มอยู่เลย ทำไมถึงออกจากกลุ่มแล้วล่ะ!][ออกจากกลุ่มเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เขาเป็นถึงประธานของฟู่ซื่อ ปัจจุบันกับอดีตเทียบกันไม่ติดเลย ไม่มีอะไรคุยกับพวกเราคนธรรมดาหรอก][ฮ่าฮ่า ดูความอิจฉาของนายสิ!] คนในกลุ่มนี้เริ่มเบี่ยงเบนไปจากหัวข้อ ไม่นานนักข้อความคุยกันก็ดันประโยคของสวี่ชิงฮวนหายไปในตอนที่เธอขมวดคิ้วคิดหาวิธีอื่น จู่
แต่เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่เยี่ยนฉือ แต่กลับเป็นเลขาส่วนตัวของเขาโทรกลับมาสวี่ชิงฮวนผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังอยากที่จะลองดู “ฉันคือเพื่อนร่วมชั้นของประธานฟู่ ชื่อสวี่ชิงฮวนค่ะ รบกวนคุณช่วยบอกเขาหน่อยได้ไหมคะ? หวังว่าเขาจะโทรกลับมาหาฉัน”“ได้ครับ คุณสวี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรอีกไหมครับ?”“……ไม่มีแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”หลังจากวางสายไป จู่ ๆ เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกตอนที่แม่ของเธอกระโดดลงมาจากตึกในตอนนั้นตอนที่สถานการณ์คับขันต่าง ๆ บีบบังคับให้จนมุม มันอยากจะตายๆให้ไปจบๆไปซะ!……ในโรงพยาบาลหนาวมากหลังกลางดึก สวี่ชิงฮวนที่นอนอยู่บนเก้าอี้เฝ้าคนไข้ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ถึงได้พบว่าตัวเองง่วงจนนอนหลับไปลุกขึ้นดูแม่ที่กำลังหลับอยู่ แล้วก็ช่วยจัดผ้าห่มให้กับเธอในมือถือ ฟู่เจียเจียส่งข้อความมาอย่างนับไม่ถ้วน[ฮวนฮวน เธออย่าเพิ่งร้อนใจนะ ฉันโทรหาพ่อแม่ฉันแล้ว พวกเขาตกลงให้เธอยืมอีกหนึ่งล้านบาท แบบนี้เธอก็มีสองล้านบาทแล้ว! พวกเราค่อย ๆ รวบรวม พรุ่งนี้ฉันจะติดต่อเพื่อนๆคนอื่นอีก ต้องรวบรวมได้แน่ๆ][เธออย่าทำให้ฉันตกใจสิ เธอตอบฉันหน่อย! อย่าทำเรื่องโง่ ๆ เด็ดขาดเลยนะ][ฮวนฮวน
สวี่ชิงฮวนคิดว่านี่มันชักจะเร็วเกินไป แต่ในตอนนี้เขาพูดแบบไหนก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะพูดแทรกได้ซะที่ไหนกันเพราะเสื้อผ้าที่คลุมเรือนร่างของฟู่เยี่ยนฉือรวมกับกลิ่นควันบุหรี่อ่อน ๆ ที่ลอยออกมากระทบจมูกของเธอ ทำให้สวี่ชิงฮวนรู้สึกจิตใจสงบขึ้นมาอาจเป็นเพราะความรู้สึกกดดันจากเมื่อซักครู่ได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ท้องของเธอก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาไม่ดูเวล่ำเวลาสวี่ชิงฮวนรู้สึกอายขึ้นมาในทันที จึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอย่างเขิน ๆ!“ยังไม่ได้กินข้าวหรอ?”“กินแล้วค่ะ” เธอทำตัวไม่ถูกจริง ๆ และไม่อยากจะสานต่อบทสนทนานี้ฟู่เยี่ยนฉือก็ไม่ได้อะไรถามต่อ ทำเพียงแค่ยกข้อมือขึ้นแล้วดูจอนาฬิกา “ผมจัดการให้แม่ของคุณไปพักที่ห้องผู้ป่วยวีไอพีแล้ว มีเจ้าหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ ถ้าท่านฟื้นแล้วเดี๋ยวคุณหมอก็คงจะแจ้งคุณเอง ตอนนี้คุณมากับผมก่อนเถอะ”สวี่ชิงฮวนชะงัก “ไป...จะไปไหนคะ?”“กินข้าวไง”“......ฉันกินแล้วจริง ๆ นะคะ!”เขาเม้มริมฝีปาก ในความปกติของใบหน้าอันหล่อเหลาที่ดูเมินเฉยผิดแปลกมนุษย์มนานั้น เผยความอ่อนโยนออกมาอยู่บ้าง “ไปกินเป็นเพื่อนผม”สวี่ชิงฮวนไม่กล้าขัดขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้พยักห
เมื่อเห็นว่าฟู่เยี่ยนฉือคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เธอถึงได้ลงจากรถแล้วเดินตามเข้าไป“อาหารของที่นี่เป็นอาหารสไตล์จิงโจวน่ะ”น้ำเสียงของเขาเย็นเยือกและทุ้มต่ำเหมือนกับเสียงเชลโล“อ้อ” สวี่ชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย นี่ก็เป็นการยืนยันว่า ฟู่เยี่ยนฉือก็จำเรื่องที่ตัวเองเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาสมัยมัธยมต้นได้แล้วล่ะมั้ง?หรือบางที......เขาอาจจะรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็ได้พอยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่เยี่ยนฉือแล้ว สวี่ชิงฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับเขาเอาซะเลย! เขาสวมชุดสูทรองเท้าหนัง มองแวบเดียวก็รู้แล้วล่ะว่าเป็นลูกรักพระเจ้า แต่พอมองมาที่ตัวเองอย่างกับมีคำว่า "ผู้ช่วย" เขียนติดอยู่บนหน้าซะจริง ๆเมื่อเดินตามเขาเข้าไปในร้านอาหารและนั่งลง สวี่ชิงฮวนก็เริ่มรู้สึกอึดอัดตัวขึ้นมาเวลานี้ตัวเองควรจะทำอะไรดีนะ? ที่จะไม่ทำให้เขาหวนนึกถึงสมัยมัธยมต้นได้!เมื่อเทียบกับความรู้สึกทำตัวไม่ถูกของเธอ ฟู่เยี่ยนฉือกลับรู้สึกราวกับกำลังได้เจอหน้าเพื่อนที่เคยเจอกันทุก ๆ วัน นิ้วเรียวยาวพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็เรียกบริกรมารับออเดอร์ที่ได้สั่งไปสองสามอย่าง “โครงการของหัวเย่ คุณเป็นคนยื่นเสนอเหรอ?”จู่ ๆ
ไม่เพียงแต่สวี่ชิงฮวนที่รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า อันที่จริงแล้ว แม้แต่ผู้ช่วยเองก็ยังอึ้งตามไปด้วยเช่นกันได้ร่วมงานกับประธานฟู่มาตั้งหลายปี ข้างกายเขาก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาปรากฏตัวเลยสักคน แต่ตอนนี้กลับกำชับให้เขาไปซื้อของแบบนั้นมา ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเกิดจะอะไรขึ้น!“ครับ ประธานฟู่”พอได้ยินการสนทนานี้ ใบหน้าของสวี่ชิงฮวนก็ร้อนฉ่าขึ้นมาฉับพลัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฟู่เยี่ยนฉือ เธอจะมาทำเป็นว่าตัดใจไม่ลงไม่ได้เด็ดขาด เพราะงั้นต้องทำตัวสงบผ่อนคลายเข้าไว้ ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อครู่เธอได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว เรื่องที่ตอบตกลงกับฟู่เยี่ยนฉือก็เป็นตัวเธอเองที่สมัครใจ แทนที่จะเหนียมอายกลับจะทำให้ผู้ชายเขาหมดความสนใจ ตัวเองก็ใช่ว่าจะมีแฟนจริง ๆ ซะหน่อย เมื่อเผชิญหน้ากับเงินก้อนโตและอำนาจมากองอยู่ตรงหน้าจะมาหัวโบราณคร่ำครึอะไรอีก! พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ นี่เป็นสิ่งที่คุณและฉันปรารถนาร่วมกัน เขาออกเงิน เขาออกแรงในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็น่าจะเป็นการเอาอกเอาใจฟู่เยี่ยนฉือให้มีความสุข แบบนี้แล้วอย่างน้อยตัวเธอเองก็จะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาค่ารักษาพยาบาลในช่วงสถานการณ์เร่