เธอนึกถึงคำพูดที่ฟู่เยี่ยนฉือพูดกับตัวเอง เขาบอกว่า เขาสามารถรับผิดชอบค่ารักษาของคุณแม่ได้ แถมยังหาหมอที่ดีที่สุดให้เธอได้อีกด้วย! ในตอนนี้ นี่เป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวแล้วละ! สวี่ชิงฮวนเริ่มเปิดหาเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนมัธยมต้นอย่างบ้าคลั่ง โชคดีที่หาเจอคนหนึ่งและขอร้องให้เธอลากตัวเองกลับเข้าไปในกลุ่มไลน์ แต่คิดไม่ถึงว่า…..หลังจากที่ตัวเองออกจากกลุ่ม ฟู่เยี่ยนฉือก็ออกจากกลุ่มด้วย![ตอนนี้มีคนติดต่อฟู่เยี่ยนฉือได้ไหม?] เธอรีบส่งข้อความเข้าในกลุ่มไลน์ทันที และก็ไม่สนว่าคนอื่นจะวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองลับหลังอย่างไรไม่นานนัก เพื่อนนักเรียนหวังจ้งตอบกลับประโยคหนึ่ง [เอ๊ะ? ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มหรอกเหรอ? ไม่กี่วันก่อนฉันยังเห็นเขาอยู่ในกลุ่มอยู่เลย ทำไมถึงออกจากกลุ่มแล้วล่ะ!][ออกจากกลุ่มเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เขาเป็นถึงประธานของฟู่ซื่อ ปัจจุบันกับอดีตเทียบกันไม่ติดเลย ไม่มีอะไรคุยกับพวกเราคนธรรมดาหรอก][ฮ่าฮ่า ดูความอิจฉาของนายสิ!] คนในกลุ่มนี้เริ่มเบี่ยงเบนไปจากหัวข้อ ไม่นานนักข้อความคุยกันก็ดันประโยคของสวี่ชิงฮวนหายไปในตอนที่เธอขมวดคิ้วคิดหาวิธีอื่น จู่
แต่เสียงที่ดังขึ้นกลับไม่ใช่เสียงของฟู่เยี่ยนฉือ แต่กลับเป็นเลขาส่วนตัวของเขาโทรกลับมาสวี่ชิงฮวนผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังอยากที่จะลองดู “ฉันคือเพื่อนร่วมชั้นของประธานฟู่ ชื่อสวี่ชิงฮวนค่ะ รบกวนคุณช่วยบอกเขาหน่อยได้ไหมคะ? หวังว่าเขาจะโทรกลับมาหาฉัน”“ได้ครับ คุณสวี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรอีกไหมครับ?”“……ไม่มีแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”หลังจากวางสายไป จู่ ๆ เธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกตอนที่แม่ของเธอกระโดดลงมาจากตึกในตอนนั้นตอนที่สถานการณ์คับขันต่าง ๆ บีบบังคับให้จนมุม มันอยากจะตายๆให้ไปจบๆไปซะ!……ในโรงพยาบาลหนาวมากหลังกลางดึก สวี่ชิงฮวนที่นอนอยู่บนเก้าอี้เฝ้าคนไข้ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ถึงได้พบว่าตัวเองง่วงจนนอนหลับไปลุกขึ้นดูแม่ที่กำลังหลับอยู่ แล้วก็ช่วยจัดผ้าห่มให้กับเธอในมือถือ ฟู่เจียเจียส่งข้อความมาอย่างนับไม่ถ้วน[ฮวนฮวน เธออย่าเพิ่งร้อนใจนะ ฉันโทรหาพ่อแม่ฉันแล้ว พวกเขาตกลงให้เธอยืมอีกหนึ่งล้านบาท แบบนี้เธอก็มีสองล้านบาทแล้ว! พวกเราค่อย ๆ รวบรวม พรุ่งนี้ฉันจะติดต่อเพื่อนๆคนอื่นอีก ต้องรวบรวมได้แน่ๆ][เธออย่าทำให้ฉันตกใจสิ เธอตอบฉันหน่อย! อย่าทำเรื่องโง่ ๆ เด็ดขาดเลยนะ][ฮวนฮวน
สวี่ชิงฮวนคิดว่านี่มันชักจะเร็วเกินไป แต่ในตอนนี้เขาพูดแบบไหนก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะพูดแทรกได้ซะที่ไหนกันเพราะเสื้อผ้าที่คลุมเรือนร่างของฟู่เยี่ยนฉือรวมกับกลิ่นควันบุหรี่อ่อน ๆ ที่ลอยออกมากระทบจมูกของเธอ ทำให้สวี่ชิงฮวนรู้สึกจิตใจสงบขึ้นมาอาจเป็นเพราะความรู้สึกกดดันจากเมื่อซักครู่ได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว ท้องของเธอก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาไม่ดูเวล่ำเวลาสวี่ชิงฮวนรู้สึกอายขึ้นมาในทันที จึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอย่างเขิน ๆ!“ยังไม่ได้กินข้าวหรอ?”“กินแล้วค่ะ” เธอทำตัวไม่ถูกจริง ๆ และไม่อยากจะสานต่อบทสนทนานี้ฟู่เยี่ยนฉือก็ไม่ได้อะไรถามต่อ ทำเพียงแค่ยกข้อมือขึ้นแล้วดูจอนาฬิกา “ผมจัดการให้แม่ของคุณไปพักที่ห้องผู้ป่วยวีไอพีแล้ว มีเจ้าหน้าที่ดูแลโดยเฉพาะ ถ้าท่านฟื้นแล้วเดี๋ยวคุณหมอก็คงจะแจ้งคุณเอง ตอนนี้คุณมากับผมก่อนเถอะ”สวี่ชิงฮวนชะงัก “ไป...จะไปไหนคะ?”“กินข้าวไง”“......ฉันกินแล้วจริง ๆ นะคะ!”เขาเม้มริมฝีปาก ในความปกติของใบหน้าอันหล่อเหลาที่ดูเมินเฉยผิดแปลกมนุษย์มนานั้น เผยความอ่อนโยนออกมาอยู่บ้าง “ไปกินเป็นเพื่อนผม”สวี่ชิงฮวนไม่กล้าขัดขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้พยักห
เมื่อเห็นว่าฟู่เยี่ยนฉือคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว เธอถึงได้ลงจากรถแล้วเดินตามเข้าไป“อาหารของที่นี่เป็นอาหารสไตล์จิงโจวน่ะ”น้ำเสียงของเขาเย็นเยือกและทุ้มต่ำเหมือนกับเสียงเชลโล“อ้อ” สวี่ชิงฮวนรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย นี่ก็เป็นการยืนยันว่า ฟู่เยี่ยนฉือก็จำเรื่องที่ตัวเองเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาสมัยมัธยมต้นได้แล้วล่ะมั้ง?หรือบางที......เขาอาจจะรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็ได้พอยืนอยู่ข้าง ๆ ฟู่เยี่ยนฉือแล้ว สวี่ชิงฮวนรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับเขาเอาซะเลย! เขาสวมชุดสูทรองเท้าหนัง มองแวบเดียวก็รู้แล้วล่ะว่าเป็นลูกรักพระเจ้า แต่พอมองมาที่ตัวเองอย่างกับมีคำว่า "ผู้ช่วย" เขียนติดอยู่บนหน้าซะจริง ๆเมื่อเดินตามเขาเข้าไปในร้านอาหารและนั่งลง สวี่ชิงฮวนก็เริ่มรู้สึกอึดอัดตัวขึ้นมาเวลานี้ตัวเองควรจะทำอะไรดีนะ? ที่จะไม่ทำให้เขาหวนนึกถึงสมัยมัธยมต้นได้!เมื่อเทียบกับความรู้สึกทำตัวไม่ถูกของเธอ ฟู่เยี่ยนฉือกลับรู้สึกราวกับกำลังได้เจอหน้าเพื่อนที่เคยเจอกันทุก ๆ วัน นิ้วเรียวยาวพับแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็เรียกบริกรมารับออเดอร์ที่ได้สั่งไปสองสามอย่าง “โครงการของหัวเย่ คุณเป็นคนยื่นเสนอเหรอ?”จู่ ๆ
ไม่เพียงแต่สวี่ชิงฮวนที่รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า อันที่จริงแล้ว แม้แต่ผู้ช่วยเองก็ยังอึ้งตามไปด้วยเช่นกันได้ร่วมงานกับประธานฟู่มาตั้งหลายปี ข้างกายเขาก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาปรากฏตัวเลยสักคน แต่ตอนนี้กลับกำชับให้เขาไปซื้อของแบบนั้นมา ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเกิดจะอะไรขึ้น!“ครับ ประธานฟู่”พอได้ยินการสนทนานี้ ใบหน้าของสวี่ชิงฮวนก็ร้อนฉ่าขึ้นมาฉับพลัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฟู่เยี่ยนฉือ เธอจะมาทำเป็นว่าตัดใจไม่ลงไม่ได้เด็ดขาด เพราะงั้นต้องทำตัวสงบผ่อนคลายเข้าไว้ ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อครู่เธอได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว เรื่องที่ตอบตกลงกับฟู่เยี่ยนฉือก็เป็นตัวเธอเองที่สมัครใจ แทนที่จะเหนียมอายกลับจะทำให้ผู้ชายเขาหมดความสนใจ ตัวเองก็ใช่ว่าจะมีแฟนจริง ๆ ซะหน่อย เมื่อเผชิญหน้ากับเงินก้อนโตและอำนาจมากองอยู่ตรงหน้าจะมาหัวโบราณคร่ำครึอะไรอีก! พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ นี่เป็นสิ่งที่คุณและฉันปรารถนาร่วมกัน เขาออกเงิน เขาออกแรงในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็น่าจะเป็นการเอาอกเอาใจฟู่เยี่ยนฉือให้มีความสุข แบบนี้แล้วอย่างน้อยตัวเธอเองก็จะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาค่ารักษาพยาบาลในช่วงสถานการณ์เร่
แต่เธอก็ไม่ได้ลืมหน้าที่ของตัวเอง คิดอยู่สักพักจึงเอ่ยขึ้นว่า “พรุ่งนี้ให้ฉันทำอาหารเช้าให้นะคะ”จะมีเหตุผลอะไรที่เสี่ยเลี้ยงจะมาเอาใจตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว?ฟู่เยี่ยนฉือหัวเราะเบา ๆ บนร่างกายสวมชุดสีหมึกอยู่บ้านด้วยความเนือย ๆ เดินเข้ามาลากเก้าอี้หัวโต๊ะอาหารแล้วนั่งลง “คุณไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำตัวอย่างกะถูกบังคับขนาดนั้นหรอก หลังจากจดทะเบียนวันนี้ไป คุณก็จะเป็นภรรยาของผมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”สวี่ชิงฮวนเห็นเขาพูดซะใจกว้างขนาดนี้ ตัวเองก็จะได้ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ จึงได้ถามตรง ๆ ไปว่า “งั้นประธานฟู่คะ ระยะเวลาของสัญญาการแต่งงานของเรานานแค่ไหนคะ? งั้นเรามาเซ็นข้อตกลงกัน คุณคิดว่าไงคะ?”สุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นการพูดในมุมมองธุรกิจ เธอยังต้องกำหนดเวลาให้กับตนเองถ้าเกิดฟู่เยี่ยนฉือบอกเวลาที่นานเกินไป เธอก็จะต้องคิดนานอีกแน่ๆ! ช่วงเวลาทองของผู้ชายนั้นยาวนานมาก เมื่อฟู่เยี่ยนฉือได้รับใบหย่าแล้วก็ยังคงเป็นหนุ่มโสดรูปงามที่ใคร ๆ ก็หมายปอง แต่ตัวเองนั้นน่าเวทนา ผู้หญิงที่เคยมีลูก อายุมาก บวกกับประวัติที่ไม่ได้มีเกียรติแบบนี้ ใครจะไปเต็มใจที่จะต้องการเห็นฟู่เยี่ยนฉือที่ถือมีดและส้อมชะงักมือเล็กน้
ระหว่างทาง โจวซือเจ๋อที่กำลังพูดถึงเรื่องสนุกต่างๆที่พวกเขาสามคนโตมาด้วยกันเป็นต่อยหอย แต่ไม่มีสักคำที่จะพูดเข้าหูฟู่เยี่ยนฉือเลยเมื่อได้มาถึงบริษัท แม้แต่คำร่ำลาเขาก็ไม่ให้โจวซือเจ๋อเป็นรางวัลเลยด้วยซ้ำ เดินตรงไปขึ้นลิฟต์สำหรับผู้บริหารโดยเฉพาะเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนของบริษัท“ประธานฟู่ คดีเกี่ยวกับการละเมิดของบริษัทกั๋วจิ้น คุณยังจะต้องการที่จะหาทนายเพิ่มอีกสองสามคนไปช่วยจัดการเรื่องนี้อีกไหมครับ?”เลขาเคาะประตู เข้ามาส่งเอกสารให้พอดี “ได้ยินว่า อีกฝ่ายได้เชิญทนายชื่อดังระดับโลกมาด้วยครับ”ฟู่เยี่ยนฉือยกมือขึ้นประคองแว่นตาขอบทอง ไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย เขาหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อด้านล่างของเอกสาร “ไม่ต้อง เรื่องกฎหมายรอให้ทนายเซี่ยกลับมา เป็นหน้าที่รับผิดชอบของเธอทั้งหมด”“ทนายเซี่ยใกล้จะกลับมาสำนักงานใหญ่แล้วเหรอครับ?” พอคุณเลขาได้ฟัง น้ำเสียงเมื่อครู่ที่ดูมีความกังวลอยู่บ้าง ทันใดนั้นก็มลายหายไปในทันที “งั้นก็เยี่ยมเลยครับ กั๋วจิ้นจะต้องแพ้คดีนี้แน่!”เขาไม่ได้พูดโม้โอ้อวดเกินจริงแม้แต่น้อย คดีใหญ่สำคัญ ๆ ที่ตระกูลฟู่มีส่วนเกี่ยวข้องในช่วงหลายปีมานี้ ตราบใดที่
เมื่อเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของลูกสาวที่เต็มไปด้วยความอิดโรยบนใบหน้านั้น สุดท้ายเจิ้งชิวจือก็ทำได้แต่ถอนหายใจยาว“ขอโทษนะลูก มันเป็นความผิดของแม่เอง ที่ทำให้ลูกต้องเดือดร้อนไปด้วย!”เธอเองก็รู้ว่าตัวเองไม่ควรไปปลูกฝังเรื่องการกลัวผู้ชายให้ลูกสาวบ่อย ๆ สุดท้ายแล้วไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องแต่งงานอยู่ดี แต่เธอก็แค่กลัว! กลัวว่าลูกสาวจะสับสนจนโดนทำร้ายให้เจ็บปวดอีก!“เดือดรงเดือดร้อนอะไรกันคะ รอแม่ผ่าตัดสำเร็จแล้ว คุณหมอบอกว่าไม่แน่ว่าแม่อาจลุกจากเตียงเดินได้ปกติก็ได้! พอถึงตอนนั้นแม่ต้องทำเกี๊ยวให้หนูด้วยนะ หนูอยากกินแล้วเนี่ย”“ได้เลยจ้า” เจิ้งชิวจือพยักหน้า ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ “แล้วแฟนของลูก ให้เขาเข้ามาเถอะ แม่อยากเจอสักหน่อย”สวี่ชิงฮวนชะงักไปชั่วครู่ แล้วหันหน้าหนีไปหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาเริ่มปอกด้วยความร้อนตัว “เขายุ่งมาก มีเรื่องที่บริษัทเยอะแยะเลย”“พ่อของลูกในตอนนั้นก็เป็นแบบนั้นแหละ”“แม่!” เธอขัดจังหวะเบา ๆ “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนเขานี่คะ”อย่างน้อยสัญชาตญาณก็บอกสวี่ชิงฮวนว่า ฟู่เยี่ยนฉือไม่ใช่คนแบบนั้นพอคำพูดนี้เข้าหูเจิ้งชิวจือ ยิ่งฟังดูเหมือนลูกสาวกำลังแก้ต่างแทนแฟนตัว