“แล้วคุณล่ะค่ะ จับฉันได้แบบนี้ คุณจะลงโทษฉันอย่างไรเอ่ย?” หญิงสาวแกล้งถาม สองมือเล็กลูบไล้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งแถวๆ ขอบสะเอว บ้างก็ล่วงล้ำลงไปในขอบกางเกงแต่แล้วก็รีบดึงออกมาอย่างตกใจ ประกายในดวงตาไหววูบและหวาดหวั่น จนต้องรีบเคลื่อนกลับขึ้นไปสะกิดกระดุมเสื้อจนมันหลุดออกจากรังดุมเกือบจะหมด ให้ได้สัมผัสถึงกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเต็มๆ สองมือ ไรขนเส้นเล็กๆ ที่ขึ้นประปรายบนอกกว้างสากระคายมือสร้างความปั่นป่วนให้ได้ไม่น้อยเหมือนกัน
“แล้วเธออยากให้ฉันลงโทษยังไงล่ะแม่ตัวแสบ” เทพกานต์เอ่ยถาม แล้วคราวนี้เขาก็ไม่ยอมพลั้งเผลอไปกับความสวยงามที่คอยเย้ายวนชวนให้หลงใหลอีกแล้ว มือใหญ่เคลื่อนไหวไปตามผิวกายเนียนนุ่มส่วนที่อยู่นอกตัวผ้า ริมฝีปากหนาขบเม้มติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า
“อืม...เอาอย่างนี้ดีไหมคะ” ดวงตาคมหลิ่วนิดๆ อย่างที่คิดว่าเซ็กซี่และยั่วเย้าอารมณ์ปรารถนาในกายหนุ่มให้ลุกโชนได้ง่ายๆ
“กว่าที่หลินจะกลับมาร้องเพลงที่นี่อีกก็เป็นวันศุกร์โน่นแน่ะ หลินคงจะแบบว่าคิดถึงรสจูบของคุณมากมายจนนอนไม่หลับแน่”
“แล้ว?” เทพกานต์ถามอย่างไม่เข้าใจว่าแม่นักร้องสาวตัวร้ายต้องการจะสื่ออะไร
“ก็เอาเป็นเรานัดเจอกันตอนเย็นๆ ไงคะ แต่พรุ่งนี้กับมะรืนก็ยังไม่ได้อยู่ดี ต้องเป็นวันพุธ ไม่รู้ว่าคุณจะ...” นลินถามยิ้มๆ เพราะมีแผนที่จะทำให้เทพกานต์ถึงกับร้อนเป็นไฟอีกครา และคราวนี้...เสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมดังจากลำคอระหง
“แน่ใจว่าเธอยังต้องการที่จะเจอฉันอีก ไม่กลัวหรือว่าฉันจะ...”
“ไม่กลัวเลยค่ะ” นลินตอบกลับทันทีโดยที่เทพกานต์ยังถามไม่ทันจบประโยคดี “เพราะว่า...” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงยิ้มๆ ศีรษะทุยโน้มเล็กน้อยไปจนริมฝีปากอวบอิ่มประทับบนหน้าผากกว้างและไล่ลงมาตามสันจมูกจนเกือบจะสัมผัสกับริมฝีปากหนาร้อนที่เผยอรอรับอยู่แล้วก็รีบเบือนหนีพร้อมกับหัวเราะเสียงใสและนุ่ม
“ฉันก็มีพิษสงพอตัวเหมือนกัน ถ้าหากฉันไม่ยอม คุณก็นอนกับฉันไม่ได้”
“หือ...ดูเธอจะแน่ใจเสียเหลือเกินนะหลิน แน่ใจหรือว่าถ้าฉันเอาจริง เธอจะสู้แรงฉันได้น่ะ” ไม่เพียงแค่ถาม มือใหญ่ยังเคลื่อนไปลูบไล้ลำขาเสลาและสอดแทรกเข้าไปบีบนวดต้นขาเนียนนุ่ม รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าคมคร้าม เมื่อแม่สาวจอมยั่วตัวแสบสะดุ้งและสั่นสะท้านขึ้น เพียงแค่เขาแตะต้องส่วนอ่อนไหวนิดหน่อยก็สั่นสะท้านไหวเหมือนกิ่งไผ่ไหวตามพายุลมแรงแล้ว อย่างนี้หรือจะมาต่อกรกับเขา เทพกานต์คิดเข้าข้างตัวเองอย่างลืมไปว่าเมื่อครู่ยังโดนดีอยู่เลย
ใบหน้าคมคร้ามโน้มไปประทับจุมพิตบนลาดไหล่กว้าง ขบเคลื่อนขึ้นไปซุกไซ้ซอกคอระหงอย่างเชื่องช้า ในขณะที่ปลายมือใหญ่ก็เคลื่อนไหวเข้าหาเรือนกายอ่อนไหวที่เพียงแค่ใช้เข่าแทรกระหว่างสองขาเรียวยาวก็เปิดเผยเนินสวาทโหนกนูนกับสายตาและมือใหญ่ได้แตะต้อง
“อือ...” นลินถึงกับไหววูบ เสียวสยิวไปทั่วกายา สองขาเรียวยาวถึงกับจิกเกร็ง จิกปลายเล็บไปบนแผ่นหลังกว้างกับสัมผัสบางเบาสลับหนักหน่วงที่เคลื่อนไหวอยู่กึ่งกลางเรือนกาย หัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็ว
ไม่นะนลิน...อย่ายอมผู้ชายคนนี้ง่ายๆ ซิ นึกถึงความเจ็บปวดเจ็บช้ำที่รมย์นลินต้องเจอจนทนไม่ไหวหนีหายไปจากโลกนี้ซิ เธอจะยอมเป็นแบบนั้นอีกหรือไงกัน ฟันขาวสะอาดขบเม้มจนกรามนูนเด่นขึ้นมา ริมฝีปากขบกัดจนห้อเลือด ในสมองก็พยายามคิดหาทางเอาตัวเองให้รอดพ้นจากเหตุการณ์ชวนระทึกและชวนให้เสียตัวอยู่แบบนี้
“แค่ฉันถูกนิดแตะหน่อยเธอก็สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้ว อย่างนี้น่ะหรือจะสู้ฉันไหว” เทพกานต์ทอดเสียงยาว ขบเม้มจุมพิตร้อนผ่าวไปบนใบหน้านวลเนียน มือใหญ่เคลื่อนไหวไปมาบนกลีบกายเนียนนุ่ม ผ่านเนื้อผ้าบางเบาที่ปกปิดเนินเนื้อโหนกนูนเอาไว้ไม่มิด แล้วความปวดร้าวในเรือนกายที่ถูกเข่าเล็กกระแทกก็แปรเปลี่ยนเป็นปวดร้าวและหิวกระหายในความต้องการทางอารมณ์
“ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้นะคะ” นลินกัดฟันตอบ สองมือเรียวโอบรอบกายใหญ่ ลูบไล้กล้ามเนื้อแข็งแกร่งสลับกับจิกทึ้งพัวพันเส้นผมนุ่ม ริมฝีปากเผยออ้ารอรับจุมพิตที่กำลังเดินทางไปจนเกือบจะถึงแล้ว
ริมฝีปากสองหนุ่มสาวประกบกัน ปลายลิ้นเล็กๆ ยื่นออกมาทักทายปลายลิ้นสากระคายที่ซอกซอนไปตามไรฟันและกระพุ้งแก้มนุ่ม เรือนกายโปร่งบางสั่นสะท้านไหวกับสัมผัสบางเบาประดุจขนนกที่เคลื่อนไหวอยู่บนเนินสวาท อีกทั้งปลายยอดถันนูนเด่นที่มันชูชันบดเบียดเสียดสีกับอกกว้างล่ำสัน
เทพกานต์ขบเม้มจุมพิตร้อนผ่าวเคลื่อนลงมาจนถึงเนินบัวตูมเต่งตึง ดวงตาคมเหลือบขึ้นไปมองด้านบน ดวงตาสองคู่สบกัน คู่หนึ่งเป็นประกายหวาดหวั่นและหวาดกลัว แต่เหมือนกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ เพราะในหัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวง
เทพกานต์อมยิ้ม แล้วอย่างนี้น่ะหรือที่แม่นักร้องตัวแสบจะหลุดรอดเงื้อมมือเขาไปได้ สงสัยว่าจะเล่นตัวให้ตามติดเสียมากกว่า แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างนี้ทำให้รักมีรสชาติมากยิ่งขึ้น ขัดขืนหรือทำร้ายเขาเมื่อไหร่จับได้ก็ลงโทษให้ลุกจากเตียงไม่ขึ้นไปเสียเลย
รอยยิ้มหวานนุ่มแต่งแต้มบนวงหน้าคมคร้าม ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดเนินเนื้อสล้างขาว พร้อมกับฟันขาวสะอาดดึงคีบเอาตัวเสื้อที่ปกปิดความสวยงามออกไปอย่างเชื่องช้า แต่ดวงตาไม่คลาดคลาจากวงหน้าสวยเลยแม้แต่น้อยก่อนจะเข้าครอบครองปลายยอดทรวงสีเข้มและนุ่ม เพียงแค่ริมฝีปากหนาได้สัมผัสกับปลายยอดทรวงเท่านั้นเอง ความหวานนุ่มและหอมกรุ่นก็ซึมเข้าทั้งจมูกและปาก พร้อมกับ...
ปึก!! ปึก!!
หมัดหนักๆ ตรงเข้าที่เบ้าตาก่อนจะตามมาอีกหมัดที่ปากกึ่งจมูกทำเอาเทพกานต์ถึงกับนอนนับดาวไปเลยทีเดียว
นลินรีบดึงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ผุดรอยยิ้มหยามหยันตรงมุมปากข้างหนึ่ง ในดวงตากลมโตที่กำลังส่องประกายมีร่องรอยขบขันและสาแก่ใจ
‘ผู้ชายอย่างคุณโดนแค่นี้มันยังน้อยไปนะเทพกานต์ คุณยังต้องเจออีกเยอะ ฉันไม่ยอมให้คนที่ทำให้รมย์นลินที่สวย น่ารักและสดใสตายไปจากโลกนี้โดยไม่เอาคืนไม่ได้เด็ดขาด’
“ทีนี้คุณก็รู้แล้วใช่ไหมคะคุณเทพกานต์ขา...ถ้าฉันไม่ยอมคุณก็นอนกับฉันไม่ได้” มือเล็กยกขึ้นตบใบหน้าคมคร้าม และคราวนี้ก็ไม่ประมาทให้ชายหนุ่มจับได้ เพราะรู้ดีว่าโทษทัณฑ์ที่จะได้รับคงหนักหนาจนเธอรับแทบไม่ไหว
หญิงสาวรีบลุกและก้าวถอยหลังไปหยิบกระเป๋าด้วยยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปาก ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งซ่อนไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องอย่างแนบเนียน ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่เห็น มือเล็กเรียวเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาเสื้อคลุมตัวยาวประมาณเข่ามาสวมใส่แทนการเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเทพกานต์ เพราะรู้ว่าเป็นการเสี่ยงจนเกินไปแม้อยากจะทำก็ตามที เลยเลือกที่จะเดินออกจากห้องไป โดยที่สายตาไม่คลาดจากร่างหนาใหญ่ที่นอนมึนงงอยู่ เพราะฤทธิ์หมัดหนักๆ ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบกระดาษทิชชู่ใส่หมายเลขโทรศัพท์กับห้องที่นัดหมายให้ชายหนุ่มไปพบในวันพุธที่จะถึง
“อ้าว...แกจะมายืนอึ้งบื้อใบ้กินอยู่ทำไมล่ะเจ้าเทพ แกเป็นคนทำให้เขาเป็นแบบนี้เองนะ”“ผม...ผมนี่หรือครับแม่เป็นคนทำ แม่เอาอะไรมาพูด” เทพกานต์โวยวายเสียยกใหญ่“หลินเป็นอะไรหรือคะท่านประธาน” รมย์นลินเริ่มที่จะอยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว พร้อมความกังวลกับอาการที่เป็นอยู่ ทำงานก็ไม่ถนัดเท่าไหร่ คอยแต่จะวิงเวียนศีรษะและเหม็นโน่นนี่ตลอด แต่นั่นก็ยังไม่กับความรู้สึกของคนรักไม่ได้นอนกอดเธอเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาก็หม่นหมอง หน้าตาดำคล้ำ ขอบตาลึกโบ๋ จนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ถ้าเกิดเป็นเดือนอย่างที่จิราพรพูดละก็...เทพกานต์ได้เป็นบ้าแน่“อยากรู้ก็ให้เทพพาไปตรวจซิ จะได้รับยามาทานด้วย อะไรที่ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง เธอยิ่งชอบบุกลุยตะบี้ตะบันไม่สนใจใครอยู่ด้วย หลังจากนี้คงจะได้ดูแลตัวเองมากขึ้น”รมย์นลินยิ่งมึนงงกับคำพูดของแม่สามี“แม่ครับ หลินเป็นอะไร แม่บอกมาเถอะครับถ้ารู้ อย่าให้เราสองคนต้องเป็นกังวลมากกว่านี้เลยนะครับ”เทพกานต์ส่งเสียงอ้อนวอน เขาเป็นห่วงรมย์นลินจนจะบ้าแล้ว แม่ยังจะพูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
เช้ามาหุงหาอาหารใส่บาตร ทำความสะอาดบ้านจนสะอาดเอี่ยมอ่อง จัดการเรื่องราวในบ้านได้อย่างละเอียดและรอบคอบ ถึงขนาดว่านุจรีที่ไม่เคยเอ่ยปากชมใครยังยอมยกนิ้วให้ กลางวันก็ไปทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต บางวันข้าวตอนเที่ยงก็แทบจะไม่ตกถึงท้อง กว่าจะกลับบ้านได้ก็ค่ำมืดดึกดื่นแต่แม้จะเหนื่อยและเพลียขนาดไหนหญิงสาวก็ไม่เคยที่จะท้อแท้และหมดกำลังใจ บทบาทในการเป็นแจ๋วให้แม่เขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง หน้าที่บนเตียงนอนเขาก็ยังเร่าร้อนเป็นไฟเช่นเดิม เพิ่งจะมีก็เกือบจะอาทิตย์กว่าๆ นี่แหละที่รมย์นลินกลับบ้าน พร้อมท่าทางอิดโรยเหมือนคนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก่อนจะนอนก็มีอาการแปลกๆ อยากกินส้มเปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาบ้างล่ะ อาเจียนจนหมดไส้หมดพุงบ้างล่ะ แต่ที่เขาโคตรจะหงุดหงิดและโกรธจนควันออกหูนั่นก็คือ...“เทพไปไกลๆ เลย ใช้น้ำหอมบ้าอะไรน่ะ เหม็นจะตายชัก”แขนใหญ่ยกขึ้นดมดอมอย่างงงๆ เพิ่งจะออกจากห้องน้ำแท้ๆ ตัวก็ยังไม่ได้เช็ด แป้งก็ยังไม่ได้ประ แล้วจะเอาเวลาไหนไปใช้น้ำหอมกันล่ะ“ฉันยังไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยนะหลิน”“แล้วกลิ่นอะไรล่ะ เหม็นจะตาย ไปไกลๆ เลย”ไม่เพียงแค่พูดแต่สองมือเล็กยังผลักไสให้ออกจากห้องนอนด้วย โคตรจะหงุดหงิดและโม
“หลินเป็นห่วงกลัวแม่เหนื่อย เลยบังคับให้ผมพามาช่วยงานน่ะครับ ตอนนี้เธออยู่ข้างนอกครับ กำลังสั่งงานพนักงานอยู่” เทพกานต์ตอบใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างดีใจที่วันนี้แม่ถามถึงเมียรักที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมขึ้นมาท่ามกลางความตกใจของพนักงานซึ่งกำลังทำงานกันจนตัวเป็นเกลียว ตอนนั้นคนที่อยู่ด้วยก็ดันไม่ใช่เขาแต่เป็นมารดา กว่าเขาจะรู้ว่าหญิงสาวไม่สบายก็เป็นเวลาค่ำแล้วแม้ว่าเรื่องนั้นจะเกิดมาได้นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลาถึงหกเดือนแล้ว แต่เขายังคิดเหมือนกับเพิ่งจะเกิดขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง มารดาโกรธและรับไม่ได้กับสิ่งที่รมย์นลินและเขาได้กระทำไว้ แม่ด่าเขาชนิดที่ว่าหูชาอย่างไม่เห็นเป็นลูก เพราะไม่เคยเลี้ยงให้เขาเป็นผู้ชายรังแกผู้หญิง เป็นคนเห็นแก่ได้และมักมาก แต่ก็อภัยเพราะลูกก็คือลูก แต่สำหรับรมย์นลินแม้จะทำตัวดีแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอทำไว้ก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากจิราพรอยู่ดีเขายังจำภาพที่หญิงสาวนั่งหน้าซีด ดวงตากลมโตหวานอมโศกเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและสำนึกในความผิดที่ได้กระทำไว้“หลินกราบขอโทษท่านประธานนะคะที่ทำลายความรักความเอ็นดูและหวังดีที่มีให้ หวังว่าท่านประธานจะใจกว้าง ยอมยกโทษให้คนที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ ยอมให
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นวางมือบนมือใหญ่และนั่งลงบนตักกว้าง สองแขนโอบรอบลำคอแข็งแกร่งและหันหน้าไปหาชายหนุ่มอีกคนที่ทำอย่างเดียวกับเพื่อนรักของเธอ แต่ดูจะมากกว่า ด้วยสองมือใหญ่ที่รั้งสองแก้มนุ่มและดึงรั้งให้โน้มไปหาใบหน้าคมคร้ามที่รอรับจุมพิตเร่าร้อนและวาบหวาม เห็นแล้วก็ปั่นป่วนในช่องท้องจนต้องหันมามองเทพกานต์ตาปรอย นิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นบีบจมูกเล็กโด่งเบาๆ “เอาไว้ค่อยจูบตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองดีกว่าหลิน เดี๋ยวฉันระงับใจไม่ไหวยืมห้องเจ้าฉัตรรักเธอแล้วจะยุ่ง” “บ้าจริงเชียวเทพนี่ คนอะไรหน้าไม่อาย” มือเล็กยกขึ้นทุบอกกว้างเบาๆ กระไอร้อนไล่ขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายสู่สองพวงแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว “จะอายทำไม ก็คนมันรักมันคิดถึงนี่นา” “เมื่อกี้คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” รมย์นลินเอ่ยถามเสียงนุ่ม มองเทพกานต์สลับกับฉัตรจักรก่อนจะไล่ไปหาแพรพนัสที่นั่งเขินหน้าแดงจนต้องซุกใบหน้ากับลำคอกว้าง จากที่ยังมีความกังวลในวันที่ได้รู้ว่าแพรพนัสยอมอยู่กินกับฉัตรจักร แต่มาถึงวันนี้ ได้เห็นเพื่อนรักมีความสุข เธอก็พลอยดีใจด้วย หวังเพียงฉัตรจักรจะรักและมั่นคง เติมเต็มความรักให้กับแพรพนัสอย่างเต็มที่ สัญญาจากใจที่จะไม่เอ
“ตอบ...ตอบแล้ว” รมย์นลินรีบบอกโดยไว ริมฝีปากห่ออู้ สะโพกขยับส่ายตอบรับเสาเข็มที่ตอกลงมาช้าๆ เนิบนาบและมั่นคง “ฉัน...ฉันกับรินเราเป็นคนเดียวกัน” เพราะรู้ดีว่าบทลงโทษเธอคงไม่หยุดเพียงแค่เพลิงพิศวาสบทนี้แน่ ตอบช้าเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งแย่ ตอบเร็วอาจจะดีหน่อยคงพอมีเวลาได้พักทำใจใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้มกว้างแทบจะฉีกถึงใบหู สะโพกสอบจุ่มจ้วงโถมเพลิงเสน่หาใส่กายนุ่มอย่างอ่อนโยนแต่ถี่รัว เพื่อให้รางวัลแก่คนน่ารักที่ยอมบอกความจริงเขามันพวกละโมบและโลภมาก ใจก็คงจะโลเลไม่น้อย ถึงได้ชอบอรินธวัชและรักรมย์นลิน ที่เมื่อรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคนเดียวกัน...เป็นคนที่เขารักสุดใจอีกด้วย ที่ตอนนี้ความสุขโอบรอบจนรู้สึกเหมือนกับโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ก็ยังมีอีกสิ่งที่ยังต้องได้รู้และในเดี๋ยวนี้ด้วย“หลินจ๋า...รักฉันหรือเปล่าคนดี”“รัก...รักมาก รักที่สุด”ในเมื่อรัก...ทำไมถึงทำร้ายกัน ตอนนี้มาให้ความหวังแล้วยังจะทิ้งไปอีก เทพกานต์ก็ไม่ยอมให้ความอยากรู้ค้างคาอยู่นาน “รักฉันแล้วทำร้ายฉันทำไม”“ทั้งรัก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น นายทำฉันเจ็บมากนะ ทำให้ฉันหมดอนาคต ทำให้ฉันช้ำใจ เกือบจะถูกคนข่มเหงอีก อย่างนี้แล้วนายจะให้ฉันเ
“นาย...จะทำอะไร…เทพ”“แค่อยากรู้ เธอเอาสมองที่ไหนมาคิดเรื่องร้ายๆ พวกนี้”“จากความเจ้าเล่ห์ของนายและ...อ่านจากหนังสือเอา”“หืม...” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันเจ้าเล่ห์ขนาดปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชายหน้าหวานได้ด้วย”รมย์นลินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ใจแกว่งๆ เมื่อคิดว่าเรื่องอรินธวัชแตกแล้ว แต่...เป็นไปได้ยังไงกันล่ะ “นายพูดเรื่องอะไรเทพ...ฉันไม่รู้เรื่อง” สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอพิษนิ้วร้อนผ่าวที่จัดการร่ายมนตร์สวาทใส่ทรวงอกสล้าง“คำถามฉันไม่เห็นจะยากเลยนะหลิน...แค่บอกความจริงมา เธอกับอรินธวัชเป็นอะไรกัน ก็แค่นั้น มันยากนักหรือไง”คำถามง่ายๆ แต่ตอบยากสำหรับเธอนะสิ! ใช่! ก็โดนชุดใหญ่ ไม่ใช่ก็...ได้โดนบีบจนคอหมุนได้รอบกันล่ะแม้จะโดนศึกหนักเล่นงานสมองเลยทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เพราะคิดไว้แล้ววันหนึ่งจะต้องเจอกับคำถามนี้ ใบหน้าสวยหวานจึงมีรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายได้กระชุ่มกระชวยและใจเต้นแรง“เรื่องแค่นี้เอง รินก็เป็นผู้ชายที่แปลงเพศแล้วไง ฉันกับรินเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมล่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้“แน่ใจน่ะว่าตอบฉันอย่างนี้...รมย์นลิน” เทพกานต์ถามพร้อมหัวเราะกลั้วคอ กายใหญ่เริ่มขยับเคลื