แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่าง หวังกุยหลันนั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้เก่าๆ ในห้องตรวจคนไข้ของตระกูลหวัง นางกำลังพยายามทำความเข้าใจตำราแพทย์จีนโบราณที่วางอยู่ตรงหน้า ปัญหาของนางตอนนี้ก็คือตัวอักษรเหล่านี้เป็นอักษรโบราณ และยังต้องฝึกการจับพู่กันอีก นี่ก็ไม่ได้ใช้ของแบบนี้มานานมาก ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งจะคิดถึงปากกา ดินสอและแท็ปแล็ตมากขนาดนี้
“ฉันอยากได้ปากกาของฉัน”
หญิงบ่นพึมพำ พลางขยี้ตาไปมานึกถึงวีรกรรมในห้องตรวจที่เผลอหยิบปากกาของพยาบาลมาใช้อยู่เสมอ ตอนนี้คงเป็นเพราะกรรมตามสนอง เธอไม่มีปากกาใช้ แค่ปากกายังไม่มีเลย!
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"เข้ามา" หวังกุยหลันตอบรับ พลางจัดท่านั่งให้เรียบร้อย พลันประตูเปิดออก และคนที่ก้าวเข้ามาทำให้หวังกุยหลันแทบสำลักน้ำลายตัวเอง
"คุณชายเจียงไห่ถัง!" อุทานออกมาอย่างตกใจไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่ไม่อยากเจออย่างนี้
ชายหนุ่มรูปงามยิ้มบางๆ พลางคำนับ “คุณหนูกุยหลัน ข้าหวังว่าจะไม่ได้รบกวนท่าน"
หวังกุยหลันรีบลุกขึ้นยืน แต่เผลอสะดุดชายกระโปรงตัวเองจนเซไปชนโต๊ะ ทำให้ขวดยาหลายใบกลิ้งตกพื้น
"โอ๊ะ! ระวังขอรับ!" เจียงไห่ถังรีบเข้ามาช่วยประคอง
หวังกุยหลันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย "ขอบคุณ... เอ่อ... ท่านมาหาข้ามีธุระอันใดหรือ?"
เจียงไห่ถังยิ้มอย่างเขินอาย "ความจริงแล้ว ข้ามีปัญหาที่อยากปรึกษาท่าน"
"ปัญหา? ปัญหาอะไรหรือ?" หวังกุยหลันถามอย่างระแวง คิดในใจ
'อย่าบอกนะว่าเขาจะมาสารภาพรัก!'
"คือว่า..." เจียงไห่ถังพูดเสียงเบา "ข้า... ข้าเป็นโรคนอนกรน"
หวังกุยหลันทำตาปริบๆ ทบทวนที่เขาพูดมาแล้วก็ถามออกไปอีกครั้ว
" อาการนอนกรนหรือ?"
"ใช่ขอรับ" เจียงไห่ถังพยักหน้า สีหน้าเศร้าสร้อย "มันทำให้ข้าไม่กล้านอนใกล้ใคร กลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของผู้อื่น โดยเฉพาะ... คู่หมั้นของข้า"
หวังกุยหลันถอนหายใจโล่งอก 'ดีแล้ว เขาไม่ได้มาสารภาพรัก’ ถึงจะหน้าตาดีแค่ไหนนางก็ไม่ได้มีความคิดที่จะแย่งเขามาจากน้องสาวเหมือนอย่างเจ้าของร่างเดิม
"อา... อาการนอนกรนนี่รักษาได้นะ" นางพูดอย่างมั่นใจ “การนอนกรนมีหลายระดับ กรนธรรมดา ไม่อันตราย เพราะไม่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย ผู้ป่วยไม่เดือดร้อน เพราะไม่มีผลกระทบต่อตัวผู้ป่วยเองมากนัก และกรนอันตรายมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย นอกจากจะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างแล้ว ถ้าผู้ป่วยไม่รักษา อาจมีอาการง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน ทำให้เรียนหรือทำงานได้ไม่เต็มที่ นอกจากนั้นจะมีอัตราเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอื่นๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตในปอดสูง โรคหลอดเลือดในสมอง ผู้ป่วยอาจมีอายุสั้น อยู่ได้ไม่นาน โดยเฉพาะถ้าดัชนีหยุดหายใจและหายใจแผ่วเบา”
หญิงสาวร่ายยาวถอดตำราเรียนในโลกปัจจุบันมาเกือบหมด คนฟังได้แต่ทำหน้างุนงงไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดออกมาสักคำ หวังกุยหลันเพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ไม่โลกปัจจุบันแล้ว เธอกระแอมไอเล็กน้อยแล้วพยายามนึกถึงที่คุณปู่เคยสอน
“เอาอย่างนี้ คุณชายมีอาการหลับยาก หงุดหงิด เบื่ออาหารอ่อนเพลียหรือไม่”
เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ “แม่นางพูดออกมาข้าก็เพิ่งสังเกตว่าเป็นเช่นนั้นจริง”
“ขอข้าจับชีพจรคุณชายหน่อย” เธอเชิญให้เขานั่ง ว่ากันตามจริงเธอจับชีพจรแบบพื้นฐานได้แต่ยังไม่สามารถตรวจในระดับลึกได้ ถ้ามีสเต็ตโทสโคป (Stethoscope) หรือหูฟังหมออยู่กับตัว เธอจะยังวิเคราะห์ได้แม่นยำกว่า แต่เอาเถอะ ตอนนี้ไม่มีเครื่องมือ เธอต้องทำตามสัญชาตญาณ
หญิงสาวสงบใจและทำตามที่ปู่เคยสอน ครู่หนึ่งก็ดึงมือกลับแล้วขอให้คุณชายเจียงไห่ถังอ้าปาก
“อ้ากว้างๆ ขอดูลิ้นของคุณชายด้วย”
ชายหนุ่มมีท่าทีเก้อเขินก่อนทำตามที่สั่ง หวังกุยหลันพยักหน้าอย่างพอใจแล้วให้เขาปิดปากได้
“ระยะนี้คุณชายมีเรื่องให้วิตกกังวลใจใช่หรือไม่”
“เอ่อ เป็นเช่นนั้นจริง”
“ชีพจรซี่ซู่เกิดจากไตอินพร่อง หยางหัวใจมากเกินไป ใช้น้ำดับไฟ ให้ไตและหัวใจทำงานประสานกัน ต้องปรับสมดุลบำรุงม้ามกระเพาะ บำรุงเลือดหล่อเลี้ยงเสิน เพื่อให้อาการคงที่ ข้าสามารถเขียนเทียบยาให้คุณชายได้ แต่เรื่องการฝั่งเข็มนั้น...เอ่อ เอาเป็นว่าคุณชายลองกินยาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตน ลดการดื่มสุรารสแรง หลังกินอาหารให้เดินย่อย ดื่มน้ำอุ่นละลายเสมหะและพักผ่อนให้เพียงพอ เวลานอนอย่าให้มีสิ่งรบกวนจะช่วยคุณชายได้มาก”
“ข้าไม่คิดว่าการนอนกรนจะบ่งบอกว่าร่างอ่อนแอถึงเพียงนี้”
“ร่างกายสะสมความเครียดและเหนื่อยล้าไว้มาก”
เจียงไห่ถังยิ้มกว้าง "ขอบคุณมากขอรับ คุณหนูกุยหลัน ข้าจะทำตามคำแนะนำของท่านทุกอย่าง"
“ผมไม่รู้” เขาส่ายหน้าไปมา “ผมเปิดหนังสือเล่มนี้ไม่รู้กี่ร้อยครั้งก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บางทีอาจเป็นคุณที่ต้องเปิดมัน”“ฉัน...”“ถ้าคุณอยากกลับนะ” เขาถอนหายใจเบาๆ “ได้ยินว่าคุณกับคู่หมั้นของน้องสาว...”“ไม่ใช่เสียหน่อย” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ “นั้นมันเรื่องของเจ้าของร่างนี้ต่างหาก”“ผมไม่รู้ว่าเราจะกลับไปได้ไหม แต่ก็อยากลองดู” โอวหยางฮุ่ยค่อยยิ้มออกมาได้ “แต่เราต้องทิ้งทุกอย่างที่นี่กลับไปในปี2025”หญิงสาวกวาดตามองโดยรอบแล้วคลี่ยิ้มออกมา “ฉันคิดว่า...ฉันเข้าใจที่คุณปู่อยากให้ฉันสานต่อแพทย์แผนจีนแล้ว ท่านอยากให้ฉันเป็นหมอที่ดี บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ฉันมาที่นี่”“ถ้าคุณไม่มีอะไรติดค้างที่นี่...เราลองเปิดตำราเล่มนั้นดูไหม ถ้าได้กลับก็ดี ไม่ได้กลับก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงอยู่ในร่างโอวหยางฮุ่ยก็ไม่ได้แย่”หวังกุยหลันหัวเราะออกมา เธอผ่อนคลายลงมากแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าจับมือเขาอยู่จึงดึงมือตัวเองออกมา“ร่างนี้ก็ไม่ได้แย่ แต่อยากกลับบ้านมากกว่า”“ไม่ต้องห่วงนะ ถ้า...ถ้ากลับไม่ได้ ผมก็อยู่เป็นเพื่อนคุณ”“คุณไม่โกรธฉันเหรอที่ต้องมาติดแหงกในโลกนี้เพราะฉัน”เขายักไหล่แล้วส่งยิ้มทะเล้น “ก็มาแล้วจะให้
“คุณชาย....ท่านเป็นใครกันแน่ เหตุใดข้าพบท่านบ่อยเหลือเกิน ท่านคงว่างงานมากสินะ”ชายหนุ่มหัวเราะร่วนอารมณ์ดี สตรีนางนี้ไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ สมแล้วที่...เป็นที่หมายตาและ... "หากข้าบอกว่า...ข้าไม่ใช่คนธรรมดาล่ะ?"นางจ้องหน้าเขาแล้วฉีกยิ้มยียวน “แล้วถ้าข้าบอกว่าข้าไม่ใช่คนธรรมดาล่ะ”‘เพราะข้าเองก็ทะลุมิติมาจากปีค.ศ.2025’“หรือท่านเจ็บป่วยเป็นโรคประหลาดหรือโรคที่พูดกับผู้อื่นไม่ได้” นางกวาดตามองชายตรงหน้า เขารูปร่างสูงใหญ่สวมชุดเรียบๆ แต่ตัดเย็บประณีตสีเข้ม นางเพิ่งสังเกตว่าชายผู้นี้ก็มีใบหน้าหล่อเหลาไม่น้อย ถ้าเป็นยุคปัจจุบันคนผู้นี้ก็เป็นดารานักแสดงได้สบายๆเลยทีเดียว“เหตุใดเจ้าคิดเช่นนั้น”“ท่านมาทดสอบข้าหลายครั้งแล้วมิใช่รึ” นางเบ้ปากใส่ “คนป่วยที่รักษายากที่สุดก็คือคนป่วยที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย”โอวหยางฮุ่ยกระแอมไอ “หากเจ้ารู้แล้ว เจ้าจะลองรักษาข้าดูหรือไม่”“ข้าไม่ได้ตรวจร่างกายท่าน ไม่ทราบอาการ จะรู้ได้อย่างไรว่ารักษาได้หรือไม่” คราวนี้นางตอบจริงจัง“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะให้รถม้าไปรับคุณหนูมาที่จวนของข้า”“ได้ ข้าจะรอ”รถม้าเรียบหรูประเมินด้วยสายตาก็รู้ว่าเป็นรถม้าชั้นดี หวังกุ
หลิวเสี่ยวเฟยเชิดหน้า "แน่นอน ข้าเป็นถึงบุตรสาวของอดีตหมอหลวง ไม่เหมือนใครบางคนที่โชคดีได้ตำแหน่งมาแบบไม่น่าเชื่อ"บรรยากาศรอบข้างเริ่มตึงเครียด ทุกคนต่างหันมามองการเผชิญหน้าของสองสาวโอวหยางฮุ่ยยิ้มมุมปาก "คุณหนูหลิว ข้าว่าท่านอิจฉาความสามารถของคุณหนูกุยหลันหรือไม่?"หลิวเสี่ยวเฟยหน้าแดงก่ำ "อิจฉา? ฮึ! ข้าแค่สงสัยว่านางใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรถึงได้ชนะการแข่งขัน"หวังกุยหลันกำลังจะตอบโต้ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น"กรี๊ด! งูงู!"เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังลั่นทุกคนหันไปมอง เห็นงูเขียวตัวใหญ่เลื้อยอยู่บนพื้น มุ่งหน้ามาทางกลุ่มของหวังกุยหลัน"ช่วยด้วย!" หลิวเสี่ยวเฟยร้องเสียงหลง พยายามปีนขึ้นไปยืนบนโต๊ะใกล้ๆ แต่โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะวางขนม พอหลิวเสี่ยวเฟยกระโดดขึ้นไป มันก็พังครืนลงมา ทำให้ขนมและน้ำชากระเด็นเปรอะเปื้อนไปทั่ว โดยเฉพาะบนร่างของหญิงผู้ก่อเหตุอย่างคุณหนูหลิว หวังกุยหลันมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ แต่แล้วนางก็สังเกตเห็นบางอย่าง"เดี๋ยวก่อน..." นางพูดเสียงดัง "นั่นไม่ใช่งูจริงนี่!"นางก้มลงหยิบ "งู" ตัวนั้นขึ้นมา มันเป็นแค่เชือกผ้าไหมสีเขียวที่หลุดมาจากชุดของใครบางคน ทุกคนอ้าปากค้
"ท่านรู้ได้อย่างไร?" หวังกุยหลันทวนคำ “หรือท่านเป็นคนทำ!”"หึ" โอวหยางฮุ่ยเบ้ปากแล้วยกมือขึ้นกอดอก "เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก"หวังกุยหลันขมวดคิ้ว "อุบัติเหตุ?"โอวหยางฮุ่ยยิ้มกริ่ม "ย่อมเป็นเช่นนั้น "หวังกุยหลันคร้านจะพูดจากับเขาอีก นางหันไปสนใจคนเจ็บอ้าตรวจจนมั่นใจว่าไม่มีส่วนใดแตกหักหรือบอบช้ำภายใน“เจ้ารู้หรือไม่ว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัว” โอวหยางฮุ่ยเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม“ข้าเป็นหมอ จะไม่ให้แตะเนื้อต้องตัวได้อย่างไร” นางเลิกคิ้วเป็นท้าทายแล้วหันไปเขียนเทียบยาให้คนเจ็บที่ได้สติแล้ว“น่าสนใจ” ชายหนุ่มพูดแล้วเดินเข้าไปใกล้ หวังกุยหลันขยับตัวถอยห่างทำให้บุรุษหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม นางกลับเชิดใบหน้าขึ้นแล้วเอ่ย“ท่านไม่รู้รึว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัว”โอวหยางฮุ่ยหัวเราะลั่นไม่เคยมีสตรีใดกล้าต่อปากต่อคำเขาเช่นนี้มาก่อน "โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องประหลาด คุณหนูกุยหลัน ข้าชอบท่านมากจริงๆ"หญิงสาวได้อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เขาพูดทิ้งไว้ไร้คำอธิบายแล้วก็หมุนตัวเดินปะปนกับชาวบ้านหายไปจากสายตานาง‘ประหลาด! เจ้านั้นแหละคนประหลาด!’แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างห
"หา!?" ลุงหลี่อุทาน "แต่ถ้าข้าไม่ดื่มเหล้า แล้วใครจะร้องเพลงให้ข้าฟังล่ะ?"หวังกุยหลันได้แต่ส่ายหน้า "ลุงหลี่..."บ่ายวันนั้น ขณะที่หวังกุยหลันกำลังจัดยาให้คนไข้คนสุดท้าย จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก"หลีกทาง! หลีกทางด้วย!" เสียงตะโกนดังขึ้นประตู โรงหมอเปิดผางออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มรูปงามในชุดขุนนาง"คุณชายเจียงไห่ถัง!" หวังกุยหลันอุทานด้วยความประหลาดใจเจียงไห่ถังเดินเข้ามาในโรงหมอสีหน้าดูกระวนกระวายใจ "คุณหนูกุยหลัน ข้ามีเรื่องด่วนต้องปรึกษาท่าน!"หวังกุยหลันรีบลุกขึ้น "มีอะไรหรือเจ้าคะ? ท่านดูไม่ค่อยสบายเลย"เจียงไห่ถังมองซ้ายมองขวา ก่อนจะกระซิบ "ข้า... ข้ามีปัญหาเรื่องการนอน"หวังกุยหลันเลิกคิ้ว "อาการนอนกรนของท่านกลับมาอีกหรือ?""ไม่ใช่!" เจียงไห่ถังส่ายหน้า "คราวนี้ข้า... ข้าฝันประหลาด""ฝันประหลาด?" หวังกุยหลันทวนคำ "ประหลาดอย่างไรหรือเจ้าคะ?"เจียงไห่ถังกลืนน้ำลายเอื๊อก "ข้าฝันว่าตัวเองกลายเป็นเป็ด แล้วว่ายน้ำอยู่ในทะเลเต้าหู้"หวังกุยหลันพยายามกลั้นขำ "แล้ว... แล้วมันเป็นปัญหาตรงไหนหรือเจ้าคะ?""ปัญหาคือ..." เจียงไห่ถังทำหน้าเครียด "พอข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็อยากกินแต
หวังกุยหลันมองโอวหยางฮุ่ยด้วยความประหลาดใจ 'เขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน?'"เอาล่ะ" ท่านเจ้าเมืองพูดขึ้น "มาจบพิธีมอบรางวัลกันเถอะ"แต่เมื่อเขาสวมหมวกกลับไป จู่ๆ ก็เกิดอาการคันศีรษะอย่างรุนแรง"โอ๊ย! มันคัน!" ท่านเจ้าเมืองร้องลั่น เกาศีรษะไปมาหวังกุยหลันรีบเข้าไปช่วย "ท่านเจ้าเมือง! ท่านต้องถอดหมวกออกก่อน!"ในที่สุด พิธีมอบรางวัลก็จบลงด้วยภาพของท่านเจ้าเมืองนั่งเกาหัวแปรงๆ หวังกุยหลันกำลังทายาให้ และโอวหยางฮุ่ยยืนอุ้มกบอยู่ข้างๆ ชาวบ้านได้แต่หัวเราะและปรบมือด้วยความขบขันหวังกุยหลันถอนหายใจ คิดในใจ ' นี่มันงานมอบรางวัลหรืองานละครตลกกันแน่?'หลังจากพิธีมอบรางวัลอันวุ่นวาย ท่านเจ้าเมืองได้จัดงานเลี้ยงฉลองชัยให้หวังกุยหลันที่จวนของท่าน บรรดาขุนนางและชาวบ้านชั้นสูงต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง หวังกุยหลันยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ สวมชุดผ้าไหมเนื้อดีสีแดงแสด แต่ใบหน้ายังคงมีรอยสีเขียวจางๆ"ขอแสดงความยินดีด้วย คุณหนูกุยหลัน!" แขกผู้หนึ่งเอ่ยทัก "ท่านสมควรได้รับตำแหน่งหมอหลวงเมืองจริง"หวังกุยหลันยิ้มเขินๆ "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"ทันใดนั้น เสียงโวยวายก็ดังขึ้นจากโต๊