หวังกุ้ยหลัน หมอสาวล้ำทันสมัยถูกแม่บังคับให้เรียนแพทย์แผนจีนโบราณ แล้ววันหนึ่งเธอก็พบตำรายาโบราณที่ทำให้ทะลุมิติย้อนเวลากลับไปเป็นหมอเทวดา เธอต้องรับมือกับโรคประหลาด แถมยังเจอบุรุษตามตื้อไม่เลิก !
ดูเพิ่มเติมณ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนในปักกิ่งยุคปัจจุบัน หญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษาสีขาวนั่งขมวดคิ้วจดจ่อกับตำราเล่มหนาเตอะ ผมยาวสลวยสีดำขลับของนางตกลงมาปรกใบหน้าเรียวงาม
หวังกุยหลัน-ดอกกล้วยไม้ล้ำค่า เป็นชื่อที่คุณปู่ตั้งให้ เธอเติบโตในตระกูลแพทย์แผนจีนดูดซับความสุขุมเยือกเย็นเช่นเดียวกับผู้เป็นปู่ แต่อย่างไรเธอก็เป็นเด็กสาวในโลกที่ก้าวล้ำทันสมัย ปู่หวังให้เธอสืบทอดวิชาแพทย์โบราณของตระกูล แต่เธอเลือกเรียนแพทย์แผนตะวันตก ทำให้ปู่ไม่ยอมพูดกับหลานสาวและเธอก็ไม่ใจอ่อนเข้าไปง้อ ผ่านมาสองปี แม่จึงเป็นฝ่ายเรียกลูกสาวมาคุยปรับความเข้าใจ เธอจึงยอมเรียนแพทย์แผนจีนเป็นวิชาเลือก อย่างน้อยก็ไม่ให้ความรู้ของตระกูลหายไป
หญิงสาวขยับแว่นสายตา ดวงตางดงามไล่อ่านตัวอักษรโบราณ เบื้องหน้าคือตำราแพทย์โบราณล่ำค้าที่เก็บรักษาไว้ที่หอสมุดมหาวิทยาลัย เพราะความเป็นลูกหลานตระกูลหวังทำให้เธอสามารถยืมตำราที่ประเมินค่าไม่ได้เล่มนี้มาเปิดอ่านได้
ลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกผิดต่อคุณปู่ พ่อมีลูกสาวเพียงคนเดียว เธอคือทายาทสกุลหวังแต่ไม่อาจสืบทอดวิชาแพทย์แผนจีนได้ เธอไม่ได้รังเกียจการแพทย์สมัยโบราณหรือการใช้ยาสมุนไพร เธอแค่อยากให้ตัวเองได้รู้จักการรักษาแขนงอื่น และนำศาสตร์นั้นมาประยุกต์ใช้ในการรักษาคนป่วย เพราะคนป่วยคือหัวใจสำคัญในการรักษา
“ถ้าไม่ต้องจำไปสอบ ก็คงไม่ปวดหัวอย่างนี้” หวังกุยหลันบ่นพึมพำพลางเอานิ้วจิ้มไปที่ตัวอักษรจีนโบราณในหน้าหนังสือ เพราะเป็นหนังสือโบราณจึงต้องสวมถุงมือในการสัมผัส ทว่าทันใดนั้น แสงสีทองวาบขึ้นจากตัวอักษร ก่อนจะลุกลามไปทั่วหน้ากระดาษ
“ว้าย! นี่มันอะไรกัน!?"
หญิงสาวเสียงหลง พยายามปัดแสงประหลาดออกจากตัวแต่มันกลับแผ่ขยายจนห่อหุ้มร่างบอบบาง เสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นราวกับฟ้าร้อง ตามด้วยแรงดูดมหาศาล ราวกับเกิดพายุหมุน หนังสือปลิวว่อนในอากาศ หวังกุ้ยหลันหาที่ยึดแต่แรงดึงดูดมีมากเกินไป นิ้วเล็กๆที่จับโต๊ะแน่นเกร็งจนข้อนิ้วขาวซีด
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้!"
หญิงสาวสกุลหวังส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือแต่เธอไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดมหาศาลนั้นได้ ร่างเล็กปลิวคว้างไปตามกระแสลมหอบดูดกลืนร่างเธอไปตำราแพทย์โบราณ!
บรรณารักษ์ได้ยินเสียงหวีดร้องจึงรีบสาวเท้ามาดูแต่กลับพบตำราแพทย์โบราณเก่าที่เปิดอ้าอยู่บนโต๊ะ
“ใครหยิบออกมาแล้วไม่เอาไปส่งคืนนะ” บรรณารักษ์บ่นพึมพำกวาดสายตารอบตัวไม่เห็นมีสิ่งใดผิดปกติ เธอปิดตำราเล่มนั้นแล้วถือกลับไปที่เดิม โดยไม่มีใครรู้ว่านักศึกษาแพทย์คนหนึ่งหายไป!
ความมืดมิดโอบล้อมตัวหวังกุยหลัน หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังตกลงในหลุมดำไร้ก้นบึ้ง เวลาและสถานที่พร่าเลือนจนไม่อาจแยกแยะได้ออกว่าเป็นที่ใด
ตูม!!!!
ร่างของหวังกุยหลันกระแทกพื้นแข็งๆ อย่างจัง ดวงตาสีนิลค่อยๆ ลืมตาขึ้นท่ามกลางความมึนงง พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นไม้ในห้องที่ตกแต่งแบบจีนโบราณ
หือ? นี่มัน...อย่างกับในซีรีย์ย้อนยุคเลย
“แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหน?” เจ้าของร่างเล็กพึมพำพลางลุกขึ้นนั่งสำรวจรอบตัว ตู้โต๊ะเก้าอี้ หน้าต่าง ชั้นว่างของ และเตียงที่นอนอยู่นี้ ....ทันใดนั้นเสียงหวานใสของหญิงสาวก็ดังขึ้นเรียกสายตาของเธอให้หันไปมอง
"คุณหนูกุยหลันเจ้าคะ ถึงเวลาตื่นแล้วนะเจ้าคะ"
หวังกุยหลันอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
คุณหนู!? นี่มัน... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่!?
คราวนี้เธอมองซ้ายมองขวา ที่นี่ดูแปลกประหลาดไปหมด เมื่อครู่เธออยู่ในห้องสมุดมหาวิทยาลัยแพทย์ แล้วเกิดลมพายุหมุนในห้องสมุด จู่ๆก็โผล่มาอยู่ที่นี่ได้ แล้วตอนนี้ยังอยู่ในสถานที่ที่ดูเก่าแก่อย่างยิ่งอีกด้วย หวังกุยหลันรีบลุกพรวดขึ้นยืน แต่ด้วยความไม่คุ้นชินกับร่างใหม่ จึงเซไปชนโต๊ะเครื่องแป้งจนของระเนระนาดตกพื้น
“โอ๊ย!”
ทำไมร่างนี้มันอ่อนแรงขนาดนี้ แค่ทรงตัวยังแทบไม่มีแรง สาวใช้ในชุดฮั่นฝูสีชมพูอ่อนวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเจ้าคะ? ได้ยินเสียงดังมาก” สาวใช้ถามพลางมองสำรวจความเสียหายรอบห้อง
หวังกุยหลันกวาดตามองคนที่วิ่งเข้าแล้วก็อ้าปากค้างนิ่งนานไปชั่วอึดใจแล้วพูดออกมา
“เอ่อ... ฉัน... ข้า... แค่ตื่นสาย... ใช่! ตื่นสาย เลยรีบลุกจนเซไปชนโต๊ะน่ะ”
เล่นตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน
สาวใช้ทำหน้างุนงง
“คุณหนูพูดแปลกประหลาดนะเจ้าคะ แล้วนี่จะแต่งตัวไหมเจ้าคะ? ฮูหยินรอพบอยู่ที่โถงกลางแล้ว”
“แต่งตัว? อ๋อ! ใช่ๆ”
หวังกุยหลันพยักหน้าหงึกๆ สาวใช้รีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหยิบชุดฮั่นฝูไหมเนื้อดีสีแดงสดออกมา
"ชุดนี้เหมาะกับวันนี้นะเจ้าคะ"
หวังกุยหลันมองชุดด้วยความงุนงง ไม่รู้จะสวมใส่อย่างไร เธอไม่เคยใส่ชุดโบราณเต็มยศมาก่อน จึงยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น สาวใช้เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาช่วย
“คุณหนู วันนี้ไม่สบายหรือเจ้าคะ? ปกติไม่เคยใช้บ่าวช่วย”
“ฉัน เอ่อ ข้าไม่ค่อยสบาย เจ้าช่วยข้าหน่อยก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
ขณะที่สาวใช้กำลังช่วยสวมชุดกระโปรงหลายชั้น หวังกุยหลันก็พลันนึกขึ้นได้
“เอ่อ...ชื่อของข้า...”
สาวใช้ชะงัก มองหน้าคุณหนูด้วยความตกใจ “คุณหนูล้อข้าเล่นหรือเจ้าคะ? ท่านชื่อหวังกุยหลันไงเจ้าคะ”
“อ๋อ! ใช่ๆ ข้าล้อเจ้าเล่นน่ะ” หวังกุยหลันหัวเราะแห้งๆ พลางคิดในใจ
‘ฉันหวังกุ้ยหลันทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหวังกุ้ยหลัน ชื่อแซ่เดียวกันเหรอ?’
เมื่อแต่งตัวเสร็จ หวังกุยหลันก็มองตัวเองในกระจก เห็นใบหน้างดงามแบบสาวจีนโบราณสะท้อนกลับมา นี่เธอมองได้ชัดแบบไม่ต้องใส่แว่นสายตาด้วย
“โอ้โห! นี่ข้าสวยขนาดนี้เลยเหรอ”
หญิงสาวหลุดอุทานออกมา สาวใช้หัวเราะคิกคัก
“คุณหนูล้อเล่นอีกแล้ว ท่านงดงามที่สุดในเมืองนี้อยู่แล้วนี่เจ้าคะ”
“ผมไม่รู้” เขาส่ายหน้าไปมา “ผมเปิดหนังสือเล่มนี้ไม่รู้กี่ร้อยครั้งก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บางทีอาจเป็นคุณที่ต้องเปิดมัน”“ฉัน...”“ถ้าคุณอยากกลับนะ” เขาถอนหายใจเบาๆ “ได้ยินว่าคุณกับคู่หมั้นของน้องสาว...”“ไม่ใช่เสียหน่อย” หญิงสาวแยกเขี้ยวใส่ “นั้นมันเรื่องของเจ้าของร่างนี้ต่างหาก”“ผมไม่รู้ว่าเราจะกลับไปได้ไหม แต่ก็อยากลองดู” โอวหยางฮุ่ยค่อยยิ้มออกมาได้ “แต่เราต้องทิ้งทุกอย่างที่นี่กลับไปในปี2025”หญิงสาวกวาดตามองโดยรอบแล้วคลี่ยิ้มออกมา “ฉันคิดว่า...ฉันเข้าใจที่คุณปู่อยากให้ฉันสานต่อแพทย์แผนจีนแล้ว ท่านอยากให้ฉันเป็นหมอที่ดี บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ฉันมาที่นี่”“ถ้าคุณไม่มีอะไรติดค้างที่นี่...เราลองเปิดตำราเล่มนั้นดูไหม ถ้าได้กลับก็ดี ไม่ได้กลับก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงอยู่ในร่างโอวหยางฮุ่ยก็ไม่ได้แย่”หวังกุยหลันหัวเราะออกมา เธอผ่อนคลายลงมากแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่าจับมือเขาอยู่จึงดึงมือตัวเองออกมา“ร่างนี้ก็ไม่ได้แย่ แต่อยากกลับบ้านมากกว่า”“ไม่ต้องห่วงนะ ถ้า...ถ้ากลับไม่ได้ ผมก็อยู่เป็นเพื่อนคุณ”“คุณไม่โกรธฉันเหรอที่ต้องมาติดแหงกในโลกนี้เพราะฉัน”เขายักไหล่แล้วส่งยิ้มทะเล้น “ก็มาแล้วจะให้
“คุณชาย....ท่านเป็นใครกันแน่ เหตุใดข้าพบท่านบ่อยเหลือเกิน ท่านคงว่างงานมากสินะ”ชายหนุ่มหัวเราะร่วนอารมณ์ดี สตรีนางนี้ไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ สมแล้วที่...เป็นที่หมายตาและ... "หากข้าบอกว่า...ข้าไม่ใช่คนธรรมดาล่ะ?"นางจ้องหน้าเขาแล้วฉีกยิ้มยียวน “แล้วถ้าข้าบอกว่าข้าไม่ใช่คนธรรมดาล่ะ”‘เพราะข้าเองก็ทะลุมิติมาจากปีค.ศ.2025’“หรือท่านเจ็บป่วยเป็นโรคประหลาดหรือโรคที่พูดกับผู้อื่นไม่ได้” นางกวาดตามองชายตรงหน้า เขารูปร่างสูงใหญ่สวมชุดเรียบๆ แต่ตัดเย็บประณีตสีเข้ม นางเพิ่งสังเกตว่าชายผู้นี้ก็มีใบหน้าหล่อเหลาไม่น้อย ถ้าเป็นยุคปัจจุบันคนผู้นี้ก็เป็นดารานักแสดงได้สบายๆเลยทีเดียว“เหตุใดเจ้าคิดเช่นนั้น”“ท่านมาทดสอบข้าหลายครั้งแล้วมิใช่รึ” นางเบ้ปากใส่ “คนป่วยที่รักษายากที่สุดก็คือคนป่วยที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย”โอวหยางฮุ่ยกระแอมไอ “หากเจ้ารู้แล้ว เจ้าจะลองรักษาข้าดูหรือไม่”“ข้าไม่ได้ตรวจร่างกายท่าน ไม่ทราบอาการ จะรู้ได้อย่างไรว่ารักษาได้หรือไม่” คราวนี้นางตอบจริงจัง“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะให้รถม้าไปรับคุณหนูมาที่จวนของข้า”“ได้ ข้าจะรอ”รถม้าเรียบหรูประเมินด้วยสายตาก็รู้ว่าเป็นรถม้าชั้นดี หวังกุ
หลิวเสี่ยวเฟยเชิดหน้า "แน่นอน ข้าเป็นถึงบุตรสาวของอดีตหมอหลวง ไม่เหมือนใครบางคนที่โชคดีได้ตำแหน่งมาแบบไม่น่าเชื่อ"บรรยากาศรอบข้างเริ่มตึงเครียด ทุกคนต่างหันมามองการเผชิญหน้าของสองสาวโอวหยางฮุ่ยยิ้มมุมปาก "คุณหนูหลิว ข้าว่าท่านอิจฉาความสามารถของคุณหนูกุยหลันหรือไม่?"หลิวเสี่ยวเฟยหน้าแดงก่ำ "อิจฉา? ฮึ! ข้าแค่สงสัยว่านางใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรถึงได้ชนะการแข่งขัน"หวังกุยหลันกำลังจะตอบโต้ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น"กรี๊ด! งูงู!"เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังลั่นทุกคนหันไปมอง เห็นงูเขียวตัวใหญ่เลื้อยอยู่บนพื้น มุ่งหน้ามาทางกลุ่มของหวังกุยหลัน"ช่วยด้วย!" หลิวเสี่ยวเฟยร้องเสียงหลง พยายามปีนขึ้นไปยืนบนโต๊ะใกล้ๆ แต่โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะวางขนม พอหลิวเสี่ยวเฟยกระโดดขึ้นไป มันก็พังครืนลงมา ทำให้ขนมและน้ำชากระเด็นเปรอะเปื้อนไปทั่ว โดยเฉพาะบนร่างของหญิงผู้ก่อเหตุอย่างคุณหนูหลิว หวังกุยหลันมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ แต่แล้วนางก็สังเกตเห็นบางอย่าง"เดี๋ยวก่อน..." นางพูดเสียงดัง "นั่นไม่ใช่งูจริงนี่!"นางก้มลงหยิบ "งู" ตัวนั้นขึ้นมา มันเป็นแค่เชือกผ้าไหมสีเขียวที่หลุดมาจากชุดของใครบางคน ทุกคนอ้าปากค้
"ท่านรู้ได้อย่างไร?" หวังกุยหลันทวนคำ “หรือท่านเป็นคนทำ!”"หึ" โอวหยางฮุ่ยเบ้ปากแล้วยกมือขึ้นกอดอก "เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงมือข้าหรอก"หวังกุยหลันขมวดคิ้ว "อุบัติเหตุ?"โอวหยางฮุ่ยยิ้มกริ่ม "ย่อมเป็นเช่นนั้น "หวังกุยหลันคร้านจะพูดจากับเขาอีก นางหันไปสนใจคนเจ็บอ้าตรวจจนมั่นใจว่าไม่มีส่วนใดแตกหักหรือบอบช้ำภายใน“เจ้ารู้หรือไม่ว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัว” โอวหยางฮุ่ยเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม“ข้าเป็นหมอ จะไม่ให้แตะเนื้อต้องตัวได้อย่างไร” นางเลิกคิ้วเป็นท้าทายแล้วหันไปเขียนเทียบยาให้คนเจ็บที่ได้สติแล้ว“น่าสนใจ” ชายหนุ่มพูดแล้วเดินเข้าไปใกล้ หวังกุยหลันขยับตัวถอยห่างทำให้บุรุษหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม นางกลับเชิดใบหน้าขึ้นแล้วเอ่ย“ท่านไม่รู้รึว่าชายหญิงไม่ควรแตะเนื้อต้องตัว”โอวหยางฮุ่ยหัวเราะลั่นไม่เคยมีสตรีใดกล้าต่อปากต่อคำเขาเช่นนี้มาก่อน "โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องประหลาด คุณหนูกุยหลัน ข้าชอบท่านมากจริงๆ"หญิงสาวได้อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เขาพูดทิ้งไว้ไร้คำอธิบายแล้วก็หมุนตัวเดินปะปนกับชาวบ้านหายไปจากสายตานาง‘ประหลาด! เจ้านั้นแหละคนประหลาด!’แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างห
"หา!?" ลุงหลี่อุทาน "แต่ถ้าข้าไม่ดื่มเหล้า แล้วใครจะร้องเพลงให้ข้าฟังล่ะ?"หวังกุยหลันได้แต่ส่ายหน้า "ลุงหลี่..."บ่ายวันนั้น ขณะที่หวังกุยหลันกำลังจัดยาให้คนไข้คนสุดท้าย จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก"หลีกทาง! หลีกทางด้วย!" เสียงตะโกนดังขึ้นประตู โรงหมอเปิดผางออก เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มรูปงามในชุดขุนนาง"คุณชายเจียงไห่ถัง!" หวังกุยหลันอุทานด้วยความประหลาดใจเจียงไห่ถังเดินเข้ามาในโรงหมอสีหน้าดูกระวนกระวายใจ "คุณหนูกุยหลัน ข้ามีเรื่องด่วนต้องปรึกษาท่าน!"หวังกุยหลันรีบลุกขึ้น "มีอะไรหรือเจ้าคะ? ท่านดูไม่ค่อยสบายเลย"เจียงไห่ถังมองซ้ายมองขวา ก่อนจะกระซิบ "ข้า... ข้ามีปัญหาเรื่องการนอน"หวังกุยหลันเลิกคิ้ว "อาการนอนกรนของท่านกลับมาอีกหรือ?""ไม่ใช่!" เจียงไห่ถังส่ายหน้า "คราวนี้ข้า... ข้าฝันประหลาด""ฝันประหลาด?" หวังกุยหลันทวนคำ "ประหลาดอย่างไรหรือเจ้าคะ?"เจียงไห่ถังกลืนน้ำลายเอื๊อก "ข้าฝันว่าตัวเองกลายเป็นเป็ด แล้วว่ายน้ำอยู่ในทะเลเต้าหู้"หวังกุยหลันพยายามกลั้นขำ "แล้ว... แล้วมันเป็นปัญหาตรงไหนหรือเจ้าคะ?""ปัญหาคือ..." เจียงไห่ถังทำหน้าเครียด "พอข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็อยากกินแต
หวังกุยหลันมองโอวหยางฮุ่ยด้วยความประหลาดใจ 'เขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน?'"เอาล่ะ" ท่านเจ้าเมืองพูดขึ้น "มาจบพิธีมอบรางวัลกันเถอะ"แต่เมื่อเขาสวมหมวกกลับไป จู่ๆ ก็เกิดอาการคันศีรษะอย่างรุนแรง"โอ๊ย! มันคัน!" ท่านเจ้าเมืองร้องลั่น เกาศีรษะไปมาหวังกุยหลันรีบเข้าไปช่วย "ท่านเจ้าเมือง! ท่านต้องถอดหมวกออกก่อน!"ในที่สุด พิธีมอบรางวัลก็จบลงด้วยภาพของท่านเจ้าเมืองนั่งเกาหัวแปรงๆ หวังกุยหลันกำลังทายาให้ และโอวหยางฮุ่ยยืนอุ้มกบอยู่ข้างๆ ชาวบ้านได้แต่หัวเราะและปรบมือด้วยความขบขันหวังกุยหลันถอนหายใจ คิดในใจ ' นี่มันงานมอบรางวัลหรืองานละครตลกกันแน่?'หลังจากพิธีมอบรางวัลอันวุ่นวาย ท่านเจ้าเมืองได้จัดงานเลี้ยงฉลองชัยให้หวังกุยหลันที่จวนของท่าน บรรดาขุนนางและชาวบ้านชั้นสูงต่างมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง หวังกุยหลันยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ สวมชุดผ้าไหมเนื้อดีสีแดงแสด แต่ใบหน้ายังคงมีรอยสีเขียวจางๆ"ขอแสดงความยินดีด้วย คุณหนูกุยหลัน!" แขกผู้หนึ่งเอ่ยทัก "ท่านสมควรได้รับตำแหน่งหมอหลวงเมืองจริง"หวังกุยหลันยิ้มเขินๆ "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"ทันใดนั้น เสียงโวยวายก็ดังขึ้นจากโต๊
"ท่านเจ้าเมือง" หวังกุยหลันถาม "ท่านมีอาการอย่างไรบ้างหรือ?"ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจ "ข้ามีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง มึนงง และคลื่นไส้ มันเป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว"หลิวเสี่ยวเฟยรีบพูด "ข้าทราบแล้ว! ท่านคงเป็นไข้หวัดใหญ่แน่ๆ ข้าจะปรุงยาสมุนไพรแก้ไข้ให้ท่านเดี๋ยวนี้"แต่หวังกุยหลันกลับสังเกตบางอย่าง "เดี๋ยวก่อน... ท่านเจ้าเมือง ข้าขออนุญาตตรวจดูใกล้ๆ หน่อยนะเจ้าคะ"นางเข้าไปใกล้และสังเกตอย่างละเอียด "ท่านเจ้าเมือง... ท่านสวมหมวกใบนี้ตลอดเวลาหรือเจ้าคะ?"ท่านเจ้าเมืองพยักหน้า "ใช่ มันเป็นหมวกประจำตำแหน่งของข้า ข้าต้องสวมมันตลอดเวลาที่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน"หวังกุยหลันพยักหน้าเข้าใจ "ข้าขออนุญาตถอดหมวกของท่านหน่อยนะเจ้าคะ"ท่านเจ้าเมืองดูลังเล แต่ก็ยอมให้นางถอดหมวก ทันทีที่หมวกถูกถอดออก ทุกคนก็อุทานด้วยความตกใจ"โอ้! ศีรษะของท่านเจ้าเมือง!" หลิวเสี่ยวเฟยร้องลั่นบนศีรษะของท่านเจ้าเมืองมีรอยแดงและผื่นคันเต็มไปหมดหวังกุยหลันยิ้มบาง "ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเจ้าเมือง ท่านแพ้วัสดุที่ใช้ทำหมวกนี่เอง การสวมมันตลอดเวลาทำให้มีเหงื่อไหลและเกิดอาการแพ้ และนั่นเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวและมึนงงของท่าน"ท่านเจ้าเม
หวังกุยหลันขมวดคิ้ว เดินเข้าไปหาฮูหยินหลิน "ฮูหยินหลิน ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?"ฮูหยินหลินยกมือปิดจมูก "ข้า... ข้ารู้สึกคันจมูกมาก และจามไม่หยุด แต่ผื่นที่หน้าก็หายไปแล้วนะ"หวังกุยหลันสังเกตใกล้ๆ แล้วก็พบสาเหตุ นางหยิบอะไรบางอย่างออกจากชายแขนเสื้อของฮูหยินหลิน"นี่ไงล่ะ" หวังกุยหลันชูสิ่งที่หยิบมาให้ทุกคนดู "เกสรดอกไม้! ฮูหยินหลินคงแพ้เกสรดอกไม้"ทุกคนอ้าปากค้าง หลิวเสี่ยวเฟยทำหน้าเจื่อน"แต่... แต่นั่นมันมาจากไหนกัน?" หลิวเสี่ยวเฟยถามอย่างงุนงงฮูหยินหลินตาโต "อ๋อ! ข้านึกออกแล้ว ก่อนมาที่นี่ ข้าเดินผ่านสวนดอกไม้ คงมีเกสรปลิวมาติดเสื้อข้า"หวังกุยหลันยิ้ม "เห็นหรือไม่? นี่แหละคือเหตุผลที่เราต้องสังเกตและถามคนไข้ให้ละเอียด ไม่ใช่แค่ทายาตามตำราอย่างเดียว"ผู้คนรอบข้างพากันปรบมือชื่นชม หลิวเสี่ยวเฟยได้แต่ยืนอึ้ง ไม่รู้จะพูดอะไร"เอาล่ะ" หวังกุยหลันพูด "ข้าจะให้ยาแก่ฮูหยินหลิน แล้วอาการจามก็จะหายไป"ขณะที่หวังกุยหลันกำลังจัดยาให้ฮูหยินหลิน หลิวเสี่ยวเฟยก็เดินจากไปด้วยความโมโห"รอดูเถอะ หวังกุยหลัน!" หลิวเสี่ยวเฟยพูดกับตัวเอง "รอบสุดท้าย ข้าจะต้องเอาชนะเจ้าให้ได้!"หวังกุยหลันได้ยินคำพูดนั
"ประเดี๋ยวก่อน... ท้องของลุงหลี่ดูบวมผิดปกตินะ"นางเข้าไปใกล้ๆ และสังเกตอย่างละเอียด "และกลิ่นนี้... มันคือกลิ่นเหล้า!"ทุกคนเงียบกริบ ลุงหลี่หยุดดิ้นและมองหวังกุยหลันด้วยสายตาตื่นตระหนก"ลุงหลี่" หวังกุยหลันพูดเสียงเข้ม "ท่านดื่มเหล้าเข้าไปใช่หรือไม่?"ลุงหลี่ทำหน้าเจื่อน "อา... ข้าแค่ดื่มนิดหน่อยเพื่อฉลองที่หายจากการปวดท้อง""นิดหน่อย?" หวังกุยหลันยกคิ้ว "ท่านดื่มไปกี่ขวดกันแน่?"ลุงหลี่กลืนน้ำลายเอื๊อก "สาม... สามขวด"เสียงฮือฮาดังขึ้นจากผู้ชม หลิวเสี่ยวเฟยอ้าปากค้าง"ลุงหลี่!" หวังกุยหลันตำหนิ "โรคปวดกระเพาะของท่านมันไม่หายไปทันที ต้องดูแลรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง แล้วดื่มเหล้าตั้งสามขวดเลยหรือ? แน่นอนว่าท่านต้องปวดท้องสิ!"ลุงหลี่ทำหน้าสำนึกผิด "ข้าขออภัย คุณหนู ข้าแค่ดีใจมากเกินไป"หวังกุยหลันถอนหายใจ "เอาล่ะ ข้าจะรักษาท่านอีกครั้ง แต่คราวนี้ท่านต้องสัญญาว่าจะไม่ดื่มเหล้าอีก"นางหันไปสั่งผู้ช่วย "เอาน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาวมาให้ข้าที"หลังจากให้ลุงหลี่ดื่มยา อาการของเขาก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็วผู้ประกาศตะโกนขึ้น "เยี่ยมมาก คุณหนูกุยหลัน! ท่านไม่เพียงรักษาโรคได้ แต่ยังรู้จักสังเกตแ
ความคิดเห็น