Masukบทที่ 1
ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณสถานบันเทิงหรูอย่างเวฟคลับ เหล่านักเที่ยวต่างเพลิดเพลินอยู่กับแสงสีและการบริการที่ทางร้านจัดให้ คนร่างสูงถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่เห็นร่างเล็กแต่อวบอิ่มที่อยากเจอ คนข้างๆ สังเกตแล้วก็เอะใจ
“คุณคลื่น...มองหาสาวๆ คนไหนหรือเปล่าครับ ผมจะไปจัดการให้” ธเนตร คนสนิทรีบเสนอ หลังเห็นดวงตาแบบนักล่าเหยื่อจากผู้เป็นนาย
“จะบ้าหรือไง กูมองหาไอ้ทศ” ดรัณรีบปฏิเสธเสียงขรึม แล้วมุ่งหน้าเข้าไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งท่ามกลางสาวอวบอึ๋มสองคนที่เขาเห็นอยู่ก่อนตั้งนานแล้ว ก็จะไม่ให้เห็นได้อย่างไรในเมื่อนี่เป็นโต๊ะประจำของเขา ธเนตรฟังแล้วถึงกับเกาหัวแกรก
“อ้าว! ไอ้คลื่น วันนี้มาช้า มาๆ เลือกเอาคนไหนดี” ทศพรทักทายเพื่อนสนิทเสียงเฮฮา แต่กลับถูกเจ้าของคลับตัวจริงฉุดให้ลุกขึ้น “เฮ้ย! จะพากูไปไหนวะ”
“ย้ายที่นั่ง”
“ย้ายทำไมวะ”
“วิวดี”
สั้นๆ แต่ได้ใจความ ดวงตาพราวจับจ้องไปยังเรือนร่างงามในเดรสสีทองเลื่อมระยับ ที่กำลังเสิร์ฟไวน์ให้แขกด้วยท่าทางนุ่มนิ่มแต่ชวนมองอย่างเหลือเชื่อ ในที่สุดเขาก็หาเธอเจอ จนต้องลากเพื่อนย้ายมานั่งในตำแหน่งที่จะเห็นเธอได้ชัดเจน ดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะเห็นเขาแล้วเช่นกัน
ดรัณยกแก้วไวน์ขึ้นเชิงทักทาย ก่อนจะวาดแขนไปบนพนักโซฟาหลังจากสาวสวยข้างกายเดินยักย้ายส่ายสะโพกมานั่งคลอเคลียอย่างรู้งาน
“คุณคลื่นขา วันนี้เข้ามาช้าจัง แซมมี่เง้าเหงา”
“เฮ้ย! มึงย้ายที่นั่งทำไม เล็งใครไว้ บอกกูมา” ทศพรถามอย่างรู้ทัน
“เปล่า” ดรัณกระดกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด น้ำสีแดงรสนุ่มล่วงพ้นลำคอ ซาบซ่านไปทั่วทั้งร่าง ยิ่งมองเธอไปด้วย เขายิ่งรู้สึกร้อนโดยอัตโนมัติ
เธอเมินไปแล้ว เห็นแต่ทำเหมือนไม่เห็น เขายกยิ้มมุมปากกับท่าทีเขินอายทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นสักนิด อยากจะรู้นักว่าจะเล่นตัวอัปราคาได้นานสักแค่ไหน
“เปล่าไรมึง กูเห็นมองน้องคนนั้นตาวาว” ทศพรตาไว รู้จักกันมานานชนิดมองตาก็รู้ใจ “อยากได้มึงก็เรียกสิวะ เป็นเจ้าของคลับซะเปล่า หรือกูต้องเรียกให้มึง”
“น้องเขาไม่ขาย”
“อ๋อ เด็กใหม่น่ะค่ะคุณคลื่นขา สงสัยหาเงินค่าเทอม แต่แบบนี้คงจะโดนหิ้วไปหลายรอบแล้ว” แซมมี่ว่าตามเนื้อผ้า จะมีใครที่ไหนเห็นเงินวางยั่วยวนตรงหน้าแล้วไม่คว้าเอาไว้
“เรียนด้วยหรือ”
“ค่ะ ม.ดัง ซะด้วย สงสัยจะไม่ได้แค่หาค่าเทอมอย่างเดียว คงหาค่าแบรนด์เนมหรูๆ ไว้อวดเพื่อนด้วย” หญิงสาวยิ้มเหยียดพลางยกแก้วไวน์ขึ้นจดริมฝีปากหยักหนาเพื่อเอาใจ
“ชื่ออะไร”
“ไวน์ค่ะ”
“โอ้โห! แค่ชื่อก็ของโปรดมึงแล้วไอ้คลื่น”
จริง!
ดรัณยกยิ้ม นัยน์ตายังจับจ้องไปที่ร่างงาม ทุกอิริยาบถของสาวนักศึกษาไม่รอดพ้นสายตาเขา แม้กระทั่งตอนเธอแอบกลั้นหาวจนน้ำตาคลอ นั่นก็น่ารักดี
เจ้าของเวฟคลับได้แต่มองพลางจิบไวน์ไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจเพื่อนสนิทที่นั่งพล่ามเท่าไร หัวใจมันรุ่มร้อนไปหมด ดูปากอิ่มนั่นสิ แดงเย้ายวน เขาเชื่อว่าจะต้องหวานมากกว่าไวน์ในแก้วนี้แน่นอน
“ไอ้คลื่น มึงนี่ยังไง กูต้องไปเอาน้องมาใส่พานถวายมึงไหม มองขนาดนี้ไม่กินน้องเข้าไปเลยล่ะวะ” ทศพรหัวเราะร่วน ไม่เคยเห็นเพื่อนเสียอาการมากเท่านี้มาก่อน
“ถ้ายอมให้กินก็ดีสิ”
“เล่นตัว” แซมมี่เหยียดยิ้ม
“ไปๆ วันนี้มีอะไรก็ไปทำไป” ดรัณหยิบเงินยัดใส่มือแซมมี่แล้วโบกมือไล่อย่างนึกรำคาญ
“อ้าว! วันนี้คุณคลื่นไม่อยู่กับแซมมี่หรอกหรือคะ แซมมี่อุตส่าห์แว็กซ์มาเซอร์ไพรส์เลยนะ” หญิงสาวว่าเสียงกระเง้ากระงอด
“หูย” คนที่น้ำลายไหลกลายเป็นทศพร
“งั้นมึงเอาไปไอ้ทศ” ดรัณบอกอย่างเบื่อๆ สายตายังจับจ้องที่สาวน้อยร่างอ้อนแอ้นที่เดินอวดโฉมไปมาบนรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว
“อ้าว! คุณคลื่นจะทิ้งแซมมี่ไม่ได้นะคะ แซมมี่ทำอะไรผิดคะ” สาวน้อยโอดครวญ น้ำตาคลอ ไม่ใช่เพียงเงิน แต่ถ้าเธอได้ดรัณมาครองนั่นเท่ากับว่าเธอเด็ดจริงๆ เพราะเขาขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของคลับที่ไม่กินเด็กในร้าน
“กูกลับละ” ร่างสูงผุดลุกขึ้น สายตายังมองสาวชื่อน่ากินทั้งๆ ที่เธอเมินเขาเสียขนาดนั้น
“อ้าว! แล้วมึงไม่เอาน้องคนนั้นไปด้วยเหรอวะ” ทศพรงุนงง
“เอาแน่นอน แต่ไม่ใช่วันนี้!”
เมื่อคืนวันวิวาห์กลับมาก็สลบยันเช้า แม้จะอยากนอนต่อสักเท่าไร แต่เธอไม่เคยได้ทำเช่นนั้นเสียที ภารกิจวันนี้ยังแน่นขนัด หญิงสาวจึงต้องพาตัวเองไปอาบน้ำให้เร็วที่สุด เพียงยี่สิบนาที ร่างเพรียวก็มาแต่งตัวด้วยชุดอยู่บ้านเสื้อย้วยๆ คอกว้างกับกางเกงขาสั้นสีครีม ทว่าแม้เสื้อผ้าจะเก่าแค่ไหน เมื่อมาอยู่บนเรือนร่างของวันวิวาห์ เธอก็ยังดูสวยเปล่งประกายลุคคุณหนูอย่างที่เพื่อนๆ ชอบแซว
หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งบนเตียงนอน เอื้อมมือหมายจะหยิบหนังสือเรียนมาอ่าน ทว่ากลับเห็นกระเป๋าสะพายของตัวเองเสียก่อน หลังจากที่เขาคนนั้นหย่อนนามบัตรไว้ เธอก็ไม่ได้สนใจจะหยิบขึ้นมาดูแม้เพียงสักนิด จะเป็นใครมาจากไหนเธอก็ไม่สนใจ
“อายุคงไม่เกินสามสิบห้า จะหิวอะไรขนาดนั้น!”
คุณพ่อมือใหม่เลี้ยงลูกเป็นคนแรก ความเห่ออย่างมากถึงมากที่สุดทำให้เขาไม่รบกวนภรรยาเวลานอนเลย ชายหนุ่มอาสาลุกมาดูลูกเองยามมีเสียงแอะๆ เกิดขึ้น ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ดรัณผุดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงพุ่งไปเกาะที่เปลสีเขียวอ่อน ดวงตาคมทอดมองลูกน้อยที่ตื่นนอนมามองตาแป๋ว ส่งเสียงร้องไห้จนปากเบะ“โอ๋ๆ ลูกจ๋าเป็นอะไรครับ”มือหนาค่อยๆ ช้อนร่างเล็กจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง แต่มีความเป็นมืออาชีพสูง เพราะชายหนุ่มได้รับการฝึกฝนจากพยาบาลมาแล้วหลายครั้ง เขาเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีคอร์สที่น่าสนใจระหว่างตั้งครรภ์ ชายหนุ่มก็ติดสอยห้อยตามภรรยาไปด้วยทุกครั้ง เป็นที่น่าอิจฉาจนสื่อต่างๆ นำไปลงข่าวในฐานะ ‘สามีแห่งชาติ’ อยู่บ่อยๆ“โอ๋ๆ น้องเบียร์ของปะป๊าเงียบนะครับ เดี๋ยวคุณแม่ตื่น ชู่...” คุณพ่อปลุกปลอบลูกน้อยเสียงเบา แต่หารู้ไม่ว่าคนบนเตียงกลับนอนยิ้มมีความสุข ตาพราวระยับดรัณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เขารู้ว่าเธอเหนื่อยเลี้ยงลูกช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนจึงอาสาช่วยดูลูกแทนแล้วให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ครั้นวันหวานจะอาสามาช่วย ชายหนุ่มก็ไม่ยินยอม เขาบอ
บทส่งท้ายวันวิวาห์ก้าวลงจากรถยนต์พร้อมโอบอุ้มทารกน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตาแป๋วแหววมองผู้เป็นแม่เฉยๆ ไม่ร้องไห้โยเยเลย อย่างมากก็แค่ทำเสียงแอะๆ ตามการเคลื่อนไหว ดรัณก้าวเข้ามายืนเคียงข้างภรรยาสาวที่เพิ่งให้กำเนิดลูกชายสมใจอยาก เขาประคองร่างที่เพรียวบางทันทีที่คลอดลูกเสร็จเดินเข้าไปในบ้าน ที่นั่นมีฉากอลังการรออยู่ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา คฤหาสน์หลังงามพรั่งพร้อมไปด้วยลูกโป่งสีสันสดใสพร้อมป้ายต้อนรับเบบี้เบียร์ ลูกชายที่แค่ชื่อก็คงบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกใคร ริมฝีปากอิ่มงามค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างปลื้มปีติ ทุกคนยืนรอรับเธออยู่เบื้องหน้า“ลูกจ๋า...หนูเป็นที่รักของทุกคนเลยนะ มีคนมาหาหนูเพียบเลย” คุณแม่คนสวยกระซิบบอกลูกน้อยในอ้อมอก กลั้นน้ำตาแห่งความยินดีเอาไว้ไม่ไหว“เป็นอะไรไป” ดรัณหันไปเห็นเมียสาวร้องไห้ก็ตกใจ รีบเอื้อมมาไล้เช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาพร้อมจูบหน้าผากปลอบขวัญ “เป็นอะไรครับคนดีของพี่”“ไวน์แค่ดีใจน่ะค่ะที่มีคนที่ไวน์รักมาต้อนรับลูกของไวน์ แล้วก็นึกถึงตอนคลอดน้องโซดา ตอนนั้นไม่มีใครเลย...”“แม้แต่พ่อคนนี้” กลายเป็นดรัณที่เสียงเศร้าลง“อย่าคิดมากนะคะ ตอนนี้พี่คลื่
“ไวน์ขอบคุณพี่คลื่นมากนะคะที่ดีกับครอบครัวของไวน์ขนาดนี้”“แล้วเรื่องแม่ล่ะ อยากให้พี่ช่วยอะไรไหม”วันวิวาห์ส่ายหน้าช้าๆ แต่กระบอกตากลับร้อนผ่าว เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่สิ่งที่แม่ทำกับเธอนั้น ท่านคงไม่เห็นเธอเป็นลูกด้วยซ้ำ แล้วเธอจะต้องเห็นท่านเป็นแม่อยู่หรือเปล่า“เอาไว้ถ้าท่านเดือดร้อนหนักๆ ไวน์ค่อยช่วยดีกว่าค่ะ” เธอหาทางออกที่ดีที่สุดดรัณพาทุกคนดูห้องนอนส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินลงไปด้านล่าง ที่นั่นชายสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟา ท่านคงความมีสง่าราศีเอาไว้ได้เช่นเมื่อก่อน สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ นับจากวันที่ภรรยาเดินออกไปจากชีวิตพร้อมกับเงินจากการแบ่งสมบัติจำนวนหนึ่ง และเมื่อดรัณบอกว่าจะพาหลานกับเมียเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ท่านก็กลับมากระปรี้กระเปร่ามากขึ้น“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”“ซาหวัดดีค่าจุณปู่” น้องโซดากระพุ่มมือไหว้ ก่อนจะปีนโซฟาขึ้นไปนั่งคลอเคลียราวกับสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน วันวิวาห์มองสายสัมพันธ์ที่เชื่อมสนิทนั้นด้วยรอยยิ้มกระจ่าง“พ่อดีใจนะที่หนูไวน์ตัดสินใจเลือกกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน” ดนุพลทอดสายตามองลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู“หนูคิดไม่ผิดจริงๆ ค่ะ ถ้าหนูยังจมอยู่กับอ
บทที่ 21วันวิวาห์ก้าวออกมาจากห้องนอน เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกก็ต้องชะงักงันเมื่อพบว่าที่บ้านมีแขกมาหาแต่เช้า ไม่สิ...สายแล้วต่างหาก ใบหน้าเรียวสวยแดงระเรื่อ ก้มหน้างุดลงซ่อนใบหน้าแสนอาย คนข้างกายดูเหมือนจะคาดเดาความคิดเธอได้เป็นอย่างดี เขาเอื้อมมากุมมือแล้วพาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน“ตื่นสายเลยนะคะพี่ไวน์” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยแซวยิ้มๆ“แม่จ๋า มะคืนน้องโซดานอนกะพี่เปรี้ยว แม่จ๋านอนกะปะป๊าทำไมไม่ชวนน้องบ้างเยย” ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามานั่งตักแล้วเอ่ยเสียงงอนๆ แต่ลูกรู้ไหมว่าทำให้แม่หน้าร้อนเหมือนถูกอังไฟ“ไว้คืนนี้นะคะน้องโซดา”“ได้ค่า” หนูน้อยว่าง่าย ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งตักผู้เป็นพ่อบ้าง“เอ่อ...พี่ภามกับพรีมมาหาไวน์หรือคะ” วันวิวาห์เอ่ยถามอย่างยากเย็น ด้วยรู้สึกอายต่อสายตาของเพื่อนสนิทและพี่ชายอย่างมาก โดยเฉพาะภามที่เขามีสีหน้าสลดไปทันทีที่เห็นว่าเธอกับดรัณเดินออกมาจากห้องเดียวกัน“พี่กับพรีมเป็นห่วงไวน์ อยากมาถามให้แน่ใจว่า...ทุกอย่างโอเค” ภามว่า ก่อนจะหันไปมองหน้าดรัณ “แต่ก็คงโอเคแล้วแหละเนอะ พี่ดีใจด้วยนะไวน์”“ขอบคุณนะคะพี่ภามที่เป็นห่วง”“ฉันก็ดีใจกับแกนะไวน์ อีกอย่าง...อีนิวเยียร์ก
วันวิวาห์ตอบไม่ถูก ได้แต่กดใบหน้าลงยอมรับความสุขที่รออยู่เบื้องหน้า เพียงเธอเอื้อมมือไปแตะ ทุกๆ อย่างที่มืดมนอนธการก็พลันสว่างไสวดุจท้องฟ้าแต้มสายรุ้งหลังสายฝนหนักหน่วงได้ผ่านพ้นไป“น้องไวน์!”ดรัณโผเข้ากอดร่างงาม วาดแขนแกร่งโอบล้อมเรือนร่างเล็กอีกครั้งอย่างแสนโหยหา กี่ชั่วโมงกี่นาทีกันที่ต้องแยกจาก นับจากวันนี้จะตัวติดกันทุกวัน จะไม่ปล่อยให้เมียห่างหายไปไหนเด็ดขาด ไปไหนก็จะตามไปเฝ้า เขาสัญญากับตัวเองอย่างนั้น ยิ่งกอดยิ่งแสนหวงแหนวันวิวาห์อุ่นวาบในหัวใจ มองเรือนผมดำสนิทที่เขาแนบใบหน้ากับเหนืออกของเธออย่างแสนรัก ดรัณคุกเข่ากอดเธอ ไม่อยากเชื่อจริงๆ บอกตัวเองกี่ครั้งว่าเขาทำแบบนี้จริงๆ แต่ก็อดมองซ้ำอีกครั้งไม่ได้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป เขายอมลงให้เธอ ยอมขอโทษ พร้อมคำสัญญาที่แสนอบอุ่น“ขอบคุณนะคะ คุณสามี”“น้องไวน์ ภรรยาที่รักของพี่คลื่น” ดรัณเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะอดใจไม่ไหวแนบเรียวปากลงกับริมฝีปากอิ่มสวยวันวิวาห์เลื่อนตัวลงจากเก้าอี้หมายจะไปนั่งบนพื้นระดับเดียวกับเขา ทว่าคนตัวโตกลับตวัดเอวบางมานั่งบนตัก แล้วแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คลอเคลียสัมผัสความนุ่มนิ่ม ขบเม้มกลีบปากล่างเบาๆ ก่
บทที่ 20“แม่จ๋า”“หืม...ไม่ง่วงหรือคะ ฟังนิทานจบแล้วนะ” วันวิวาห์ถามลูกน้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆ ทอดสายตามองเจ้าตัวเล็กอย่างแสนเอ็นดู หวงแหนความรู้สึกนี้ ไม่อยากให้โตเลย อยากให้ตัวเท่านี้ ให้แม่ได้กอด ได้กล่อมเข้านอนแบบนี้ทุกคืน“เมื่อไรปะป๊าจะมานอนบ้านเยา มานอนกับน้องโซดา” เด็กหญิงถามเสียงเศร้าวันวิวาห์ฟังคำพูดของลูกแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ได้แค่ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้“น้องโซดารักปะป๊ามากเลยหรือคะ”“ม้ากมากค่า ยักแม่จ๋าเท่าท้องฟ้า ยักปะป๊าเท่าทะเย” หนูน้อยว่าพลางวาดแขนกางกว้าง ผู้เป็นแม่หอมแก้มนุ่มเบาๆ“แม่จ๋าก็รักน้องโซดาเท่าโลกใบนี้เลยนะ”“แล้วปะป๊าไม่ยักน้องโซดาเหยอคะถึงไม่มานอนเล่านิทานให้ฟังเยย” หนูน้อยบ่นเสียงน้อยใจพลางทำหน้ามุ่ย“รักสิคะ ปะป๊าก็รักน้องโซดาเท่าทะเลเหมือนกัน”“ถ้ายัก ปะป๊าต้องมานอนกับเยาที่นี่ นอนกับน้องกับแม่จ๋าด้วย เมื่อไรดีคะ”คำถามของลูกน้อยสร้างความอึดอัดในหัวอกคนเป็นแม่ นี่เธอเป็นแม่หรือเป็นมารขัดขวางความสุข ความสมบูรณ์แบบในครอบครัวของลูกกันแน่ เธอกำลังทำอะไรอยู่“น้องโซดาคะ แม่จ๋าสัญญาว่าจะพาปะป๊ามานอนด้วยกันให้ได้เลย”“เย่! งั้นน้องโซดาหลั







