LOGINวันวิวาห์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้เพียงว่าเธอต้องรอดพ้นจากเงื้อมมือเสี่ยบ้ากามให้เร็วที่สุด จึงมานั่งบีบมือทำตัวลีบเล็กอยู่ภายในรถยนต์ซูเปอร์คาร์คันหรูเคียงข้างเขา เธอแน่ใจว่าเขาไม่ใช่ตำรวจ แต่จะเป็นผู้ร้ายหรือเปล่ายังไม่รู้ได้ จึงได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เป็นหนีเสือปะจระเข้ หัวใจดวงน้อยเต้นระทึกด้วยความกลัว
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย หนู...ขอลงป้ายรถเมล์ข้างหน้านี้เลยค่ะ”
หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้เขาแล้วเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ไม่มั่นใจว่าเขามาดีหรือร้าย มาช่วยหรือชุบมือเปิบกันแน่ เธอแทบจะลืมหายใจด้วยซ้ำขณะลุ้นรอคำตอบจากเขา
“ได้น้อยไปเหรอ”
“อะไรน้อยคะ”
“เสี่ยนั่นให้เท่าไร หนูถึงไม่ไปกับมัน”
คำถามกับใบหน้าเฉยเมยของเขาทำให้เธอหันขวับไปมองตาโต นี่เขาคิดว่าเธอขายตัวอย่างนั้นหรือ และที่ไม่ยอมไปไม่ใช่ปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง แต่เพราะเงินไม่มากพอ วันวิวาห์ลอบถอนหายใจอย่างปลงๆ ครั้นจะเถียงเขาก็คงไม่เชื่อหรอก เขาคงเห็นเธอสวมชุดรัดรูปเต้นโคโยตี้ไปแล้ว
“ช่วยจอดด้วยนะคะ หนูขอลงตรงนี้ค่ะ” เธอย้ำ ไม่ยอมตอบคำถามนั้น เมื่อไตร่ตรองอีกทีก็ไม่แปลกอะไรเลยที่ผู้ชายเที่ยวกลางคืนอย่างเขาจะมองว่าโคโยตี้ขายตัว อาชีพนี้ไม่ได้ดูดีในสายตาใครอยู่แล้ว
“ยังไม่ตอบ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณค่ะ”
ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม การยิ้มของเขาหมายถึงแค่สันกรามได้รูปขยับขึ้นเท่านั้น ดวงตาคมดุมองเธอเพียงครู่หนึ่ง แต่ทำให้หน้าเรียวสวยร้อนวูบวาบได้โดยง่าย เขามองแค่วินาทีเดียวแต่กลับกวาดสายตาไปทั่วทั้งใบหน้า
“อายุเท่าไร ถึงสิบแปดไหม”
“อะไรนะคะ” คนถูกถามตะลึงอีกรอบ
“หนูอายุเท่าไร”
“ยี่สิบสองค่ะ ไม่ได้ผิดกฎหมาย” เธอหมายถึงมาทำงานในผับได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย แต่อีกฝ่ายกลับยกยิ้มแล้วมองตาพราว
“สองหมื่นพอไหม”
“หนูเต้นยั่วตรงไหนคะ ท่าเต้นของหนูไก่กาที่สุดแล้ว”
“ท่าเต้นไม่ยั่ว ขอให้ท่าบนเตียงยั่วก็พอ”
วันวิวาห์เหวอไปพักใหญ่ นึกอยากจะร้องกรี๊ดแต่ก็คงช้าเกินไป คำพูดของเขาดิบเถื่อนจนเธอหน้าเห่อร้อน เมื่อสมองจินตนาการไปสุดกู่ เธอสับสวิตช์ความคิดบ้าๆ ทันที
“ช่วยจอดด้วยนะคะ ถ้าคุณไม่จอด หนูจะกระโดดลงเดี๋ยวนี้ละ” หญิงสาวเกรี้ยวกราด มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเนื้อ ไม่ได้โกรธเขาเท่าไร หากโกรธตัวเองมากกว่าที่ความจำเป็นทำให้ต้องจำยอมทำอะไรแบบนี้ เธอกำลังถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จนวันนี้ถึงกับถูกมองว่าขายบริการแล้ว
“ไปกินข้าวกันไหม” เขาถามเสียงนิ่งๆ รวมถึงใบหน้าหล่อเหลาก็ดูเฉยเมย จนมองไม่ออกว่าเขากำลังพึงพอใจอยากได้เธออยู่
วันวิวาห์โคลงศีรษะ กะพริบตาปริบๆ มองคนช่างตื๊ออย่างไม่เข้าใจ ผู้หญิงในคลับมีมากมาย อะไรจะอยากได้เธอกันขนาดนั้น
“อย่ามองฉันในแง่ร้ายนักสิ” เขาทอดเสียงอ่อน
“หนูไม่หิวค่ะ” พริตตี้สาวปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
เขาหัวเราะในลำคอ ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
“กินข้าวที่หมายความว่ากินข้าว”
“ไม่หิวค่ะ ทั้งข้าวและ...เงิน!”
“ฉันแค่หาเพื่อนกินข้าว” ดรัณว่า ก่อนจะโน้มใบหน้ามากระซิบข้างหูทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น “ถ้าจะกินหนูเมื่อไร ฉันจะบอกตรงๆ”
“คุณ!”
“ฉันบอกตรงๆ ก็ตกใจ บอกอ้อมๆ ก็ไม่ชอบ”
“หนูรีบกลับบ้านค่ะ” เธอบอกเสียงสั่นเป็นแกะน้อยตื่นกลัว
ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะตบไฟเลี้ยวพารถเข้าจอดที่ป้ายรถประจำทางตามการร้องขอ วันวิวาห์รีบปลดเข็มขัดนิรภัย แต่ก่อนที่จะก้าวลง นามบัตรใบเล็กก็ถูกหย่อนลงในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ เธอตวัดสายตามอง ทว่าเขากลับไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่น้อย ดวงตาดุเพียงจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า นั่นทำให้เธอต้องยอมรับนามบัตรโดยปริยาย
คุณพ่อมือใหม่เลี้ยงลูกเป็นคนแรก ความเห่ออย่างมากถึงมากที่สุดทำให้เขาไม่รบกวนภรรยาเวลานอนเลย ชายหนุ่มอาสาลุกมาดูลูกเองยามมีเสียงแอะๆ เกิดขึ้น ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ดรัณผุดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงพุ่งไปเกาะที่เปลสีเขียวอ่อน ดวงตาคมทอดมองลูกน้อยที่ตื่นนอนมามองตาแป๋ว ส่งเสียงร้องไห้จนปากเบะ“โอ๋ๆ ลูกจ๋าเป็นอะไรครับ”มือหนาค่อยๆ ช้อนร่างเล็กจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง แต่มีความเป็นมืออาชีพสูง เพราะชายหนุ่มได้รับการฝึกฝนจากพยาบาลมาแล้วหลายครั้ง เขาเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีคอร์สที่น่าสนใจระหว่างตั้งครรภ์ ชายหนุ่มก็ติดสอยห้อยตามภรรยาไปด้วยทุกครั้ง เป็นที่น่าอิจฉาจนสื่อต่างๆ นำไปลงข่าวในฐานะ ‘สามีแห่งชาติ’ อยู่บ่อยๆ“โอ๋ๆ น้องเบียร์ของปะป๊าเงียบนะครับ เดี๋ยวคุณแม่ตื่น ชู่...” คุณพ่อปลุกปลอบลูกน้อยเสียงเบา แต่หารู้ไม่ว่าคนบนเตียงกลับนอนยิ้มมีความสุข ตาพราวระยับดรัณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เขารู้ว่าเธอเหนื่อยเลี้ยงลูกช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนจึงอาสาช่วยดูลูกแทนแล้วให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ครั้นวันหวานจะอาสามาช่วย ชายหนุ่มก็ไม่ยินยอม เขาบอ
บทส่งท้ายวันวิวาห์ก้าวลงจากรถยนต์พร้อมโอบอุ้มทารกน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตาแป๋วแหววมองผู้เป็นแม่เฉยๆ ไม่ร้องไห้โยเยเลย อย่างมากก็แค่ทำเสียงแอะๆ ตามการเคลื่อนไหว ดรัณก้าวเข้ามายืนเคียงข้างภรรยาสาวที่เพิ่งให้กำเนิดลูกชายสมใจอยาก เขาประคองร่างที่เพรียวบางทันทีที่คลอดลูกเสร็จเดินเข้าไปในบ้าน ที่นั่นมีฉากอลังการรออยู่ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา คฤหาสน์หลังงามพรั่งพร้อมไปด้วยลูกโป่งสีสันสดใสพร้อมป้ายต้อนรับเบบี้เบียร์ ลูกชายที่แค่ชื่อก็คงบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกใคร ริมฝีปากอิ่มงามค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างปลื้มปีติ ทุกคนยืนรอรับเธออยู่เบื้องหน้า“ลูกจ๋า...หนูเป็นที่รักของทุกคนเลยนะ มีคนมาหาหนูเพียบเลย” คุณแม่คนสวยกระซิบบอกลูกน้อยในอ้อมอก กลั้นน้ำตาแห่งความยินดีเอาไว้ไม่ไหว“เป็นอะไรไป” ดรัณหันไปเห็นเมียสาวร้องไห้ก็ตกใจ รีบเอื้อมมาไล้เช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาพร้อมจูบหน้าผากปลอบขวัญ “เป็นอะไรครับคนดีของพี่”“ไวน์แค่ดีใจน่ะค่ะที่มีคนที่ไวน์รักมาต้อนรับลูกของไวน์ แล้วก็นึกถึงตอนคลอดน้องโซดา ตอนนั้นไม่มีใครเลย...”“แม้แต่พ่อคนนี้” กลายเป็นดรัณที่เสียงเศร้าลง“อย่าคิดมากนะคะ ตอนนี้พี่คลื่
“ไวน์ขอบคุณพี่คลื่นมากนะคะที่ดีกับครอบครัวของไวน์ขนาดนี้”“แล้วเรื่องแม่ล่ะ อยากให้พี่ช่วยอะไรไหม”วันวิวาห์ส่ายหน้าช้าๆ แต่กระบอกตากลับร้อนผ่าว เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่สิ่งที่แม่ทำกับเธอนั้น ท่านคงไม่เห็นเธอเป็นลูกด้วยซ้ำ แล้วเธอจะต้องเห็นท่านเป็นแม่อยู่หรือเปล่า“เอาไว้ถ้าท่านเดือดร้อนหนักๆ ไวน์ค่อยช่วยดีกว่าค่ะ” เธอหาทางออกที่ดีที่สุดดรัณพาทุกคนดูห้องนอนส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินลงไปด้านล่าง ที่นั่นชายสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟา ท่านคงความมีสง่าราศีเอาไว้ได้เช่นเมื่อก่อน สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ นับจากวันที่ภรรยาเดินออกไปจากชีวิตพร้อมกับเงินจากการแบ่งสมบัติจำนวนหนึ่ง และเมื่อดรัณบอกว่าจะพาหลานกับเมียเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ท่านก็กลับมากระปรี้กระเปร่ามากขึ้น“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”“ซาหวัดดีค่าจุณปู่” น้องโซดากระพุ่มมือไหว้ ก่อนจะปีนโซฟาขึ้นไปนั่งคลอเคลียราวกับสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน วันวิวาห์มองสายสัมพันธ์ที่เชื่อมสนิทนั้นด้วยรอยยิ้มกระจ่าง“พ่อดีใจนะที่หนูไวน์ตัดสินใจเลือกกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน” ดนุพลทอดสายตามองลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู“หนูคิดไม่ผิดจริงๆ ค่ะ ถ้าหนูยังจมอยู่กับอ
บทที่ 21วันวิวาห์ก้าวออกมาจากห้องนอน เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกก็ต้องชะงักงันเมื่อพบว่าที่บ้านมีแขกมาหาแต่เช้า ไม่สิ...สายแล้วต่างหาก ใบหน้าเรียวสวยแดงระเรื่อ ก้มหน้างุดลงซ่อนใบหน้าแสนอาย คนข้างกายดูเหมือนจะคาดเดาความคิดเธอได้เป็นอย่างดี เขาเอื้อมมากุมมือแล้วพาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน“ตื่นสายเลยนะคะพี่ไวน์” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยแซวยิ้มๆ“แม่จ๋า มะคืนน้องโซดานอนกะพี่เปรี้ยว แม่จ๋านอนกะปะป๊าทำไมไม่ชวนน้องบ้างเยย” ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามานั่งตักแล้วเอ่ยเสียงงอนๆ แต่ลูกรู้ไหมว่าทำให้แม่หน้าร้อนเหมือนถูกอังไฟ“ไว้คืนนี้นะคะน้องโซดา”“ได้ค่า” หนูน้อยว่าง่าย ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งตักผู้เป็นพ่อบ้าง“เอ่อ...พี่ภามกับพรีมมาหาไวน์หรือคะ” วันวิวาห์เอ่ยถามอย่างยากเย็น ด้วยรู้สึกอายต่อสายตาของเพื่อนสนิทและพี่ชายอย่างมาก โดยเฉพาะภามที่เขามีสีหน้าสลดไปทันทีที่เห็นว่าเธอกับดรัณเดินออกมาจากห้องเดียวกัน“พี่กับพรีมเป็นห่วงไวน์ อยากมาถามให้แน่ใจว่า...ทุกอย่างโอเค” ภามว่า ก่อนจะหันไปมองหน้าดรัณ “แต่ก็คงโอเคแล้วแหละเนอะ พี่ดีใจด้วยนะไวน์”“ขอบคุณนะคะพี่ภามที่เป็นห่วง”“ฉันก็ดีใจกับแกนะไวน์ อีกอย่าง...อีนิวเยียร์ก
วันวิวาห์ตอบไม่ถูก ได้แต่กดใบหน้าลงยอมรับความสุขที่รออยู่เบื้องหน้า เพียงเธอเอื้อมมือไปแตะ ทุกๆ อย่างที่มืดมนอนธการก็พลันสว่างไสวดุจท้องฟ้าแต้มสายรุ้งหลังสายฝนหนักหน่วงได้ผ่านพ้นไป“น้องไวน์!”ดรัณโผเข้ากอดร่างงาม วาดแขนแกร่งโอบล้อมเรือนร่างเล็กอีกครั้งอย่างแสนโหยหา กี่ชั่วโมงกี่นาทีกันที่ต้องแยกจาก นับจากวันนี้จะตัวติดกันทุกวัน จะไม่ปล่อยให้เมียห่างหายไปไหนเด็ดขาด ไปไหนก็จะตามไปเฝ้า เขาสัญญากับตัวเองอย่างนั้น ยิ่งกอดยิ่งแสนหวงแหนวันวิวาห์อุ่นวาบในหัวใจ มองเรือนผมดำสนิทที่เขาแนบใบหน้ากับเหนืออกของเธออย่างแสนรัก ดรัณคุกเข่ากอดเธอ ไม่อยากเชื่อจริงๆ บอกตัวเองกี่ครั้งว่าเขาทำแบบนี้จริงๆ แต่ก็อดมองซ้ำอีกครั้งไม่ได้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป เขายอมลงให้เธอ ยอมขอโทษ พร้อมคำสัญญาที่แสนอบอุ่น“ขอบคุณนะคะ คุณสามี”“น้องไวน์ ภรรยาที่รักของพี่คลื่น” ดรัณเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะอดใจไม่ไหวแนบเรียวปากลงกับริมฝีปากอิ่มสวยวันวิวาห์เลื่อนตัวลงจากเก้าอี้หมายจะไปนั่งบนพื้นระดับเดียวกับเขา ทว่าคนตัวโตกลับตวัดเอวบางมานั่งบนตัก แล้วแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คลอเคลียสัมผัสความนุ่มนิ่ม ขบเม้มกลีบปากล่างเบาๆ ก่
บทที่ 20“แม่จ๋า”“หืม...ไม่ง่วงหรือคะ ฟังนิทานจบแล้วนะ” วันวิวาห์ถามลูกน้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆ ทอดสายตามองเจ้าตัวเล็กอย่างแสนเอ็นดู หวงแหนความรู้สึกนี้ ไม่อยากให้โตเลย อยากให้ตัวเท่านี้ ให้แม่ได้กอด ได้กล่อมเข้านอนแบบนี้ทุกคืน“เมื่อไรปะป๊าจะมานอนบ้านเยา มานอนกับน้องโซดา” เด็กหญิงถามเสียงเศร้าวันวิวาห์ฟังคำพูดของลูกแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ได้แค่ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้“น้องโซดารักปะป๊ามากเลยหรือคะ”“ม้ากมากค่า ยักแม่จ๋าเท่าท้องฟ้า ยักปะป๊าเท่าทะเย” หนูน้อยว่าพลางวาดแขนกางกว้าง ผู้เป็นแม่หอมแก้มนุ่มเบาๆ“แม่จ๋าก็รักน้องโซดาเท่าโลกใบนี้เลยนะ”“แล้วปะป๊าไม่ยักน้องโซดาเหยอคะถึงไม่มานอนเล่านิทานให้ฟังเยย” หนูน้อยบ่นเสียงน้อยใจพลางทำหน้ามุ่ย“รักสิคะ ปะป๊าก็รักน้องโซดาเท่าทะเลเหมือนกัน”“ถ้ายัก ปะป๊าต้องมานอนกับเยาที่นี่ นอนกับน้องกับแม่จ๋าด้วย เมื่อไรดีคะ”คำถามของลูกน้อยสร้างความอึดอัดในหัวอกคนเป็นแม่ นี่เธอเป็นแม่หรือเป็นมารขัดขวางความสุข ความสมบูรณ์แบบในครอบครัวของลูกกันแน่ เธอกำลังทำอะไรอยู่“น้องโซดาคะ แม่จ๋าสัญญาว่าจะพาปะป๊ามานอนด้วยกันให้ได้เลย”“เย่! งั้นน้องโซดาหลั







