เข้าสู่ระบบหลายวันต่อมา ข่าวการหมั้นหมายระหว่างศศิจันทร์กับวิศรุตถูกประโคมกระจายไปทั่วทุกสำนักข่าว ไม่มีใครไม่พูดถึงความสัมพันธ์อันน่าตกตะลึงนี้ ขนาดบิดาของศศิจันทร์เองยังไม่เข้าใจในการกระทำของภรรยา ที่ดึงลูกสาวเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“ผมไม่เข้าใจคุณเลยรังรอง ทำไมถึงต้องให้ลูกสาวเราเปื้อนราคีด้วย คุณก็รู้ว่ามันเป็นคู่แข่งเรา และผมไม่อยากไปเกี่ยวดองอะไรกับคนพวกนั้น" เขาพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง พลางหันหน้าไปหาภรรยา รังรองหันหน้ามาทำคอแข็งใส่สามีอย่างไม่พอใจ
“คุณอยู่เฉย ๆ เถอะค่ะคุณวิชัย เรื่องนี้ใช่ว่าฉันจะชื่นชอบหรอกนะ แต่ลูกสาวเราเสียหายไปแล้วทุกคนรู้ทุกคนเห็น หากว่าฉันไม่เอาพยายามเอาสื่อไปด้วยคิดว่าคนอย่างวิศรุตจะยอมรับเหรอคะ ฉันปกป้องลูกสาวแบบนี้ ยังไม่ดีอีกเหรอไง?”
“ปกป้องเหรอ?” วิชัยสวนกลับทันที “คุณกำลังประจานลูกตัวเองอยู่ต่างหาก! เล่นไปนอนแผ่หลาให้ผู้ชายทำสิ่งที่ไม่ควรอย่างนี้ได้อย่างไร ผมถามจริง ๆ เถอะ ในตอนนั้นคุณเอาสติสตังไปไว้ที่ไหนกัน”
เขายังต่อว่าภรรยาไม่หยุด ทั้งที่โดยปกติแล้วแทบไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของผู้หญิงในบ้าน โดยเฉพาะรังรองและลูกสาวคนเล็ก อาจเพราะในใจลึก ๆ เขารู้สึกผิด...ผิดที่เคยเลี้ยงดูพวกเธอแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ มาหลายปี
รังรองเพื่อนเก่าที่กลายมาเป็นภรรยา หญิงสาวที่เคยยื่นมือช่วยเขาในวันที่ธุรกิจล้มละลาย
ช่วงนั้นเขามืดแปดด้านเพราะพลอยใส ภรรยาเก่าของเขามีโรคหัวใจ เขากลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้พลอยใสเครียดไปด้วย เขาเลยไม่เคยพูดให้เธอฟัง แต่เลือกที่จะไประบายให้รังรองฟัง และครั้งนั้นเธอก็เอาเงินก้อนใหญ่ของเธอช่วยให้เขากลับมาตั้งหลักได้อีกครั้ง แต่ใครจะคิดว่างานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ วันนั้น จะทำให้เขาเผลอถลำลึก จนจบลงที่การตั้งครรภ์ของเธอ
เขาเองก็รักพลอยใสมากเธอเป็นรักแรกและรักเดียวและเธอเพิ่งมีลูกสาวให้เขา รังรองในตอนนั้นก็ดูเข้าใจดี และบอกว่าเธอจะขออยู่ในที่เงียบ ๆ ในที่ของเธอจนในที่สุดภรรยาของเขาก็เสียไปเขาถึงได้รับเธอเข้ามาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ถึงแม้จะมีข่าวเรื่องข่าวซุกเมียน้อยเอาไว้แต่ตอนนั้นเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไรนัก เพราะสุดท้ายแล้วมันก็คือเรื่องจริงที่เขาแอบซ่อนเอาไว้ และยังรู้สึกผิดกับพลอยใสจนถึงตอนนี้
เพราะความช่วยเหลือในครั้งต่างทำให้เขาเหมือนคนที่น้ำท่วมปาก จะตำหนิก็ไม่ได้ จะทำตามใจภรรยาทุกอย่างก็ใช่ที่
“ฉันมีสติดีพอค่ะ ฉันทำทุกอย่างนี้ก็เพื่อลูกและเพื่อครอบครัวเรา คุณอย่าบอกนะคะว่าตอนนี้กิจการของเรายังไหวอยู่ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินมากพอจะมาคอยพยุงบริษัทคุณอีกแล้วนะ!”
คำพูดนั้นทำเอาวิชัยหลบตา ไม่กล้าสบสายตาภรรยา ตอนนี้บริษัทของเขากำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก หุ้นส่วนหลายรายเริ่มทยอยถอนตัวตอนนี้เขาเองก็กำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่ว่าเรื่องนี้ ก็ไม่เกี่ยวกับการที่ลูกสาวคนเล็กจะไปแต่งงานกับลูกชายบริษัทคู่แข่งยกเว้นแต่ว่า
“นี่อย่าบอกนะ ว่าคุณอยากจะเข้าไปเป็นดองนับญาติกับทางฝ่ายนั้น เพราะหวังจะควบรวมธุรกิจเข้าด้วยกัน?” เขาพูดเสียงเข้ม ดวงตาเริ่มฉายแววไม่พอใจ “ถ้าคิดจะทำแบบนั้นผมไม่ยอมเด็ดขาด!!”
จากที่เพิ่งนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างสงบ กลับต้องหัวเสียเพราะข่าวไม่เข้าหู และยิ่งเดือดดาลเข้าไปใหญ่ เมื่อรู้ว่าต้นเรื่องทั้งหมดมาจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ผมรู้หมดแล้วว่าคุณเป็นคนอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง จำไว้นะ ผมไม่ชอบวิธีของคุณเลย!!”
“แล้วไงคะ? คุณจะทำอะไรได้ล่ะ อย่ามาขัดขวางฉันกับลูกเลยจะดีกว่า” รังรองเชิดหน้าพูดเสียงหยัน “คุณก็รู้ว่าศศิไม่มีวันยอม ถ้าไม่ได้แต่งกับวิศรุต อีกอย่างนะ ลูกสาวคุณก็ใช่ว่าจะเรียบร้อยอะไรนัก รู้ทั้งรู้ว่าน้องชอบผู้ชายคนนี้อยู่ ก็ยังหน้าด้านเข้าไปพัวพันไม่เลิก
"บอกลูกสาวของคุณนะ เลิกแย่งของของน้องสักที"
เมื่อได้ยินสิ่งที่รังรองพูด วิชัยส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เขาเดินออกไปหลังจากนั้นเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับภรรยาอีก เขารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ควรเลยจริง ๆ นานมาแล้วที่เขากระทำไม่ยุติธรรมกับลูกสาวคนโตเลย
นับตั้งแต่วันที่ภรรยาเก่าเสียชีวิต เขาก็พาสองแม่ลูกเข้ามาอยู่ในบ้าน ส่วนหนึ่งเพราะรู้สึกติดค้าง และอยากชดเชยสิ่งที่เคยได้รับจากรังรองในวันที่เขาตกต่ำ เงินก้อนโตของเธอช่วยให้เขาฟื้นบริษัทขึ้นมาได้ และจากความใกล้ชิดก็บานปลายจนเกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิด
เขามอบอำนาจทุกอย่างให้เธอแทนภรรยาเก่าที่จากไป รวมถึงปล่อยให้เธอเป็นผู้เลี้ยงดูแพรพรรณ ลูกสาวคนโตของเขาด้วย ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของเขาเอง
หากในตอนนั้นเขาไม่ได้เผชิญกับปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัวจากธุรกิจที่กำลังจะวิกฤต เขาก็คงไม่มีวันยอมให้เธอก้าวเข้ามาในชีวิต และยิ่งกว่านั้น คงไม่ปล่อยให้ความใกล้ชิดพาไปสู่ความสัมพันธ์ที่ผิดบาป
ครั้งนี้ก็คลับคล้ายคลับคลากับครั้งก่อนที่เขาอยากประคองบริษัทเอาไว้เพราะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกัน บริษัทของเขากำลังจะล้มละลายหากหุ้นส่วนยังพากันถอนตัว รังรองจึงคิดหาแผนการเพื่อรวมธุรกิจเข้ากับบริษัทที่กำลังเจริญรุ่งเรืองของวิศรุต แม้ว่าในอดีตพวกเขาทั้งสองจะเป็นศัตรูกันก็ตาม
...
ทางด้านชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นข่าวกลับดื่มเหล้าเมามายอยู่ในผับของเพื่อนรัก ไม่ใช่เพราะข่าวลือที่ทุกคนกระพือกันให้เขาแต่งงานกับศศิจันทร์ แต่เป็นเพราะแพรพรรณหายไปอีกแล้ว เธอปิดช่องทางการสื่อสารทุกช่องทาง ไม่สามารถติดต่อได้แค่นี้ก็รู้ว่าเธอจงใจหนีหน้าเขา
“นี่คืนที่สองและนะมึง ไอ้ห่า...แดกเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า? เมาทีไรก็คลานเหมือนหมาเดือดร้อนกูทุกที”
ธีรวุฒิเอ่ยถามขณะที่ตัวเองก็ซดมาร์ตินี่เพียว ๆ เข้าไปเหมือนกัน รสขมปร่าในแอลกอฮอล์ทำให้เขาสะบัดหน้าทำเสียงจิ๊ในลำคอ
"ฮ่า...ขมคอชะมัด แล้วกูถามจริง ๆ เหอะ กับยัยศศินั่นน่ะ มึงไม่วอกแวกเลยเรอะ?" เมื่อเหล้าเข้าปาก แอลอฮอล์ที่ไหลเวียนในเส้นเลือดก็ทำเอาธีรวุติพูดเยอะขึ้นมา
"หึ! ไม่มีทาง ถ้าเปรียบกันได้ระหว่างสองพี่น้อง แพรก็เหมือนลูกพีชที่ทั้งหอมหวาน เย้ายวนจนอยากกินไม่มีวันเบื่อ ส่วนยัยน้องสาวเหมือนมะนาวหรือไม่ก็อะไรที่ขม ๆ เปรี้ยว ๆ แค่คิดจะกินก็ขยะแขยงแล้ว ถ้าเลือกได้กูคงเลือกไม่แดกไปตลอดชีวิตนั่นแหละ"
วิศรุตที่เมานำไปก่อนแล้ว อธิบายราวกับว่าเคยลิ้มลองเคี้ยวมะนาวทั้งลูก ที่มีรสฝาดจากเปลือก เปรี้ยวจากส่วนเนื้อ และขมที่สุดจากเมล็ดของมัน อธิบายซะเห็นภาพ
“มึงเคยกินมาแล้วเหรอไง? ถ้าใช่นี่มันพระยาเทครัวชัด ๆ ฮ่า ๆ!” ธีรวุฒิที่ได้ฟังคำเปรียบเทียบก็หัวเราะร่วน แต่เพื่อนรักส่ายหน้าเบา ๆ
“สัส ใช่ซะที่ไหนล่ะ กูแค่พูดให้เห็นภาพเฉย ๆ กูไม่เคยแตะใครนอกจากลูกพีชของกูเท่านั้น”
“หึ! เออ ผลตรวจออกมาแล้วนะ หลักฐานแน่นปึ้ก”
“ขอบใจว่ะ”
“เอาน่า...ยังไงกูกับมึงก็เพื่อนกันมาตั้งกี่ปี เพื่อนลำบากทั้งที กูก็ต้องช่วยอยู่แล้วป่ะ”
ธีรวุฒิตบบ่าเพื่อนเบา ๆ ด้วยสีหน้าจริงใจ ก่อนจะเอ่ยถามต่อ
“แล้วยังติดต่อแพรไม่ได้อีกเหรอวะ?”
“ขอบคุณยาย ขอบคุณตานะจ๊ะ ที่ใจดีกับแพรและลูก"ท่ามกลางอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นยังมีเด็กหญิงตัวน้อยในผ้าอ้อมสีขาวสะอาดกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ พาขวัญนอนหลับตาพริ้มขนตางอนหนาเด่นชัด แก้มกลมขึ้นสีชมพู ผิวพรรณเนียนผ่องดุจสำลีขาวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เป็นเหมือนดั่งของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต แม้จะเกิดมาไม่มีพ่อแต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยความรักจากครอบครัว แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของแพรพรรณเอง ที่เติบโตมากับความรู้สึกขาดสิ่งเหล่านี้ จึงยิ่งทำให้เธอรู้ว่ารักจากตากับยายนั้นสำคัญสำหรับเธอเพียงใดหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงกระซิบกับลูกน้อยในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย“ถึงหนูจะไม่มีพ่อเหมือนใครเขา แต่แม่ก็รักหนูที่สุดในโลกเลยนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”ตอนนี้ชีวิตของแพรมีความสุขตามอัตภาพ ใช้ชีวิตแบบสงบตามที่ตัวเองต้องการ และเธอก็เคยคิดว่าวิถีชีวิตนี้จะดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนถึงอนาคตข้างหน้าแต่ความสงบก็ไม่ยั่งยืนเมื่อแพรพรรณเข้ามาทำงาน ความสวยสะพรั่งของเธอก็ถูกตาต้องใจใครหลายคนเพียงแค่เข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาตามจีบแต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกราย เธอไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาในชีวิต ตอนนี
ทางด้านวิศรุต หลังจากรับรู้เรื่องราวที่ไม่เป็นจริงจากศศิจันทร์ แต่เขากลับเชื่ออย่างสนิทว่าแพรพรรณตั้งท้องกับชายอื่นจริง ๆ ทำให้ตัวเขาหมดแรงที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองและหญิงสาวแม้ในระหว่างนั้นจะมีรังรองและศศิจันทร์คอยให้ข่าวเรื่องที่เขากับเธอยังคงคบหากันอยู่เสมอแม้จะไม่ได้แต่งงานก็ตามวิศรุตความทุกข์ใจเสียใจมาทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด โหมงานอย่างหนักจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น จากชายหนุ่มที่มีความอ่อนโยนรอยยิ้มอบอุ่น ตอนนี้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมเขากลายเป็นผู้บริหารที่ผู้คนยำเกรงวิศรุตถูกจับตามองในฐานะของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงทำให้ บริษัทของเขารุ่งเรืองและก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม แต่ในความสำเร็จกลับไม่มีคนข้างกายที่ตัวเองโหยหา ตลอดเวลาที่ไม่มีแพรพรรณ เขาไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย แม้ศศิจันทร์จะพยายามเอาตัวเข้ามาในชีวิต เปลี่ยนตัวเองแค่ไหนก็ตามแต่กลับวิศรุตก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเดิม"เมื่อไหร่พี่รุตจะเลิกคิดถึงนังแพรเสียทีคะคุณแม่!" เสียงบ่นของศศิจันทร์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งที่เธอพยายามปรับปรุงตัวเองทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางให้เขาหันมาสนใจแต่เขาก็ไม่หันมามองสักที"ลูกต้องให้เวลาเขาหน่อย เรื
ทางด้านแพรพรรณตอนนี้เธออาศัยอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ในคอนโดที่เธอเช่าเอาไว้ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องที่ศศิจันทร์ข่มขู่เรื่องลูกของเธอ ในตอนที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความเครียดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอ เป็นศศิจันทร์ที่โทรเข้ามา เธอไม่ได้กดรับในทันที เพียงแต่นั่งจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเองและไม่นานนัก ข้อความก็เด้งขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามารัว ๆ‘อย่าลืมยินดีกับฉันด้วยล่ะ’ปลายนิ้วจิ้มไปที่หน้าจอก่อนจะเห็นรูปบัตรเชิญงานแต่งและรูปถ่ายอีกหลายใบหัวใจของเธอแหลกสลาย ราวกับถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ จนไม่เหลือชิ้นดี เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างช้า ๆ แม้รักวิศรุตมากเพียงใด แต่ภาพนั้นมันยืนยันกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาเลือกเดินต่อโดยไม่มีเธอการจากไปของเธออาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แพรพรรณสูดลมหายใจเข้าลึก กดบล็อกเบอร์ของศศิจันทร์ พร้อมกับตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างจากแม่เลี้ยงและน้องสาว ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำทั้งเสียงสะอื้น นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ก
“ขอบใจมาก และรับรู้เอาไว้ด้วยว่าเรื่องนี้ต้องไม่แพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ เข้าใจใช่ไหม” เธอย้ำเตือนกับหญิงวัยกลางคน ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ“ค่ะคุณ”ความคิดเหยียบย่ำคนในครอบครัวไม่มีทางที่จะลดลง ศศิจันทร์ขับรถออกไปจากบริเวณนั้นทันทีเธอตรงมาที่บริษัทของวิศรุต เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานและเปิดเข้าไปอย่างถึงวิสาสะวิศรุตเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง แววตาคมดุฉายชัดถึงความหงุดหงิดทันทีที่เห็นผู้บุกรุก “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา ศศิ!” เขาพูดเสียงเข้ม กรามขบแน่น “ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคนอย่างคุณ!”แต่ศศิจันทร์กลับส่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเดินเข้าไปใกล้แล้ววางซองเอกสารลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “ศศิแค่อยากให้พี่รุตตาสว่างเท่านั้นเองค่ะ" เธอยังคงยิ้มแล้วพูดต่อ"พี่รุตอยากรู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าแพรพรรณหายไปไหนมาตั้งสี่เดือนทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความหงุดหงิด ศศิจันทร์ก็ไม่รีรอ รีบเข้าเรื่องทันทีวิศรุตวางปากกาลงอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าว"เธอต้องการอะไรกันแน่?"เรื่องที่เธอบุกรุกเข้าบ้านเขาเพื่อทำร้ายแพรพรรณ เขายังไม่ทันเอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกล้
เช้าวันต่อมา ศศิจันทร์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางโถงห้องรับแขก มือเรียวกดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวต่างแม่ด้วยท่าทางเยือกเย็นเสียงสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดรับ“รับเร็วดีนี่...” ศศิจันทร์แสยะยิ้มเยาะ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ"ต้องการอะไร" เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบแต่ถ้าฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในน้ำเสียง“แค่อยากโทรมาแจ้งข่าวน่ะ” ศศิจันทร์พูดช้า ๆ อย่างจงใจ “ตอนนี้ฉันกับ พี่รุต เข้าใจกันดีแล้ว และเขาก็ ตกลงจะแต่งงานกับฉัน”“เมื่อไหร่...” เธอถามเบา ๆ ราวกับคนที่กำลังจะหมดแรง “เธอจะแต่งงานกับเขาเมื่อไหร่”เสียงเธอสั่นเครือจนแม้แต่คนใจร้ายอย่างศศิจันทร์ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นไหวนั้น แต่มันยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ไม่นานหรอกจ้ะ” ศศิพูดเสียงหวานหยัน “เสียใจด้วยนะ ในที่สุดพี่รุตก็เป็นของฉันจนได้”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้าวร้าน“แค่นี้ใช่ไหมศศิที่เธอต้องการ”“วันนี้เอาแค่นี้ก่อน อย่าเพิ่งทนไม่ไหวล่ะ!!”ศศิจันทร์ตัดสายทิ้งทันที แพรพรรณกำมือถือเอาไว้แน่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาอีกแล้ว ครั้งนี้เธอร้องไห้โฮโดยไม่อายใครอยู่ในห้องที่วิศรุ
“ใช่!! ฉันใจดำอำมหิตก็เพราะเป็นแก และอยากจะให้แกไม่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันเสียใจขนาดไหน” ความในใจที่ค้างคาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด“ในตอนที่ชีวิตแกมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แกไม่รู้หรอกว่าฉันกับแม่ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน แกไม่เคยรู้รสชาติของคนที่ถูกตามหน้าว่าไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดยังไง!! ถึงเวลาแล้วที่ฉันก็จะแย่งสิ่งที่แกรักและหวงแหนมาไว้กับตัว คือคนที่แกรักที่สุดไงล่ะนังหน้าโง่!”ความเคียดแค้นของศศิจันทร์ไม่ใช่วันนี้หรือเมื่อวาน แต่มันคือปมด้อยในใจเมื่อครั้งอดีต ที่แม่และเธอเฝ้ารอคอยให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขบ้างเหมือนกัน หากไม่มีแม่ของแพรพรรณมาขวางเอาไว้ ชีวิตเธอคงมีความสุขมากกว่านี้รังรองเป็นคนเอาความคิดชั่วร้ายมาใส่สมองของลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง ๆ ที่รังรองเป็นคนวางยาวิชัยในคืนนั้นยัดเยียดสถานะเมียน้อย ตอนนั้นเธอเองยังพูดว่าเต็มใจและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนสุดท้ายแล้วรังรองก็อยู่อย่างหลบซ่อนมาเป็นสิบปี จนวันนึงเธอทนไม่ไหวขึ้นมา เธอเป็นคนส่งภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างวิชัยกับเธอส่งให้พลอยใสดู ทำให้พลอยใสเสียใจและขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ซึ่งเรื่องราวที่เก







