เข้าสู่ระบบ“ลาก่อนค่ะรุต เราคงมีวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้”
เธอยืนมองเขาก่อนจะกลืนก้อนแห่งความเจ็บปวดเข้าไปในอก วิศรุตเป็นผู้ชายที่ดี หากเป็นไปได้เธอก็อยากอยู่เคียงคู่กับเขาชั่วชีวิตแต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว
แพรพรรณเดินออกมาพร้อมกับตั้งใจจะปิดประตูห้องอย่างเงียบเชียบ แต่เธอไม่นึกว่าจะเจอเข้ากับศศิจันทร์ ซึ่งมายืนรอเจ้าของห้องอยู่ก่อนแล้ว
“อยู่นี่เองเหรอพี่สาวตัวดี แกคงอยากกินพี่รุตมากจนทำสำออยในงานแล้วให้เขาพามาที่นี่สินะ ช่างไม่มียางอายเลยจริง ๆ ทั้งที่รู้แล้วว่าฉันกับเขาจะแต่งงานกันไม่ช้านี้ นังหญิงชู้!!”
ทันใดนั้น ศศิจันทร์ก็ตรงเข้ามากระชากเส้นผมของพี่สาวสุดแรง ก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้าอย่างเต็มแรง
เพี๊ยะ!!
“โอ๊ย!!... มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะศศิ ปล่อยพี่เถอะ!” แพรพรรณร้องลั่น น้ำตาไหลพรากด้วยความตกใจและเจ็บปวด แต่ศศิจันทร์ไม่ฟังแม้แต่น้อย
“หึ! อย่ามาแอ๊บใสฉันเลยอีแพร!” เธอถลึงตาใส่ด้วยความเกลียดชัง “คนอย่างแกมันก็แค่ผู้หญิงต่ำ ๆ ที่วัน ๆ คิดแต่จะมาแย่งของฉัน! แกมันคนขี้โกหก คนอย่างแกต้องเจอแบบนี้แหละถึงจะสำนึกได้!”
“เพี๊ยะ!!”
เสียงฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าอีกครั้งจนแก้มข้างหนึ่งสะบัดไปตามแรง แพรพรรณทรุดฮวบลงกับพื้น น้ำตาของเธอไหลออกจากหางตาอย่างกลั้นไม่อยู่ ร่างกายเจ็บ แต่หัวใจเจ็บยิ่งกว่า
“นี่แหละคือบทลงโทษสำหรับผู้หญิงร่าน ๆ อย่างแก! และฉันยังไม่พอใจเลยด้วยซ้ำ ยังไม่สาสมกับสิ่งที่แกทำ!”
“อย่าทำอย่างนี้ศศิ พี่ไม่ได้คิดจะแย่งรุตไปจากเธอนะ!!”
แพรพรรณยกมือกุมแก้มที่ช้ำบวมจากแรงตบ ขณะพยายามเอ่ยปากห้ามน้องสาวด้วยเสียงสั่น ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีจะหยุด ศศิจันทร์ทิ้งกระเป๋าแบรนด์เนมใบงามลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาทำร้ายพี่สาวอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง
เธอไม่รู้ว่าความผิดชอบชั่วดีนั้นเป็นอย่างไร เพราะอารมณ์หึงหวงของตัวเอง ทำให้เวลานี้หน้ามืดตามัวเหมือนไฟที่กำลังสุมเพลิงอยู่ในอกต้องการการระบาย แพรพรรณได้แต่ยกมือกอดหน้าท้องของตัวเองแน่น หัวใจเต้นระส่ำด้วยความกลัวว่าลูกน้อยในครรภ์จะได้รับอันตราย
“แกไม่ต้องแก้ตัว คนอย่างแกมันต้องโดนฉันจัดการเสียบ้าง ที่กล้ายั่วยวนพี่รุตให้นอนกับแก นังชั่ว นังคนสารเลว!” ศศิจิกผมพี่สาวต่างแม่แล้วพ่นถ้อยคำหยาบคายไม่หยุด
“โอ๊ยย!! อย่านะศศิ อย่าทำพี่”
เสียงดังโหวกเหวกของคนทะเลาะกันดังลั่นจนปลุกการนอนของวิศรุต เขาไม่ชอบให้ใครรบกวน แต่ชายหนุ่มแปลกใจนัก ในเมื่อคอนโดแห่งนี้เก็บเสียง แล้วทำไมคนทะเลาะกันที่อื่นถึงได้ดังลั่นขนาดนี้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดและสงสัย ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างงัวเงีย ก่อนจะคว้าเสื้อเชิ้ตที่พาดไว้ข้างเตียงมาสวมทับกางเกงขาสั้น
เขาก้าวออกจากห้องนอนตรงไปยังประตูห้องรับแขก และทันทีที่เปิดประตูออก ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาชะงักนิ่ง ดวงตาเบิกกว้างในทันที
ผู้หญิงสองคนกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งเป็นศศิจันทร์ที่เขารังเกียจนักหนา ส่วนอีกคนเป็นแพรพรรณ คนรักที่เขาจะไม่ยอมให้ใครแตะต้อง แต่กลับกลายเป็นว่า เวลานี้ด้านคนที่เสียเปรียบคือคนรักของตัวเอง วิศรุตไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปห้ามและแยกทั้งสองออกจากกัน
“หยุด!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” วิศรุตตะโกนลั่นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดก่อนจะพุ่งเข้าไปแยกทั้งสองออกจากกันทันที
“จะให้หยุดได้ยังไงล่ะคะพี่รุต! ก็นังแพรมันแอบมากินพี่รุตทั้งคืนแบบนี้ แล้วจะไม่ให้ศศิโกรธได้ยังไง! ศศิไม่ยอมนะ!!” ศศิจันทร์ตะโกนลั่น ในตอนนั้นเองยามของคอนโดก็รีบตามเข้ามาระงับเหตุหลังได้รับการแจ้งจากฝ่ายนิติบุคคล พวกเขาห้ามศศิจันทร์ไว้ทันก่อนที่เรื่องจะบานปลาย
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด และผมพาแพรมาเอง เราสองคนรักกันคุณก็รู้ และอีกอย่างหนึ่งผมกับคุณไม่เคยเป็นอะไรกันเลย ไม่เคยสักนิด!”
คำพูดเด็ดขาดนั้นแทงใจศศิจันทร์เข้าอย่างจัง ดวงตาของเธอสั่นระริกด้วยทั้งความอับอายและความเสียหน้า
“อะไรกันคะพี่รุต?” เธอถามเสียงสั่น “ก็ในเมื่อพี่นอนกับศศิแล้ว แม่ก็รู้ ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้น! อีกไม่นานเราก็จะหมั้นไปแล้วนะคะพี่รุต...พี่รุตคิดว่าศศิล้อเล่นหรือไงคะ?”
ศศิจันทร์กัดฟันกรอดร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่น เธอเจ็บใจจนแทบระเบิด เมื่อเห็นวิศรุตเอาแต่ปกป้องพี่สาวต่างแม่อย่างด้วยความรักใคร่ ท่าทางห่วงใยที่เขามอบให้กับแพรพรรณเป็นดั่งมีดกรีดลึกลงในหัวใจของเธอ
“อย่าพูดแบบนั้นนะศศิ!” วิศรุตเอ่ยเสียงเข้ม ใบหน้าเคร่งเครียดขณะโอบประคองแพรพรรณแน่นขึ้นอีก
“ผมไม่เคยคิดเกินเลยกับคุณ ไม่เคยแม้แต่สักครั้งเดียว ตลอดมาคุณคือ ‘น้องสาวของแพร’ และจะไม่มีวันเป็นได้มากกว่านั้น ผมยืนยันไว้ตรงนี้เลย!” เขาพูดเสียงเข้ม สายตามองศศิจันทร์อย่างเอาเรื่อง
“และอีกอย่าง เรื่องทั้งหมดที่คุณกับแม่ของคุณปั่นข่าวขึ้นมาเพื่อบีบบังคับผม หากไม่อยากให้เรื่องที่พวกคุณทำเปิดเผยออกไป ก็เลิกยุ่งกับผมและแพรซะ!"
“กรี๊ดดดดด!! ไม่จริง! มันไม่จริงงง!! พี่รุตต้องเป็นของศศิ! ต้องรักศศิคนเดียวเท่านั้น!!” ศศิจันทร์แผดเสียงกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง ดวงตาแดงก่ำเหมือนคนเสียสติ เธอพุ่งเข้าใส่แพรพรรณอีกครั้ง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ รปภ. ที่คุมตัวไว้ขัดขวาง
“อีแพร! อีผู้หญิงแพศยา!! พี่รุตปล่อยมันเดี๋ยวนี้! ศศิจะตบมัน!! มันบังอาจแย่งพี่ไปจากศศิ มันต้องตายย!!”
เธอกรีดร้องดิ้นพล่าน จนเสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทั้งชั้น กระทั่งผู้อยู่อาศัยห้องข้างเคียงเริ่มเปิดประตูออกมาดู บางคนถึงกับยกมือขึ้นอุดหู เพราะเสียงแหลมสูงของเธอ
“ปล่อยนะ ไอ้พวกบ้า! ปล่อย!! พี่รุตจะต้องรับผิดชอบศศิ พี่รุตจะต้องแต่งงานกับศศิคนเดียวเท่านั้น ส่วนแกนังแพร แกต้องชดใช้ในการกระทำของแก!!”
เสียงกรีดร้องปนสะอื้นนั้นเต็มไปด้วยความคลั่งแค้น ก่อนเธอจะหันขวับไปยังแพรพรรณด้วยสายตาที่แทบจะกินเลือดกินเนื้อ ตะโกนด่าทออย่างไม่อายใคร
วิศรุตขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียด ขณะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามจะควบคุมเธอเอาไว้
ทว่าศศิจันทร์กลับใช้แรงทั้งหมดดิ้นจนหลุด ก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่แพรพรรณอีกครั้งอย่างคนไร้สติ มือยกขึ้นสูงเตรียมฟาดใส่ใบหน้าของหญิงสาว
“ฉันจะตบแกให้ตายนังแพร!!!”
ฝ่ามือของศศิจันทร์ถูกยกขึ้นสูง เตรียมฟาดลงใบหน้าของอีกฝ่าย แต่วิศรุตกำข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ได้เสียก่อน
“เลิกบ้าได้แล้วศศิ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรใครทั้งนั้น!” เขาตวาดลั่น ก่อนหันไปสั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ยาม!! ช่วยเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปที เธอไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับผม! ลากตัวออกไป!!” วิศรุต แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจนไม่รู้ว่าแพรได้เดินหนีออกไปจากที่นี่แล้ว
ในขณะที่ศศิยังสร้างความวุ่นวาย แพรพรรณก็อาศัยจังหวะนี้หนีออกมา ศศิจันทร์คงไม่ปล่อยเธอเหมือนอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ เธอกลัวความรุนแรงจะกระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง
เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวศศิจันทร์ออกไปแล้ว เขาก็หันมาหาคนรักแต่เธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว
“แพร!! คุณหายไปไหนนะ” เสียงเรียกของวิศรุตแหบพร่าด้วยความร้อนรน เขารีบวิ่งออกมาจากห้อง สายตากวาดมองไปรอบโถงทางเดินที่ว่างเปล่า
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกหนีผมเสียทีนะ แพร” เขาพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเต็มที
“ขอบคุณยาย ขอบคุณตานะจ๊ะ ที่ใจดีกับแพรและลูก"ท่ามกลางอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นยังมีเด็กหญิงตัวน้อยในผ้าอ้อมสีขาวสะอาดกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ พาขวัญนอนหลับตาพริ้มขนตางอนหนาเด่นชัด แก้มกลมขึ้นสีชมพู ผิวพรรณเนียนผ่องดุจสำลีขาวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เป็นเหมือนดั่งของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต แม้จะเกิดมาไม่มีพ่อแต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยความรักจากครอบครัว แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของแพรพรรณเอง ที่เติบโตมากับความรู้สึกขาดสิ่งเหล่านี้ จึงยิ่งทำให้เธอรู้ว่ารักจากตากับยายนั้นสำคัญสำหรับเธอเพียงใดหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงกระซิบกับลูกน้อยในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย“ถึงหนูจะไม่มีพ่อเหมือนใครเขา แต่แม่ก็รักหนูที่สุดในโลกเลยนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”ตอนนี้ชีวิตของแพรมีความสุขตามอัตภาพ ใช้ชีวิตแบบสงบตามที่ตัวเองต้องการ และเธอก็เคยคิดว่าวิถีชีวิตนี้จะดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนถึงอนาคตข้างหน้าแต่ความสงบก็ไม่ยั่งยืนเมื่อแพรพรรณเข้ามาทำงาน ความสวยสะพรั่งของเธอก็ถูกตาต้องใจใครหลายคนเพียงแค่เข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาตามจีบแต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกราย เธอไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาในชีวิต ตอนนี
ทางด้านวิศรุต หลังจากรับรู้เรื่องราวที่ไม่เป็นจริงจากศศิจันทร์ แต่เขากลับเชื่ออย่างสนิทว่าแพรพรรณตั้งท้องกับชายอื่นจริง ๆ ทำให้ตัวเขาหมดแรงที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองและหญิงสาวแม้ในระหว่างนั้นจะมีรังรองและศศิจันทร์คอยให้ข่าวเรื่องที่เขากับเธอยังคงคบหากันอยู่เสมอแม้จะไม่ได้แต่งงานก็ตามวิศรุตความทุกข์ใจเสียใจมาทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด โหมงานอย่างหนักจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น จากชายหนุ่มที่มีความอ่อนโยนรอยยิ้มอบอุ่น ตอนนี้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมเขากลายเป็นผู้บริหารที่ผู้คนยำเกรงวิศรุตถูกจับตามองในฐานะของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงทำให้ บริษัทของเขารุ่งเรืองและก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม แต่ในความสำเร็จกลับไม่มีคนข้างกายที่ตัวเองโหยหา ตลอดเวลาที่ไม่มีแพรพรรณ เขาไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย แม้ศศิจันทร์จะพยายามเอาตัวเข้ามาในชีวิต เปลี่ยนตัวเองแค่ไหนก็ตามแต่กลับวิศรุตก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเดิม"เมื่อไหร่พี่รุตจะเลิกคิดถึงนังแพรเสียทีคะคุณแม่!" เสียงบ่นของศศิจันทร์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งที่เธอพยายามปรับปรุงตัวเองทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางให้เขาหันมาสนใจแต่เขาก็ไม่หันมามองสักที"ลูกต้องให้เวลาเขาหน่อย เรื
ทางด้านแพรพรรณตอนนี้เธออาศัยอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ในคอนโดที่เธอเช่าเอาไว้ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องที่ศศิจันทร์ข่มขู่เรื่องลูกของเธอ ในตอนที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความเครียดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอ เป็นศศิจันทร์ที่โทรเข้ามา เธอไม่ได้กดรับในทันที เพียงแต่นั่งจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเองและไม่นานนัก ข้อความก็เด้งขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามารัว ๆ‘อย่าลืมยินดีกับฉันด้วยล่ะ’ปลายนิ้วจิ้มไปที่หน้าจอก่อนจะเห็นรูปบัตรเชิญงานแต่งและรูปถ่ายอีกหลายใบหัวใจของเธอแหลกสลาย ราวกับถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ จนไม่เหลือชิ้นดี เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างช้า ๆ แม้รักวิศรุตมากเพียงใด แต่ภาพนั้นมันยืนยันกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาเลือกเดินต่อโดยไม่มีเธอการจากไปของเธออาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แพรพรรณสูดลมหายใจเข้าลึก กดบล็อกเบอร์ของศศิจันทร์ พร้อมกับตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างจากแม่เลี้ยงและน้องสาว ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำทั้งเสียงสะอื้น นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ก
“ขอบใจมาก และรับรู้เอาไว้ด้วยว่าเรื่องนี้ต้องไม่แพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ เข้าใจใช่ไหม” เธอย้ำเตือนกับหญิงวัยกลางคน ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ“ค่ะคุณ”ความคิดเหยียบย่ำคนในครอบครัวไม่มีทางที่จะลดลง ศศิจันทร์ขับรถออกไปจากบริเวณนั้นทันทีเธอตรงมาที่บริษัทของวิศรุต เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานและเปิดเข้าไปอย่างถึงวิสาสะวิศรุตเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง แววตาคมดุฉายชัดถึงความหงุดหงิดทันทีที่เห็นผู้บุกรุก “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา ศศิ!” เขาพูดเสียงเข้ม กรามขบแน่น “ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคนอย่างคุณ!”แต่ศศิจันทร์กลับส่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเดินเข้าไปใกล้แล้ววางซองเอกสารลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “ศศิแค่อยากให้พี่รุตตาสว่างเท่านั้นเองค่ะ" เธอยังคงยิ้มแล้วพูดต่อ"พี่รุตอยากรู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าแพรพรรณหายไปไหนมาตั้งสี่เดือนทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความหงุดหงิด ศศิจันทร์ก็ไม่รีรอ รีบเข้าเรื่องทันทีวิศรุตวางปากกาลงอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าว"เธอต้องการอะไรกันแน่?"เรื่องที่เธอบุกรุกเข้าบ้านเขาเพื่อทำร้ายแพรพรรณ เขายังไม่ทันเอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกล้
เช้าวันต่อมา ศศิจันทร์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางโถงห้องรับแขก มือเรียวกดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวต่างแม่ด้วยท่าทางเยือกเย็นเสียงสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดรับ“รับเร็วดีนี่...” ศศิจันทร์แสยะยิ้มเยาะ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ"ต้องการอะไร" เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบแต่ถ้าฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในน้ำเสียง“แค่อยากโทรมาแจ้งข่าวน่ะ” ศศิจันทร์พูดช้า ๆ อย่างจงใจ “ตอนนี้ฉันกับ พี่รุต เข้าใจกันดีแล้ว และเขาก็ ตกลงจะแต่งงานกับฉัน”“เมื่อไหร่...” เธอถามเบา ๆ ราวกับคนที่กำลังจะหมดแรง “เธอจะแต่งงานกับเขาเมื่อไหร่”เสียงเธอสั่นเครือจนแม้แต่คนใจร้ายอย่างศศิจันทร์ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นไหวนั้น แต่มันยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ไม่นานหรอกจ้ะ” ศศิพูดเสียงหวานหยัน “เสียใจด้วยนะ ในที่สุดพี่รุตก็เป็นของฉันจนได้”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้าวร้าน“แค่นี้ใช่ไหมศศิที่เธอต้องการ”“วันนี้เอาแค่นี้ก่อน อย่าเพิ่งทนไม่ไหวล่ะ!!”ศศิจันทร์ตัดสายทิ้งทันที แพรพรรณกำมือถือเอาไว้แน่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาอีกแล้ว ครั้งนี้เธอร้องไห้โฮโดยไม่อายใครอยู่ในห้องที่วิศรุ
“ใช่!! ฉันใจดำอำมหิตก็เพราะเป็นแก และอยากจะให้แกไม่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันเสียใจขนาดไหน” ความในใจที่ค้างคาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด“ในตอนที่ชีวิตแกมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แกไม่รู้หรอกว่าฉันกับแม่ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน แกไม่เคยรู้รสชาติของคนที่ถูกตามหน้าว่าไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดยังไง!! ถึงเวลาแล้วที่ฉันก็จะแย่งสิ่งที่แกรักและหวงแหนมาไว้กับตัว คือคนที่แกรักที่สุดไงล่ะนังหน้าโง่!”ความเคียดแค้นของศศิจันทร์ไม่ใช่วันนี้หรือเมื่อวาน แต่มันคือปมด้อยในใจเมื่อครั้งอดีต ที่แม่และเธอเฝ้ารอคอยให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขบ้างเหมือนกัน หากไม่มีแม่ของแพรพรรณมาขวางเอาไว้ ชีวิตเธอคงมีความสุขมากกว่านี้รังรองเป็นคนเอาความคิดชั่วร้ายมาใส่สมองของลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง ๆ ที่รังรองเป็นคนวางยาวิชัยในคืนนั้นยัดเยียดสถานะเมียน้อย ตอนนั้นเธอเองยังพูดว่าเต็มใจและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนสุดท้ายแล้วรังรองก็อยู่อย่างหลบซ่อนมาเป็นสิบปี จนวันนึงเธอทนไม่ไหวขึ้นมา เธอเป็นคนส่งภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างวิชัยกับเธอส่งให้พลอยใสดู ทำให้พลอยใสเสียใจและขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ซึ่งเรื่องราวที่เก







