หลายวันผ่านไป
โรงเรียนเอกชนชื่อดัง
“ว่าไงเธียรที่ให้วาดให้เสร็จมั้ย”
“แค่นี้เอง นี่ไง”
“ฝีมือดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่รับเป็นลูกศิษย์”
“หนูต้องขอบคุณครูมากนะคะ ที่สอนวิชาความรู้ให้ ถ้าไม่มีครูเธียรคงแย่” เด็กสาวในชุดนักเรียน ม. ปลาย ถักเปียสองข้างหน้าตาน่ารักสดใสสมวัย
“เสียดายที่เธียรน่าจะได้เรียนที่นี่ แต่ไม่เป็นไรคนมีพรสวรรค์อย่างเราเรียนที่ไหนมันก็เหมือนกัน” ครูหนุ่มใหญ่วัย 40 ต้น ๆ เป็นอีกคนที่คอยช่วยเหลือเด็กสาว ช่วยสอนศิลปะหางานให้ทำและวันนี้เพราะที่โรงเรียนที่ตัวเองสอนมีงานกิจกรรมแต่กลับไม่มีเวลา เลยไหว้วานเด็กสาวให้มาช่วย
อุตส่าห์ไปขออนุญาตโรงเรียนวัดต้นสังกัดมาทำงานช่วยทั้งวัน เย็นนี้เห็นทีต้องเลี้ยงขนมเด็กสาวที่ครูเองก็รักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกสาวคนหนึ่ง
“งั้นไปกินขนมกันครูพาไปเลี้ยง”
“เย่ ๆ ๆ ๆ ๆ” เหล่าเด็กนักเรียนที่มาช่วยงานต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ เพราะนานที ปีครั้งคุณครูจะพาไปเลี้ยง วันนี้ถือเป็นลาภปากต้องยกความดีให้ ธีรดาที่ขยันทำงานจนเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
“แต่เดินไปนะ ครูไม่มีรถ” พอได้ยินครูพูดแบบนั้นเหล่าเด็กซน ต่างพากันบ่นกันใหญ่ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาเมื่อรู้พิกัดร้านรีบเก็บกระเป๋าสัมภาระวิ่งแข่งกันให้วุ่นใครถึงก่อนเป็นผู้ชนะ
จะมีก็แต่เธียรที่เดินพูดคุยถามนั่นนี่กับครูเพื่อหาความรู้ใส่ตัว
“ครับว่างครับ ตอนนี้ผมอยู่หน้าโรงเรียนกำลังจะพาเด็กนักเรียนไปเลี้ยงขนม”
“ครับ ๆ งั้นเจอกันที่ร้านครับคุณปรมินทร์”
“วันนี้ได้กินกันพุงกางแน่ มีคนใจดีจะเลี้ยง” เสียงทุ้มนุ่มอบอุ่นพูดกับสาวน้อยหลังจากที่เพิ่งจะคุยสายกับประธานหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ขนาดเรียนยังไม่จบเขายังสามารถขึ้นนั่งแท่นบริหารงานแทนพ่อได้ ความสามารถคงไม่ต้องพูดถึงว่าจะเก่งระดับไหน
และที่เขาโทรมาคือต้องการจะปรึกษา อยากให้ครูหนุ่มใหญ่ช่วยเป็นกรรมการตัดสินงานออกแบบดิไซน์เครื่องเพชรที่กำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า
“ปรมินทร์ ชื่อเพราะจังค่ะ เขาเป็นใครเหรอทำไมครูดูเกรงใจเขาจัง” เด็กสาวมองหน้าครูอย่างสงสัย
“เรานี่มันขี้สงสัยตั้งแต่เด็กจนโตจริง ๆ”
“เด็กขี้สงสัยคือเด็กฉลาดครูบอกแบบนี้” รอยยิ้มที่สดใสเหมือนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจ พลอยทำคนเห็นที่เห็นต้องยิ้มตามและมีความสุขไปด้วย
ร้านXXX
“ทางนี้ครับคุณปรมินทร์” ครูประสิทธิ์ เรียกชื่อชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี ทันทีที่เขาก้าวขาเข้ามาในร้าน เหล่าบรรดาเด็กนักเรียนสาว ๆ ต่างมองอ้าปากค้างรวมถึงเธียร ที่ยังจำเจ้าของใบหน้าหล่อเสียงดุแววตาเย็นชาคู่นั้นได้เป็นอย่างดี
“……” พาร์ทปรายตามองเธียรที่ส่งยิ้มทักทายแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ครูประสิทธิ์ เธอก็อยากจะทักทายแต่ดูจากหน้าเขาที่เคร่งขรึม ท่าทางหยิ่งยโส เธียรก็ได้แต่แอบมองแล้วก็ยิ้มให้
ระหว่างที่ครูคุยงานเธียรก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าหล่อ ๆ ไม่กะพริบตา พอเวลาเขามองมาเธอก็แกล้งมองไปทางอื่น แต่ว่าก็ว่าเถอะยิ่งมองใกล้ ๆ เขายิ่งหล่อ
“พี่พาร์ท” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมคนตัวเล็ก หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาทัก ทำเอาเธียรถึงกับหน้าเปลี่ยนสี นี่เขามีแฟนแล้วเหรอ หมดกันพรหมลิขิตของเธออุตส่าห์ได้มาเจอกันอีกครั้ง
“โมจิ มากับใคร” ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น หัวใจดวงน้อย ๆ มันก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
“โมจิ! ทำไมไม่รอเราขาก็สั้นตัวก็เตี้ยเดินเร็วจังวะ” พร้อมกับเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกับเธอเพราะเขาใส่ชุดนักเรียน ม. ปลายแต่เป็นโรงเรียนชื่อดัง ที่เธอเคยฝันที่อยากจะไปเรียนแต่ก็ไม่มีปัญญา
ฟอด!!!
“นี่คือการทำโทษที่เดินหนีขุนศึก มาด้วยกันโมจิจะปล่อยให้ขุนศึกเดินคนเดียวไม่ได้นะรู้มั้ย” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปกอดคอ หอมแก้มเธอหนัก ๆ โดยไม่แคร์สายตาคนอื่นที่กำลังมอง
…งั้นก็แสดงว่าพี่ผู้หญิงคนสวยไม่ใช่แฟนพี่เขาสิ พาร์ทเหรอ ใช่เมื่อกี้พี่คนสวยเรียกพี่เขาว่าพาร์ท...
เธียรได้แต่นั่งมองหน้าพาร์ทแล้วเอาแต่พูดเพ้อยิ้มคนเดียวในใจ วาดฝันไปต่าง ๆ นานา เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยปลื้มใครมากเท่าเขามาก่อน
“ขุนศึก อีกแล้วนะ ทำไมชอบหอมแก้มโมจิ” โมจิมองค้อนคนขี้แกล้งที่ตอนนี้นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งสายตาเล็กตาน้อยให้เธียร
“เราชื่อขุนศึก ตัวเองชื่ออะไรมีใครบอกมั้ยว่าตัวเองน่ารักมาก มีแฟนยังสนใจเป็นแฟนกับเรามั้ย”
“หรือถ้าไม่อยากเป็นแฟนเราพร้อมจะให้แม่ไปขอสินสอดเท่าไรว่ามาพ่อเรารวย!”
“…..” เธียรได้ยินแบบนั้นถึงกับยิ้มแห้ง ก้มหน้าก้มตากินเค้กชิ้นโตโดยไม่สนใจใคร แล้วยิ่งแทบจะหยุดหายใจเมื่อขุนศึก รุกหนักเดินมานั่งใกล้ ๆ แล้วยิ่งสายตาเย็นชาคู่นั้นมองมาที มันทำให้เสียความเป็นตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว
“ขุนศึก เดี๋ยวเถอะน้องกลัวนายเห็นมั้ยขยับออกมา”
เพียะ!
โมจิฟาดฝ่ามือตีแขนน้องชายอย่างแรง
“น้องไม่ต้องกลัว พี่ชื่อโมจิเป็นน้องสาวพี่พาร์ท ส่วนคนนี้ชื่อขุนศึกน้องชายพี่เอง ขุนศึกก็แบบนี้ ไม่ต้องไปสนใจเห็นใครน่ารักหน่อยเป็นไม่ได้” โมจิยิ้มให้เธียรอย่างเป็นมิตร
แต่มันต้องดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่าน้องสาวไม่ใช่แฟนเขาอย่างที่เธอคิด เฮ้อ นึกว่าต้องอกหักเสียแล้วเพิ่งจะแอบปลื้มได้ไม่กี่วันเองแท้ ๆ แต่พอได้ยินแบบนี้มันก็ยิ้มได้ทันที
ส่วนคนหน้าขรึมไม่ได้สนใจเธอสักนิดที่เขามองคือมองปรามน้องชายเขาที่มันกะล่อน สมแล้วที่โตมากับยัยญี่ปุ่นตัวแสบ
“ตัวเองไม่ต้องมาพูดเลยโมจิ หึงเขาสิไม่ว่า ป้อนหน่อยวันนี้เล่นบาส เจ็บมือกินเองไม่ได้” ส่วนคนกะล่อนพอถูกพี่ ๆ ดุก็เปลี่ยนที่นั่งมานั่งข้างโมจิ เอียงหน้าถูแขนพูดเสียงอ่อนเสียงหวานใครไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันยังไงก็ต้องบอกว่าเป็นแฟนกัน
ส่วนโมจิก็ได้แต่ถอนหายใจ คงเพราะพี่สาวเธอชอบวอแวภูผา ตัวเองเลยต้องมาเจอกับขุนศึกที่ตอนนี้ทำตัวติดไม่ว่าจะเดินไปไหนขุนศึกก็ต้องตามไปทุกที่ เหตุจากที่หวงพี่สาว กลัวมีคนมาจีบ
“กลับก่อนนะคนสวย เสียดายที่แฟนเขาหวงไว้แฟนเผลอเจอกันครับ” ขุนศึกทำตาใสแป๋วใส่ก่อนจะเดินโอบไหล่โมจิเดินออกจากร้าน ที่บังเอิญมานั่งที่ร้านประจำแล้วมาเจอพี่ชายเข้าพอดี
ส่วนเธียรไม่ได้สนใจในคำพูดขุนศึกสักนิด กลับเอาแต่มองพาร์ท ที่คุยกับครู มองเขาแล้วก็ยิ้ม พอเขามองมาก็ทำเป็นมองไปทางอื่น
“งั้นเอาเป็นว่าครูตกลงที่จะช่วยผม ไว้ผมจะให้คนของอากันต์จัดการทุกอย่างให้ ถ้าครูขาดเหลืออะไรก็บอกได้” พาร์ท ลุกขึ้นปรายตามองเธียรอย่างเอือมระอาที่เธอเอาแต่มองหน้าเขาแล้วก็เอาแต่ยิ้ม
ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน เธียรได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปตาละห้อย
“เทพบุตรซาตาน” ปากเล็กพูดบ่นหมุบหมิบเขาจะรู้ไหมนะว่าตั้งแต่วันนั้นเธอก็เหมือนคนบ้านอนกอดเสื้อ ฝันถึงผู้ชายแปลกหน้าที่ช่วยเธอไว้
เขาเปรียบเหมือนพรหมลิขิตสำหรับเธอ แต่เธอกลับเป็นความหงุดหงิดรำคาญใจสำหรับเขา เพราะในใจเขาตอนนี้มันมีแค่ฟองเบียร์น้องสาวที่เขารักมาตั้งแต่เด็กและไม่คิดที่จะรักใครอีกแล้ว
“พี่พาร์ท” ตอนนี้เราสองคนอยู่หน้างาน และมือเท้ามันก็เย็นเฉียบรู้สึกประหม่าจนก้าวขาไม่ออก“กลัวอะไรฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน” เขาหอมที่หัวหนัก ๆ หนึ่งทีแล้วเดินโอบเอว พาฉันเดินเข้าไปในงาน และพอเราสองคนเดินเข้าไปทุกสายตาก็มองมาที่ฉันเป็นตาเดียว“ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวปกติ” พี่พาร์ทพูดปลอบและพาฉันเดินตรงเข้าไปหากลุ่มนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง“สวัสดีครับ” พี่พาร์ททักทายพวกเขาอย่างนอบน้อม แต่ว่าทำไมทักทายภาษาไทยล่ะ“เอาคุณปรมินทร์ นึกว่าจะไม่มางานนี้ซะแล้ว” เขาพูดและยิ้มอย่างเป็นกันเองกับพี่พาร์ทและมองมาที่ฉัน“ธีรดา ภรรยาผมครับ” ก่อนพี่พาร์ทจะแนะนำให้ฉันที่ได้แต่ยืนอึ้งให้ทุกคนรู้จัก ที่อึ้งคือแล้วที่เขาให้เรียนหัดพูดภาษาจีนเพื่ออะไร เท่าที่มองดูในงานมีแต่คนไทยและเขาก็ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกัน“ภรรยา!!” ทุกคนอุทานเป็นเสียงเดียวกัน“สวัสดีค่ะ” สองมือยกขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ต้องแอบจิกตากัดคนข้าง ๆ“พี่แกล้งหนูอีกแล้วนะ” ฉันพูดกระซิบกระซาบบิดเอวหนาแรง ๆ อย่างหมั่นไส้“......” พี่พาร์ทไม่พูดอะไรแค่ปรายตามอง และหันไปพูดคุยเรื่องธุรกิจแต่มือเขามันอยู่นิ่งเสียที่ไหน ลูบไล้แผ่นหลังสัมผัสมันชว
และแล้ววันที่ฉันกลัวก็มาถึง วันนี้เป็นวันที่จะต้องออกงานคู่กับพี่พาร์ทเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ออกงานสังคมแบบนี้ เฮ้อ.....“เธอต้องทำได้สิธีรดา” ร่างเล็กในชุดคลุม จ้องหน้าตัวเองในกระจก พูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำส่วนพี่พาร์ทไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เช้า จนป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก แค่โทรมาบอกให้แต่งตัวรอแล้วจะมารับ ดีนะที่แม่กับพี่ฟองเบียร์อยู่เลยปลีกตัวออกจากตัวเล็กได้ เหมือนน้องจะรู้ว่าคืนนี้ต้องกลับดึกงอแงไม่ยอมห่างอกทั้งวัน แต่พอพี่พอร์ช มาอุ้มไปเล่นไปกับคุณอาเฉย ลูกสาวใครนะ เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้...“ว่าแต่จะทำไงล่ะเนี่ย” แต่งหน้าก็พอไหวแต่ทำผมจะทำทรงไหนดีถึงจะเข้ากับชุดที่พี่ญี่ปุ่นเตรียมไว้ให้ มันเป็นชุดราตรียาวสีดำดูเรียบ ๆ แต่แอบเซ็กซี่นิด ๆ หวังว่าใส่แล้วพี่พาร์ทคงจะไม่ฆ่าฉันทิ้งนะก๊อก ก๊อก ก๊อก“ใครคะ” ฉันที่กำลังแต่งหน้าเดินไปเปิดประตู“พี่พาร์ท” พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้าที่มาพร้อมกล่องสีแดงขนาดใหญ่ในมือสองกล่อง“........” พี่พาร์ทเงียบไม่พูดอะไรเดินเอากล่องไปวางไว้บนเตียง แล้วเดินออกไปนอกห้องท่ามกลางความงุนงงของฉันที่ได้แต่มองตามแล้วเกาหัว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” และก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปเมื่อพี่พาร์ทมีท่าทีแปลก ๆ เขาดูเงียบและกังวลมาก“พี่ไม่สบายหรือเปล่า” มือเล็กเอื้อมขึ้นไปแตะหน้าผากคนตัวโต“......” พี่พาร์ทเงียบ เอาแต่จ้องหน้ามอง เหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด“ดึกแล้วหนูว่าเรากลับกันมั้ย” ตัวเล็กหาว ไปหลายรอบแล้ว ตาหวานเยิ้มแล้วตอนนี้“คือ...ฉัน”“คือ...คืออะไรพี่ก็พูดมาสิคะ” ฉันพูดยิ้ม ๆ เดินเข้าไปกอดเขา“พี่จะขอหนูแต่งงานเหรอ? เมื่อวานที่ชายหาดพี่กำลังจะขอหนูแต่งงานแต่โดนขัดก่อนใช่มั้ย”“.......” เขาเงียบ แสดงว่าฉันพูดถูก“ทำไมคะ เขินเหรอ แค่ขอแต่งงานเอง”“เธอนี่ไม่มีความโรแมนติกเลยนะธีรดา” พี่พาร์ททำเสียงดุ“เอ้า อะไร มาดุหนูทำไมคะ ก็ตัวเองจะพูดก็ไม่พูด แค่ขอแต่งงานเองมันพูดยากตรงไหน ถ้าพี่เขินเดี๋ยวหนูขอพี่เองก็ได้ แต่สินสอด?” ฉันทำหน้าครุ่นคิดมองหน้าพี่พาร์ทแล้วยิ้มกริ่ม“เอาตัวหนูเป็นสินสอดแทนได้มั้ย” พร้อมทำท่าทางเหนียมอายเมื่อเขาเอาแต่มองหน้าพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น“ตะ....”“ชู่ว...เบา ๆ ค่ะตัวเล็กกำลังจะหลับ” ฉันพูดเสียงเบาเอามือลูบหลังตัวเล็กที่ค่อย ๆ โน้มหน้าซบลงที่ไหล่พ่อ ดวงตากลมโตคู่เล็กปรือตามองหน้
“ทำอะไรทำไมไม่ไปอาบน้ำแต่งตัว”“จะไปไหนได้พี่ก็ดูสิ”พรึบ!!ฉันเปิดผ้าห่มให้พี่พาร์ทที่เพิ่งเดินเข้ามาดูลูกสาวตัวน้อยสุดที่รักของเขา นอนอยู่บนตัวแม่ปากก็ดูดนม อีกมือก็จับเต้า สองขาเต้นขย่ม เฮ้อ...เด็กหญิงพลอยชมพูจอมแสบ“ไม่ต้องมายิ้มเลย แม่เจ็บนะ” ตัวเล็กผละริมฝีปากจากเต้าส่งยิ้มหวานให้พ่อและแม่แล้วอ้าปากงับดูดนมต่อ แล้วคุณเธอก็เล่นอยู่แบบนั้นนานเป็นชั่วโมง กว่าจะยอมลงจากตัวแม่ เฮ้อ...ถึงจะเหนื่อยจะเจ็บบ้างแต่มันก็คือความสุข อีกหน่อยน้องโตเขาก็จะค่อย ๆ ห่างจากเราไปเรื่อย ๆ เลยอยากอยู่ใกล้ชิด มอบความรักให้ลูกเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้“ตัวเล็กมาหาป๊า ให้แม่ไปแต่งตัว” พี่พาร์ทรับตัวเล็กที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จที่ยิ้มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่ได้แกล้งแม่“ไปอาบน้ำฉันพาลูกไปเดินเล่นรอ” มือหนาลูบมาที่หัวพร้อมดึงร่างเล็กเข้าไปกอด“เจ้าค่ะ หนูจะรีบอาบน้ำแต่งตัว ทุกคนจะได้ไม่ต้องรอนาน” สองแขนกอดเอวหนาไว้แน่น ก่อนจะหอมแก้มพ่อลูกคนละหนึ่งฟอดใหญ่แล้ววิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำฉันใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเท่าไร แต่ต้องมาหนักใจจะใส่ชุดไหนดี?“เสร็จแล้วค่ะ” ฉันรีบวิ่งออกจากห้องไปหาพี่พาร์ทและคนอื่น ๆ ที่รอ
“เป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันก็ไม่น่าถามพี่พาร์ทเลย หน้าบึ้งแบบนี้จะมีอะไรนอกจากงอนลูก ตอนนี้ตัวเล็กไม่สนใจป๊าเลย เล่นสนุกอยู่กับเหล่าอา ๆ ที่ดูจะหลงหลานสาวตัวน้อย โดยเฉพาะขุนศึกที่น้องพลอยติดมากกว่าคนอื่น ห่างกันเป็นไม่ได้ร้องตามตลอด“........” พี่พาร์ทไม่พูดอะไร กลับหันมามองค้อน เสียอย่างนั้น“เกี่ยวอะไรกับหนู หนูจะไปรู้ได้ไงว่าน้อง ๆ พี่จะตามมา” น่าขำจริง ๆ เวลาที่พี่พาร์ทงอน งอแงกว่าน้องพลอยอีก“ถือว่าได้พักผ่อนค่ะ มีคนช่วยดูลูกก็ดีแล้ว หนูดีใจนะ ที่ทุกคนรักและเอ็นดูน้องพลอย พี่รู้มั้ยตอนที่น้องเกิดวันแรก พยาบาลที่ทำคลอดอุ้มน้องไม่ยอมวางเลย”“พี่รู้มั้ยว่าหนูรู้สึกดีมากแค่ไหนที่ทุกคนไม่รังเกียจน้อง” ความรู้สึกวันนั้นที่คลอดตัวเล็กมันยังจำไม่เคยลืม มันเป็นความเจ็บปวดที่สวยงาม มันเป็นความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม“รักตั้งแต่แรกเจอ รักทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยได้เจอหน้า ครั้งแรกที่ได้อุ้มลูกมือหนูสั่น จนพี่ณัฐต้องช่วยอุ้ม” ฉันพูดไปยิ้มไปพร้อมน้ำตาเม็ดใสที่มันไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว“หนูเข้าใจว่าพี่หวงลูก แต่นั่นมันน้องพี่นะคะ คุณป๊าขี้หวงไม่งอแงสิ เห็นมั้ยตัวเล็กสนุกใหญ่เลย” ฉันรีบเปลี่ยนเ
“พี่พาร์ท! ตื่นได้แล้วสายแล้วนะ”“ตื่น!! หิวข้าว!!”“......” เงียบไร้ซึ่งคำตอบจากคนตัวโตที่นอนนิ่งไม่ขยับตัว ฉันกับตัวเล็กอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเป็นชั่วโมงแล้วแต่พี่พาร์ท กลับไม่ยอมตื่น“พี่พาร์ทหนูหิว...ตื่นมาทำอาหารให้กินก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”“......” เขายังคงเงียบและค่อย ๆ ลืมตา มองหน้าฉันกับลูก สมน้ำหน้าเมื่อคืนแกล้งฉันดีนัก พอตอนเช้ามาตัวเองตื่นสายเอง“ไปเลยค่ะ หนูหิวแล้ว กินข้าวเสร็จพาไปเดินเล่นด้วย หนูอยากพาน้องไปเดินริมชายหาดฝั่งโน้น” ฉันพูดและยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยังทำหน้างัวเงีย“ฉันเป็นผัวเธอนะเธียร ไม่ใช่คนรับใช้ที่จะต้องมาคอยทำอาหารให้เธอกิน” บ่นเป็นตาแก่ไปได้“ก็เป็นผัวนั่นแหละหนูถึงใช้ อยากกินฝีมือพี่ พี่ทำอร่อย นะคะ ไปทำให้หน่อยหิว” ฉันยิ้มตาหยีให้พี่เขาที่เอาแต่ส่ายหัว ก่อนร่างหนาจะค่อย ๆ ลุกออกจากเตียง“รอป๊าก่อนนะครับ ป๊าไปทำอาหารให้แม่หนูก่อนแล้วเราไปเดินเล่นกัน” เขาพูดยิ้มกับลูกอย่างอารมณ์ดี ตัวเล็กก็อ้อนเอาใจยิ้มหวานให้พ่อ“ส่วนเธอใช้งานฉันหนักไปแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ”ฟอด“แหวะ...เหม็นไม่ต้องมาหอมหนูเลยไปทำอาหารก่อนหิวจนจะกินพี่ เข้าไปได้ทั้งตัวอยู่แล้ว” ทำเป็นมาหอม ก่อนหน้