…. เธียร…..
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คล้าย ๆ โลกมันเปลี่ยนไป
มองไปทางไหน สวยงามกว่าเคยทุกครั้ง
ทางโน้นก็ดูแปลกไป หัวเราะได้จนสุดทาง
โลกช่างสดใสทั้งวัน
“คิ้ว หู ตา จมูก ปาก”
“คนอะไรหล่อไม่มีที่ติ”
“พี่พาร์ท พี่พาร์ท พี่พาร์ทของน้องเธียร” ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรเหมือนกัน ถึงได้กลายเป็นคนบ้าถึงขนาดเก็บเอามาฝัน ลุกขึ้นหยิบดินสอมาวาดภาพ ผู้ชายที่แทบจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ นี่ไหมนะเขาเรียกรักแรกพบ
“จะมองมุม ซ้ายก็หล่อ ขวาก็หล่อ จะมุมข้าง ๆ ด้านหน้า ด้านหลัง อร๊าย ๆ ๆ ๆ ๆ กรี๊ดดดดด คนหล่อ”
…ธีรดาพูดยิ้มคนเดียวมองภาพชายหนุ่มในฝันที่เธอลงมือวาดขึ้นมา ไม่ว่าจะมองภาพนี้ทีไรมันก็ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ พองโต
“ทำยังไงนะหนูถึงจะได้เจอพี่อีก” เฮ้อ แต่ก็คงได้แค่แอบฝัน คนที่มีพร้อมทุกอย่างแบบนั้น เขาคงจะมาสนใจเด็กข้างถนนอย่างเธอ ธีรดา แต่ใครสนกันล่ะ การรักใครสักคนมันไม่ได้จำกัดว่าต้องได้เขามาครองแค่ได้แอบมองและแอบรักมันก็สุขใจ
ก็เหมือนเวลาเราดูซีรีส์แล้วเห็นพระเอกหล่อ ๆ ใครถูกใจก็มโนว่าเขาคือแฟนเรา ความสุขมันอยู่ที่เราต่างหาก แต่ตอนนี้เธอควรตื่นจากฝันยัยบ๊องแล้วอาบน้ำไปทำงานได้แล้ว ไม่ได้บอกใครนะฉันบอกกับตัวเองนี่แหละ
วันนี้เป็นวันเสาร์ ทุกวันหยุดต้องไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้าน MK ที่ห้างดีที่ผู้จัดการเขารับเด็กที่ไม่ถึง 18 เข้าทำงาน เด็กก็ทำงานได้นะ ขอแค่ได้เงิน
“แล้วเจอกันนะคะพี่พาร์ท” หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ไม่ลืมที่จะจุ๊บแก้มคนในภาพเพื่อจะได้มีแรงทำงาน
ตอนนี้ก็ 07.00 น. กว่าจะไปถึงก็เวลาทำงานพอดี ก็คงต้องนั่งรถเมล์ไป ขึ้นแท็กซี่แพงก็แพงแบบนี้ประหยัดกว่ากันเยอะ ถึงจะต้องตื่นเช้าหน่อยแต่เธียรไหว แค่นี่เอง
อีกแค่ 5 เดือนก็จะครบ 18 ปี ถึงเวลานั้นก็ทำงานได้หลายอย่างขอแค่ขยัน แค่นั้นก็ไม่อดตายแล้ว
“มีงานก็มีเงิน อยากมีเงินก็ต้องทำงาน” นี่คือสิ่งที่ท่องทุกวัน คนเราเกิดมาต่างกัน แค่ได้เกิดมาเป็นคนก็บุญเท่าไรแล้ว ใครจะดูถูกก็ช่างเราไม่ได้ไปขอเขากิน
หลายครั้งที่เพื่อน ๆ ชอบพูดดูถูก ลูกไม่มีพ่อไม่มีบ้างละ เด็กข้างถนนบ้างละ แล้วไงก็มันจริงอย่างที่เขาว่าแต่ฉันก็ไม่เคยโกรธนะ แค่คิดว่ามันคือแรงผลักดันทำให้มีความเข้มแข็งกว่าคนอื่น คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ เก็บเอาคำดูถูกมาเป็นแรงใจ คอยหมั่นเติมพลังให้ตัวเองอยู่ตลอดแค่นี้ก็พอแล้ว
เราห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้แต่เราห้ามความคิดตัวเองได้ ห้ามท้อ ห้ามหมดหวังเราต้องทำให้ได้แค่นั้นพอ
“สวัสดีค่ะ” สองมือยกมือไหว้พี่นงนุช ผู้จัดการใจดีที่รับเข้าทำงาน
“มาแต่เช้าทุกวันเลยนะ อีกตั้ง 20 นาทีกว่าร้านจะเปิด” พี่นุชพูดยิ้ม ๆ
“วันนี้รถไม่ติดค่ะ เธียรไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” ฉันยิ้มให้พี่เขา เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กว่าร้านจะเปิดก็ไม่มีอะไรทำก็ปัดกวาดถูพื้นรอ ดีกว่าอยู่เฉย ๆ
“วันนี้คนเยอะ เหนื่อยหน่อยนะ”
“แค่นี้เองสบายมากเธียรไหว” ปากบอกไหวแต่คือท้องมันบอกว่าหิวข้าว เมื่อเช้ามัวแต่เพ้อถึงพี่พาร์ท ลืมกินข้าวก่อนออกมาแล้วของกินที่นี่แพงจะตาย อดทนไว้เธียรเดี๋ยวพักเที่ยงได้กินข้าวร้านข้างทางที่ทั้งถูกและอร่อยแล้ว
“เธียรเป็นอะไร หน้าซีด ๆ นะ” พี่พนักงานเดินเข้ามาถาม
“เปล่าคะ เธียรแค่มึน ๆ คนเยอะ” แต่วันนี้คนเยอะจริงนะ พูดจบก็รีบเดินเอาของไปเสิร์ฟ ตั้งแต่เช้ามาเดินไปกลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ได้แล้วมั้ง
“พี่พาร์ท เร็วญี่ปุ่นหิวแล้วนะตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
“โมจิเดินเร็วได้มั้ย”
“ภูผา ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย”
“ส่วนนาย ขุนศึกถอยออกมาห่าง ๆ น้องสาวฉัน”
พอได้ยินชื่อพี่พาร์ทฉันหันขวับคอแทบหัก เป็นเขาจริง ๆ ด้วย ตัวจริงเสียงจริง เขาเดินมากับพี่ผู้หญิงคนนั้นที่เจอกันเมื่อวันก่อน กับผู้ชายที่กวน ๆ กับผู้ชายอีกคนที่เหมือนเขาเลยดูนิ่ง ๆ ขรึม ๆ ส่วนผู้หญิงที่ควงแขนพี่เขาเข้ามาเธอดูสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด เสื้อเกาะอกเอวลอย กางเกงยีนเอวสูงเธอดูสวยมาก ได้แต่มองตามพี่พาร์ทตาละห้อย เหมือนหมามองเครื่องบินเลยฉัน
“รับอะไรดีคะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เดินเข้าไปพูดยิ้ม เพราะนี่มันคือหน้าที่ของพนักงานเสิร์ฟอย่างฉัน แต่ตาเจ้ากรรมมันก็ได้แต่แอบมองพี่เขาอยู่ได้ คนอะไรหล่อไม่เว้นวันหยุดราชการ
“คนน่ารัก นี่เองนึกว่าใคร” เป็นผู้ชายคนนั้นที่ชื่ออะไรนะ เขาชื่อขุนศึกใช่น่าจะชื่อนี้พูดขึ้น
“เอาอันนี้ อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ค่ะ” เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวแซ่บ ๆ สั่ง
“ภูผาตัวเองกินอะไรญี่ปุ่นสั่งให้” แล้วหันไปพูดยิ้มกับผู้ชายอีกคน แบบนี้เธอก็ไม่ใช่แฟนพี่พาร์ทสิ แต่เธอจะดีใจอะไรธีรดา ถึงเขาจะไม่ใช่แฟนกันเขาก็ไม่มองเธอหรอก นี่ขนาดส่งยิ้มให้ขนาดนี้เขายังทำเหมือนเธอเป็นแค่ธาตุอากาศ เฮ้อ คงเป็นได้แค่เทพบุตรในฝันเพราะตัวจริงเขาคือซาตาน ชอบฆ่าคนด้วยสายตา
“โมจิล่ะกินอะไร” ผู้ชายที่ชื่อขุนศึกพูดขึ้นแต่เขายังส่งยิ้มให้ ก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้ไปมันไม่ได้เขินนะแต่มันแปลก ๆ เขาดูกะล่อนมากผู้ชายคนนี้
“พี่สั่งไปเยอะแล้วโมจิไม่เอาอะไรแล้วค่ะ”
“งั้นเอาแค่นี้”
แล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งก่อนจะเดินกลับเข้าครัว ฮื่อ พี่พาร์ทไม่แม้แต่จะมองมาเลย อยากร้องดัง ๆ แต่ไม่เป็นไรแค่ได้ปลื้มได้แอบมองเขาแบบนี้ก็ดีใจแล้ว
“คนอะไร แค่นั่งเฉย ๆ ยังหล่อ” ระหว่างที่รับออร์เดอร์ลูกค้าอีกโต๊ะ ก็ได้แต่แอบมองพี่เขาที่พูดยิ้มอยู่กับใครไม่รู้พี่น้องเขาแหละ
“อึก” แต่พอเขามองมามันก็ต้องตกใจ รีบตีเนียนทำเป็นว่าไม่ได้มอง แต่จะทันไหมไม่รู้ เนียน ๆ เข้าไว้ อย่าไปมอง อย่าไปแสดงออกว่าเธอชอบเขา
“แต่เขาหล่อจริงนะ” อีตาบ้าจะมองเขาอะไรหนักหนา เหมือนคนบ้าแล้วตอนนี้ด่าตัวเองในใจ
“พอ ๆ ๆ ๆ เลิกมองเลิกคิดทำงาน ทำงาน ทำงานเธียร” พอดึงสติกลับมาได้สองขาก็รีบเดินเอา ออร์เดอร์ลูกค้าไปส่ง
“น้องระวัง!!!!”
โครม!!!
เพล้ง!!!
“อัก อึก”
“ฮื่อ ฮื่อ เจ็บ เจ็บ”
“ว้าย ตายแล้วใบเตยลูกแม่!!!”
ระหว่างที่กำลังจะเดินเอาบิลออร์เดอร์ไปส่ง สายตามองไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กกำลังยืนอยู่หน้าป้ายร้าน และเหมือนป้ายมันจะล้ม สองขารีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวน้องออกมา แต่ด้วยขาที่สั้นน้องไม่เป็นไรแต่ป้ายมันทับขาฉันเต็ม ๆ
“ฮื่อ เจ็บ เจ็บ”
“พาน้องไปหาหมอก่อนค่ะ ต้องขอโทษจริง” ตอนที่วิ่งเข้าไปช่วยน้องคงจะพุ่งเข้าไปแรงเกินไปหัวน้องเลยกระแทกพื้นดีนะที่ไม่แตก
แต่ตอนนี้มันปวดที่ข้อเท้ามาก ได้ยินแค่เสียงพี่นุชที่ขอโทษพ่อแม่เด็ก ในร้านก็วุ่นวายคงจะตกใจเพราะเสียงป้ายล้มมันดังมาก
“พะ... พี่นุช ชะ... ช่วย”
“พี่พาร์ท” ตอนนี้เราสองคนอยู่หน้างาน และมือเท้ามันก็เย็นเฉียบรู้สึกประหม่าจนก้าวขาไม่ออก“กลัวอะไรฉันอยู่ตรงนี้ทั้งคน” เขาหอมที่หัวหนัก ๆ หนึ่งทีแล้วเดินโอบเอว พาฉันเดินเข้าไปในงาน และพอเราสองคนเดินเข้าไปทุกสายตาก็มองมาที่ฉันเป็นตาเดียว“ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวปกติ” พี่พาร์ทพูดปลอบและพาฉันเดินตรงเข้าไปหากลุ่มนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง“สวัสดีครับ” พี่พาร์ททักทายพวกเขาอย่างนอบน้อม แต่ว่าทำไมทักทายภาษาไทยล่ะ“เอาคุณปรมินทร์ นึกว่าจะไม่มางานนี้ซะแล้ว” เขาพูดและยิ้มอย่างเป็นกันเองกับพี่พาร์ทและมองมาที่ฉัน“ธีรดา ภรรยาผมครับ” ก่อนพี่พาร์ทจะแนะนำให้ฉันที่ได้แต่ยืนอึ้งให้ทุกคนรู้จัก ที่อึ้งคือแล้วที่เขาให้เรียนหัดพูดภาษาจีนเพื่ออะไร เท่าที่มองดูในงานมีแต่คนไทยและเขาก็ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกัน“ภรรยา!!” ทุกคนอุทานเป็นเสียงเดียวกัน“สวัสดีค่ะ” สองมือยกขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ต้องแอบจิกตากัดคนข้าง ๆ“พี่แกล้งหนูอีกแล้วนะ” ฉันพูดกระซิบกระซาบบิดเอวหนาแรง ๆ อย่างหมั่นไส้“......” พี่พาร์ทไม่พูดอะไรแค่ปรายตามอง และหันไปพูดคุยเรื่องธุรกิจแต่มือเขามันอยู่นิ่งเสียที่ไหน ลูบไล้แผ่นหลังสัมผัสมันชว
และแล้ววันที่ฉันกลัวก็มาถึง วันนี้เป็นวันที่จะต้องออกงานคู่กับพี่พาร์ทเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ออกงานสังคมแบบนี้ เฮ้อ.....“เธอต้องทำได้สิธีรดา” ร่างเล็กในชุดคลุม จ้องหน้าตัวเองในกระจก พูดให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำส่วนพี่พาร์ทไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เช้า จนป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก แค่โทรมาบอกให้แต่งตัวรอแล้วจะมารับ ดีนะที่แม่กับพี่ฟองเบียร์อยู่เลยปลีกตัวออกจากตัวเล็กได้ เหมือนน้องจะรู้ว่าคืนนี้ต้องกลับดึกงอแงไม่ยอมห่างอกทั้งวัน แต่พอพี่พอร์ช มาอุ้มไปเล่นไปกับคุณอาเฉย ลูกสาวใครนะ เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้...“ว่าแต่จะทำไงล่ะเนี่ย” แต่งหน้าก็พอไหวแต่ทำผมจะทำทรงไหนดีถึงจะเข้ากับชุดที่พี่ญี่ปุ่นเตรียมไว้ให้ มันเป็นชุดราตรียาวสีดำดูเรียบ ๆ แต่แอบเซ็กซี่นิด ๆ หวังว่าใส่แล้วพี่พาร์ทคงจะไม่ฆ่าฉันทิ้งนะก๊อก ก๊อก ก๊อก“ใครคะ” ฉันที่กำลังแต่งหน้าเดินไปเปิดประตู“พี่พาร์ท” พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้าที่มาพร้อมกล่องสีแดงขนาดใหญ่ในมือสองกล่อง“........” พี่พาร์ทเงียบไม่พูดอะไรเดินเอากล่องไปวางไว้บนเตียง แล้วเดินออกไปนอกห้องท่ามกลางความงุนงงของฉันที่ได้แต่มองตามแล้วเกาหัว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” และก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปเมื่อพี่พาร์ทมีท่าทีแปลก ๆ เขาดูเงียบและกังวลมาก“พี่ไม่สบายหรือเปล่า” มือเล็กเอื้อมขึ้นไปแตะหน้าผากคนตัวโต“......” พี่พาร์ทเงียบ เอาแต่จ้องหน้ามอง เหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด“ดึกแล้วหนูว่าเรากลับกันมั้ย” ตัวเล็กหาว ไปหลายรอบแล้ว ตาหวานเยิ้มแล้วตอนนี้“คือ...ฉัน”“คือ...คืออะไรพี่ก็พูดมาสิคะ” ฉันพูดยิ้ม ๆ เดินเข้าไปกอดเขา“พี่จะขอหนูแต่งงานเหรอ? เมื่อวานที่ชายหาดพี่กำลังจะขอหนูแต่งงานแต่โดนขัดก่อนใช่มั้ย”“.......” เขาเงียบ แสดงว่าฉันพูดถูก“ทำไมคะ เขินเหรอ แค่ขอแต่งงานเอง”“เธอนี่ไม่มีความโรแมนติกเลยนะธีรดา” พี่พาร์ททำเสียงดุ“เอ้า อะไร มาดุหนูทำไมคะ ก็ตัวเองจะพูดก็ไม่พูด แค่ขอแต่งงานเองมันพูดยากตรงไหน ถ้าพี่เขินเดี๋ยวหนูขอพี่เองก็ได้ แต่สินสอด?” ฉันทำหน้าครุ่นคิดมองหน้าพี่พาร์ทแล้วยิ้มกริ่ม“เอาตัวหนูเป็นสินสอดแทนได้มั้ย” พร้อมทำท่าทางเหนียมอายเมื่อเขาเอาแต่มองหน้าพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น“ตะ....”“ชู่ว...เบา ๆ ค่ะตัวเล็กกำลังจะหลับ” ฉันพูดเสียงเบาเอามือลูบหลังตัวเล็กที่ค่อย ๆ โน้มหน้าซบลงที่ไหล่พ่อ ดวงตากลมโตคู่เล็กปรือตามองหน้
“ทำอะไรทำไมไม่ไปอาบน้ำแต่งตัว”“จะไปไหนได้พี่ก็ดูสิ”พรึบ!!ฉันเปิดผ้าห่มให้พี่พาร์ทที่เพิ่งเดินเข้ามาดูลูกสาวตัวน้อยสุดที่รักของเขา นอนอยู่บนตัวแม่ปากก็ดูดนม อีกมือก็จับเต้า สองขาเต้นขย่ม เฮ้อ...เด็กหญิงพลอยชมพูจอมแสบ“ไม่ต้องมายิ้มเลย แม่เจ็บนะ” ตัวเล็กผละริมฝีปากจากเต้าส่งยิ้มหวานให้พ่อและแม่แล้วอ้าปากงับดูดนมต่อ แล้วคุณเธอก็เล่นอยู่แบบนั้นนานเป็นชั่วโมง กว่าจะยอมลงจากตัวแม่ เฮ้อ...ถึงจะเหนื่อยจะเจ็บบ้างแต่มันก็คือความสุข อีกหน่อยน้องโตเขาก็จะค่อย ๆ ห่างจากเราไปเรื่อย ๆ เลยอยากอยู่ใกล้ชิด มอบความรักให้ลูกเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้“ตัวเล็กมาหาป๊า ให้แม่ไปแต่งตัว” พี่พาร์ทรับตัวเล็กที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จที่ยิ้มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่ได้แกล้งแม่“ไปอาบน้ำฉันพาลูกไปเดินเล่นรอ” มือหนาลูบมาที่หัวพร้อมดึงร่างเล็กเข้าไปกอด“เจ้าค่ะ หนูจะรีบอาบน้ำแต่งตัว ทุกคนจะได้ไม่ต้องรอนาน” สองแขนกอดเอวหนาไว้แน่น ก่อนจะหอมแก้มพ่อลูกคนละหนึ่งฟอดใหญ่แล้ววิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำฉันใช้เวลาอาบน้ำไม่นานเท่าไร แต่ต้องมาหนักใจจะใส่ชุดไหนดี?“เสร็จแล้วค่ะ” ฉันรีบวิ่งออกจากห้องไปหาพี่พาร์ทและคนอื่น ๆ ที่รอ
“เป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ฉันก็ไม่น่าถามพี่พาร์ทเลย หน้าบึ้งแบบนี้จะมีอะไรนอกจากงอนลูก ตอนนี้ตัวเล็กไม่สนใจป๊าเลย เล่นสนุกอยู่กับเหล่าอา ๆ ที่ดูจะหลงหลานสาวตัวน้อย โดยเฉพาะขุนศึกที่น้องพลอยติดมากกว่าคนอื่น ห่างกันเป็นไม่ได้ร้องตามตลอด“........” พี่พาร์ทไม่พูดอะไร กลับหันมามองค้อน เสียอย่างนั้น“เกี่ยวอะไรกับหนู หนูจะไปรู้ได้ไงว่าน้อง ๆ พี่จะตามมา” น่าขำจริง ๆ เวลาที่พี่พาร์ทงอน งอแงกว่าน้องพลอยอีก“ถือว่าได้พักผ่อนค่ะ มีคนช่วยดูลูกก็ดีแล้ว หนูดีใจนะ ที่ทุกคนรักและเอ็นดูน้องพลอย พี่รู้มั้ยตอนที่น้องเกิดวันแรก พยาบาลที่ทำคลอดอุ้มน้องไม่ยอมวางเลย”“พี่รู้มั้ยว่าหนูรู้สึกดีมากแค่ไหนที่ทุกคนไม่รังเกียจน้อง” ความรู้สึกวันนั้นที่คลอดตัวเล็กมันยังจำไม่เคยลืม มันเป็นความเจ็บปวดที่สวยงาม มันเป็นความทรงจำที่จะไม่มีวันลืม“รักตั้งแต่แรกเจอ รักทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยได้เจอหน้า ครั้งแรกที่ได้อุ้มลูกมือหนูสั่น จนพี่ณัฐต้องช่วยอุ้ม” ฉันพูดไปยิ้มไปพร้อมน้ำตาเม็ดใสที่มันไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว“หนูเข้าใจว่าพี่หวงลูก แต่นั่นมันน้องพี่นะคะ คุณป๊าขี้หวงไม่งอแงสิ เห็นมั้ยตัวเล็กสนุกใหญ่เลย” ฉันรีบเปลี่ยนเ
“พี่พาร์ท! ตื่นได้แล้วสายแล้วนะ”“ตื่น!! หิวข้าว!!”“......” เงียบไร้ซึ่งคำตอบจากคนตัวโตที่นอนนิ่งไม่ขยับตัว ฉันกับตัวเล็กอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเป็นชั่วโมงแล้วแต่พี่พาร์ท กลับไม่ยอมตื่น“พี่พาร์ทหนูหิว...ตื่นมาทำอาหารให้กินก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”“......” เขายังคงเงียบและค่อย ๆ ลืมตา มองหน้าฉันกับลูก สมน้ำหน้าเมื่อคืนแกล้งฉันดีนัก พอตอนเช้ามาตัวเองตื่นสายเอง“ไปเลยค่ะ หนูหิวแล้ว กินข้าวเสร็จพาไปเดินเล่นด้วย หนูอยากพาน้องไปเดินริมชายหาดฝั่งโน้น” ฉันพูดและยิ้มให้พี่พาร์ทที่ยังทำหน้างัวเงีย“ฉันเป็นผัวเธอนะเธียร ไม่ใช่คนรับใช้ที่จะต้องมาคอยทำอาหารให้เธอกิน” บ่นเป็นตาแก่ไปได้“ก็เป็นผัวนั่นแหละหนูถึงใช้ อยากกินฝีมือพี่ พี่ทำอร่อย นะคะ ไปทำให้หน่อยหิว” ฉันยิ้มตาหยีให้พี่เขาที่เอาแต่ส่ายหัว ก่อนร่างหนาจะค่อย ๆ ลุกออกจากเตียง“รอป๊าก่อนนะครับ ป๊าไปทำอาหารให้แม่หนูก่อนแล้วเราไปเดินเล่นกัน” เขาพูดยิ้มกับลูกอย่างอารมณ์ดี ตัวเล็กก็อ้อนเอาใจยิ้มหวานให้พ่อ“ส่วนเธอใช้งานฉันหนักไปแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ”ฟอด“แหวะ...เหม็นไม่ต้องมาหอมหนูเลยไปทำอาหารก่อนหิวจนจะกินพี่ เข้าไปได้ทั้งตัวอยู่แล้ว” ทำเป็นมาหอม ก่อนหน้