LOGIN
“อื้อ ~”
ฉันใช้ฝ่ามือเล็กดันใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าออกห่างเพื่อสูดอากาศหายใจเข้า หลังจากที่เขาเพิ่งจะจูบสูบวิญญาณไปเกือบห้านาที
“หอเธอ... ไปทางไหน”
“ซอย XX หลังมหาวิทยาลัย”
ไม่ต้องถามว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น มันเป็นความสมัครใจของฉันเองที่จะมีความสัมพันธ์ในคืนนี้
ถามว่าเมาไหม... ตอบได้ว่าเมา
แล้วถ้าถามว่าทำไมต้องเมา
ก็เพราะไอ้คนเฮงซวยคนหนึ่งมันทำฉันเจ็บจนต้องพึ่งพาความเมาอย่างไรล่ะ
ผู้ชายที่คบกันมาห้าปีกว่า มันหักหลังฉันไปมีคนใหม่ ที่จริงเรื่องนี้มันก็ผ่านมาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่วันนี้ฉันเพิ่งรับรู้ว่า 'พี่ดรีม' แฟนเก่าคนนั้นของฉันกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่คบกันได้เพียงหกเดือนหรืออาจมากกว่านั้นตอนที่แอบกินกันลับหลังฉัน
“จอดรถหน้าหอได้ใช่ไหม” เสียงทุ้มของคนขับพูดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เรามาถึงหน้าหอ
“ได้ ถ้าแป๊บเดียว”
“นี่เธอกำลังดูถูกฉันอยู่หรือเปล่า” เขาคนนั้นยิ้มออกมาท่าทางกวน ๆ “มันก็ไม่แป๊บเดียวนะ”
“เปล่า หมายถึงถ้าไม่จอดจนถึงเช้าให้เจ้าของหอตื่นมาด่าก่อน” ฉันรีบอธิบายก่อนจะกระชับกระเป๋าไว้ในอ้อมแขนเตรียมลงจากรถ
เขาคือคนที่เพิ่งจะเจอกันในร้านเหล้า เรานั่งคุยกันอยู่นาน ดื่มด้วยอีกสองสามแก้วเพราะเขาก็มาเที่ยวคนเดียว แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันตกลงมากับเขาแบบนี้
ฉันกำลังประชดใครอยู่หรือ
ก็ไม่...
แต่ในเมื่อทำตัวดีแล้วมันไม่ได้ดี ฉันจะดีไปทำไม จะเก็บความซิงไว้ให้ผู้ชายที่เรารักหรือ
...สุดท้ายผู้ชายก็เลือกผู้หญิงที่ง่ายกับเขาอยู่ดี
“พกถุงไหม” ฉันเอ่ยปากถามทันทีที่เราเข้ามาถึงในห้อง พอหันไปมองก็เห็นเขายืนยิ้มมุมปากอยู่
“ฉันไม่ได้ชอบเสี่ยง”
“อืม วันไนต์นะ” คำพูดที่ฉันเหมือนท่องมาค่อย ๆ ปล่อยทีละคำ
“เธอนี่ตลกดีว่ะ” เขาหัวเราะออกมาเหมือนชอบใจ “เดาไม่ออกเลยว่าทำบ่อย หรือไม่เคยทำมาก่อน”
“ไม่เคยทำ” ฉันตอบเบา ๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำเพราะอั้นมาตั้งแต่อยู่บนรถ
พอเดินออกมาก็เห็นหมอนั่นนั่งเล่นมือถืออยู่ตรงปลายเตียง
แล้วฉันต้องทำอย่างไรต่อ เริ่มก่อนหรืออย่างไรดี เขาก็ไม่ทำอะไรเสียที
“เดินไปเดินมาทำไม” พอเห็นฉันทำตัวไม่ถูกเขาก็เงยหน้าขึ้นจากมือถือ ก่อนจะดึงรั้งข้อมือฉันเข้าไปหาและกระชากลงเตียงจนชุดเดรสสั้นของฉันร่นขึ้นมากองอยู่ตรงขาอ่อนจนเกือบเห็นชั้นใน
หรือเขาอาจจะเห็นแล้วเพราะอยู่มุมนั้น
“ฉันไม่เคย ห้ามรุนแรง”
“ฮะ !” มันน่าตกใจตรงไหน “อำเล่นเหรอ ดูยังไงก็ไม่ใช่”
ก็เหมือนที่เขาว่านั่นละ ฉันเป็นคนที่ชอบแต่งตัวแต่งหน้า ดูแรง ๆ แต่ฉันไม่ใช่คนแรงอะไร คนอื่นมองก็คงคิดว่าฉันผ่านอะไรมาเยอะแล้ว
แต่เปล่า... ฉันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน
เพราะคิดว่าจะเก็บครั้งแรกไว้ให้คนที่ฉันรักและจะแต่งงานด้วย นั่นคือพี่ดรีม แฟนเก่าที่แสนดีของฉัน
แต่ตอนนี้เขาไปแต่งกับคนอื่นเสียแล้ว
“ไม่ได้อำ”
“เหรอ งั้นก็ขอพิสูจน์หน่อย” เขามองสบตากับฉันแล้วยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำ ดูก็รู้ว่านิสัยเจ้าชู้แน่ ๆ สายตาของเขามันบอกอย่างนั้น
ต้องสวมถุงยางสองชั้นไหมนะเพื่อความปลอดภัย
“อื้อ ~” พอพูดจบเขาก็เริ่มพิสูจน์ทันทีอย่างที่ว่าไว้ บดจูบฉันอย่างคนชำนาญ เรื่องจูบฉันพอไหวแต่ถ้ามากกว่านั้นยอมรับว่าไม่เคย
ตอนนี้มือของเขาเริ่มสำรวจไปทั่วร่างกายแล้ว ใช้เวลาเพียงไม่นานชุดเดรสสายเดี่ยวของฉันก็ลงไปกองกับพื้น ต่อด้วยบราและแพนตี้ตัวบางที่หล่นร่วงตามไปด้วย
“...” เขาทำหน้านิ่งแต่สายตาสำรวจไปทั่วจนฉันต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีแล้วปกปิดบางส่วนไว้ด้วยมือเล็ก ๆ อีกฝ่ายก็จัดการกับเสื้อผ้าของตนเองจนกระทั่งเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้า
“...” ฉันปรายตามองท่อนล่างของเขาเล็กน้อยแล้วต้องกลืนน้ำลายลงคอ ถึงจะไม่เคยทำมาก่อนแต่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าขนาดของมันไม่ได้เล็กน้อยเลย
“เธอกลัวเหรอ” เขาหัวเราะแล้วขยับตัวลงมาใกล้ ดันเรียวขาฉันขึ้นมาจนชันแล้วอ้ากว้าง
“เปล่า” ฉันพยายามตอบด้วยน้ำเสียงปกติ
เขายิ้มแล้วฝังจมูกลงที่แก้มของฉันก่อนจะเลื่อนลงไปที่ซอกคอ ดูดเม้มเบา ๆ แล้วขยับไปที่เนินอก ฝ่ามือหนานวดคลึงอกสองเต้า ริมฝีปากของเขาก็เข้าครอบครองติ่งเนื้อสีหวานที่แข็งชันขึ้นมา
“อ๊ะ อื้อ ~” มันเจ็บแต่ก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
เขาทำอย่างกับเด็กที่กำลังหิวกระหายอยู่อย่างไรอย่างนั้น ใช้ลิ้นตวัดเลียสลับไปมาสองข้างและกลับมาดูดดึงอีกรอบ
“ครางเลย ไม่ต้องอาย” คนตรงหน้าบอกแล้วเลื่อนมือขึ้นมายังใบหน้าของฉันข้างหนึ่ง อีกข้างเลื่อนต่ำลงไปด้านล่าง
เขาสอดนิ้วกลางเข้ามาในปากของฉันแล้วกระซิบบอกให้ดูดมัน ก่อนที่นิ้วมือด้านล่างจะลากผ่านกลางรอยแยกของกลีบเกสรที่ชื้นแฉะ
“จุดติดง่ายด้วย” เขาพูดแล้วยิ้มมุมปากแบบเดิม ใช้นิ้วบดขยี้เนื้อนูนด้านล่างแล้วจึงค่อย ๆ แทรกเข้ามาในช่องทางคับแคบ
“อื้อ ~” ความรู้สึกเจ็บในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความเสียวอยู่ภายในจนต้องหนีบขาเอาไว้แน่น แต่ก็ถูกเขาดันออกกว้างอีกรอบ
“โอเค ก็ถือว่าไม่ได้โกหก” คำพูดและสีหน้าพึงพอใจนั่นคงหมายถึงที่ฉันบอกเขาไปว่าไม่เคยทำ
แล้วเขาก็เริ่มชักนิ้วเข้าออกอยู่กับช่องทางรักคับแคบของฉัน สร้างความรู้สึกที่ฉันไม่เคยได้รู้จักอยู่นานหลายนาที
ฉันดูดนิ้วที่เขาสอดเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว สลับกับร้องครางออกมาเพราะเขาเร่งจังหวะด้านล่างขึ้นเรื่อย ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็ดึงนิ้วออกอย่างน่าเสียดาย
ไอ้บ้าเอ๊ย !
“หน้าเธอเหมือนเสียดาย” เขาหยอกล้อแต่ก็เปลี่ยนความเสียดายของฉันเป็นความรู้สึกอื่นแทนที่เมื่อปลายเนื้อนุ่มบางอย่างแตะลงมาที่ช่องทางเปียกชื้นนั้น
“อ๊ะ ! เจ็บ”
“ทนไว้ จะใส่เข้าไปทีเดียว” พูดมาฟังเหมือนง่ายนะ ก็ลองดูแล้วกัน
“...” ฉันพยักหน้าตอบรับ เขาก็เอาส่วนนั้นถูไถขึ้นลงก่อนจะจ่อและกดเข้ามาทีเดียวอย่างที่บอก จนฉันร้องลั่นออกมาทันที “จะ... เจ็บ !!”
มันเข้ามาได้ก็จริงแต่รู้สึกราวกับร่างกายถูกฉีกเป็นเสี่ยง ๆ เลย เจ็บจนเหมือนมีคนเอามีดมากรีดตรงนั้น
“ซี้ด เข้าแล้ว แน่นฉิบ” เขานิ่วหน้าเหมือนตนเองก็เจ็บอยู่เหมือนกันแต่คงไม่เท่าฉันแน่ ๆ
พอเข้ามาได้เขาก็เริ่มขยับ ร่างกายของฉันก็เริ่มขยายตัวให้สิ่งแปลกปลอมนั่นเข้ามาได้ง่ายขึ้น เขาก้มมองดูส่วนนั้นของเราสองคนก่อนจะเงยหน้ามองฉันแล้วโน้มตัวลงมาใกล้
“เลือดเธอออก” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่เขาก็ไม่ได้คิดสงสาร เอวสอบยังคงเคลื่อนที่ให้ตัวตนของเขาได้เข้าออกในกายของฉัน
“อื้อ เจ็บ... เบา ๆ ได้ไหม”
เขาผ่อนแรงลงตามคำขอแต่ไม่นานนักก็เริ่มหนักหน่วงอีกรอบ
“ถ้าติดใจจะทำไง” คำพูดหยอกล้อของเขาทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าว “แลกไลน์กันไหม”
ไม่รู้ว่าที่พูดนั่นหมายถึงฉันหรือเขาที่จะติดใจ แล้วที่บอกว่าให้แลกไลน์เพราะจะได้กลับมาสนุกกันอีกงั้นหรือ
ฉันพูดชัดแล้วนี่ว่าวันไนต์...
จากจังหวะเนิบนานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนรุนแรงขึ้นสลับกันไปมา ยอมรับว่าชอบทุกอย่างที่เขาทำให้ มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ฉันร้องครางไม่เป็นภาษาทั่วห้องที่ถูกเปลี่ยนเป็นสนามรักชั่วคราวในตอนนี้ เขาเองก็เปล่งเสียงครางพอใจออกมาเหมือนกัน
“ใกล้ยัง” เขาบอกแล้วเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ
“อะ... อะไร”
“ใกล้ถึงยัง จะได้แตกพร้อมกัน” เขาพูดเสียงพร่า เอวสอบก็อัดกระแทกเต็มแรง
“มะ... ไม่รู้ อื้อ ๆ” ไม่รู้ว่า 'ถึง' ของเขามันรู้สึกอย่างไร แต่ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกเคว้งคว้างในท้องน้อยและเหมือนกำลังปวดฉี่อยู่เลย “คงใกล้ ละ... แล้วมั้ง”
เสียงของฉันสั่นไปตามแรงกระแทกของเขา ร่างกายก็โยกคลอนตามไปด้วย
“อืม”
เขาตอบแค่นั้นก่อนจะเน้นจังหวะหนักหน่วงลงมาใส่ฉันจนในที่สุดฉันก็ถึงอย่างที่เขาบอกและเขาเองก็เกร็งกระตุกไปพร้อมกับฉันเช่นกัน
สวัสดีค่าทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามของเซตวิศวะนะคะ ขอฝากติดตามผลงานของไรท์น้า
"ไงมึง วางแผนกันดิบดีสุดท้ายก็แพ้เมีย" เสียงของพี่ฮ้องเต้ดังขึ้น น้ำเสียงปนหัวเราะของเขาบ่งบอกว่ากำลังเยาะเย้ยพี่ทศกัณฑ์อยู่ตอนนี้ฉันยืนแอบอยู่ตรงมุมตึกซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะที่พวกเขานั่งไม่กี่เมตร ทำให้ได้ยินบทสนทนาชัดเจน"…" พี่ทศกัณฑ์เงียบกริบไม่รู้ว่าถ้าเขาไม่รู้ว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้จะเป็นแบบนี้มั้ยอาจจะคุยโม้ก็ได้ใครจะไปรู้"มึงมันไม่ได้เรื่อง เป็นพี่ว้ากจนน้องปีหนึ่งปีสองกลัวแต่มาแพ้ให้เด็กอักษรคนเดียว เหอะ" พี่คิวพูดออกมาเหมือนเสียอารมณ์เพราะเป็นคนคิดแผนทั้งที"มึงก็รอรับชะตากรรมแบบกูได้เลย" พี่ทศกัณฑ์พูดเสียงเบาหวิว จนฉันแอบสงสารจับใจ"กูไม่มีทางกลัวเมียแบบมึงแน่นอน ผู้หญิงก็แค่ลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด""มึงไม่กลัวเตยเลยเหรอ" พี่ทศกัณฐ์ถามซ้ำ"กลัวทำไม ยัยนั่นดิต้องกลัวฉันขาดฉันไปซักคนเตยคงอยู่ไม่ได้ ร้องไห้แงๆ"โอ้อวดนักนะ เดี๋ยวโดนดีแน่พี่คิว!"พี่ทศกัณฑ์!" ฉันเดินเข้าไปเงียบๆ แล้วเรียกพี่ทศกัณฑ์เสียงดัง จนพี่ๆ หันมามองกันพรึบ ส่วนพี่นธีขมวดคิ้วมองฉันอย่างไม่เข้าใจ พี่ชายทั้งคนอ่านออกแน่ๆ"ยะ…ญานิน มาได้ไง" เก่งมากคุณแฟน เสียงสั่นแบบไม่ต้องซ้อมมา"เดินมาค่ะ""น้องญาน
"…" เงียบอยู่นั่นแหละไม่คิดจะพูดอะไรเลยใช่มั้ย หรือว่าเขาไม่อยากคบฉันแล้ว แววตาของเขาที่มองเหมือนกำลังลังเลบางอย่างอยู่เลย"นินทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมพี่ไม่บอกถ้านินผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่พี่ทศกัณฑ์ไม่ให้โอกาสนินได้รับรู้เลย อึก...อยู่ๆ ก็ไม่เห็นค่ากันแบบนี้""ญานิน…" เขาเรียกชื่อฉันเบาๆ ขณะที่ฉันเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้"พี่เบื่อนินแล้วใช่มั้ย พี่ทศกัณฐ์ไม่รักนินแล้วใช่มั้ย...ฮึก""ไม่ใช่" เขาตอบแล้วค่อยๆ เอื้อมมือมากุมมือฉันพร้อมกับถอนหายใจเขาดันตัวฉันลงกับเตียงอีกรอบ ใช้นิ้วเรียวยาวลูบปัดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างอ่อนโยน"ที่จริงแล้วแค่อยากจะทดสอบ แต่ตอนนี้พี่คงแพ้อีกแล้ว" เขาพูดแล้วจ้องตาฉันนิ่ง"หมายความว่ายังไง" คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของฉันเบิกกว้างแล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วชนกัน"…" เขาพ่นลมหายใจออกมาแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนกำลังลำบากใจที่จะพูด "เพราะคิดว่าช่วงนี้เราชอบเอาแต่ใจ ก็เลยอยากดัดนิสัยนิดหน่อย จะได้หันมาง้อพี่บ้างไม่ใช่ตัวเองถูกทุกอย่าง" เขาอธิบายแบบเหนี่ยมอายนิดหน่อยนี่มันอะไรกันเนี่ย…"อย่าบอกว่าที่แกล้งยุ่งกับงานก็เพราะอยากลองดูการกระทำของนินด้วย""…" พยักหน้าเป็นคำตอบ"แล้
Tossakan talk"ไอ้เชี่ยมึงใจเย็น นิ่งไว้ๆ""ฮ่าๆ มึงท่องไว้พุทธโธๆ เดี๋ยวแม่งเสียแผนหมด"เสียงของไอ้เต้กับไอ้คิวที่เกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็น ทั้งที่ภาพตรงหน้าคือผู้ชายกำลังเกาะแกะแฟนผมอยู่แล้วพวกมันก็มาฉุดรั้งตัวผมที่แทบจะพุ่งตัวไปหาญานิน ขณะที่ไอ้นธีเอาแต่นั่งยิ้มน้อยๆ มองผมเหมือนดูหนังตลกตลกเชี่ยไรเดี๋ยวเมียมันเจอมั่งจะรู้สึก"ถ้ามึงเข้าไปตอนนี้น้องมันรู้แน่ว่ามึงไม่ได้ยุ่งกับโปรเจ็ค แต่มาตามดูน้องมันอะ" ไอ้คิวบอกแต่กลับยิ้มขำ "แล้วที่มึงทำมาทั้งหมดน้องก็จะคิดว่ามึงโกหก""เออ มึงต้องนั่งดูอย่างใจเย็น"ใจเย็นอะไรของมันวะ ตอนนี้เหมือนกองไฟในอกผมมันกำลังจะปะทุออกมาอยู่แล้ว"มึงจะทำเสียแผนนะเว่ย จากที่จะดัดนิสัยน้องกลายเป็นน้องได้ดัดนิสัยมึงแทน"'แผน' ที่ว่านั้นมันเริ่มจากปัญหาของผมนี่แหละเรื่องมันมีอยู่ว่าอาทิตย์ก่อนเราทะเลาะกันเรื่องญานินลืมมือถือไว้ในห้องก่อนออกไปเรียน โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมรับสาย เราเลยทะเลาะกันใหญ่โตแต่สุดท้ายผมก็เป็นคนง้อญานินเพราะเรื่องมันมักจะจบแบบเดิมคือน้องมันถูกเสมอไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คนที่เป็นฝ่ายผิดสุดท้ายแล้วต้องเป็นผมเพราะญานินจะไม่ยอมง้อผมเลย
หลายเดือนต่อมาหลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดตอนนั้นจบลง ชีวิตของฉันก็กลับมาสงบสุขและคบกับพี่ทศกัณฐ์อย่างแฮปปี้ใช่ซะที่ไหนกัน!การคบกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาและทุกครั้งที่ทะเลาะกันนั้นพี่ทศกัณฐ์มักจะเป็นฝ่ายยอมฉันเสมอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะพี่ทศกัณฐ์รักฉันมากๆ ยังไงล่ะ!"เป็นอะไรหน้าบูดเป็นตูดหมามาเลย" เสียงของนิเนยทักขึ้นตอนที่ฉันกำลังเดินเข้ามาหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆ พอใบเฟิร์นได้ยินคำพูดของนิเนยก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสนใจตอนนี้เราอยู่ปีสองกันแล้วนะ เป็นรุ่นพี่แล้วและช่วงนี้ก็เป็นช่วงรับน้องทำให้ค่อนข้างเหนื่อยกับการจัดเตรียมกิจกรรมให้น้องๆ ทำส่วนพี่ทศกัณฐ์ก็อยู่ปีสี่แล้วเขาก็วุ่นวายกับการทำโปรเจ็คหลังจากที่เพิ่งฝึกงานสามเดือนจบแล้วก็เหลือเวลาอีกแค่เทอมกว่าในรั้วมหาวิทยาลัยทำให้ช่วงนี้เราแทบจะไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดกัน"ไม่มีอะไร" ฉันตอบนิเนยแล้วหยิบเอกสารสำหรับวิชานี้ขึ้นมาเตรียมไว้บนโต๊ะเลคเชอร์"ทะเลาะกับพี่ยักษ์เหรอ" นิเนยถามแล้วกอดอกมองฉัน"..." พยักหน้าเป็นคำตอบ"เรื่อง?""เมื่อวานฉันเข้าคอนโดก่อน เพราะเขาบอกว่าจะเลิกดึก พอถามว่าจะให้ไปนั่งทำงานด้วยมั้ยก็
เช้าวันต่อมา"ได้เรื่องมั้ยครับ"เสียงของพี่ทศกัณฐ์ดังขึ้นจากปลายเตียงเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซักคนฉันจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นมอง"มีหลักฐานครบแล้วใช่มั้ย""ดีเลย งั้นรบกวนคุณลุงจัดการให้ผมหน่อย""น้องดีขึ้นแล้วครับ ตรวจแล้วไม่เป็นอะไร มีรอยช้ำที่โดนตีนั่นแหละ...ผมรู้แล้วน่า ว่าที่หลานสะใภ้ลุงทั้งคนจะไม่ดูแลได้ไง"นี่กำลังพูดถึงฉันอยู่ใช่มั้ย แอบฟังเองก็เขินเองแล้วนะ"ครับ ขอบคุณครับ รอชมผลงานนะแล้วเดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็กดวางสายก่อนจะหันมามองทางฉันที่แกล้งขยับเปือกตาขึ้นมาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน "เช้าอยู่เลยรีบตื่นทำไม""นินปวดหัวค่ะ" ฉันตอบแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง "เหมือนจะเป็นไข้""..." พี่ทศกัณฐ์ลุกขึ้นจากปลายเตียงขยับมานั่งขอบเตียงข้างฉันแล้วเอาหลังมือมาอังหน้าผากไว้ "นอนพักก่อนเดี๋ยวกินข้าวกินยา""ค่ะ" ฉันพยักหน้าทำตามคำสั่งแล้วเขาก็หายออกไปจากห้องตอนนั้นทันทีไม่นานนักก็กลับเข้ามาพร้อมกับข้าวต้ม ยาและน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว แกล้งป่วยซักเดือนดีมั้ยเนี่ยมีบุรุษพยาบาลส่วนตัวซะด้วย"เมื่อกี้คุยกับใครเหรอ" ฉันเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยเพราะนอนคิดคนเดียวก็คงไม่รู้คำตอ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ฉันตรวจ ใส่เฝือกอ่อนที่เท้าและรับยาเสร็จก็มาแจ้งความที่สถานีตำรวจกับพี่เนย์ต่อ มีรุ่นพี่ปีสองและพวกนิเนยอยู่เป็นเพื่อนรอให้พี่ทศกัณฑ์และพี่นธีมารับ"เป็นไงบ้าง" พี่นธีถามทันทีที่มาถึงส่วนพี่ทศกัณฑ์กำลังเดินเข้ามาท่าทางเงียบครึมเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่"ให้รายละเอียดกับตำรวจไว้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องมาอีก""เอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะเว้ย ต้องไม่ยอมมันรอบนี้ต้องเอาให้มันจมดิน!" ใบเฟิร์นพูดและกำหมัดแน่นหมับ!อยู่ๆ ร่างของฉันถูกดึงไปกอดไว้ในอ้อมแขนขณะที่เจ้าของการกระทำนั้นไม่พูดอะไรเลยซักคำ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนและรุ่นพี่รวมไปถึง...พี่เนย์ยังดีที่ตอนนี้นิเนยมันเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยนแล้วไม่อย่างนั้นคงดูตลกน่าดูหนุ่มวิศวะกอดกับหญิงสาวในชุดโบราณ"กลับเลยมั้ย" พี่ทศกัณฑ์ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระซะทีเดียวเขายังโอบฉันไว้อย่างหลวมๆ"ค่ะ อยากอาบน้ำพักผ่อนแล้ว" ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปขอบคุณพี่ๆพี่ทศกัณฐ์อุ้มฉันขึ้นออกมาจากตรงนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเลยไม่รู้ว่าทำไม พอมานั่งในรถเขาก็ติดเครื่องแต่ก็ไม่ยอมขับออกไป สายตาของเขาหันไปมองพี่เนย์ที่กำ







