“เรามาเต้นรำกัน ท่ามกลางแสงจันทร์” เขาเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงโตบนฟากฟ้าเบื้องบนด้วยสายตาหวานล้ำลึกราวกับกำลังอิ่มสุขอย่างล้นเหลือ “และดาวพวกนี้”
เธอจ้องหน้าเขานิ่ง ก่อนจะเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่กำลังเปล่งแสงนวลสวยงดงามไปทั้งฟ้า
“ค่ะ เรามาเต้นรำกัน” เคล้าคลอกอดกันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง...ด้วยโศกนาฎกรรมแห่งความรักลวงและการโกหกที่แสนเลือดเย็น
อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้...
เสี้ยวหนึ่งของความคิดผุดแทรกขึ้นมาในห้วงแห่งปรารถนาลึกเร้น ขณะกำลังโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของหญิงสาวที่เขาเกลียดชังไว้ในอ้อมอกราวกับเป็นร่างเดียวกัน พาเธอเต้นรำเคล้าคลอไปตามจังหวะของหัวใจที่เต้นอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางแสงจันทร์นวลผ่องกระจ่างสวย และสายลมเย็นฉ่ำจากท้องทะเลที่กำลังกราดเกรี้ยว โดยมีดวงตาเกือบร้อยคู่ที่แหงนมองขึ้นมาด้วยความสนใจและอิจฉาในความรักของทั้งคู่เป็นประจักษ์พยาน
ทำไมอยู่ ๆ เขาถึงคิดอะไรงี่เง่าแบบนี้นะ หรืออาจจะเป็นเพราะเขาไม่อยากเสียของเล่นไป ของเล่นราคาถูกที่คว้ามาจากตลาดสด ของเล่นส่วนตัวที่ทำให้เขาสนุกทุกครั้งที่ได้เล่น ของเล่นที่เขายังไม่รู้สึกเบื่อ ก็เลยนึกลังเลขึ้นมาอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง เขาไม่ควรหวั่นไหวกับการตัดสินใจของตัวเองแม้สักเสี้ยววินาทีเดียว
“คืนนี้...” จะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้อิงแอบแนบชิดในฐานะคู่รัก และจะเป็นคืนแรกของการเป็นศัตรูที่แสนเกลียดชังกันตลอดชาติ “ทุกคนจะเป็นพยานให้เราสองคน”
ใบหน้าสวยซ่อนเศร้าผละออกจากอกกว้างของเขาแล้วแหงนเงยมองคนร่างสูง เจ้าของอ้อมกอดที่เคยอบอุ่นและปลอดภัยสำหรับเธอ แต่บัดนี้ กลับกลายเป็นที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย
“ค่ะ ทุกคนจะเป็นพยาน ว่าเราสองคนนั้น...”
“รักกันมากแค่ไหน”
“เราควรลงไปหาเพื่อน ๆ ที่งานปาร์ตี้ซะที” เธอบอกพลางขยับถอยห่างจากเขาหนึ่งก้าว แต่เขากลับคว้ามือเธอไว้แล้วดึงร่างเธอเข้าไปกอดแนบอีกคราว หัวใจเต้นหนักจนได้ยินชัดหู เขาคงกำลังเลือดสูบฉีดแทบคลั่ง อะดรีนาลีนหลั่งไปทั่วทั้งร่าง เมื่อเวลาแห่งชัยชนะใกล้เข้ามา
“บัว...” เขากระซิบใกล้หู ด้วยน้ำเสียงสับสน ราวกับกังวลและตื่นตระหนก “ผม...”
“อะไรคะ” เขาไม่จำเป็นต้องตะล่อมเธอด้วยคำพูดหวานหูหรือชักแม่น้ำทั้งห้าในเธอหลงเชื่ออีกแล้ว เพราะเวลานี้เธอกลายเป็นเหยื่อโดยสมบูรณ์แบบแล้ว
เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเหมือนคนคิดหนัก สายตาเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่เธอไม่อาจหยั่งถึง เขาคิดอะไรอยู่ หรือกำลังวางแผนทำอะไรอีก
“ผมหล่อรึยัง” เขากำลังแสดงให้รู้ว่าเขานั้นแสนจะตื่นเต้นกับการออกไปปรากฏตัวต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคนพร้อมกับว่าที่เจ้าสาวคนนี้...อย่างนั้นหรือ...ไม่เลย...อยู่ๆเขาก็พูดไม่ออกขึ้น เหมือนคนไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย
“ผม...”
“เฮ๊ยเมฆ!” เสียงของราเมศดังขึ้นอีกครั้ง ปลุกเขาให้หลุดจากภวังค์อันปั่นป่วน หมอนั่นกลับขึ้นมาเพื่อจะเตือนสติเพื่อนรักให้รู้ถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ หลังจากที่เพื่อนรักใช้เวลากับเหยื่อนานเกินไปหน่อย “เพื่อน ๆ รออยู่นะ มากันเต็มงานแล้ว พาว่าที่เจ้าสาวของนายลงไปได้แล้ว”
สายตาของราเมศพูดกับเขาว่าอย่ามัวแต่ถ่วงเวลาอยู่เลย มันถึงเวลาที่ต้องแสดงฉากสุดท้ายแล้ว ซึ่งเป็นฉากที่ทุกคนรอย เขาไม่ควรทำให้เพื่อนผิดหวัง
“ก็กำลังจะลงไปนี่ไง!!” อิศราส่งสายตากร้าวใส่เพื่อน น้ำเสียงเข้มนิดหน่อย เพราะรู้สึกไม่พอใจที่โดนเพื่อนตำหนิทางสายตา หากทุกคนคิดว่าเขายื้อเวลาเพราะเกิดใจอ่อนให้กับเหยื่อขึ้นมาล่ะก็ ทุกคนคิดผิดแล้ว “ไปเถอะบัว”
มือแกร่งแต่เย็นเยียบและชุ่มเหงื่อพอชื้นคว้าจับมือนุ่มเธอไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“ได้เวลาแล้ว”
“เอ่อ...” แต่เธอมีบางเรื่องต้องทำก่อน “คุณลงไปก่อนเถอะ บัวขอเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ แล้วจะรีบตามลงไป”
เธอปลดมือเขาออกจากมือของเธอด้วยตัวเอง ราวกับปลดพันธนาการออกจากชีวิต
“อ้อ โอเค งั้นผมลงไปก่อนนะ”
“ค่ะเมฆ”
เขาโน้มหน้าเข้าหาเธอ แล้วหอมแก้มเธออีกครั้งอย่างอ่อนหวาน เธอยิ้มให้เขาก่อนจะเดินห่างออกมา โดยไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีก เธอกลัวจะเห็นรอยยิ้มเยาะสะใจจากเขา เธอยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้
บัวบูชาตรงไปยังห้องนอนใหญ่บริเวณชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องที่ถูกตระเตรียมเอาไว้สำหรับเป็นห้องหอ
อิศเรศแอบถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ละสายตาจากหญิงสาวที่เดินหายเข้าไปในตัวบ้านแล้ว ก่อนจะหันมามองเพื่อนตาเขียวปั๊ด
“ทำไมแกทำหน้าแบบนั้น?”
“หน้าแบบไหนวะ”
“ก็หน้า...” เขาชี้หน้าราเมศตรง ๆ อย่างเอาเรื่อง “หน้าแบบนี้ไง แกคิดว่าฉันอยากถ่วงเวลาอยู่กับยัยนั่นเหรอ ได้โปรดอย่าเข้าใจฉันผิดเด็ดขาด มันก็แค่การใช้เวลาช่วงสุดท้ายอย่างสวยงามที่สุด ฉันแค่อยากทำให้ยัยนั่นหลงจนโงหัวไม่ขึ้น พอโดนผลักลงมาจากสวรรค์ จะได้ช็อคจนขาดใจตายไปเลย”
“เปล่าซะหน่อย ใครจะกล้าคิดว่านายพยายามถ่วงเวลา นายเป็นคนคิดแผนและวางแผนเองทุกอย่างนะ” แต่สีหน้าของราเมศกลับตรงกันข้าม นั่นเพราะเขาคิดจริง และไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่คิดแบบนี้ ทิวากรเองก็คิดไม่ต่างกัน หมอนั่นจึงยุให้เขาขึ้นมาตามไงล่ะ “ก็เห็นเต้นรำกันอยู่ตั้งนานสองนานแล้ว คิดว่านายลืมอะไรไปรึเปล่า ก็เท่านั้นเอง เพื่อน ๆ เลยให้ฉันมาปลุกนาย”
“ลืมอะไรวะ”
“ก็ลืมว่าต้องประกาศเรื่องสำคัญกลางงานปาร์ตี้ไง ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาแล้วด้วย”
“ฉันไม่ลืมหรอกน่า ที่จัดงานนี้ขึ้นก็เพราะเรื่องนี้ ไม่งั้นจะจัดงานทำห่าอะไร อ้อ ที่ว่าเต้นรำนาน มันนานสักเท่าไหร่กันวะ แค่สิบนาทีสิบห้านาทีเอง ทำเป็นใจร้อนไปได้”
“สิบนาทีอะไรวะ นายยืนกอดอยู่กับยัยนั่นเกือบชั่วโมงแล้วนะโว๊ย!!”
“เกือบชั่วโมง!” อิศราตกใจหน้าเหวอ และทำหน้าแทบไม่ถูก ทั้งยังพูดตะกุกตะกักอีกต่างหาก เขาล่ะอยากจะตบปากตัวเองสักที “เฮอะ! พอเหอะ ลงไปเปิดแชมเปญ เตรียมฉลองให้ว่าที่เจ้าสาวของฉันดีกว่า คิดแล้วสนุกฉิบ!”
แต่ใบหน้าของอิศรากลับดูไม่สนุกเอาซะเลย ราเมศแอบหวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“ไปสิวะ”
“เออ”
“เตรียมฉลองเหอะ เพราะเกมใกล้จะโอเวอร์แล้ว” เขาพูดจบก็รีบเดินนำเพื่อนไปลงไปชั้นล่างของบ้านด้วยท่าทางมั่นใจเหมือนเป็นคนเดิม แต่สีหน้าแอบเครียดกังวลโดยไม่รู้ตัว เขาพยายามในทุกย่างก้าวที่จะปลุกตัวเองให้หลุดออกจากภาวะอารมณ์ของผู้แพ้ เพราะเขากำลังจะชนะ
“อย่ามาล้อเล่นนะ ฉันไม่สนุกด้วย” ถึงใจจะเต้นรัวแค่ไหนก็เหอะ “เลิกเพ้อเจ้อ แล้วกลับไปได้แล้ว กลับไปอยู่ในที่ของคุณซะ”“ผมพูดจริงนะดาว” เขาคว้ามือเธอมากอดกุมไว้กับอก ส่งสายตาอ้อนวอนจริงจัง หากอธิบายความคลั่งรักในหัวใจเป็นคำพูดได้ เขาต้องใช้เวลาทั้งชาติในการบรรยายอย่างแน่นอน “ผมขอโทษนะ ผมขอโทษ ขอโทษสักพันสักหมื่นหรือล้านครั้งก็ได้ ผมขอโทษที่ผมไม่สามารถปกป้องคุณกับลูกได้”คำว่าลูกทำให้เขายิ่งโมโหตัวเอง นึกอยากทุบหัวตัวเองซ้ำๆ“ผมทำให้คุณต้องเจ็บ ต้องปวด และเป็นทุกข์” เขารู้ดีเลยว่าเธอจะเป็นทุกข์และทรมานแค่ไหน เขานึกอยากเจ็บปวดแทนเธอ “ที่ผมบากหน้ามาหาคุณ ผมไม่ได้ต้องการให้คุณอภัยให้ผมเลย คุณไม่จำเป็นต้องให้อภัยผมเลยดาว ...แต่ผมอยากให้คุณให้โอกาสผม ให้ผมได้แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด ให้ผมได้ชดใช้ความผิด ให้ผมได้ดูแลคุณ ปกป้องคุณ”พิมพ์ดาวน้ำตาไหล หัวใจเจ็บปวดคลี่คลายความทุกข์ไปได้บ้างแล้ว “คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ แต่ฉันโกรธตัวเองต่างหาก โกรธที่ตัวเองยอมทำผิด เพราะแค่...อยากจะอยู่กับคุณ”“ดาว!!” ชายหนุ่มคว้าหญิงสาวมาสวมกอดแนบแน่นอีกครั้งอย่างแสนรักและอบอุ่นอ่อนโยน เธอรู้สึกสัมผ
“อะไรกันเนี่ยหนูเมย์” แม้แต่คุณผู้หญิงเองก็เถอะ ถึงแม้จะรู้ว่าเกิดเรื่องราวขึ้นที่ห้องนั้น แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ชัยวัฒน์ปิดปากเงียบ ไม่ยอมบอกว่าพิมพ์ดาวแท้งลูกด้วยซ้ำเมย์ลดาหน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงก “เมย์ผิดเหรอคะ ที่เมย์รักและหวงเล็กมาก จนไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนมาแย่ง คนที่ทุกคนควรจะประณามคือยัยนั่นต่างหาก ไม่ใช่เมย์”“ดาวไม่ผิด ผมผิดเอง ผมบังคับให้ดาวไปอยู่ด้วย ผมขืนใจเธอจนท้อง”“เล็ก!!!” เมย์ลดาเดินไปตบหน้าคิมหันต์อย่างแรง ก่อนจะวิ่งออกจากบ้านหลังใหญ่ไปด้วยความเสียใจ“นายเล็ก นายนี่มันเลวจริงๆ ไม่สมกับที่ดาวรักแก”“ใช่ ผมมันเลว ที่ไม่สามารถปกป้องเมียกับลูกได้” คิมหันต์น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาย “ผมไม่รู้เลยว่าดาวต้องเจ็บปวดขนาดนี้ และลูกผมต้องมาตายแบบนี้ ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย”มารดาสงสารลูกชายจับใจ ตรงเข้าไปสวมกอดจนแน่น แล้วปลอบประโลมด้วยความปราณี“ไม่เป็นไรนะ ที่ลูกทำไปทุกอย่าง เพราะลูกรักหนูดาวใช่มั้ย บอกแม่มาสิว่าลูกรักหนูดาว”“ครับ ผมรักเธอ ผมอยากขอโทษเธอ อยากขอเธอแต่งงาน คุณแม่ครับ บอกผมมาเถอะว่าตอนนี้ดาวอยู่ที่ไหน นะครับคุณแม่”“ขอโทษนะตาเล็ก แต่แม่ไม่รู้จริงๆว่านา
“เฮ่อ...ฉันต้องลืมทุกอย่างให้ได้ เพื่อพ่อ และเพื่อตัวฉันเอง” หลังจากที่บิดาไปอุ้มเธอออกมาจากห้องนั้น เขาก็ไม่เคยถามหรือพูดอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกเลย นำตัวเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลจนหายแล้วก็พามาอยู่ที่นี่ ไม่ถามแม้แต่คำเดียวว่าเธอท้องกับใคร ด้วยซ้ำถึงแม้ลึกๆ เขาจะรู้ก็ตามเธอโชคดีเหลือเกินที่มีพ่อคนนี้...ไม่ว่าเขาจะเป็นคนขับรถหรือเป็นคนสวน เขาคือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ“เล็กคะ ทำไมคุณเป็นแบบนี้ วันๆเอาแต่เมา ไม่ยอมทำการทำงาน ปล่อยตัวจนโทรมไปหมดแล้ว”“นี่ผมก็อยู่ที่ทำงานนะ”“ใช่ คุณอยู่ที่ทำงาน หลังจากที่คุณไม่ยอมมาทำงานเลยเป็นเดือน คุณเป็นบ้าอะไรคะ”“ผมขอโทษ”อีกแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น เธอกับเขาจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ ทุกอย่างจัดเตรียมไว้หมดแล้ว และเธอก็พร้อมที่จะเป็นเจ้าสาวของเขาทุกลมหายใจ“เล็กคะ ถ้าคุณอยากให้เมย์ยกโทษให้ คุณต้องไปกับเมย์เดี๋ยวนี้ค่ะ”“ไปไหน”“ไปตัดผม โกนหนวดซะดีๆ” เขายอมให้เธอลากเข้าร้านเสริมสวย เพราะไม่อยากฟังเธอบ่น และสัญญาว่าจะงดดื่ม งดเที่ยว เพื่อความสบายใจของเธอ “คุณต้องดูดี เพราะคุณคือว่าที่สามีของเมย์ลดา เข้าใจมั้ยคะ”คิมหันต์กลับมาอยู่ในสภาพห
“ไม่ดีใจเหรอ”“ดีใจสิ”“แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้น ดูไม่มีความสุขเอาซะเลย”“แล้วแกล่ะ กำลังจะแต่งงาน ทำไมดูไม่เห็นมีความสุขเลย”“ใครบอกไม่มีความสุข ผมมีความสุขโคตรๆเลย”“ฮึ” รณภพสั่งเครื่องดื่มมาจิบต่อ อย่างไม่สบายอารมณ์ “ทำไมต้องเป็นฉันวะ แกมารับตำแหน่งแทนฉันได้มั้ย”“เฮ๊ย พูดอะไรอย่างนั้น พี่น่ะแหละ เหมาะสมแล้ว ปล่อยผมไปเถอะนะ แค่เป็นผู้ช่วยพี่ ผมก็เหนื่อยโคตรๆแล้ว มีเลขาอยู่คน ก็ไม่ค่อยได้เรื่อง ขนาดชงกาแฟยังไม่อร่อยเลย”“ไล่ออกเลยสิ” รณภพยิ้ม แต่สายตานั้นขมขื่น“จะบ้าเหรอพี่ เด็กเส้นคุณพ่อ ขืนไล่ออก คุณพ่อเอาตาย” สายตาของคนพูดก็ไม่ต่างกัน มันทั้งเศร้าและขมขื่นอย่างที่สุด“สรุปว่าไม่ผ่านโปรใช่มั้ย”“ไม่ผ่านอ่ะ ชาตินี้ไม่รู้จะผ่านมั้ย” คิมหันต์หัวเราะ แน่ล่ะ เรื่องอะไรเขาจะให้ผ่าน เพราะถ้าผ่านเมื่อไหร่ แม่นั่นจะต้องย้ายไปเป็นเลขาของรณภพตามคำสัญญา“ถามจริง แกยังไม่รู้จริงๆเหรอว่าเลขาของแกเขายื่นใบลาออกแล้ว”“ว่าไงนะ”“คุณพ่อเซ็นอนุมัติแล้วด้วย”คิมหันต์ทิ้งแก้วเหล้าแล้วออกจากร้านไปทันที เขาขับรถมุ่งตรงไปยังคอนโดมิเนียมอย่างไม่ลังเล นี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมกลับไปหาเธออีกครั้ง หลังจากบอกก
“เหรอคะ?” ความจริงเธอได้ยินเรื่องคุณรณภพต้องแต่งงานกับลูกสาวหุ้นส่วนใหญ่มาสักพักแล้ว ในแผนกของเธอ เม้าท์เรื่องเจ้านายเป็นงานเสริมอยู่แล้ว “แล้วคุณรักเธอรึเปล่า?”“ผมไม่ได้รักเธอ แต่ผมรักผู้หญิงอีกคน”เขาคว้ามือเธอไปจับแล้วบีบแน่น มันทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วเหมือนจะระเบิดออกมา อย่าบอกนะ ว่าผู้หญิงคนนั้นคือ...“ดาว”เธอตกใจตาเหลือก เมื่อเขาโน้มหน้าเข้ามาจะจูบ“อย่าค่ะ”“ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมต้องบอกคุณ ก่อนที่ผมจะไม่ได้บอก ผมรักคุณมาตลอดนะดาว รักมาตั้งแต่เด็กแล้ว รักจนห้ามใจแทบไม่ไหว..”“คุณมาบอกฉันทำไม!!!” เธอตวาดเขาไปอย่างสุดกลั้น “มาบอกเพื่ออะไรคะ ในเมื่อมันไม่มีทางเป็นไปได้”เขาอึ้งไปเจ็ดวิ... “ใช่ มันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ผมแค่อยากจะบอกให้คุณรู้ว่าหัวใจของผมเป็นของคุณเสมอนะ ต่อให้ผมแต่งงานกับคนอื่นก็เถอะ”ขอบคุณมากนะที่บอก เธออยากจะหัวเราะจริงๆ ทำไมผู้ชายตระกูลนี้มันเห็นแก่ตัวจัง“หรือคุณอยากได้ฉันเป็นเมียน้อย”รณภพถึงกับเงียบ..ใจหนึ่งก็คิดแหละพิมพ์ดาวส่ายหน้าระอาใจ “คุณไม่ได้รักฉันจริงหรอกค่ะ คุณรักชีวิตของคุณ รักงานของคุณ เพราะงั้น คุณเลือกในสิ่งที่คุณต้องเลือกเถอะค่ะ คุณจะได้ไม่เส
ชายหนุ่มเหลือบตามองหญิงสาวตรงหน้า ดูเหมือนเธอจะไม่แคร์เรื่องที่เขากำลังจะแต่งงานเลยจริงๆ ไม่มีทีท่าหึงหวงอะไรเลยเขาได้แต่ร่างกายของเธอมาจริงๆ แต่หัวใจเธอเป็นของคนอื่นโดยสมบูรณ์ ก็ดีเหมือนกัน เรื่องระหว่างเขากับเธอจะได้จบง่ายๆ ไม่ต้องมีอะไรคาราคาซัง“แล้วเธอล่ะ อยากแต่งงานแบบไหน”คำถามของเขาทำให้หัวใจเธอเต้นแรง...อยากแต่งแบบไหนเหรอ ก็...แต่งงานท่ามกลางคนที่รักเธอ เรียบๆง่ายๆในสถานที่สวยๆน่ะสิ ..ไม่มีอะไรพิเศษหรอก“ไม่คิด ไม่อยากแต่ง และคิดว่าชาตินี้คงไม่แต่งงานแน่ๆ เพราะผู้ชายดีๆมันหายาก”“อยากได้ผู้ชายดีขนาดไหนกันเชียว หรือว่าแบบพี่ใหญ่” พูดแทงใจดำซะเลยเธอยกไหล่ “แล้วถ้าฉันอยากได้แบบพี่ชายของคุณ มันผิดนักเหรอ?”คำถามนี้ทำให้เขาอึ้งและเจ็บไปอึดใจหนึ่ง “ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้?”“ไม่ต้องย้ำหรอกน่า ฉันรู้ว่าฉันเป็นใคร คุณสบายใจได้ ฉันไม่อยู่ให้รกหูรกตาพวกคุณนานนักหรอก”“หมายความว่าไง ไม่อยู่ให้รกหูรกตา เธอจะไปไหน??”“คุณไม่อยากรู้หรอกน่า”ทำไมจะไม่อยากรู้วะ อยากรู้ใจจะขาด “แต่...”“สปาเก็ตตี้เย็นหมดแล้ว รีบกินเข้าสิ พอเย็นชืดไม่อร่อยก็ด่าฉันอีก” พูดจบเธอก็มุ่งมั่นกินต่อไปเหมือนหิวโซ