ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถแลนด์โรเวอร์คันสีดำขับเข้าไปในโรงพยาบาลลู่ขณะที่ลงจากรถ เฉียวซุนไม่เคยคิดอยากที่จะเจอคนรู้จักเลยพ่อแม่ของไป๋เซียวเซียวพวกเขาไม่ได้มาเพียงสองคนเท่านั้น แต่ยังมีหญิงสาวที่ดูอายุน้อยกว่าไป๋เซียวเซียวอีกด้วย เธอมีใบหน้าที่สวยสะอาดราวกับดอกสนสีเขียวและดอกพลัมสีขาว ดวงตาของเธอคมชัดและเฉียบแหลม... ถ้าให้พูดตามตรง เธอดูสวยกว่าไป๋เซียวเซียวเลยทีเดียวหญิงสาวมองตรงไปที่ลู่เจ๋อเฉียวซุนเดาว่าคุณนายไป๋เตรียมสิ่งนี้มาเป็นพิเศษสำหรับลู่เจ๋อไม่แปลกใจเลยที่พวกเขากลับมาที่เมือง B อีกครั้งเฉียวซุนไม่ได้สนใจ เธอหลับตาลงและยิ้มบาง ๆ แล้วเดินผ่านพวกเขาไปยังอาคารผู้ป่วยนอก โดยมีคุณป้าของเธอเดินตามหลังอย่างใกล้ชิด...ลู่เจ๋อไม่สนใจครอบครัวของเขา ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อนเขาปิดประตูรถแล้วกำลังจะเดินออกไปไป๋เสวี่ยพูดเบา ๆ : "คุณชายลู่คะ นั่นคุณนายลู่หรือเปล่าคะ?”ไป๋เสวี่ยได้เห็นรูปถ่ายของเฉียวซุน เธอดูสวยงามและมีเกียรติมาก เธอตกใจมากเมื่อเห็นตัวจริงของเธอ จะพูดอย่างไรดี ในอดีตเธอคิดว่าคุณนายลู่อายุเท่าคุณชายลู่ แต่ตอนนี้เท่าที่เห็นเธอดูเป็นหญิงสาวที่ยังดูสง่า และย
ลู่เจ๋อกำลังสูบบุหรี่ เขาคิดถึงเฉียวซุนและคิดถึงอาการป่วยของเธอคุณหมอบอกว่าควรทำให้เธอมีความสุข ทำให้เธออารมณ์ดีแต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำให้เธอมีความสุขได้อย่างไร... ดูเหมือนว่าเขาจะทำอะไรก็ผิดไปหมดจู่ๆก็มีเงาเรียวยาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา นั่นก็คือไป๋เสวี่ย!เธอไม่กล้ารบกวนลู่เจ๋อเธอทำได้แค่ยืนมองแผ่นหลังของเขาจากระยะไกล เธอรู้สึกว่าคุณชายลู่ดูเหงามาก... เขามีครอบครัวที่มีความสุขไม่ใช่เหรอ เขามีภรรยาและลูกสาว เขาควรจะมีความสุขแต่ทำไมเขาดูไม่มีความสุข?ลู่เจ๋อสูบบุหรี่เพียงสองมวนและกำลังจะเดินออกไป แต่เมื่อเขาหันกลับมาเขาก็เห็นไป๋เสวี่ยต่อหน้าผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เช่นเขา ความคิดของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็ยิ่งเห็นชัดเจนเขาสามารถมองออกทันทีว่าไป๋เสวี่ยชอบเขาดวงตาของลู่เจ๋อลึกลงไปเล็กน้อย เขาเดินมาทางด้านนี้ และหัวใจของไป๋เสวี่ยก็เต้นเร็วขึ้น... เธอคิดว่า อย่างน้อยคุณลู่ก็จะคุยกับเธอ ถึงอย่างไรพวกเขาก็รู้จักกันไม่ใช่เหรอ?แต่เธอไม่คาดคิดว่า ลู่เจ๋อจะเดินผ่านเธอไปโดยไม่พูดอะไรสักคำไป๋เสวี่ยรู้สึกสิ้นหวังในใจเธออดไม่ได้ที่จะคิดว่าเขายังคงรักภรรยาของเขามาก!……ลู่เจ๋อเดินล
หลังจากที่เธอรู้สึกตัว เธอก็ดูสับสนริมฝีปากสีแดงของเธอแยกออกเล็กน้อย และหายใจเข้าออกเบา ๆ ราวกับความรู้สึกยังไม่กลับมาทั้งหมด เธอดูเหมือนผู้หญิงที่เป็นสาวเต็มตัว แต่ก็ยังให้ความรู้สึกอันบริสุทธิ์จากนั้นเฉียวซุนก็ซุกหน้าลงบนหมอนเธอไม่ต้องการเผชิญหน้ากับลู่เจ๋อ และเธอก็ไม่ต้องการที่จะคิดถึงความสุขทางกายในตอนนี้ เพราะเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกบาป!ลู่เจ๋อจับไปที่ใบหน้าของเธอแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจูบเธอเขาถามเธอด้วยเสียงต่ำว่าเธอต้องการทำอีกครั้งหรือไม่ลู่เจ๋อกำลังต้องการ ร่างกายของเขากำลังร้อนรุ่ม และเขาต้องการที่จะมีอะไรกับเธออีกครั้ง เฉียวซุนกระซิบว่าไม่ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะไม่ได้ยินมัน คนที่ความความต้องการสูง ขอเพียงต้องการคำปลอบใจจากฝ่ายหญิง จะไปได้ยินคำว่า“ไม่เอา” ได้อย่างไรเขารู้สึกสบายใจ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเธอก็รู้สึกสบายใจเช่นกันความเป็นชายของเขากับความอ่อนโยนของผู้หญิง... ขณะนั้นเองเฉียวซุนก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกาย แต่เป็นอาการความเจ็บปวดทางจิตใจเธอไม่ต้องการลู่เจ๋อ เธอไม่ต้องการให้เขาแตะต้องเธอ!นิ้วเรียวจับโคมไฟข้างเตียง เธอพูดไม
ลู่เจ๋อโยนเอกสารข้อมูลออกไป บ่งบอกว่าเห็นด้วยเลขาฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะนั้นเอง ภาพถ่ายขนาด 7 นิ้วก็ได้หล่นออกมาจากเอกสาร ซึ่งเป็นรูปถ่ายประจำตัวของไป่เสวี่ย...เสื้อเชิ้ตสีขาวบนพื้นหลังสีแดง ผมยาวสีดำมัดเป็นหางม้า และมีออร่าเล็กน้อยในดวงตาของเธอเมื่อมองดูอย่างโง่เขลา เธอดูเหมือนเฉียวซุนในวัย 18 ปีมากเลขาฉินมีสายตาและมือที่รวดเร็ว เธอรีบหยิบมันขึ้นมา ยัดมันเข้าไปในแฟ้มข้อมูลและกำลังจะเอามันออกไปแต่ลู่เจ๋อกลับหยุดเธอ: "เดี๋ยวก่อน!"ลู่เจ๋อรับแฟ้มข้อมูลมา พร้อมกับหยิบรูปถ่ายออกมาดูสักพัก จากนั้นจึงวางมันกลับไปและพูดเบาๆ: "รับมาเถอะ! แต่ไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ แค่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเด็กฝึกงานธรรมดาๆคนหนึ่ง"เลขาฉินขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง: "ประธานลู่คะ ถ้าคุณนายลู่รู้เข้าจะไม่มีความสุขได้ สถานะของผู้หญิงคนนี้พิเศษเกินไป ฉันเกรงว่า..."น้ำเสียงของลู่เจ๋อเข้มขึ้น : "ทำตามที่ผมบอก!"หลังจากที่เขาพูดจบ เลขาฉินก็ยังไม่ได้ขยับไปไหนลู่เจ๋อจึงเงยหน้าขึ้นมอง——เลขาฉินยิ้มเบา ๆ : "ประธานลู่ ฉันคิดมาตลอดว่าคุณรักเฉียวซุน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณหลงรักเฉียวซุนคนที่รักคุณอย่างหลงไห
ลู่เจ๋อเลิกงานเร็วมากและออกจากบริษัทตั้งแต่สี่โมงเย็น เขาไปซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้กับเจ้าหนูลู่เหยียน และแน่นอน เขายังเตรียมของขวัญให้กับเฉียวซุนอีกด้วยช่วงนี้อากาศหนาวมาก ลู่เจ๋อจึงเลือกซื้อผ้าพันคอแคชเมียร์ LV สีชมพูอ่อนให้เฉียวซุนหลังจากซื้อของขวัญและขึ้นรถแล้ว รถ RV สีดำก็ค่อย ๆ ขับออกจากลานจอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้า หิมะด้านนอกเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มเกาะตัวเป็นชั้นอยู่บนถนนแล้วมีไฟแดงที่สี่แยกข้างหน้าคนขับหยุดรถ ยื่นมือออกไปเช็ดกระจกมองหลังแล้วพูดว่า: "คืนนี้ถ้าหิมะตก เกรงว่าถนนอาจจะถูกปิดกั้น! ประธานลู่ พรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้าตรู่..."ลู่เจ๋อนั่งพิงเบาะหลัง พลางดูของเล่นที่เขาซื้อให้เจ้าหนูลู่เหยียน และพูดเบา ๆ : "พรุ่งนี้เป็นวันคริสต์มาส ฉันจะอยู่กับลูก"คนขับเห็นด้วย: "หลังจากมีลูก ประธานลู่ก็กลายเป็นคนติดบ้านไปแล้ว!"ลู่เจ๋อยิ้มเบา ๆขณะที่รถกำลังจะสตาร์ท ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างรถ พร้อมกับจับประตูเบา ๆ ด้วยสีหน้าระมัดระวังแต่แฝงไปด้วยความเขินอายเธอคือไป๋เสวี่ยลู่เจ๋อมองดูอย่างเงียบ ๆ สองสามวินาทีก่อนที่จะลดหน้าต่างลงไป๋เสวี่ยกัดริมฝีปาก เธอ
ลู่เจ๋อกลับมาถึงคฤหาสน์ในเวลาเกือบ 1 ทุ่มและเฉียวซุนก็ได้ทานข้าวไปแล้วช่วงนี้จิตใจของเธอเริ่มดีขึ้นบ้างแล้วแต่ลู่เจ๋อยังไม่ได้เลิกจ้างบอดี้การ์ดรอบคฤหาสน์ ในวันที่หิมะตก คนเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และกระจายไปทั่วคฤหาสน์พอรถหยุดลง และเมื่อลู่เจ๋อลงจากรถ เขาตั้งใจไม่หยิบของขวัญออกมาเขาต้องการเซอร์ไพรส์เฉียวซุนลู่เจ๋อเดินผ่านห้องด้านหน้า พลางถอดเสื้อคลุมสีดำออกแล้วยื่นให้คนรับใช้ที่บ้าน เขามองเข้าไปในห้องโถงแล้วถามอย่างเป็นกันเอง : "คุณนายกินข้าวหรือยัง?”คนรับใช้หยิบเสื้อคลุมแล้วยิ้มกว้าง : “คุณนายทานข้าวแล้วค่ะ! เธอเห็นหิมะตกในตอนบ่าย ตอนเย็นเธอยังอุ้มเด็กสาวลงมาชั้นล่าง แล้วมองดูหิมะผ่านหน้าต่าง หนูน้อยตัวเล็กขนาดนั้น มองดูหิมะโดยไม่กลัวสักนิด และยังหัวเราะคิกคักอยู่เลย ดูเหมือนเธอจะชอบหิมะมาก!"ใบหน้าของลู่เจ๋อเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขารีบเปลี่ยนรองเท้าแล้วขึ้นไปชั้นบนห้องนอนใหญ่บนชั้นสองไฟเป็นสีเหลืองให้ความอบอุ่น ระบบทำความร้อนเปิดเต็มที่ และห้องก็อบอุ่นราวกับอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเฉียวซุนสวมกระโปรงขนสัตว์สีชมพูอ่อนและโน้มตัวไปบนเปลเพื่อหยอกล้อกับเจ้าหนูลู
ลู่เจ๋อวางเจ้าหนูลู่เหยียนไว้บนเปลเขากอดเฉียวซุนจากด้านหลัง จากนั้นวางริมฝีปากบางๆของเขาไว้ที่ใบหูของเธอ และถามด้วยเสียงแผ่วเบา : "ทำไมคุณไม่ลองดูของขวัญของคุณก่อนล่ะ? จะได้รู้ว่าชอบหรือเปล่า?"เฉียวซุนไม่ชอบการสัมผัสของเขาเธอค่อย ๆ แกะของขวัญออก ก่อนจะเห็นผ้าพันคอสีชมพูอ่อนลู่เจ๋อกอดเธอแล้วพูดเบา ๆ : "มันเหมาะกับคุณมาก!"จากครั้งที่แล้ว เขาไม่ได้สัมผัสเธอมาหลายวัน ช่วงนี้เธอค่อนข้างมีสภาพร่างกายที่ดี เขาจึงอยากใกล้ชิดเธอให้มากกว่านี้...อีกอย่าง คืนนี้คือคืนคริสมาสต์อีฟ ดังนั้นเขาจึงอยากจะแสดงความโรแมนติกและอ่อนโยนเขากอดเธอจากด้านหลังลมหายใจอันเร่าร้อนถูกพ่นไปที่ใบหูของเธอ และเสียงของเขาก็แหบแห้งมากขึ้น : "เฉียวซุน มาลองกันเถอะนะ หากคุณรู้สึกไม่สบายใจ ผมจะหยุดทันที"หลังจากพูดจบเขาก็อุ้มเธอไปที่โซฟาเขาใช้มือข้างหนึ่งจับพนักโซฟาแล้วใช้มืออีกข้างพลิกใบหน้าเธอเพื่อมารับจูบจากเขา เขาพึมพำกับเธออย่างอ่อนโยนว่า เขาจะทำให้เธอรู้สึกดี และเขาไม่รังเกียจที่จะทำให้เธอรู้สึกดีก่อน...ผมสีดำของเฉียวซุนสยายลงมาและแผ่ไปทั่วทั้งแผ่นหลังช่างดูน่าเย้ายวนเป็นอย่างมากเธอมองดูเขา มองดูท่า
พวกเขาเลิกกันอย่างไม่มีความสุขหลังจากนั้น พวกเขาเฉยชาต่อกันมากขึ้น และดูเหมือนว่ามีเพียงลู่เจ๋อเท่านั้นที่หลงใหลในการรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะสามีภรรยาเขาจะไม่ปล่อยเฉียวซุนไปอย่างแน่นอนแต่เขาแทบไม่รู้เลยว่าการปรากฏตัวของไป๋เสวี่ย ทำให้ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดของเฉียวซุนที่ดีขึ้นแล้ว เริ่มแย่ลง เธอเริ่มทานยาต้านซึมเศร้า หยุดให้นมลูก...เริ่มให้เจ้าหนูลู่เหยียนดื่มนมผงแทน ลู่เจ๋อไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้การชดเชยที่ฝ่ายชายเคยกล่าวไว้นั้นเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ที่แสนเย็นชาระหว่างสามีภรรยาบางทีเขาอาจจะยังใส่ใจเฉียวซุนอยู่ แต่เขาชอบความอ่อนโยน ความน่ารัก และการชื่นชมของหญิงสาวมากกว่า นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ชายอยากอยู่ข้างนอกและไม่อยากกลับบ้าน...เฉียวซุนป่วยหนักในช่วงปลายปีเธอนอนไม่หลับในทุกคืน และเริ่มทานยานอนหลับ... ตอนแรกเธอทานยาแค่วันละหนึ่งเม็ด ทว่าหลังจากทานมาเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าเธอต้อนทานเพิ่มเป็นสามเม็ด ถึงจะนอนหลับได้ แต่ถึงแม้เธอจะทานยาไปแล้ว ถ้าเจ้าหนูลู่เหยียนร้องไห้ เธอก็จะตื่นขึ้นมาทันที เพื่อมากล่อมเจ้าหนูน้อย ร้องเพลงกล่อมอย่างอ่อนโยน ลู่เจ๋อก็ยั