Share

บทที่ 8

Author: ชาผลไม้
ทุกคนถึงกับตกตะลึง แต่เมื่อหันกลับมาก็เจอกับหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีเหลืองคนหนึ่ง ข้างกันเป็นชายชราผมขาวที่รีบเข้ามา ก่อนจะตามมาด้วยเด็กหนุ่มที่ห้ามพวกเขาไม่ให้เข้ามาในบริเวณไม่ทันการณ์เสียแล้ว ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ และเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

“ท่านมหาเสนาบดี ท่านมหาเสนาบดี ข้าหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ได้...”

เด็กหนุ่มที่เฝ้าประตูคุกเข่าลงกับพื้น ด้วยรู้ว่ามหาเสนาบดีฉู่เป็นคนที่เคร่งในกฎระเบียบมาก หากมาตะโกนในจวนมหาเสนาบดีแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริง ๆ

มหาเสนาบดีฉู่ที่กังวลเรื่องขาของลูกชายได้แต่ขมวดคิ้ว ไม่ได้อยากจะต่อว่าคนรับใช้เหล่านั้น จึงโบกมือปล่อยให้เด็กหนุ่มจากไป

หญิงสาวที่เข้ามานั้นเป็นลูกสาวของน้องชายมหาเสนาบดีฉู่ ชื่อว่าฉู่หว่านเอ๋อ แม่ของหญิงสาวเสียชีวิตไปตั้งแต่ที่นางยังเล็ก ส่วนน้องชายก็แต่งงานสืบสกุลต่อ ทำให้นางต้องมาใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของยาย

เมื่อโตขึ้น ยายของนางก็แก่ตัวลงมาก จึงส่งตัวนางมาอยู่กับลูกชายเสนาบดีในเมืองกัวเฉิง โดยหวังว่าฉู่หว่านเอ๋อจะหาสามีที่ดีได้ และอยู่ในฐานะบุตรสาวตระกูลผู้สูงศักดิ์

ฉู่เนี่ยนซีมองผู้หญิงตรงหน้า แล้วก็สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แต่งหน้า มีเพียงกิ๊บหยกติดอยู่บนผม ทว่าลักษณะท่าทางของนางกลับดูสวยสง่ามากเป็นพิเศษ

ในความทรงจำของชีวิตก่อนหน้านี้ เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ที่ชื่อฉู่หว่านเอ๋อมีใบหน้าที่ร่าเริงสดใส แถมยังสุภาพและจริงใจอยู่เสมอ

แต่ในเวลานั้น ร่างเดิมที่เธอใช้อยู่กลับสนใจแต่เย่เฟยหลี แล้วยังเหินห่างจากพี่น้องในจวนมหาเสนาบดีอีก จึงไม่ต้องพูดถึงลูกพี่ลูกน้องคนนี้เลย

ไม่แปลกที่จะไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับฉู่หว่านเอ๋อคนนี้มากนัก รู้ก็แค่ว่าทุกคนในจวนนี้เคารพและยกย่องนางมาก

มหาเสนาบดีฉู่เหลือบมองนางอย่างขุ่นเคือง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

ฉู่เนี่ยนซีเลิกคิ้วเล็กน้อย แม้จะได้ยินมาว่าหว่านเอ๋อเป็นคนที่ดี แต่ดูเหมือนพ่อของนางจะไม่ค่อยชอบนางมากนัก

ฉู่หว่านเอ๋อคุกเข่าลงบนพื้น ทุกการเคลื่อนไหวของนางแสดงให้เห็นถึงความสง่างาม

“ข้าโชคดีที่ได้พบกับท่านหมอชื่อดังท่านนี้ หมอท่านนี้จะมาช่วยรักษาขาให้กับท่านพี่เจี้ยนอี้ แต่ตอนที่อยู่ตรงหน้าประตู ได้ยินว่าท่านพี่เนี่ยนซีจะเป็นคนรักษาเขาเอง แต่ท่านหมอบอกว่าการฝังเข็มที่จะช่วยท่านพี่นั้นเป็นการรักษาที่ไม่เหมาะสม นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่พวกข้ารีบเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้โปรดให้อภัยแก่ข้าด้วย ข้าทำไปเป็นเพียงเพราะความเป็นห่วงและกังวลก็เท่านั้น”

ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

ทว่ามหาเสนาบดีฉู่กลับขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก

พี่สะใภ้จากเดิมที่มีความไม่พอใจอยู่แล้ว อยู่ ๆ ในแววตาของนางก็ถูกเข้ามาเติมเต็มด้วยความสดใส เมื่อได้ยินว่ามีหมอชื่อดังมาที่นี่

“น้องหว่านเอ๋อ หมอมหัศจรรย์เฮ่อหลานท่านนี้ใช่คนที่ชาวบ้านเล่าขานกันมานานใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว ข้ามีโอกาสได้พบกับท่านหมอ แล้วก็เพราะโอกาสในครั้งนี้ที่ทำให้ท่านหมอยอมมาดูอาการให้กับท่านพี่” ใบหน้าของฉู่หว่านเอ๋อไม่ได้มีท่าทีที่เย่อหยิ่งหรือร้อนใจ

เมื่อมหาเสนาบดีฉู่และภรรยาได้ยินอย่างนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน

หลายที่ผ่านมานี้หมอมหัศจรรย์คนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เขาสามารถรักษาได้ทุกโรคทุกอาการ ไม่ว่าจะซับซ้อนมาแค่ไหน

แต่เขาก็มีนิสัยที่แปลกประหลาด เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าเขามาจากที่ไหน การที่จะให้เขามารักษานั้นยิ่งเป็นโอกาสที่ยากจะเข้าถึง แม้แต่องค์จักรพรรดิเองก็ยังต้องให้ความเคารพ

แล้วยิ่งตระกูลเฮ่อหลานนั้นหาพบได้ยากในเมืองนี้ จึงยิ่งเป็นที่น่าจดจำสำหรับผู้คน

คิดไม่ถึงว่าหว่านเอ๋อจะไปเจอกับเขา หากเป็นเช่นนั้นอาการขาของอี้เอ๋อร์ก็จะดีขึ้นด้วยใช่ไหม?

ฉู่เนี่ยนซีมองการแสดงออกของทุกคนพลางเลิกคิ้ว

ดูท่าว่าหมอผู้นี้จะมีความสามารถ

ฉู่หว่านเอ๋อสามารถพาบุคคลผู้นี้เข้ามาหาทุกคนในวันนี้ได้ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้คงมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่มากกว่าความธรรมดาที่ทุกคนได้มองเห็น

ในเวลานี้ ชายชราเคราขาวได้เดินเข้าไปมองที่จุดดำขนาดใหญ่บนขาของฉู่เจี้ยนอี้ โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้าง ก่อนจะมองไปยังเข็มเงินในมือของฉู่เนี่ยนซีแล้วส่ายหน้าทันที พลางเอ่ยเสียงสั่น

“ไม่ได้เด็ดขาด! พิษที่ขาของเขาถูกสะสมมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้น่าจะซึมลึกขึ้นไปถึงเอว หากทิ่มเข็มเพื่อเปิดการไหลเวียนสารพิษจะกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย เขาจะหายใจไม่ออกแล้วตายลงในที่สุด”

เมื่อพี่สะใภ้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของนางก็ซีดเผือด แม้แต่มหาเสนาบดีฉู่และภรรยาเองก็รู้สึกตัวเกร็งขึ้นมา

ฉู่เนี่ยนซีมองไปที่หมอมัศจรรย์ผู้นี้ด้วยแววตาชื่นชม

แค่ดูก็รู้เลยว่าโดนยาพิษมาเยอะขนาดไหน และแน่นอนว่ามีคนไม่มากนักจะรู้ว่าพิษลุกลามไปถึงเอวแล้ว

อดไม่ได้ที่นางจะสงสัยทักษะทางการแพทย์ของเขาว่าจะล้ำหน้าไปมากแค่ไหน

“ถ้าหากว่ารักษาอย่างไม่เหมาะสม มันก็จะเกิดผลลัพธ์อย่างที่ท่านบอกอย่างแน่นอน”

น้ำเสียงของฉู่เนี่ยนซีเฉยเมย ในขณะที่จะพูดต่อ ฉู่หว่านเอ๋อก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน “ท่านกล้าเอาชีวิตของท่านพี่เข้ามาล้อเล่นได้อย่างไรกัน?!”

ฉู่เนี่ยนซีขมวดคิ้วแล้วมองฉู่หว่านเอ๋อด้วยท่าทางเย็นชา

ทันใดนั้นใบหน้าของจ้าวม่อเหยียนก็เต็มไปด้วยความโกรธ พลางกำมือแน่น

อย่างไรก็ตาม รอบกายทุกคนกำลังมองท่าทางของนางอยู่ นางจึงต้องกดทับความคับแค้นใจเอาไว้ภายใน ทว่าน้ำเสียงที่เอ่ยออกมากลับฟังดูเยือกเย็น “พระชายาหลีท่านกลับไปก่อนเถิด เรื่องอาการป่วยของสามีข้า ข้ามิอาจนำไปสร้างความกังวลใจต่อท่านได้อีก”

“ว่ายังไงนะ? ทั้งที่เขาเป็นญาติที่สนิทที่สุด และเป็นพี่ชายที่ข้ารักมากที่สุด ความร้อนใจที่อยากจะให้เขากลับมายืนได้ของข้าก็คงจะรีบร้อนไม่น้อยไปกว่าท่าน”

ในขณะที่พูดอย่างนั้น นางก็หันหน้าไปมองฉู่หว่านเอ๋อแล้วคลี่ยิ้มเล็กน้อย “อีกอย่าง ท่านแม่ให้กำเนิดข้ามาเพียงคนเดียว ข้าไม่มีน้องสาว ที่จวนมหาเสนาบดีมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดมาก มองข้ามไม่ได้แม้แต่คำ ๆ เดียว ดังนั้นต้องเรียกพี่ใหญ่ข้าว่าญาติผู้พี่ แล้วเรียกข้าว่าพระชายาหลี”

“มากไปกว่านั้น ที่ข้าบอกว่าการรักษาที่ไม่เหมาะสมจะนำไปสู่ผลร้ายที่ตามมา แต่ในมือของข้าไม่ได้มีการรักษาที่ไม่เหมาะสมอะไร ตอนที่เจ้าเข้ามาข้ามิทันได้พูดอธิบายใด ๆ แต่กลับเข้ามาตัดสินข้าแล้ว หรือเจ้าจงใจที่จะเข้ามาสร้างความร้าวฉานให้คนในครอบครัวข้ากันแน่?”

ยิ่งฉู่เนี่ยนซีพูดมากเท่าไหร่ น้ำเสียงของนางก็ยิ่งลุ่มลึกมากขึ้น เป็นบรรยากาศการกดดันที่ทำให้ผู้คนรอบข้างแทบหายใจไม่ออก

ภายใต้การจ้องมองของนาง ฉู่หว่านเอ๋อเองก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย

นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ามหาเสนาบดีฉู่และภรรยาด้วยน้ำตา “ท่านลุง ท่านป้า ข้าก็แค่เป็นห่วงท่านพี่..ญาติผู้พี่ของข้า ข้าไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่นเลย”

“ข้าเองก็เป็นหนี้บุญคุณคุณหนูฉู่ ก็เลยตอบตกลงที่จะมาดูอาการและรักษาลูกชายของท่าน ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้ามาสร้างเรื่องให้กับท่านมหาเสนาบดีและฮูหยินเลย หาสถานที่ที่สะอาดให้กับข้าเพื่อทำการรักษาเถิด”

หมอมหัศจรรย์เฮ่อหลานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะ… เขาก็คงไม่ต้องมาพบเจอกับการทะเลาะกันของคนในครอบครัวนี้

“ไปหาสถานที่ที่สะอาด ๆ ให้ท่านผู้นี้ได้พักผ่อน” ฉู่เนี่ยนซีออกคำสั่ง แล้วเดินเข้าไปหาฉู่เจี้ยนอี้เพื่อจะทำการฝังเข็ม

หมอเฮ่อหลานเองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแสดงความโกรธออกมาทางสีหน้า “หมายความว่าอย่างไรพระชายาหลี? ข้ามาเพื่อช่วยรักษาพี่ชายของท่าน แต่ท่านไม่อยากให้ข้าลงมือรักษาใช่หรือไม่?”

“เช่นนั้นขอถามท่าน ว่าท่านสามารถรักษาท่านพี่ของข้าให้หายขาด ได้โดยไม่มีผลกระทบอื่นตามมาได้หรือไม่?”

“ไม่มีโรคใดที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด นับประสาอะไรกับขาที่โดนยาพิษอยู่นานหลายปีอย่างขาของพี่ชายท่าน ข้ารับรองได้เพียงว่าจะสามารถกำจัดพิษออกไปจากร่างกายให้ได้เท่านั้น เขาจะยังคงเดินได้ด้วยไม้เท้า”

“แต่ข้ารับประกันว่าขาของพี่ชายข้าจะหายขาดโดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เขาจะสามารถเดินได้ราวกับคนปกติ ดังนั้นเรื่องนี้ข้าคงไม่ต้องพึ่งพาท่านแล้ว”

“เป็นไปไม่ได้!” หมอเฮ่อหลานจ้องมองด้วยความโกรธ “หากแม้แต่อาจารย์ของข้าอยู่ที่นี่ ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถทำตามอย่างที่ท่านพูดได้ ข้าไม่เคยเห็นใครอวดเก่งอย่างท่านมาก่อนเลย ข้าจะบอกอะไรให้ หากลงเข็มโดยที่ไม่ระวัง ท่านจะทำร้ายเขา ท่านมหาเสนาบดี หากท่านยังปล่อยให้นางลงมือต่อ ต่อไปถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าก็จะไม่ยุ่งอีก”

หมอเฮ่อหลานมองฉู่เนี่ยนซีราวกับผู้หญิงที่ชั่วร้ายและโง่เขลา

หว่านเอ๋อเองก็ยังคงคุกเข่าลงบนพื้น เมื่อเห็นว่ามหาเสนาบดีฉู่เพิกเฉยต่อนาง นางจึงหันกลับมาแล้วคำนับไปที่ฮูหยินฉู่

“ท่านป้า หมอท่านนี้มีทักษะในการรักษาเป็นอย่างมาก ข้าพาเขามาด้วยความยากลำบาก แต่ท่านจะยอมให้พระชายาหลีลงมือด้วยความประมาท และทำร้ายญาติผู้พี่ของข้าไม่ได้”

โดยปกติฮูหยินฉู่จะชื่นชอบหว่านเอ๋อ จึงมักจะเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดอยู่แล้ว

แต่ลูกสาวของนางก็มีความคิดที่แตกต่าง และยากที่จะลำเอียงได้ในเวลานี้

คำพูดของหมอคนนั้นช่างเด็ดเดี่ยว อดไม่ได้ที่จะทำให้หัวใจเต้นแรงตามไปด้วย

ฉู่เนี่ยนซีหันลงมามองหว่านเอ๋อบนพื้นด้วยสัหน้าที่นิ่งเรียบ “เจ้าบอกว่าเชิญเขามานั้นไม่ง่าย งั้นก็บอกมาสิว่ายากเย็นสักแค่ไหน?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 550

    เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เนี่ยนซีจึงฟาดไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที พลางมองดูสีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่าย “เช่นนั้นท่านก็ถอดเสื้อออก ข้าจะดูแผลให้”เดิมทีไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นเย่เฟยหลีถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นตรงหน้า ฉู่เนี่ยนซีก็หันหน้าหนีด้วยความเขินอาย แม้ว่าเขาจะทำอย่างองอาจ แต่ก็ยังทำให้นางอายจนต้องเบือนหน้าหนี“เสร็จแล้ว”ฉู่เนี่ยนซีหันกลับมาจับแผ่นหลังกว้างของเย่เฟยหลีไว้ แต่นางก็ไม่เขินอายอีกต่อไป เพราะร่องรอยบาดแผลจากการสู้รบในอดีตทำให้ใจของนางสั่นสะท้านนางค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลออกทีละชั้น เมื่อแกะชั้นสุดท้าย เย่เฟยหลีก็ทนต่อความเจ็บปวดจนตัวสั่นฉู่เนี่ยนซีรีบโรยผงยาลงบนผ้าผ้าพันแผลทันที ซึ่งไม่เพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดของเย่เฟยหลีเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ปลดผ้าพันแผลออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วยผงยานำความเย็นแพร่ไปตามบาดแผลทั่วทั้งแผ่นหลัง เย่เฟยหลีจึงคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ช้าๆฉู่เนี่ยนซีมองไปยังบาดแผลไฟไหม้ที่สภาพดูไม่ได้“นอนลงบนเตียง ข้าจะทายาให้ท่านใหม่”“ได้”เย่เฟยหลีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาคว่ำตัวเหยียดยาวอยู่บนเตียงฉู่เนี่ยนซีโรยผงยาอีกขวดบนแผลให้เสมอกัน ผงยานี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 549

    ซุนจื่อซีที่อยู่ข้าง ๆ ไทเฮา ครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ท่านป้า เนื่องด้วยจื่อซีและพระชายาหลีอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้วจึงได้รู้ว่าหากตระกูลไม่มีการอบรมสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเขาก็จะไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรีให้เติบโตมาอย่างดีเช่นนี้ได้ ฉู่กุ้ยเฟยต้องถูกใส่ร้ายแน่นอนเพคะ ได้โปรดทรงอย่าปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องรับผิดอย่างไม่เป็นธรรมเลยนะเพคะ”องค์จักรพรรดิคิดว่าเขาไม่สามารถลงโทษสนมไป๋ได้เพียงเพราะการคาดเดาของหยางเหอ แต่สนมไป๋ ล่วงเกินฉู่กุ้ยเฟยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่แน่ชัด จึงมีรับสั่งให้สนมไป๋ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปีและถูกกักบริเวณในตำหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน และไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกโดยพลการองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เย่เหลียนและเย่เฟยหลีสืบเรื่องนี้ด้วยกัน หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายพ้นผ่าน งานเลี้ยงในพระราชวังก็สูญเสียบรรยากาศที่สนุกสนานไป องค์จักรพรรดิทรงกังวลว่าไทเฮาจะทรงหวาดกลัว จึงประคองไทเฮาเสด็จกลับไปยังพระตำหนักอันชิ่งเพื่อพักผ่อนทุกคนที่หมดสนุกแล้วจึงหยุดทุกอย่างและรีบพากันกลับจวนช่องว่างเล็ก ๆ ของหน้าต่างหน้าต่างสีแดงลายมังกรถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ อย่างไม่มีใครสังเกตเผย

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 548

    ฉู่เนี่ยนซีมาอยู่ข้างกายฉู่กุ้ยเฟยร่วมกับหยางเหอ หลังจากจับชีพจรและตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็สั่งให้คนรับใช้นำเบาะขนห่านมาวางไว้ด้านหลังฉู่กุ้ยเฟยหยางเหอดูเหมือนจะมีอะไรจะพูด แต่นางก็ไม่กล้าพูด ทว่าเมื่อเห็นฉู่กุ้ยเฟยเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของนางก็เต้นรัวและสุดท้ายนางก็ลุกขึ้นยืนทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่หยางเหอ นางหายใจเข้าลึก ๆ พลางมองตรงไปที่องค์จักรพรรดิ“โปรดทรงอภัยในความอวดดีของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่สามารถทนเห็นกุ้ยเฟยถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เช่นนี้ได้ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกบั่นหัว แต่หม่อมฉันก็ต้องพูดอะไรบางอย่างเพคะ”“เกิดอะไรขึ้น?”องค์จักรพรรดิทรงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและหรี่ตามองไปยังหยางเหอที่กำลังคุกเข่าด้วยใบหน้าแห่งความยุติธรรม“สนมไป๋ที่เข้ามาใหม่ไม่มีความเคารพต่อกุ้ยเฟยเลย เมื่อใดก็ตามที่ได้พบกับกุ้ยเฟย นางมักจะใช้คำพูดที่แฝงเป็นนัยเสียดสีอยู่เสมอ ไม่ก็สาปแช่งให้กุ้ยเฟยรักษาพระโอรสไว้ไม่ได้หรือไม่ก็เสียดสีว่ากุ้ยเฟยไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูง กุ้ยเฟยไม่ต้องการโต้เถียงกับสนมไป๋จึงลืมมันไปทุกครั้งเพคะ”“สาวใช้ต่ำช้า กล้าพูดจาว่าร้ายข้าอย่างนั้นห

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 547

    เย่เฟยหลีอาศัยโอกาสนี้จับมือนาง รู้สึกดีกับการตรวจดูอย่างละเอียดของอีกฝ่ายพลางพูดเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นไร แค่เป็นแผลนิดหน่อย หมอหลวงจ่ายยาให้ข้าเรียบร้อยแล้ว”“เจ้ามาดูสิ นี่มันคืออะไร?”เย่เฟยหลีพาฉู่เนี่ยนซีไปยังจุดที่เพิ่งเกิดเพลิงไหม้ พื้นถูกไฟไหม้และมีรอยดำเต็มไปหมด เก้าอี้เอียงตะแคงโดยมีขาหักไปฉู่เนี่ยนซีนั่งยอง ๆ พลางใช้นิ้วชี้ขวาสัมผัสพื้น จากนั้นยกมาที่ปลายจมูกสูดดมเบาๆ ก่อนพูดด้วยความตกใจ “มันคือดินปืน แต่ไม่ใช่ดินปืนบริสุทธิ์ มันจึงไม่ทำให้เกิดการระเบิด แค่ติดไฟเร็วเท่านั้น”“ใช่ มีคนโปรยดินปืนประเภทนี้ไว้ตั้งแต่แรก แต่ท้องฟ้ามืดจนมองไม่เห็น คนจึงคิดว่ามันดูเหมือนฝุ่นกรวดทั่วไป”เย่เฟยหลีเหยียดแขนออกไปประคองให้ฉู่เนี่ยนซียืนขึ้นฉู่เนี่ยนซีขึ้นไปที่ลานถงฮวาอีกครั้งและมองไปที่เครื่องมือที่ฉู่กุ้ยเฟยใช้ในการจุดไฟ มันปนเปื้อนด้วยเศษสะเก็ดไฟบางส่วน แม้จะเผาไหม้ได้ แต่มันก็อยู่ได้ไม่นานและเปลวไฟก็ไม่ลุกลามมากเท่ากับดินปืนโดยทั่วไปนางยืนอยู่บนลานพลางมองไปที่เย่เฟยหลี ดวงตาของนางก็ค่อย ๆ ดูน่ากลัวมากขึ้น น้ำเสียงของนางก็เยือกเย็นลงตามลมหนาว“รู้หรือไม่ว่าใครมาที่นี่บ้างก่อ

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 546

    เหล่าขันทีและนางกำนัลที่รีบรุดมาพร้อมกับอ่างน้ำเย็น นำมาราดลงบนเปลวไฟที่อยู่บริเวณรอบ ๆ องค์จักรพรรดิและเย่เฟยหลี ทำให้เกิดเสียงน้ำสาดกระเซ็นเย่เฟยหลีไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลัง เขาจึงประคององค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืนไทเฮาถูกนางกำนัลอาวุโสซิวเหลียงประคองมา ทว่าพระนางยังไม่หายตกใจ องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นคิ้วคมเข้มของเย่เฟยหลีที่ขมวดเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวด จึงทอดพระเนตรมองไปยังแผ่นหลังของเขา พบว่าอาภรณ์สีดำของเขาถูกไฟไหม้เป็นวงกว้าง และร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปลวเพลิงเผาจนเป็นสีแดงเข้ม เลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นไปอีก“ฝ่าบาท” ฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ รีบคุกเข่าคำนับด้วยความตื่นตระหนกเย่เหลียนตะโกนทันที “ฉู่กุ้ยเฟย นี่ท่านคิดลอบปลงพระชนม์หรือ? ท่านจงใจล่อลวงทุกคนมาที่นี่เพื่อวางแผนลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อหรือ เอาคนมา จับฉู่กุ้ยเฟยไว้!”“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ได้ทำ! หม่อมฉันไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด! ขอฝ่าบาทโปรดทรงพิจารณาด้วยเพคะ!”เมื่อเห็นเหล่าราชองครักษ์ในชุดเกราะเข้ามาใกล้ ฉู่กุ้ยเฟยก็ตะโกนทูลต่อองค์จักรพรรดิด้วยความตื่นกลัว“โอหัง!

  • องค์ชายหลีกับชายาลี้รัก   บทที่ 545

    ทุกคนเดินไปที่ลานถงฮวาและเห็นว่ามีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังมีน้ำชากับผลไม้ที่จัดอย่างประณีตวางไว้ด้วยบนเวทีมีเสาไม้ห้าต้นสูงประมาณหกศอก ติดตั้งล้อมรอบมุมทั้งสี่และด้านบนตรงกลาง เสาไม้ทั้งหมดนั้นถูกพันด้วยเชือกหากมองลงมาจากหลังคาตำหนักที่อยู่ใกล้ ๆ จะรู้สึกว่าเชือกนั้นเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเสาไม้ไว้แม้องค์จักรพรรดิจะทรงสับสน แต่พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถามอะไรมากนัก เพียงแค่ทรงยิ้มมุมปากแล้วตรัสกับไทเฮา “ดูเหมือนว่าฉู่กุ้ยเฟยจะมีอะไรใหม่ ๆ มานำเสนอ เสด็จแม่ทรงนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขันทีและนางกำนัลมาช่วยบรรดาผู้เป็นนายหาที่นั่งเพื่อไม่ให้ทุกคนพากันสับสนวุ่นวายนางกำนัลผู้น้อยจัดให้เย่เฟยหลีและฉู่เนี่ยนซีนั่งด้วยกันที่ฝั่งหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งลง ก็เห็นหลานชุ่ยที่อยู่ข้าง ๆ เย่หลิงเอ๋อร์เดินมาเชิญฉู่เนี่ยนซีไปพูดคุยหลานชุ่ยมาเชิญนางด้วยตนเอง คงจะไม่มีเรื่องหลอกลวง ฉู่เนี่ยนซีเหลือบมองเย่เฟยหลีอย่างสบายใจ หลังจากทำความเคารพองค์จักรพรรดิและไทเฮา นางก็ตามหลานชุ่ยไปทันใดนั้น ลานถงฮวาก็สว่างขึ้นมาก ทุกคนเงยหน้าเห็นเด็กผู้หญิงอายุราวเจ็ดแปดขวบห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status